ตอนที่แล้วWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 29
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 31

WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 30


เซียวอวี๋ตื่นเต้นกับประสิทธิภาพของรถจู่โจมอย่างยิ่ง สิ่งนี้จะช่วยยกระดับกองทัพของเขาขึ้นอีกมาก ในฐานะผู้ที่มาจากยุคปัจจุบันแล้ว เซียวอวี๋ตระหนักดีถึงความสำคัญของอาวุธหนัก

"อืม...ตอนนี้เรามีเงินพอสร้างได้เพียง 2 คัน ต้องหาเงินให้ได้มากกว่านี้"

เซียวอวี๋ยังคงคิดหาหนทางรวบรวมเหรียญทองต่อไป รถจู่โจมคันหนึ่งนั้นมีมูลค่าสูงถึง 10,000 เหรียญ ยามเมื่อเขาเข้าเมืองไปเขาก็พบเห็นพ่อบ้านหงส์กำลังสั่งการบ่าวรับใช้คัดแยกกองสมบัติที่เซียวอวี๋ได้รับมาอยู่

พ่อบ้านหงส์ไม่ได้เห็นทรัพย์สมบัติมากมายถึงเพียงนี้มานานมากแล้ว นี่ทำให้เขามีใบหน้าที่ดูสดใสอย่างยิ่ง แม้จะยังไม่ได้นับรวมเหรียญทอง แต่เฉพาะสิ่งของมีค่าพวกนี้ก็มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 100,000 เหรียญเข้าไปแล้ว

ซึ่งตัวเลขนี้จะทำให้เมืองไลอ้อนมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น หลายคนที่หลบหนีออกจากเมืองก็เนื่องมาจากความไม่สงบสุขของการเกณฑ์ทหารและภัยสงคราม

"นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว" พ่อบ้านหงส์กล่าวทักทายเซียวอวี๋ด้วยความเบิกบาน การแสดงออกที่ราวกับปลาตายก่อนหน้านี้ล้วนมลายหายไปสิ้น

เซียวอวี๋ยิ้มรับ "ลุงหงส์ ลุงฮุ่ยอยู่ที่ใดกัน?"

พ่อบ้านหงส์ชี้ไปยังลานฝึกซ้อม "หัวหน้าทหารฮุ่ยกำลังฝึกซ้อมไพร่พลอยู่ขอรับ เป็นเพราะชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้น หัวหน้าทหารฮุ่ยจึงสามารถรับสมัครทหารใหม่ได้มากมาย เขาจึงทำการฝึกเหล่าทหารใหม่ด้วยตนเอง"

เซียวอวี๋ผงกศีรษะ "เรื่องการจัดการคงต้องฝากท่านลุงหงส์แล้ว หากมีสิ่งใดติดขัดให้บอกเหล่าพี่สะใภ้"

พ่อบ้านหงส์ค้อมศีรษะลง "ขอรับ"

เซียวอวี๋กลับหลังและเดินตรงไปยังลานฝึกซ้อม เขามองเห็นหัวหน้าทหารฮุ่ยกำลังบัญชาการทหารกว่า 500 นายฝึกซ้อมการจัดรูปแบบจู่โจมและป้องกัน

ในตอนนี้ผู้คนภายในเมืองไลอ้อนนั้นมีความเชื่อมั่นต่อเซียวอวี๋อย่างยิ่ง การป้องกันเมืองที่ผ่านมาได้จุดไฟแห่งความหวังของพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง และนั่นเป็นผลให้มีผู้สมัครเข้าร่วมกับกองทัพมากขึ้น

เพียงแต่สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ดีนัก จากไฟสงครามตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนั้นเซียวอวี๋จึงตัดสินใจละเว้นการเก็บภาษีเป็นเวลาสามปี และนั่นทำให้หัวหน้าทหารฮุ่ยและพ่อบ้านหงส์ยินดีอย่างมาก แต่ดินแดนจะได้รับการสนับสนุนด้านกองทัพและการปกครองได้อย่างไรหากว่ามันไม่มีรายได้?

เพียงไม่นานเซียวอวี๋ก็กวาดล้างค่ายโจรและนำทรัพย์สินกลับมา แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายอะไร หากแต่มันก็ยังเพียงพอที่จะบรรเทาวิกฤติการเงินที่ดินแดนกำลังเผชิญอยู่ได้

เซียวอวี๋ตัดสินใจที่จะใช้กลยุทธ์ง่ายๆนั่นคือ การออกปล้นพวกโจร! จะอย่างไรทรัพย์สินที่พวกมันปล้นมาก็เป็นของดินแดนภายใต้การปกครองของเขา เขาจะเป็นฝ่ายผิดได้อย่างไรหากว่าสิ่งของพวกนั้นมันเป็นของเขาตั้งแต่แรก?

นอกจากนั้นกองทัพออร์ค เอลฟ์ มนุษย์และคนแคระของเขายังต้องการค่าประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากแบกรับหน้าที่ผดุงธรรมกวาดล้างโจรชั่วเพื่อความปลอดภัยของดินแดนแห่งนี้!

ตามการประมาณของเขาแล้ว เมื่อเขากวาดเอาทุกสิ่งอย่างจากกลุ่มโจรในดินแดนมาได้ทั้งหมด พวกเขาก็จะไม่ขาดแคลนสิ่งใดไปนานนับทศวรรษ

.............................

.............................

"นายน้อย" หัวหน้าทหารฮุ่ยกล่าวทักทายเซียวอวี๋ด้วยความเคารพ

เซียวอวี๋รีบโบกมือ "ท่านลุงฮุ่ย พวกเราล้วนเป็นครอบครัว ดังนั้นอย่าได้กระทำเช่นนี้ ลุงหงส์และท่านล้วนเป็นผู้อาวุโส ถือซะว่าข้าขอร้องอย่าได้กระทำเช่นนี้เลย"

หัวหน้าทหารฮุ่ยส่ายศีรษะด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง "นายท่าน ท่านคือผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้! ข้าจะแสดงท่าทางทีีที่ไร้มารยาทต่อท่านได้อย่างไร? แม้ว่าข้าจะเฝ้าดูท่านเติบโตมาตั้งแต่ยังเยาว์ แต่ท้ายที่สุดท่านก็คือลอร์ด! ลอร์ดคือผู้ที่ปกครองดินแดน นี่เป็นกฏที่ไม่อาจยกเลิกได้"

เซียวอวี๋ทราบดีว่าหัวหน้าทหารฮุ่ยนั้นเป็นคนหัวโบราณจากการแสดงออกที่จริงจังของเขา เช่นนั้นเขาย่อมไม่สามารถทำอย่างไรได้อีก

"อืม..ท่านลุงฮุ่ย มีข่าวคราวเกี่ยวกับกองทัพของแคร์รี่บ้างหรือไม่?" เซียวอวี๋เอ่ยปากถาม

คิ้วของหัวหน้าทหารฮุ่ยขมวดมุ่น "สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก ข้าได้ส่งคนไปรวบรวมข่าวสารและได้ความมาว่า แคร์รี่ได้กลับไปรายงานแก่บิดาของมันแล้ว และนั่นทำให้บิดาของมันโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง บิดาของมันต้องการที่จะลงโทษมัน

ทว่าเจ้าสารเลวนั่นกลับรายงานไปว่าฝ่ายเรามีนักรบออร์คนับพันนาย ด้วยเหตุนั้นบิดาของมันจึงมอบกำลังพลที่มากกว่าเดิมและส่งมันกลับมาโจมตีพวกเราอีกครา"

เซียวอวี๋ผงกศีรษะ "เช่นนั้นกำลังพลที่มันได้รับมามีมากน้อยเท่าใด? พวกมันจะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่?"

หัวหน้าทหารฮุ่ยกล่าวตอบ "ข้าได้รับแจ้งมาว่ามันได้รับทหารมาถึง 20,000 นาย ทว่ายังมีผู้ฝึกยุทธ์อีกหลายสิบ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังมีหนึ่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สอง และสี่ผู้ใช้มนตรา ในตอนนี้พวกมันกำลังฝึกจัดกระบวนทัพอยู่ คาดว่าพวกมันจะเดินทัพมาถึงที่นี่ในอีกราวหนึ่งเดือนหรือน้อยกว่านั้น"

เซียวอวี๋ระบายรอยยิ้ม "ไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกมัน หากว่าพวกมันจะมาในอีกหนึ่งเดือน!"

"นายท่าน ข้าทราบว่าทั้งออร์คและเอลฟ์นั้นสนับสนุนพวกเรา ทว่าพวกเราไม่สามารถเอาชนะกองทัพถึงสองหมื่นนายด้วยกำลังพลเพียงเท่านี้"

เซียวอวี๋ยิ้มแห้ง "ไม่นานมานี้เทพแห่งคนแคระได้ติดต่อกับข้าและกล่าวว่ามันจะมอบกองทัพคนแคระมาช่วยเหลือช่วยข้าในการกวาดพิชิตโลกใบนี้"

หัวหน้าทหารฮุ่ยกลายเป็นตกตะลึง ขณะที่เขาไม่สามารถทำใจเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

....................................

...................................

กองทัพของแคร์รี่ยังคงฝึกซ้อมในที่ห่างไกลจากเมืองไลอ้อนหลายร้อยไมล์

แคร์รี่นั่งอยู่บนแท่นยกสูงและเฝ้าดูกองทัพของเขาฝึกซ้อม

"ฮึ่มม พวกออร์คและเอลฟ์! เจ้าคิดหรือว่าจะไร้ผู้ต้านเพียงเพราะได้รับการสนับสนุนจากพวกมัน? เหอะ ครั้งนี้เจ้าจะได้เห็นอำนาจของข้า! ข้าจะเหยียบย่ำเมืองของเจ้าให้จมดิน!"

แคร์รี่มั่นใจในชัยชนะของเขาอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับครั้งที่ผ่านมา...

หากทว่าในครั้งนี้บิดาของเขาได้มอบกองทัพ 20,000 นายและผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังอีกหลายสิบคน รวมทั้งยังมีผู้ใช้มนตรา 4 คน นอกจากนี้ทหารราบของเขายังสวมใส่เกราะหนัก แม้จะเป็นออร์คก็ยังยุ่งยากหากจะตอแยกับกองทัพของเขา! นอกจากนั้นเขายังเตรียมเครื่องมือตีเมืองไปอย่างเพียบพร้อมเสียยิ่งกว่าคราวก่อน

"ทหารของข้ายังต้องเรียนรู้และฝึกซ้อมกลยุทธ์การเข้าตีเมืองอย่างหนัก ดังนั้นครั้งนี้ข้าจะผิดพลาดไม่ได้ ข้าจะขยี้พวกออร์คเหล่านั้น และจับพวกมันมาเป็นทาส ข้าจะทำให้พวกเอลฟ์นั่นคลานสี่ขาเยี่ยงสัตว์เลี้ยง ฮ่าฮ่า" แคร์รี่กล่าวด้วยเสียงอันดัง

ที่ปรึกษาทางทหารของเขาเริ่มกล่าวยกยอกองทัพของแคร์รี่ "นายท่าน กองทัพทั้ง 20,000 นายนี้ล้วนสวมใส่ยุทธภัณฑ์ชั้นยอด พวกมันกระทั่งสามารถเข้าตีนครหลวงของเว่ยได้ นับประสาอะไรกับเมืองไลอ้อนอันเล็กจ้อย"

"เมืองหลวงของอาณาจักรเว่ยจะช้าเร็วก็ต้องตกเป็นของข้า หลังจากนั้นเมืองฮุ่ยจะกลายเป็นนครหลวงของพวกเรา" แคร์รี่หลับตาลงขณะวาดฝันภาพที่เขากลายเป็นราชันย์แห่งอาณาจักร