ตอนที่แล้วตอนที่ 10 โกหกหน้าตาย!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 นักเชิดหุ่นมายา

ตอนที่ 11 อาจารย์ประจำห้อง


ศิษย์พี่หญิงไม่ตอบคำถามของป๋ายเสี่ยวเฟย นางจงใจทำตัวลึกลับ

''โชคดีศิษย์น้อง''

เป็นคำนี้เองที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวชาหนึบในระหว่างเขาเดินทางไปยังห้องเรียน

'ข้าคงไม่ได้ใช้โชคลาภไปหมดระหว่างสอบใช่หรือไม่? เหตุใดเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นติดต่อกันเช่นนี้? '

ในที่สุดป๋ายเสี่ยวเฟยก็มาถึงห้องเรียนเตรียมที่ศิษย์พี่หญิงคนนั้นกล่าว เมื่อเขาก้าวเข้าประตูมีสองสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงปรากฏขึ้นข้างหน้า

ด้านหนึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างงดงามตระการตามากมายมีนักเรียนและอาจารย์เดินไปมาพลุกพล่านไปด้วยผู้คน

อีกด้านมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่เรียงเป็นชั้นๆ ซึ่งแมลงวันสักตัวยังไม่ปรากฏให้เห็น ไม่ต้องพูดถึงผู้คน

เป็นด้านนี้เอง ด้าน''เงียบสงบ'' ที่ป๋ายเสี่ยวเฟยต้องไปรายงานตัว

''ยิ่งสมบัติหายากมากเพียงใดมันยิ่งล้ำค่ามากขึ้นเท่านั้น ต้องเป็นเพราะพวกเขาเก่งกาจเกินไปจึงมีจำนวนน้อย ใช่มันต้องเป็นแบบนี้แน่นอน''

ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินไปยังบริเวณไร้ผู้คนที่''เงียบสงบ''พลางปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขามองหาห้องหมายเลข 456

หลังจากผ่านความยากลำบากมากมายในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมาย ห้องเรียนหมายเลข 456

หากเรียกสิ่งก่อสร้างอันเงียบสงบพวกนี้ว่าพื้นที่สำหรับคนสามัญเมื่อเปรียบเทียบกับอีกฟาก ถ้าอย่างนั้นห้องเรียน 456 ก็คือสลัม มันแย่เสียจนห้องเรียนปลีกแยกออกมาจากบริเวณอื่น

ป๋ายเสี่ยวเฟยกลืนน้ำลายลงไปสูดหายใจเข้าลึกขณะมองไปยังห้องเรียนข้างหน้าเขา...

เขายอมรับชะตากรรมนี้!

'ยัยป้าแก่! เจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว! ข้าจะจำไว้! '

ป๋ายเสี่ยวเฟยเพิ่มลั่วซีไปยังบัญชีดำ เขาผลักประตูไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา... ไม่สิ เขาผลักประตูไปข้างล่างต่างหาก...

''นั่นใคร!!!! ''

เสียงสูงแหลมบาดหูดังไปทั่วบริเวณและมันดังเสียจนหูของเขารู้สึกเจ็บแปลบ

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยคืนสติกลับมาเขากวาดตามองไปยังเจ้าของเสียง เจอผู้หญิงผมสั้นสวมใส่อาภรณ์สีดำทมิฬกำลังจ้องมาที่เขาอย่างเกรี้ยวกราด เสื้อแขนสั้นและกางเกงแนบแน่นรัดลำตัวเผยให้เห็นถึงร่างกายสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ร่างของเธอนูนออกมาในส่วนที่ควรและยื่นออก...

แค่ก ๆ ... นี่ไม่ใช่นิยายลามก...

''เจ้าคือใคร!? รู้หรือไม่ว่าประตูข้าแพงเท่าไหน!? เจ้าชดใช้ได้หรือไม่!? ''

ผู้หญิงคนนั้นย่อตัวลงไปสำรวจ ''สมบัติ'' ของนางในระหว่างที่พูด แต่เมื่อพินิจจากสภาพกระจัดกระจายของมันแล้ว คงไม่มีหวังว่ามันจะกลับมาใช้งานได้อีก

''ข้า... ข้าเป็นนักเรียนที่มารายงานตัวที่นี่ ข้าชื่อป๋ายเสี่ยวเฟย......''

ด้วยความเกรงกลัวป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย

ทันใดนั้นนางรีบเดินเข้ามายืนข้างหน้าเขาทันที ในชั่วพริบตาใบหน้าโกรธเกรี้ยวของนางถูกแทนที่ด้วยความยินดีระคนประหลาดใจ

''เจ้าเป็นนักเรียน!? ''

''เจ้าชื่ออะไร!? ''

''อายุเท่าไหร่? ''

''มาจากที่ใด? ''

''เจ้าเก่งด้านใดบ้าง? ''

''เจ้ามีงานอดิเรกคือสิ่งใด? ''

ยิ่งกล่าวนางยิ่งขยับเข้ามาใกล้ป๋ายเสี่ยวเฟยขึ้นเรื่อยๆ หลังจากถามไปไม่รู้ตั้งกี่คำถาม ระยะห่างของพวกเขาเหลือน้อยเพียงสองนิ้ว ป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถได้กลิ่นลมหายใจสดชื่นของนาง

''ข้าชื่อ...ป๋ายเสี่ยวเฟย''

เขากล่าวเสียงสั่นสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขาจำได้เพียงคำถามแรกของนางเท่านั้น

''โฮะโฮ ดูจากสภาพเลิ่กลั่กของเจ้าแล้ว เจ้าไม่เคยใกล้ชิดกับหญิงใดขนาดนี้มาก่อน? เช่นนั้นเจ้ายังไม่เคยเสียพรหมจรรย์ใช่หรือไม่? ''

นางเขยิบตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม ป๋ายเสี่ยวเฟยขยับออกห่างในทันทีตามสัญชาตญาณแต่นางจับเขาไว้ไม่ให้ไปไหน

''อยากลิ้มลองรสชาติของผู้หญิงหรือไม่? ข้าช่วยเจ้าได้! ''

นางกล่าวพลางเลียริมฝีปาก นิ้วโป้งยื่นเข้ามายกคางของเขาขึ้น

หลังจากนั้น หนุ่ม'พรหมจรรย์'ป๋ายเสี่ยวเฟยยืนนิ่งอย่างสงบเสงี่ยม แต่เมื่อเขาไม่อาจทนได้อีกและกำลังจะยื่นมือออกไปนางก็พลันกระโดดโหยงไปข้างๆ ราวกับถูกไฟดูดกระนั้น

''ฮ่าๆๆๆๆๆ ดูทำท่าเข้าสิ!!! ''

นางเงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะราวกับเพิ่งพบเจอสิ่งที่น่าขำขันที่สุดในโลก เสียงหัวเราะของนางดังไม่รู้จบโดยไม่สนใจใบหน้าเขินอายของป๋ายเสี่ยวเฟย

ครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวเฟยแพ้ แต่เขาไม่เจ็บใจสักนิด กลับรู้สึกยินดีด้วยซ้ำ...

''มีอะไรน่าขำกับปฏิกิริยาปกติของผู้ชาย? หากข้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสาวงามในระยะประชิดต่างหากถึงควรคู่แก่การหัวร่อ''

หนึ่งในประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของหุบเขาวีรบุรุษคือการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้!

''ช่างเป็นปากที่ทั้งหวานทั้งแข็ง! ให้ข้าแนะนำตัวเองก่อน จากวันนี้จนถึงสามเดือนข้างหน้าข้าคืออาจารย์ของเจ้า แต่ข้าไม่ชอบถูกเรียกว่า'อาจารย์' ข้าชื่อเสวี่ยอิ่ง เจ้าสามารถเรียกข้าว่าพี่หญิงเสวี่ย''

เสวี่ยอิ่งวางมือไว้ที่เอวราวกับว่านางเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่ คางเชิดสูงขณะจ้องมองป๋ายเสี่ยวเฟย

''ข้าเข้าใจแล้วป้าเสวี่ย''

ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวเสี่ยวแผ่วเบา ใบหน้าพึงพอใจของเสวี่ยอิ่งพลันแข็งค้าง

ในวินาทีต่อมาความเร็วของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นางขยับมาอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยในชั่วพริบตา ในมือมีมีดสั้นจ่อไปที่คอหอยของเขา รังสีสังหารพวยพุ่งออกมาจู่โจมป๋ายเสี่ยวเฟย

''เจ้าพูดว่ากระไร? ข้าได้ยินไม่ถนัด ช่วงนี้หูของข้าไม่ดีนัก''

เสวี่ยอิ่งมีสีหน้ามืดมน ท่าทีของนางชัดเจนในสิ่งที่ต้องการ

''เช่นนั้นหรือ? ''

ดวงตาทั้งคู่หดเล็กในขณะที่เขาสูดหายใจเข้าลึก เขาเอาปากแนบแน่นหูของเสวี่ยอิ่งและตะโกนเสียงดังที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

''ข้าเข้าใจแล้วป้าเสวี่ย!!!! ''

เสียงตะโกนดังสนั่นจู่โจมเสวี่ยอิ่ง สมองนางชาหนึบในบัดดล

เมื่อนางได้สติกลับคืน ป๋ายเสี่ยวเฟยได้นั่งลงกับพื้นไปแล้วเขาจ้องนางอย่างสำรวมราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่ฝีมือเขา

''อาจารย์ท่านทำความสะอาดอยู่หรือ? ให้ข้าช่วยไหม? ข้าเก่งมากนะ! ''

ความเปลี่ยนแปลงของเขาทำให้เสวี่ยอิ่งสับสน

'เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงภาพหลอน? '

'ถ้าเป็นเช่นนั้นเหตุใดหูของข้าจึงได้เจ็บนัก? '

เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นเสวี่ยอิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เป็นเวลานานเขาหยิบไม้กวาดที่นางโยนทิ้งด้วยสีหน้าจริงจังเขาปลดปล่อยนางจาก 'หน้าที่สำคัญ'ของการทำความสะอาด

''หยุด! ''

ในที่สุดเสวี่ยอิ่งก็สามารถแยกแยะว่าอะไรคือเรื่องจริง นางเขม่นป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างโกรธเกรี้ยว

''อะไรหรืออาจารย์? ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยเงยหน้าขึ้นมองเสวี่ยอิ่ง สีหน้าเขาไร้เดียงสาทำให้นางพูดไม่ออกทันที

''เจ้า...ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือว่าข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์! ''

หลังจากเสวี่ยอิ่งข่มกลั้นโทสะอยู่นาน บทสนทนาของพวกเขากลับไปจุดแรก ด้วยเหตุนี้เองเรื่อง'ป้าเสวี่ย'จึงไม่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีก

''สำหรับเรื่องนั้นคงไม่ได้ พ่อแม่บุญธรรมของข้าสอนข้าว่าข้าต้องเคารพนบนอบผู้สูงอายุ ข้าไม่อาจปฏิบัติอย่างไร้กาลเทศะได้''

ป๋ายเสี่ยวเฟยจงใจกล่าวเน้น'ผู้สูงอายุ' ใบหน้าของเขาฉงนไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด

''เจ้าสิสูงอายุ! ครอบครัวของเจ้าก็มีแต่ผู้สูงอายุ! อายุข้าเพียงยี่สิบสี่เท่านั้น! ไม่ใช่ผู้สูงอายุ! ''

ทั้งหน้าของเสวี่ยอิ่งแดงก่ำไปด้วยโทสะนางตะโกนพลางกระโดดโหยงขึ้นไป

''แต่ข้าอายุสิบหก ท่านแก่กว่าข้าแปดปี ข้าว่าแปดปีเป็นช่วงเวลาที่มากพอที่จะให้ท่านเป็นผู้สูงอายุสำหรับข้า? ''

สีหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยยังคงไร้เดียงสาเช่นเดิม สิ่งที่เขากล่าวถูกต้องทุกประการไม่ว่าใครจะมองอย่างไร

คำพูดของเขายังโน้มน้าวแม้ตัวแต่เสวี่ยอิ่ง

หลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่ นางส่ายหัวขับไล่ความเกรงใจที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดต่อป๋ายเสี่ยวเฟยออกจากใจ

ด้วยเสียงมืดครึ้มนัยน์ตาแหลมคมปานมีด นางใช้ไพ่ตายของนาง

''ข้าถามเจ้าอย่าง เจ้ายังอยากเรียนที่นี่หรือไม่!? ''

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด