ตอนที่แล้วตอนที่ 6 สอบเข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 สอบผ่านสองด่าน

ตอนที่ 7 เริ่มการทดสอบ!


''หากข้าปล่อยโอกาสอันหาได้ยากที่จะได้อยู่สองต่อสองกับสาวสวยเช่นศิษย์พี่ สมองข้าคงมีปัญหาเป็นแน่แท้''

ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะอย่างขบขัน เสี่ยวเอ้อผู้อยู่ข้างๆ เห่าออกมาสองครั้งพลางส่ายหาง

''คนที่กล้าพอที่จะเกี้ยวพาราสีกับศิษย์พี่หญิงในสถาบันมีไม่ค่อยมาก เจ้ารู้หรือไม่เพราะเหตุใด? ''

รอยยิ้มของฉินหลิงหยานซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับที่ยากจะอธิบายในขณะที่นางจ้องป๋ายเสี่ยวเฟย

''ข้าเดาว่าเป็นเพราะวิธีการของพวกเขาไม่ถูกต้องพวกเขาจึงถูกจัดการ ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวลข้าไม่โง่เหมือนพวกมัน''

คำตอบของป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ใช่สิ่งที่นางคาดหวัง นางรู้ตัวเป็นครั้งแรกว่าเด็กหนุ่มตรงนี้ไม่ได้อ่อนหัดอย่างที่เธอคิด

''ช่างน่าอัศจรรย์นัก ถ้างั้นบอกข้าว่าเจ้าตั้งใจจะเกี้ยวพาราสีข้าอย่างไรเพื่อไม่ให้จบลงในแบบเดียวกับคนพวกนั้น? ''

ความสนใจในแววตาของนางเพิ่มขึ้น ฉินหลิงหยานถามต่อทันที่หมายปั้นจะให้ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบให้ได้

''ก่อนอื่น... ข้าจะให้ศิษย์พี่หญิงเลี้ยงอาหารข้ามื้อใหญ่จากนั้นท่านจะเจ็บปวดใจจนไม่สามารถลืมข้าลงและท่านจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ข้าชดใช้''

หลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจบ ฉินหลิงหยานไม่อาจทนได้อีกต่อไป เสียงหัวเราะดังกังกานไปทั่ว นัยน์ตากลมสวยของนางหดลงเล็กน้อยในขณะที่เธอจ้องป๋ายเสี่ยวเฟยเขม็ง

''เช่นนั้นข้าควรไปเตรียมการให้คนมาขัดขวางเจ้าใช่หรือไม่? เพราะไม่งั้นเจ้าคงทำข้าจนเป็นแน่แท้? ''

แววตาของนางเต็มไปด้วยความขบขัน นางไม่เชื่อว่าจะมีคนที่กินเยอะถึงขนาดทำให้นางจนได้ในมื้อเดียว

''เป็นเกียรติของข้าหากจะถูกศิษย์พี่หญิงกลั่นแกล้ง''

ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว เสี่ยวเอ้อเห่าสองรอบตามเป็นจังหวะ

''หุ่นเชิดมีชีวิตของเจ้าช่างฉลาดยิ่งนัก เหตุใดมันจึงเหมือนกับหุ่นระดับน้ำเงินล่ะ? ''

ฉินหลิงหยานย่อตัวลงนางยื่นแขนออกไปลูบหัวเสี่ยวเอ้อ มันส่ายหางตอบด้วยความดีใจ

ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว

''ข้าไม่แน่ใจว่ามันยกระดับขึ้นเป็นขั้นน้ำเงินได้อย่างไร ตอนแรกมันเป็นเพียงหุ่นระดับขาวเท่านั้น''

ฉินหลิงหยานเลิกคิ้วสวยๆ ของนางขึ้น

ส่วนใหญ่ระดับของหุ่นเชิดจะสอดคล้องกับระดับของนักเชิดหุ่น ระดับถูกกำหนดจากสีของหุ่นเมื่อมันถูกใช้งานจากต่ำไปสูงมีสี ขาว น้ำเงิน เหลือง แดง ม่วง ทอง ทองคำม่วง ทองคำดำ เทวะ ระดับสุดท้ายมีเพียงในทฤษฎีเท่านั้นเช่นกัน

''หุ่นเชิดตัวแรกของเจ้าระดับขาว?! ''

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อส่งผลให้เสี่ยวเอ้อครางออกมาอย่างโศกเศร้า ความตื่นเต้นในตอนแรกพลันเลือนหายไปหมด

''ทำไมหรือ? หุ่นเชิดล้วนยกระดับได้ทั้งนั้น ข้ามั่นใจว่าเสี่ยวเอ้อจะกลายเป็นหุ่นเชิดทองคำม่วงในอนาคตเป็นอย่างน้อย''

ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่ยี่หระกับคำพูดของนาง เขาอ้าแขนให้เสี่ยวเอ้อ มันกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวเฟยทันที

''เจ้ามองโลกในแง่ดีเหลือเกิน แต่ข้าไม่เคยเห็นหุ่นเชิดตัวใดที่ยกระดับได้สูงขนาดนั้นมาก่อน ข้าต้องไปแล้วโชคดีในการสอบพรุ่งนี้''

ระดับของเสี่ยวเอ้อส่งผลต่อความสนใจของฉินหลิงหยานอย่างมากและการสนทนาสองต่อสองซึ่งหาโอกาสได้ยากสำหรับป๋ายเสี่ยวเฟยก็ได้จบลง

''เฮ่อ พูดเสร็จก็จากไป คนจากโลกภายนอกเป็นอย่างที่ท่านแม่บุญธรรมกับคนอื่นๆ กล่าวไว้ไม่มีผิด พวกเขาล้วนตัดสินคนจากภายนอกทั้งนั้น''

ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจพลางลูบหัวเสี่ยวเอ้อ เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์'

'เป็นอย่างไร? ทันเวลาหรือไม่? ''

''โฮ่ง โฮ่ง! ''

เสี่ยวเอ้อส่ายหางอีกครั้ง ลิ้นของมันที่เอียงไปทางด้านข้างพลันสะบัดขึ้น

''ยอดเยี่ยม ในเมื่อนางดูถูกพวกเรานัก งั้นต้องกินให้เจ็บ! ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยลูบจมูกตนเองตาของเขาจ้องมองไปยังทิศทางที่ฉินหลิงหยานเดินจากไปริมฝีปากขยับขึ้นเล็กน้อย

'รอก่อนเถิดศิษย์พี่หญิง! '

''โฮ่ง โฮ่ง! ''

เสียงเห่าของเสี่ยวเอ้อดังกังวานไปทั่วหอพักที่ซึ่งข้างในเหลือเพียงป๋ายเสี่ยวเฟยที่ยังอยู่ หลังจากเสี่ยวเอ้อเลียป๋ายเสี่ยวเฟยสักพัก เขาจึงจะตื่นจากฝัน

''ไอ้หยา! วันนี้สอบ! ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยกระโดดโหยงขึ้นจากเตียงรีบวิ่งออกนอกหอพัก ทั้งตัวเขาสวมใส่แค่กางเกงขาสั้นไม่มีแม้แต่เวลาจะใส่รองเท้า ความเร็วของเขาไม่ด้อยไปกว่าคนที่ถูกตามสังหาร

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาผู้...

เอ่อ ช่างมันเถอะ

อย่างไรก็ตามป๋ายเสี่ยวเฟยสามารถไล่ตามรถม้าคันสุดท้ายได้ทันหลังจากวิ่งสุดกำลังอยู่สักพักและประสบความสำเร็จในการกระโดดขึ้นสู่รถม้าในวินาทีสุดท้ายที่คนจับเวลานับ

แต่เจ้า''ม้า''ตัวนี้ช่าง... โอ่อ่าเหลือเกิน!

สัตว์อสูรระดับวิญญาณ อาชาเกล็ดทมิฬ!

สามารถกล่าวได้ว่าสัตว์อสูรและนักเชิดหุ่นเป็นศัตรูชั่วฟ้าดินสลาย หากสัตว์อสูรและนักเชิดหุ่นระดับเดียวกันต่อสู้ห้ำหั่นสัตว์อสูรจะเป็นฝ่ายชนะเสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหากระดับของพวกเขาต่ำเพราะนักเชิดหุ่นระดับต่ำสามารถควบคุมหุ่นเชิดได้น้อย

พูดอีกอย่างก็คืออาชาเกล็ดทมิฬตัวนี้สามารถอัดป๋ายเสี่ยวเฟยให้น่วมจนครอบครัวจำเขาไม่ได้อีก!

ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนของรถม้าจากสถาบันชิงหลัวมีมากมายจนนับไม่ถ้วน! ชื่อเสียงสถาบันอันดับหนึ่งดูเหมือนจะไม่ได้มีไว้แค่โอ้อวดเสียแล้ว!

ที่สำคัญก็คือป๋ายเสี่ยวเฟยได้กลายมาเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจในรถม้าเป็นที่เรียบร้อย...

ผู้ชายสุมหัวซุบซิบส่วนผู้หญิงก้มหน้าแดงเอียงอายของพวกนาง...

''เจ้ามีเวลาสิบวินาทีในการใส่ชุด! ''

ศิษย์พี่ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลรถม้าไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาหยิบเสื้อผ้าจากแหวนมิติส่งให้ป๋ายเสี่ยวเฟย

''ขอบคุณศิษย์พี่! ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มเจือเจ้าเล่ห์พลางใส่อาภรณ์อย่างเร่งรีบมีเพียงสองเท้าเท่านั้นที่ยังเปล่าเปลือยแต่ก็ยังดีกว่าเมื่อครู่นัก

''ศิษย์พี่ท่านชื่อว่าอะไร? หลังจากข้าสอบผ่านจะมีคนเลี้ยงอาหารข้าและข้าจะพาท่านไปด้วยพร้อมกับคืนเสื้อให้ท่าน''

เป็นอีกครั้งที่ความสามารถประจำตัวในการตีสนิทคนแปลกหน้าของป๋ายเสี่ยวเฟยเข้ามามีบทบาท รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้น

''ข้าชื่อป๋ายเย่ ลืมเรื่องเลี้ยงอาหารข้าและเสื้อนั่นเจ้าก็ไม่ต้องคืน ข้าไม่มีรสนิยมใส่เสื้อผ้าที่ถูกคนอื่นใส่แล้ว''

ป๋ายเย่สีหน้าเย็นชาไม่มีท่าทีสนใจป๋ายเสี่ยวเฟยแม้แต่น้อย

''คนกันเองแท้ๆ! แต่เฮ้อ... ช่างน่าเสียดายที่ข้าคงไม่อาจกินให้ศิษย์พี่หญิงหลิงหยานยากจนเสียแล้ว...''

ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวอย่างจงใจเอ่ยชื่อฉินหลิงหยาน ร่องรอยความเสียดายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาในขณะที่ถอนหายใจ

'''เจ้าว่ากระไร!? '

ท่าทีของป๋ายเย่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ความตื่นเต้นมีให้เห็นอยู่ทุกที่ทั้งบนใบหน้าและน้ำเสียง

''ศิษย์พี่หญิงหลิงหยานนางสัญญาว่าจะเลี้ยงอาหารข้ามื้อนึงหากข้าสอบผ่าน ท่านจะได้เจอนางในไม่ช้าเพราะนางเป็นศิษย์พี่ที่ได้รับมอบหมายให้เฝ้ารอกลุ่มของพวกเรา''

สีหน้าของป๋ายเสี่ยวเฟยราบเรียบเขาพูดถึงฉินหลิงหยานราวกับว่าพวกเขารู้จักมักจี่กันมานาน

''เจ้ารู้จักหลิงหยานจริงหรือ!? ''

ใบหน้าตกใจแทนที่ด้วยประกายสงสัย

'ข้าไม่เคยได้ยินว่าหลิงหยานมีญาติหรือเพื่อนเข้าร่วมการทดสอบในปีนี้ ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริงมันเป็นไปได้หรือที่คนระดับนั้นจะใช้บัตรเชิญระดับธรรมดาเข้าสอบ?'

หัวใจของป๋ายเสี่ยวเฟยพลันกระตุก

'บัดซบ! จากวิธีเรียกชื่อของป๋ายเย่ พวกเขาคงสนิทกันไม่มากก็น้อย! '

ป๋ายเสี่ยวเฟยสันนิษฐานว่าป๋ายเย่คงเคยได้ยินชื่อฉินหลิงหยานมาบ้าง เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าตนจะโชคร้ายได้มาเจอศิษย์พี่ที่เป็นคนรู้จักของนาง

ป๋ายเสี่ยวเฟยผู้มีประสบการณ์โชกโชนไม่ปล่อยให้อารมณ์ปรากฏบนสีหน้า เขากล่าวต่อด้วยเสียงราบเรียบ

''ข้าจะไปกล้าโกหกศิษย์พี่ได้อย่างไร? ในเมื่อท่านสามารถยืนยันได้ไม่ช้า หากข้าพูดปดมิเท่ากับข้ารนหาที่ตายหรือ? ''

''ท่านสนิทกับนางงั้นหรือศิษย์พี่? เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินนางพูดถึงท่านเล่า...''

ป๋ายเสี่ยวเฟยโต้กลับอย่างรุนแรง ภายใต้การจู่โจมของเขาป๋ายเย่อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี ร่องรอยความเคอะเขินปรากฏขึ้นโดยพลัน

''เรื่องนั้น... ไว้คุยทีหลัง''

ป๋ายเย่ไอสองครั้งจากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง

''สำหรับมื้ออาหาร..ข้า...''

ไม่มีร่องรอยเย็นชาอยู่บนหน้าของป๋ายเย่อีกต่อไป กระทั่งน้ำเสียงของเขายังเปลี่ยนเป็นการยกยอ

''ให้ข้าจัดการเอง! ''

ป๋ายเสี่ยวเฟยยืดอกพลางถอนหายใจยาวเหยียดข้างใน

'ไปได้สวย! '

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด