ตอนที่แล้วAtW ตอนที่ 26 เยี่ยมชมร้านเอ็ดมันอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAtW ตอนที่ 28 เตรียมพร้อมก่อนการต่อสู้

AtW ตอนที่ 27 วูฟไรเดอร์


AtW ตอนที่ 27 วูฟไรเดอร์

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

ผ่านไปนานกว่า 30 นาที... ที่อาเบลและเบธแฮมทั้งสองคนกำลังเดินทางกลับไปที่ปราสาทแฮรี่ ระหว่างการเดินทางเองอาเบลและเบธแฮมก็ได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการตีดาบ แต่สำหรับอาเบลแล้วส่วนใหญ่เขาจะเป็นผู้รับคำปรึกษาซะมากกว่า แม้ว่าอาเบลจะเรียนรู้อย่างรวดเร็วและขึ้นเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กแล้วแต่ว่าอาเบลเองก็ยังไม่มีประสบการณ์เท่ากับอาจารย์ของเขาอย่างเบธแฮม

ในขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน อาเบลก็รู้สึกได้ว่ารถม้าที่พวกเขาสองคนกำลังนั่งอยู่นั้นหยุดลง อาเบลไม่รอช้าเขารีบเปิดประตูรถม้าก่อนที่จะถามคนขับรถว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

คนขับรถม้าเองได้แต่ตกตะลึงอยู่ ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ "มีอะไรบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นที่หมู่บ้านด้านหน้าครับ"

อาเบลหันกลับมาที่รถม้าก่อนที่จะพูดกับเบธแฮมทันที "ท่านอาจารย์ครับ อยู่ในรถม้าก่อนนะครับ ผมจะไปดูเองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

อาจารย์เบธแฮมหัวเราะก่อนที่จะพูดออกไปว่า "ฉันเองก็เป็นนักสู้ระดับ 5 เหมือนกันนะ นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกอาเบล"

สำหรับคนที่เป็นนักสู้ระดับห้าแบบอาจารย์เบธแฮมแล้ว อาเบลกำลังสงสัยในความสามารถในการต่อสู้ของอาจารย์คนนี้อยู่

แม้แต่อัศวินแห่งมาร์แชลเองก็ต้องฝึกฝนทุกวันเพื่อที่จะรักษาความสามารถในการต่อสู้ที่มีอยู่เอาไว้

แต่สำหรับอาจารย์เบธแฮมแล้วอาเบลไม่เคยเห็นอาจารย์คนนี้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่อาเบลไม่ได้อยู่กับอาจารย์เบธแฮมตลอดเวลา เมื่อทั้งสองคนออกจากรถม้ามาพร้อมกัน อาเบลเองก็ได้เห็นหมู่บ้านด้านหน้าของเขากำลังเต็มไปด้วยควันดำอะไรบางอย่างอยู่

"ผมจะไปดูเองครับ" อาเบลได้หยิบดาบเวทย์น้ำแข็งที่ตัวของเขาเองสร้างขึ้นในช่วงประเมินคุณสมบัติของช่างตีเหล็กออกมาจากท้ายรถม้า ดาบที่อาเบลเพิ่งสร้างนั้นยังไม่ผ่านการตกแต่งอะไรเลยมันจึงดูน่าเกลียดนั่นเอง แต่แน่นอนว่าการตกแต่งดาบนั้นไม่ส่งผลต่อความสามารถของดาบเวทย์

"ระวังตัวด้วยละอาเบล" อาจารย์เบธแฮมได้พูดเตือนอาเบลก่อนที่อาเบลจะเดินจากไป

อาเบลโบกมือของเขาเพื่อส่งสัญญาณให้กับอาจารย์เบธแฮมว่าตัวของอาเบลนั้นได้รับรู้คำเตือนของเบธแฮมแล้ว จากนั้นเบธแฮมก็ได้เดินไปที่หมู่บ้านในทันที

ยิ่งเข้าใกล้หมู่บ้านมากเท่าไหร่ อาเบลก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติมากขึ้น มันไม่ใช่แค่ไฟไหม้เล็กๆ ในหมู่บ้านเท่านั้น แต่มันกลับเป็นไฟไหม้ที่แทบจะไหม้ทั้งหมู่บ้านแล้ว

เมื่ออาเบลมาถึงหมู่บ้านเขาก็ตกใจกับสิ่งที่เขาพบเห็น ที่ผืนดินของหมู่บ้านเต็มไปด้วยศพของชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ไม่เพียงแค่นั้นศพบางส่วนก็ถูกทำลายไปอีกด้วย ดูเหมือนว่าหมู่บ้านนี้จะถูกสัตว์ร้ายบางชนิดโจมตีเข้า

สิ่งที่ทำให้อาเบลเคืองมากที่สุดก็คือศพของเด็กน้อยหลายศพที่อยู่บนพื้นของหมู่บ้านนั่นเอง ร่างของผู้โชคร้ายเหล่านี้กระจัดกระจายไปเกือบทุกที่ภายในหมู่บ้าน เห็นได้ชัดว่าการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นจะเป็นการสังหารที่ไร้ความปราณี มีเพียงกลุ่มคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่จะสามารถใช้พลังได้อย่างสมบูรณ์แบบในการกวาดล้างหมู่บ้านแบบนี้ได้ ในความรู้ของอาเบลที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโลกนี้นั้น การที่จะได้เห็นการสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ เลย มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่จะต้องทำแบบนี้ นั้นคือการรุกรานของประเทศอื่นนั่นเอง

เมื่ออาเบลเดินไปรอบๆ หมู่บ้านเขาไม่เจอกับผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว ดูเหมือนว่านักฆ่าที่มาสังหารคนในหมู่บ้านคนนี้จะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยมและมีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน บางทีนักฆ่าคนนี้อาจจะมีความสามารถพิเศษก็เป็นได้ สถานที่ที่ชาวบ้านไปซ่อนตัวในหมู่บ้านนั้นถูกหาเจอในท้ายที่สุด คนที่ซ่อนอยู่ถูกฆ่าอย่างไร้ความปราณี

อาเบลไม่เคยรู้สึกถึงความกังวลแบบนี้มาก่อน แม้ว่าบริเวณนี้จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนครอบครัวอาเบลเอง แต่ในฐานะมนุษย์นั้นเขาไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านเรื่องแบบนี้ไปได้เลย อาเบลรู้สึกถึงความโศกเศร้าและความเห็นอกเห็นใจกับชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการสังหารหมู่ครั้งนี้

เมื่ออาเบลมากำเนิดใหม่ที่โลกใบนี้เขาก็เห็นมาตลอดว่าโลกใบนี้นั้นสงบสุขแค่ไหน แม้ว่าอาเบลจะเคยถูกคนโจมตีมาบ้างแต่เขาไม่เคยเห็นอะไรที่โหดร้ายและป่าเถื่อนแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาเบลเห็นในวันนี้ก็ทำให้ตัวของอาเบลนั้นตกใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางทีโลกใบนี้ที่อาเบลเคยคิดมาก่อนว่าสงบสุขคงจะไม่เป็นแบบนั้น ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนแต่ถูกสังหารภายในบ้านของตัวเอง! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากครอบครัวผู้โชคร้ายเหล่านี้เป็นครอบครัวของอาเบลเอง? ถ้าหากเป็นครอบครัวเบ็นเน็ตต์อาเบลจะทำอย่างไร?

ตอนนี้อาเบลไม่ได้กลับไปเยี่ยมเยียนครอบครัวเบ็นเน็ตต์เป็นเวลานานแล้ว ตัวอาเบลเองก็เริ่มที่จะเป็นห่วงครอบครัวเดิมของเขาแล้ว เบธแฮมเองก็ได้ตามอาเบลเข้าไปที่หมู่บ้านด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน แต่เมื่อเขาเห็นภาพศพของชาวบ้านที่สังหารหมู่แล้วเขาก็ทำได้แต่ตกใจเท่านั้น "พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"

เบธแฮมรีบตรงไปที่ร่างของผู้เสียชีวิตและตรวจสอบด้วยความระมัดระวังทันที "ออร์คอย่างงั้นหรอ" เบธแฮมได้พูดออกมาด้วยความโกรธ "มันจะต้องเป็นออร์คแน่นอน"

หลังที่พูดเสร็จอาจารย์เบธแฮมเองก็ได้ชี้ไปที่บาดแผลของศพก่อนที่จะพูดต่อไปว่า "นี้เป็นรอยกัดของพวกหมาป่า ไม่น่าแปลกใจเท่าไร ดูเหมือนว่าเมื่อเร็วๆ นี้เองจะมีรายงานการพบเห็นพวกวูฟไรเดอร์อยู่ที่แถวนี้"

วูฟไรเดอร์เป็นหน่วยทหารของอาณาจักรออร์คที่มีชื่อเสียงนั่นเอง โดยส่วนมากแล้วทหารของอาณาจักรออร์คจะถูกฝึกฝนโดยแวร์วูฟและโวร์เก็น ทหารหน่วยวูฟไรเดอร์นั้นแข็งแกร่งมากและทหารหน่วยนี้เองยังคงมีความเร็ว, ความคล่องแคล่ว, ความยืดหยุ่น, และทวงท่าที่ซับซ้อนอีกด้วย ด้วยความสามารถที่โดดเด่นทั้งหมดเองทำให้ทหารหน่วยนี้จึงเป็นทหารกองทัพที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนแผ่นใหญ่ดินแดนนี้ ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่ความอดทนและความปรับตัวของหน่วยทหารวูฟไรเดอร์ยังสามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่สุดได้อีกด้วย ถ้าหากเกิดสงครามการต่อสู้ที่ยาวนานขึ้นแน่นอนว่าหน่วยวูฟไรเดอร์จะสามารถที่จะกินอาหารที่เป็นซากศพของศัตรูของพวกเขานั่นเอง

[หมายเหตุ:แวร์วูฟ, โวร์เก็นเป็นมนุษย์หมาป่า]

"เราควรกลับกันตอนนี้ดีกว่านะ อัศวินมาแชลจะต้องรู้เรื่องนี้ด้วย" ทันใดนั้นเองก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับอาจารย์เบธแฮม ตอนนี้เบธแฮมสัมผัสได้ว่ากำลังมีแวร์วูฟอยู่ใกล้ๆ ถ้าจะดูความเร็วของพวกมันแล้ว จะต้องเป็นแวร์วูฟอย่างแน่นอน หมู่บ้านและปราสาทที่อยู่ในบริเวณนี้เองได้ตกอยู่ในอันตรายครั้งยิ่งใหญ่แล้ว

อาเบลและอาจารย์เบธแฮมได้รีบกลับขึ้นรถม้าของพวกเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินทางกลับไปที่ปราสาทแฮรี่ทันที คนขับรถม้าเองก็เร่งความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

...

ไซมอนเป็นมนุษย์หมาป่าเผ่าโวร์เก็น เขาเป็นทหารที่อยู่ในกลุ่มวูฟไรเดอร์นั่นเอง ภรรยาของเขาเป็นหมาป่าตัวเมียที่มีชื่อว่าลมทมิฬ

บ้านของไซมอนนั้นอยู่ที่ราบแห้งแล้งซึ่งประสบกับความยากจนข้นแค้นเป็นอย่างมาก ไซมอนมีที่ดินกว้างกว่า 200 เอเคอร์เขามีพี่ชายและน้องสาวรวมกันแล้วกว่า 9 คน ไซมอนเป็นลูกคนที่สองของครอบครัว แต่ถึงแม้ว่าครอบครัวของไซมอนจะมีที่ดินกว้างกว่า 200 เอเคอร์แต่ครอบครัวของไซมอนเองก็ไม่ได้มีอาหารให้กินเพียงพอเลย ดังนั้นพ่อแม่ของไซมอนจึงตัดสินใจที่จะใช้ทรัพยากรส่วนใหญ่ที่ครอบครัวของเขามีนำไปใช้พัฒนาความสามารถของไซมอน เพื่อที่จะทำให้ไซมอนนั้นสามารถเป็นสมาชิกของหน่วยทหารวูฟไรเดอร์ด้นั่นเอง แต่การทำเช่นนี้นั้นหมายความว่าเหล่าพี่น้องของไซมอนนั้นจะต้องอดตายไป

เพื่อที่จะได้ที่ดินที่เพิ่มมากขึ้นไซมอนจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมบททดสอบแห่งความเป็นความตายนั่นเอง ในอดีตที่ผ่านมาผู้ที่เข้าร่วมบททดสอบแห่งความเป็นความตายที่รอดชีวิตมาได้จะได้รับรางวัลเป็นที่ดินนั่นเอง นอกจากนั้นพวกที่รอดส่วนใหญ่จะถูกมอบทั้งเงินทองและอัญมณีอีกมากมาย ซึ่งของรางวัลทั้งหมดนี้มีมากพอที่จะซื้อที่ดินจำนวนมากได้เลยทีเดียว

ไซมอนพยายามอย่างเต็มที่โดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ก่อนที่จะเข้าร่วมบททดสอบความเป็นความตาย ความพยายามของไซมอนนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาเองก็ไม่ได้คำนึงเลยว่าจะมีคนตายไปมากแค่ไหนในบททดสอบความเป็นและความตายนี้ ไซมอนต้องการเป็นเพียงคนคนเดียวที่มีชีวิตรอดและผ่านบททดสอบไปให้ได้

ไซมอนรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคไม่ดีในคืนวันที่ผ่านมาบนภูเขาบูดาเปสท์ เขาได้พาภรรยาของเขาลมทมิฬไปซ่อนตัวที่โรงเก็บของบนภูเขา มีหมาป่าตัวผู้อีกหลายตัวที่อยู่ในโรงเก็บของเดียวกับภรรยาของไซมอน หนึ่งในหมาป่าเพศผู้นั่นเองได้มีอะไรกับภรรยาของไซมอน

หลังจากที่ขี่สัตว์บินขึ้นไปบนภูเขาบูดาเปสต์ กลุ่มออร์คเองก็ได้ถูกแบ่งออกเป็นทหารกลุ่มเล็กๆ ที่มีสมาชิกหน่วยเพียง 10 คนเท่านั้น จากนั้นกลุ่มหน่วยทหารเองก็ได้ออกเดินทาง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นเมื่อพวกเขาเริ่มออกเดินทาง พวกหน่วยทหารทั้งหลายหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปโจมตีเมืองแต่พวกเขาจะเลือกโจมตีหมู่บ้านเล็กๆ แทน การโจมตีหมู่บ้านเล็กๆ ทำให้พวกทหารเองได้รับรางวัลและทรัพยากรมากขึ้น การบุกโจมตีหมู่บ้านเล็กๆ สำเร็จทำให้ไซมอนนั้นได้รับความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้นตลอดระยะเวลาที่เดินทางมา

แต่แล้ววันหนึ่งไซมอนก็พบว่าภรรยาของเขากำลังตั้งท้อง หมาป่าเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์อย่างยิ่ง ความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้านายของพวกมันนั้นไม่เคยถูกพบมาก่อนในสัตว์ชนิดไหน เมื่อหมาป่าทารกเกิดมา สิ่งมีชีวิตแรกที่เห็นจะกลายเป็นเจ้านายของมันไปโดยอัตโนมัติ

โดยปกติแล้วถ้าหากภรรยาที่เป็นหมาป่านั้นตั้งท้องจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ไซมอนนั้นมีความสุขมาก ถ้าหากเป็นการตั้งท้องที่ปกติแล้วไซมอนคงจะให้สิทธิ์ในฐานะเจ้านายแก่พี่น้องของเขา เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมหมาป่านั่นเอง

แต่เนื่องจากที่นี่เป็นโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่ ไซมอนจะต้องต่อสู้และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากทุกเวลา หมาป่าที่ตั้งท้องหมายความว่าหมาป่าตัวนั้นจะไม่พร้อมที่จะต่อสู้ต่อไปนั่นเอง ถึงแม้จะเป็นหมาป่าแต่การที่มันตั้งท้องนั้นความสามารถหลายๆ อย่างในการต่อสู้นั้นจะลดลงนั่นเอง นอกจากนี้แล้วถ้าหากหมาป่าที่ตั้งท้องตัวนั้นได้รับความเสียหายมันจะส่งผลถึงลูกของมันด้วย

เท่ากับว่าตอนนี้หมาป่าเพศเมียที่เป็นภรรยาของไซมอนนั้นจะไม่สามารถติดตามหน่วยโจมตีนี้ได้อีกต่อไป สมาชิกของหน่วยตัวอื่นๆ เองก็ไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงกับปัญหาของไซมอนเช่นกัน เหตุลเดียวที่หมาป่าสามารถโจมตีหมู่บ้านต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องเป็นเพราะว่าความเร็วของพวกมันนั่นเอง ความเร็วของพวกหมาป่าในหน่วยโจมตีนั้นจะกำหนดชะตากรรมของพวกมันเองในระหว่างบททดสอบความเป็นความตายนี้ด้วย

ไซมอนเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในขณะที่คนอื่นๆ นั้นได้ออกไปหมดแล้ว ไซมอนไม่กล้าที่จะให้เปิดประตูให้ใครเข้ามาในระหว่างที่เขาอยู่กับภรรยา ตอนนี้ภรรยาของเขากำลังที่จะให้กำเนิดลูกนั่นเอง

ทุกๆ ครั้งที่ไซมอนออกล่าอาหารในป่า เขาจะได้อาหารที่เพียงพอสำหรับกินอยู่ของตัวเขาเองและคู่หูเสมอ ไซมอนมักจะคิดอยู่คนเดียวเสมอว่าเมื่อไรเขาจะได้เป็นเจ้าของที่ดิน ถ้าหากเป็นเจ้าของที่ดินได้การหาอาหารแบบนี้ก็คงจะไม่ต้องทำอีกต่อไป ความมั่งคั่งของพวกมนุษย์ในโลกเองดึงดูดพวกออร์คนับไม่ถ้วนรวมไปถึงไซมอนด้วย เป้าหมายของพวกออร์คนั้นมีอย่างเดียว - เป้าหมายนั้นคือการคว้าทรัพยกรมาและครอบครอบมันให้ได้มากที่สุด

ทุกวันนี้ไซมอนได้สลักวันเวลาไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง สิ่งที่ไซมอนต้องทำนั้นมีเพียงใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกสองเดือนนั้นอยู่รอดให้ได้ภายในป่าแห่งนี้ จากนั้นไซมอนจะสามารถกลับไปพบกับพวกพ้องในอาณาจักรออร์คได้

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด