ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0627 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0629 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0628 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 628 : คนลวงโลก

นิ้วของฉินหยุนเข้าใกล้ มันไม่คล้ายมีพลังอันใดปรากฏแม้สักนิด

นั่นก็เพราะ พลังทั้งหมดได้รวบรวมเอาไว้ที่ปลายนิ้วแล้ว!

หากปะทะไม่ถูกเป้าหมาย พลังย่อมไม่ปะทุ

นี่ถือเป็นความยอดเยี่ยมของดัชนีทะลวงฟ้า!

สตรีหน้ากากขาวไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนโจมตีในฉับพลันได้รวดเร็วเพียงนี้ และสำหรับนาง ก็สายเกินไปที่จะหลบเลี่ยงแล้วด้วย

ตู้ม!

นิ้วของฉินหยุนจิ้มที่ฝ่ามือสตรีหน้ากากขาว ส่งผลให้เกิดสายฟ้าแล่บแปลบปลาบสั่นสะท้านทั้งฟากฟ้า

ลำแสงสีดำทะลวงผ่านไหล่สตรีหน้ากากขาวพร้อมระเบิดพลังออก

แขนของสตรีหน้ากากขาวถูกฉีกกระชากโดยดัชนีทะลวงฟ้าของฉินหยุน พริบตาเดียวมันจึงกลายเป็นเศษเนื้อ

“นี่เจ้า...”

สตรีหน้ากากขาวตื่นตะลึง นางย่อมทราบว่านี่คือดัชนีทะลวงฟ้า กระนั้น นางไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนสามารถเชี่ยวชาญมันได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

คิดเชี่ยวชาญวิชายุทธ์สวรรค์ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลานับปี

แต่ฉินหยุนเพียงเพิ่งได้รับดัชนีทะลวงฟ้าไม่นาน เขากลับเชี่ยวชาญกระบวนท่าจนนำมาใช้จริงได้แล้ว!

สตรีหน้ากากขาวประเมินความสามารถรู้และเข้าใจวิชายุทธ์ของฉินหยุนต่ำเกินไป!

“หยุนเอ๋อ!” ฉินหยุนเร่งรีบตะโกนดังภายในใจ

หลิงหยุนเอ๋อรอคอยโอกาสโจมตีมาโดยตลอด นางเร่งรีบใช้งานพลังแรงโน้มถ่วงระดับสูงสุดที่กักเก็บเอาไว้ สะกดลงที่ร่างของสตรีหน้ากากขาว

ตึง!

ร่างสตรีหน้ากากขาวร่วงหล่นลงกับพื้นเพราะแรงดึงดูดมหาศาลอย่างกะทันหัน

หยุนเอ๋อหดระยะของพลังแรงโน้มถ่วงระดับสูงสุดเหลือเพียงรัศมีหนึ่งเมตร เมื่อสะกดลงมา พลังนี้จึงแกร่งกล้ายิ่ง

สตรีหน้ากากขาวถูกสะกดลงกับพื้น นางตอบสนอง คิดใช้พลังอันรุนแรงสลัดแรงโน้มถ่วงให้พ้น

ฉินหยุนย่อมไม่พลาด ใช้งานก้าวเท้าเก้าสมบูรณ์ที่สอง เงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์!

เพราะสตรีหน้ากากขาวทุ่มพลังสุดตัวเพื่อเป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วง นางจึงไม่อาจใช้พลังสุดขีดที่มีได้อีกในระยะเวลาอันสั้น

และชั่วขณะนี้ นางไม่อาจเห็นหรือสัมผัสถึงออร่าของฉินหยุน

นี่คือพลังของเงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์ มันจะทำให้ผู้ใช้เลือนหายโดยไม่หลงเหลือร่องรอยออร่าใดขณะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง

สตรีหน้ากากขาวตื่นตะลึง นางไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะสามารถเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาแกร่งกล้ามากมายได้ในระยะเวลาอันสั้น

นี่ก็เพราะ ฉินหยุนไม่เคยเผยใช้งานพวกมันมาก่อน

ขณะสตรีหน้ากากขาวหาตัวฉินหยุน นางพลันรับรู้ถึงอันตราย!

ตู้ม!

ฉินหยุนใช้งานสามฝ่ามือของฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์!

ฝ่ามือทั้งสามโจมตีได้สำเร็จ ฝ่ามือที่สองโจมตีตามหลังฝ่ามือแรก ได้เข้ากลืนกินพลังจากฝ่ามือแรกพร้อมเท่าทวีพลังให้เพิ่มมากขึ้น!

และฝ่ามือที่สาม มันเร่งรีบเข้ากลืนกินพลังฝ่ามือที่สองซึ่งเพิ่มพูน เพิ่มพลังขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง!

พลังที่เพิ่มขึ้นนี้ มันเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา

ด้วยเหตุนี้ เมื่อฝ่ามือแรกโจมตี มันจึงไม่รุนแรง ทว่าในพริบตา มันจะยิ่งเท่าทวีความแข็งแกร่งและรุนแรง

ในเวลาเดียวกัน หลิงหยุนเอ๋อได้ปลดปล่อยคลื่นพลังแรงโน้มถ่วงระดับสูงสุดออกมาอีกครั้งหนึ่ง!

สตรีหน้ากากขาว ผู้ซึ่งคิดหลบเลี่ยงการโจมตี กลับถูกกดดันอย่างหนักจนร่างเคลื่อนได้ช้ายิ่ง

ตู้ม!

พลังจากสามฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์โจมตีใส่สตรีหน้ากากขาว เกิดขึ้นเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่พื้น

พลังฝ่ามือคำรามร้องทะลวงผ่านลงสู่พื้นดินห้วงลึก เกิดขึ้นเป็นหลุมที่ลึกลงไปมากยิ่งขึ้น!

สตรีหน้ากากขาวหายไปแล้ว!

ฉินหยุนหลับตา พบว่าแต้มที่ติดลบเจ็ดพัน เวลานี้กลายเป็นติดลบสองพัน ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่าแต้มเพิ่มขึ้นมาห้าพัน สตรีหน้ากากขาวถูกเขาสังหารแล้ว

“ในที่สุดพวกเราก็จัดการนางได้!” ฉินหยุนเกิดความกังวลขึ้นในทีแรก ว่าสตรีหน้ากากขาวจะหลบหนีจากการถูกสังหาร

หมัดขณะนี้กำแน่น เขารู้สึกยินดี เป็นความรู้สึกแห่งความสำเร็จ

ที่ทำเขาตื่นเต้นยินดีที่สุด คือตัวเขาจะได้สามารถเข้าสู่พื้นที่ต้องห้าม สามารถเข้าถึงต้นกำเนิดเซียน กระทั่งจะได้ใช้บรรทมเซียนตะวันจันทรา

“สงสัยนักว่าสตรีคลั่งผู้นั้นจะรักษาสัญญาหรือไม่!” ฉินหยุนยืนนิ่งกับที่ไม่ไหวติง เขากำลังรอคอยให้สตรีหน้ากากขาวกลับมา

เขารอคอยไม่ทันถึงครึ่งชั่วยาม สตรีหน้ากากขาวจึงปรากฏตัว

“ท่านสัญญากับข้าแล้ว สัญญานั้นท่านคิดรักษาหรือไม่?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นสตรีหน้ากากขาว

“ข้ากลับคืนคำพูดแล้วเจ้าทำอะไรได้? ข้าย่อมไม่ตกลงกับเจ้า!” นางไม่ยินดีอย่างยิ่ง เพราะนางถูกฉินหยุนสังหารอีกครั้งคราหนึ่งแล้ว

ฉินหยุนพอได้ยิน เขากลับกลายเป็นมีโทสะ

“คนลวงโลก!” ฉินหยุนคำรามดังกราดเกรี้ยว หลิงหยุนเอ๋อปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงระดับสูงสุด

ฉินหยุนใช้ฝ่ามือโจมตีจากระยะไกล เขาใช้พลังความสามารถเทวะแผ่นดินไหว ร่วมผสานเข้ากับพลังเต๋าแรกเริ่มเก้าสมบูรณ์ ปลดปล่อยเป็นฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์

แม้เขาอยู่ห่างหลายสิบเมตรจากสตรีหน้ากากขาว ฝ่ามือของเขากลับทะลวงผ่านร่างนาง ฉีกกระชากร่างนั้นออกเป็นชิ้น

แขนและไหล่ของฉินหยุนกระดูกแตกร้าวจากแรงปะทะที่ฝืนปลดปล่อยออก

แต้มของเขาเพิ่มขึ้นมาเป็นสามพัน!

“คำกล่าวจากนางไม่เคยมีอะไรเชื่อถือได้!” ฉินหยุนสบถภายในใจ เขาออกจากเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์อย่างนึกโกรธแค้น

ฉินหยุนตื่นขึ้นจากเตียง นั่งขัดสมาธิ พร้อมถอนหายใจยาว “ดูเหมือนคงต้องคิดหาทางอื่นเพื่อเข้าถึงต้นกำเนิดเซียนแทนแล้ว!”

ฉินหยุนถูกโกงอย่างซึ่งหน้า เขารู้สึกไม่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“หรือเจ้าคิดออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์เช่นนี้?” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ตอนนี้เจ้าอยู่อันดับสิบเอ็ดแล้ว ขึ้นสู่สิบอันดับแรกย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!”

“ข้าพอกับนางแล้ว!” ฉินหยุนสบถดัง “ข้าจะไปเสียเดี๋ยวนี้!”

เขาลุกขึ้นยืน เตะประตูเปิดดังอย่างคิดระบาย

ฉินหยุนก้าวเดินออกพ้นจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เขามุ่งหน้าไปพบมู่เฟิงที่ตำหนักจารึกเทวะตะวันออก

มู่เฟิงพอทราบว่าฉินหยุนมาถึง เขาจึงเร่งรีบมาทักทาย

“ฉินหยุน เจ้ามาคนเดียวหรือ? อันตรายนัก!” มู่เฟิงนึกว่าอย่างน้อยฉู่ปินอวี้สมควรร่วมทางมาด้วย

“เหล่ามู่ ข้าขออยู่ที่นี่สักพัก ข้าไม่คิดกลับไปนครเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว!” ฉินหยุนกล่าวอย่างนึกเจ็บแค้นในอก

“เกิดอะไรขึ้น? พวกคนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ขับไล่เจ้าออกมาอีกแล้วหรือ?” มู่เฟิงขมวดคิ้วกล่าวถาม “พวกเขาเป็นสวะถึงเพียงนั้น? นี่ก็ดี เช่นนั้นไปขอลี้ภัยที่เกาะจันทราปีศาจ ภูติปีศาจที่นั่นล้วนงดงามยิ่ง!”

ฉินหยุนย่อมคิดอยากไปเกาะจันทราปีศาจ ทว่าหากเขาไปจริง เท่ากับเขาจะสร้างปัญหาให้แก่เกาะจันทราปีศาจ

“ตอนนี้ข้ายังไม่คิดไปไหน คิดอยากมาตกเหยื่อหาเหรียญม่วงที่นี่!” ฉินหยุนกล่าว

“ฉินหยุน เกิดอะไรขึ้นในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ อะไรที่ทำให้เจ้าโกรธเคืองเพียงนี้?” มู่เฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“มันผู้นั้นสัญญาต่อข้า แต่กลับไม่รักษาคำพูด!” ฉินหยุนเบ้ปากกล่าวคำ “เป็นคนลวงโลก!”

มู่เฟิงกล่าว “หากเจ้ายังสนใจในตัวสำนักเซียน อย่างนั้นไปตำหนักเซียนดาบ พวกเขาย่อมให้การต้อนรับเจ้า!”

ตำหนักเซียนดาบย่อมต้องมีต้นกำเนิดเซียน ทว่าคิดเข้าใกล้ไม่มีทางใช่เรื่องง่าย

“ขอข้าคิดดูก่อน ขอข้ายืมห้องด้วย ข้าคิดอยากพักสักหลายวัน!” ตลอดช่วงที่ผ่านมา ฉินหยุนเก็บตัวใช้เวลาที่มีแทบทั้งหมดฝึกฝนวิชายุทธ์ เป็นเขาไม่มีเวลาพักผ่อนแม้เพียงครึ่งชั่วยาม

ตอนนี้ เขาคิดพักสักหลายวัน

หลังอยู่ร่วมในตำหนักจารึกเทวะกับมู่เฟิงหลายวัน ฉู่ปินอวี้มาเยือน

ฉู่ปินอวี้คือผู้ที่ดูแลฉินหยุนดียิ่ง ดังนั้นฉินหยุนจึงคิดต้องการพบเจอ

“ฉินหยุนเกิดอะไรขึ้นแล้ว? เหตุใดเจ้าออกจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์โดยไม่บอกผู้ใด? หากไม่ใช่เพราะเหล่ามู่บอกต่อข้า ข้าคงไม่ทราบแล้วว่าเจ้าอยู่ที่นี่ พวกเราหาตัวเจ้ามานานนัก!” ฉู่ปินอวี้กล่าว

“จ้าวสำนัก มันผู้นั้นลวงหลอกต่อข้า ข้าย่อมไม่กลับไปนครเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว!” ฉินหยุนพอคิดถึงเรื่องนี้ เขายิ่งมีโทสะ

“จ้าวสำนักบอกต่อข้าให้มาพบเจ้า เขากล่าวว่ามีคนต้องการให้เจ้าไปพบเจอ!” ฉู่ปินอวี้กล่าว “เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกับเจ้า!”

“ข้าย่อมไม่ไปแล้ว บอกนางคิดทำอะไรจงทำไป!” ฉินหยุนบุ้ยปาก “คนลวงโลกเช่นนั้นข้าย่อมไม่คิดเจอหน้า!”

“จ้าวสำนักร้องขอให้พวกเรามาบอกต่อเจ้า ดังนั้นเจ้าควรไปพูดคุยกับจ้าวสำนักก่อน!” ฉู่ปินอวี้เผยสีหน้าลำบากใจ “เจ้าได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้มากแก่นครเซียนยุทธภัณฑ์ บรรดาเบื้องบนต่างตระหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขาเวลานี้ยังมีข้อขัดแย้งถกเถียงกันอยู่!”

“ได้!” ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ก่อนจะรับคำ

ฉินหยุนตามฉู่ปินอวี้ออกจากตำหนักจารึกเทวะตะวันออก กลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ มุ่งหน้าสู่อาคารด้านบนยอดเขา

ฉู่ปินอวี้คุ้มกันฉินหยุนส่งถึงห้องหนังสือของเปาเฉิงโฉ่วก่อนจากไป

เปาเฉิงโฉ่วสวมใส่ชุดขาว รูปลักษณ์ยังคงเป็นผู้มีชีวิตชีวา เมื่อพบฉินหยุน เขาจึงเร่งรีบยิ้มกล่าว “ฉินหยุน หลายวันมานี้เจ้าไปที่ใดมากัน?”

“นางคิดพบข้าหรือ?” ฉินหยุนไม่คิดเสียเวลาพูดคุยอื่นใด

“ใช่! นางกล่าวว่าต้องการพูดคุยกับเจ้า ทว่า นางไม่อาจหาตัวเจ้าในเขตแดนจินตภาพได้พบในช่วงหลายวันมานี้” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว “นางทำอะไรผิดไปหรือ?”

“ข้าย่อมไม่คิดพูดถึงนางอีก และข้าจะไปจากนครเซียนยุทธภัณฑ์เดี๋ยวนี้ บอกลานางแทนข้าด้วย!” ฉินหยุนกล่าวโกรธเคือง “นางก็เป็นได้แค่คนลวงโลก!”

กล่าวคำจบ เขาจึงเร่งรีบเดินออกจากห้องหนังสือ

เปาเฉิงโฉ่วเร่งรีบเข้ามารั้งเขาเอาไว้ “ฉินหยุน หากเจ้ามีเรื่องใด คุยกับนางก่อนคิดจากไป!”

เขาย่อมทราบว่าฉินหยุนมีเรื่องโกรธแค้น กระนั้นเขาไม่ทราบถึงเหตุผล

“ข้าไม่คิดพูดคุยอันใดกับนางอีก!” ฉินหยุนยิ่งนึกยิ่งมีโทสะ

“ก็คล้ายจะเป็นเช่นนั้น แต่หากนางต้องการพบเจ้า หมายความว่านางต้องการประนีประนอมด้วย!”

เปาเฉิงโฉ่วไม่คิดอยากให้ฉินหยุนไปจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ เขาคือศิษย์ที่ยอดเยี่ยม ทว่าค่อนข้างเอาแต่ใจตนเองไปสักเล็กน้อย

“ข้าไม่คิดเชื่อคำกล่าวอ้างใดของนางอีก ข้าเชื่อว่านางจะใช้โอกาสนี้มาเย้ยหยันข้าก่อนไปพ้นจากนครเซียนยุทธภัณฑ์!” ฉินหยุนยิ่งไม่ยินดี “จ้าวสำนัก ลาก่อน ข้าจะไปยังตำหนักเซียนดาบ!”

“อย่าได้ไปแล้ว!” เปาเฉิงโฉ่วปล่อยพลังอ่อนนุ่มออกมาขวางฉินหยุน จากนั้นจึงลากตัวเขาไปยังห้องส่วนตัวก่อนจะขังเอาไว้ที่ภายใน

“ฉินหยุน เจ้าอดทนรอสักประเดี๋ยว ข้าจะไปหาท่านผู้นั้นเดี๋ยวนี้!” เปาเฉิงโฉ่วยิ้มให้ก่อนเร่งรีบจากไป

ฉินหยุนโจมตีใส่ผนังซ้ายขวาของห้องลับพร้อมสบถโกรธแค้น

ห้องนี้เป็นห้องฝึกฝนของเปาเฉิงโฉ่ว มันจึงแข็งแกร่งทนทานยิ่ง ไม่ว่าฉินหยุนโจมตีเพียงใด เขาไม่อาจทำลายมัน กระทั่งใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง ก็ยังไม่อาจหลบหนี

“บัดซบ!”

ฉินหยุนที่รู้สึกเหนื่อยจึงนั่งกับพื้น

หากเขาคิดอยากออกไปจริง เขาก็มีแต่ต้องให้โมโมออกมาช่วยทำลายม่านพลังจารึกที่นี่

แต่แล้ว เขาพลันนึกอะไรขึ้นได้ ว่าหากได้พบเจอสตรีหน้ากากขาว ได้ก่นด่านางสักชุดหนึ่ง มันจะช่วยระบายโทสะให้แก่เขาได้

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ประตูห้องลับเปิดออก สตรีหน้ากากขาวเดินเข้ามา นางไม่เผยออร่าใดทั้งสิ้น

เปาเฉิงโฉ่วเร่งรีบปิดประตู ก่อนจะทิ้งให้ฉินหยุนอยู่กับสตรีหน้ากากขาวเพียงลำพัง

“ท่านมันคนลวงโลก!” ฉินหยุนพอได้เห็นสตรีหน้ากากขาว เขาจึงสบถดังออกโดยทันที

“แล้วอย่างไร?” สตรีหน้ากากขาวหัวเราะดัง “ข้าหยอกเจ้าเล่น จงใจคดโกงต่อเจ้า แล้วเจ้าทำอะไรข้าได้?”

ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก สะกดความโกรธเอาไว้ภายใน พยายามใจเย็นลง เขากล่าวเชื่องช้า “ข้าถูกท่านหลอก ข้ายอมรับ! มันก็ควรเป็นเช่นนั้น ใครบอกให้ข้าบังเอิญไปเห็นร่างเปลือยท่าน? ได้เห็นร่างชราภาพเช่นนั้น มีแต่ทำให้ดวงตาข้าเสื่อมเสีย!”

“เจ้า... สมควรตายนับหมื่นครั้ง!” สตรีหน้ากากขาวเวลานี้ประหนึ่งภูเขาไฟปะทุออก นางคำรามเสียงดังสนั่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด