ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0626 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0628 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0627 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 627 : ความตายวนซ้ำ

ฉินหยุนคิดอยากสนทนากับสตรีหน้ากากขาวมาโดยตลอด เพราะเขาต้องการเข้าสู่พื้นที่ต้องห้าม เพื่อเข้าถึงต้นกำเนิดเซียน

ครานี้ ในที่สุดเขาค่อยมีโอกาส

“หรือสตรีหน้ากากขาวนั่นทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อเรา?” ฉินหยุนขมวดคิ้ว “แต่ไม่น่าเป็นไปได้! นางเป็นบุคคลโหดเหี้ยมอำมหิต ทุกครั้งที่พบหน้า นางพร้อมระเบิดพลังใส่ได้ทุกเมื่อ!”

“อะไรก็ดี อย่างน้อยที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ แม่นางหน้ากากขาวนั่นก็ไม่ได้ทำอะไรเจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกล่าว “เจ้าต้องแข็งแกร่งโดยเร็ว เลื่อนระดับไม่ใช่ทางที่ถูก กระทั่งว่าเจ้ากินเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดเข้าไป ก็ยังไม่อาจก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง เจ้าได้แต่ต้องฝึกฝนวิชายุทธ์ที่มีแล้ว”

“คงต้องเป็นเช่นนั้น!”

ฉินหยุนพลันนึกถึงหยางฉีเย่ว์ขึ้นมา

หากหยางฉีเย่ว์อยู่ที่นี่ สอนสั่งวิชายุทธ์แก่เขา คิดเชี่ยวชาญพวกมันอย่างรวดเร็วไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าระดับความรู้และเข้าใจด้วยตนเองของเขาก็ไม่ใช่เลวร้าย และการเรียนรู้พวกมันสำหรับเขาแล้ว ถือว่าง่ายกว่าผู้อื่นมากนัก

ฉินหยุนได้ตระหนัก ว่าวิชายุทธ์ที่ตนเองกำลังเรียนรู้อยู่ มันจะเชี่ยวชาญได้เร็วขึ้นก็ต่อเมื่อเผชิญศึกเป็นตายอย่างบ่อยครั้ง

“เหมือนว่ามีแต่ต้องเผชิญหน้ากับสตรีหน้ากากขาว ให้ถูกฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้น!” ตลอดมา ฉินหยุนมักต้องเผชิญกับความยากลำบากเมื่อคิดเรียนรู้อะไรก็ตามด้วยตนเอง

ตอนนี้ เขาตัดสินใจเข้าต่อสู้กับสตรีหน้ากากขาวเพื่อฝึกฝน

มีแต่การยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า สูญเสียแต้มจำนวนมหาศาล แต่สุดท้ายแล้วเขาจะไม่แพ้ เพราะที่เขาได้คือประสบการณ์การต่อสู้และใช้งานวิชายุทธ์ของจริง

ตอนนี้ หากเขาคิดอยากแข็งแกร่งขึ้น ก็มีแต่ต้องเพิ่มฝีมือทางวิถียุทธ์

“ชักสงสัยแล้วสิ ว่าเจี้ยนหนันหู่ผู้นั้นเมื่อเข้าร่วมงานประลองยุทธ์จะแข็งแกร่งเพียงใด?”

ฉินหยุนพลันเกิดคำถามขึ้นมา เพราะเขาทราบ ว่าเจี้ยนหนันหู่เป็นตัวตนที่บ้าคลั่งผู้หนึ่ง

นอกจากนี้ พรสวรรค์อีกฝ่ายยังสูงส่ง ร่วมกับการฝึกฝนหนักหนา ผ่านไปไม่กี่เดือน เขาย่อมต้องก้าวหน้าครั้งใหญ่ และแข็งแกร่งมากกว่าที่เคยเป็นอย่างมหาศาลแน่

“เพราะเหตุนั้นเจ้าก็ต้องฝึกฝน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ในงานประลองยุทธ์ เจี้ยนหนันหู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้เพียงผู้เดียวของเจ้า ยังจะมีคู่ต่อสู้คนอื่นที่เหนือล้ำ!”

“อืม!” ฉินหยุนก้าวเดินออกจากเขตเมือง

หลายคนต่างทราบ ว่าฉินหยุนสูญเสียแต้มไปหลายร้อยเพราะหัวหน้ากองกำลังชุดดำ

กลุ่มศิษย์ของฝ่ายตระกูลใหญ่ย่อมยินดี เพราะพวกเขาต่างเชื่อ ว่าฉินหยุนกำลังจะจมดิ่งสู่ห้วงลึก

นี่เป็นเรื่องที่หลายคนในเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ต่างเห็นพ้องต้องกัน

เพราะก่อนหน้านี้ฉินหยุนไปยั่วยุกองกำลังชุดดำเข้า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะถูกล้างแค้น

ตอนนี้เขตแดนจินตภาพไม่หลงเหลือกระดูกสัตว์ ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของกองกำลังชุดดำ

ต้องทราบว่าตลอดหลายปีมานี้ เขตแดนจินตภาพไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งฉินหยุนก่อการใหญ่

“ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว ชั่วชีวิตที่เหลือคงต้องมีแต่แต้มติดลบไปตลอดกาล!”

“หัวหน้ากองกำลังชุดดำแข็งแกร่ง ฉินหยุนไม่มีทางเอาชนะได้แน่”

“เขาออกไปอีกแล้ว คงคิดอยากลองจนกว่าจะรู้ตัวกระมัง!”

ผู้คนต่างมองฉินหยุนออกจากเมืองก่อนจะทอดถอนใจ

ฉินหยุนออกจากเมือง มุ่งหน้าไปทางภูเขาตรงหน้า ผ่านไปครึ่งชั่วยาม สตรีหน้ากากขาวปรากฏตัวอีกครั้ง

“ที่พูดกล่าวครั้งก่อนเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” ฉินหยุนเร่งรีบถอยเมื่อเห็นสตรีหน้ากากขาว พร้อมกันนี้เขาเร่งร้อนถาม

“ข้าไม่คิดกลับคืนคำพูด!” สตรีหน้ากากขาวตอบคำ พร้อมผลักฝ่ามือโจมตีเข้าใส่

ฉินหยุนหลบเลี่ยงรวดเร็ว เสียงเย็นเยือกกล่าวออก “ข้าย่อมไม่เชื่อ! ก่อนหน้าท่านกระทำตัวไร้ยางอาย โดยเฉพาะครั้งที่ข้าเกือบสังหารได้ เป็นท่านหลบหนีความตาย!”

“หุบปาก!” สตรีหน้ากากขาวคล้ายมีโทสะ นางปล่อยหมัดออกรวดเร็ว กำลังก็เพิ่มขึ้น

ตอนนี้ ฉินหยุนอยู่ระหว่างการฝึกฝนวิชายุทธ์ เป้าหมายของเขาคือรู้แจ้งวิชายุทธ์อย่างลึกล้ำ โดยอาศัยศึกความเป็นและความตาย

สตรีหน้ากากขาวเหนือล้ำยิ่ง นางไม่คิดเสียเวลากับฉินหยุน ลงมือสังหารได้อย่างรวดเร็วและหมดจด

ฉินหยุนตื่นเต้น ทุกครั้งที่ตาย เขาจะออกมาโดยทันทีเพื่อหาตัวสตรีหน้ากากขาว

ตัวเขาตอนนี้ ไม่สนใจเรื่องแต้มอีกต่อไปแล้ว

สำหรับเขา สิ่งสำคัญคือเชี่ยวชาญวิชายุทธ์ที่จะนำพามาซึ่งกำลังอันแข็งแกร่ง

มีแต่วิธีนี้ จึงทำให้เขาสามารถสังหารสตรีหน้ากากขาวได้

ตราบเท่าที่เขาสามารถเอาชนะสตรีหน้ากากขาว เมื่อนั้นแต้มก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว

ผ่านไปหนึ่งเดือน แต้มของฉินหยุนติดลบเจ็ดพัน!

ผู้คนต่างอดไม่ได้ที่จะเผยความนับถือต่อฉินหยุนกันแล้ว การทำใจรับแต้มติดลบมหาศาลเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นฝีมืออย่างหนึ่ง

หนึ่งเดือนแห่งความชอกช้ำ ฉินหยุนยิ่งมายิ่งเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญวิชายุทธ์

ลึกลงไป เขาลอบนึกขอบคุณต่อสตรีหน้ากากขาว ต้องทราบว่านางคือตัวตนครึ่งเซียน กระนั้นนางกลับมีเวลามาประมือกับเขาโดยตลอด

ในเขตเมือง ฉินหยุนอยู่ภายในกระโจม กำลังพึงพอใจกับความคืบหน้าของตนเอง

ก่อนหน้านี้ เมื่อต่อสู้กับสตรีหน้ากากขาว เขาจะถูกสังหารภายในยี่สิบกระบวนท่า

ทว่าตอนนี้ เขาสามารถต้านรับไว้ได้กว่าหนึ่งร้อยกระบวนท่าแล้ว

“ยิ่งผ่านไป เรายิ่งคุ้นเคยกับฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ทั้งสาม!” ฉินหยุนพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ

นอกจากนี้ เขายังได้เรียนรู้ก้าวเท้าเก้าสมบูรณ์เป็นก้าวที่สอง เงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์!

ส่วนที่ยังคืบหน้าน้อยนิด คือดัชนีทะลวงฟ้า เขาได้แต่ต้องทำความเข้าใจภาพรวมของมัน ขณะนี้ยังไม่อาจใช้งานมันออกมาได้

“เมื่อไหร่จะเอาชนะได้กันนะ!” หลังได้พักฟื้น ฉินหยุนจึงก้าวเดินออกจากกระโจม มุ่งหน้าไปยังประตูเมือง

ระหว่างที่ฉินหยุนฝึกฝนวิชายุทธ์ เขามักจะขลุกตัวอยู่แต่ในเขตแดนจินตภาพ

เพราะในเขตแดนจินตภาพ เขาจะถูกจำกัดทุกสิ่งอย่าง ภายใต้สภาวะอันโหดร้าย มันเป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้เขาได้แสดงแต่วิชายุทธ์ออกมา

กรณีนี้ หากข้อจำกัดเลือนหาย พละกำลังของวิชายุทธ์ที่เขาใช้งานออก ก็มีแต่จะมหาศาลมากยิ่งขึ้น

นี่คือหนึ่งในเสน่ห์ของเขตแดนจินตภาพ

ฉินหยุนพอคิดเรื่องนี้ พบว่าตนเองพึ่งพายันต์และอาวุธมากเกินไปจริง

เขาแทบไม่ต่างจากเจี้ยนหนันหู่ ผู้ซึ่งเอาแต่พึ่งพาดาบอย่างหนักหน่วง

กระทั่งว่าฉินหยุนไม่ใช้อาวุธ เขาก็ยังแข็งแกร่ง กระนั้น นั่นก็เพราะเขาครอบครองร่างลึกล้ำ

ตอนนี้เขาอยู่ในเขตแดนจินตภาพ เขาไม่มีทางได้ใช้งานพลังของร่างลึกล้ำ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องบีบบังคับตนเองเพื่อเพิ่มพูนทักษะทางวิถียุทธ์

ฉินหยุนก้าวเดินออกจากเขตเมือง มุ่งหน้าไปยังภูเขา

สตรีหน้ากากขาวปรากฏตัวรวดเร็วเหมือนดังเคย

ในช่วงเดือนมานี้ ฉินหยุนประมือกับสตรีหน้ากากขาวไปหลายต่อหลายครั้ง

“ครั้งนี้ ต้องเอาชนะให้ได้!” ฉินหยุนเผยความมาดมั่นออกมา

“สิบปีเจ้าก็ไม่มีทางเอาชนะข้าได้!” สตรีหน้ากากขาวลอยตัวกลางอากาศ ชุดสีดำของนางพลิ้วไหวกับสายลม

นางไม่ทำดังเช่นก่อนหน้า ที่มักเอาแต่บุกสังหารทันทีเมื่อพบเจอ

“ประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว!” ฉินหยุนเผยเสียงไม่ยินดี

“ข้าไม่ได้ปรามาสต่อเจ้า มันคือความจริง! ในเขตแดนจินตภาพ เจ้าไม่อาจพึ่งพาร่างลึกล้ำ ยันต์ลึกล้ำ และอาวุธลึกล้ำ มีแต่ต้องเผยศักยภาพแท้จริงผ่านตัวตนออกมา!” สตรีหน้ากากขาวกล่าว

“หนึ่งเดือนมานี้ข้าหาได้อยู่เฉยไม่!” ฉินหยุนเผยเสียงดัง “เป็นท่านไม่อาจยอมรับกระมัง!”

“เจ้าหรือคืบหน้า? เจ้ายังถูกข้าสังหารไม่หยุดหย่อน และเจ้าก็ไม่อาจทำร้ายข้าได้แม้เพียงนิด นี่คือความแตกต่างอันกว้างใหญ่!” สตรีหน้ากากขาวกล่าวอย่างเดียดฉันท์

“ข้าต้องใช้เวลาสิบปีเพื่อเอาชนะอย่างนั้นหรือ? อย่างนั้นข้าจะเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ได้อย่างไร?” ฉินหยุนกำหมัดเอาไว้แน่น

สตรีหน้ากากขาวสัมผัสได้ ว่าออร่าของฉินหยุนกำลังเพิ่มพูนจนตื่นตัวระวัง นางแค่นเสียงกล่าว “ด้วยระดับกำลังเช่นเจ้า อย่าได้นำตนเองไปขายหน้า!”

“แล้วเจี้ยนรั่วหยานกับผู้อื่นเล่า? เหตุใดพวกนั้นสามารถไปได้? เจี้ยนรั่วหยานแข็งแกร่งกว่านั้นอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนปฏิเสธไม่ยอมรับ

“ด้วยกำลังของเจ้า เจ้าไม่มีทางเอาชนะเจี้ยนรั่วหยาน!” สตรีหน้ากากขาวแค่นเสียง

“ข้าจะเอาชนะท่านวันนี้!” ฉินหยุนกล่าวกราดเกรี้ยว

สตรีหน้ากากขาวหัวเราะ “ฝันเฟื่อง!”

“ตราบเท่าที่ข้าโค่นล้มท่านได้ ข้าจะได้เข้าพื้นที่ต้องห้ามใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ถูกต้อง ทว่าสิบปีนี้เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้!” สตรีหน้ากากขาวเผยเสียงเหยียดหยัน “เจ้าควรสำนึกตนเองได้ และค่อยเพิ่มพูนพละกำลังไป!”

ฉินหยุนตะโกนกราดเกรี้ยว “อย่าได้กังวลไปแล้ว ข้าย่อมเอาชนะท่านได้ในวันนี้ ข้าจะได้เข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามนั่น!”

“หากเจ้าเอาชนะข้าในวันนี้ได้ ข้ายังจะให้เจ้าได้ใช้อุปกรณ์เซียนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ บรรทมเซียนตะวันจันทรา!” สตรีหน้ากากขาวหัวเราะ “ทว่าต่อให้อีกหลายวัน เจ้าก็ยังไม่อาจเอาชนะข้าได้!”

“รักษาคำพูดด้วย!” ฉินหยุนเกิดความตื่นเต้นยินดี

“เข้ามา!” สตรีหน้ากากขาวคำราม

ฉินหยุนใช้ร่างเงาประกายแสงสมบูรณ์เคลื่อนที่ในพริบตา

“ช้าไป!” สตรีหน้ากากขาวกล่าวคำ นางเร่งรีบใช้ฝ่ามือโจมตี เป็นนางนึกว่าสามารถโจมตีฉินหยุน ที่นางไม่คาดคิด คือฉินหยุนจะหลบเลี่ยงไปได้

ความเร็วของฉินหยุนมากล้ำกว่าก่อนหน้า!

ครั้งล่าสุดที่สตรีหน้ากากขาวประมือกับฉินหยุน ก็เพียงแค่สามวันก่อนเท่านั้นเอง

บ่อยครั้งที่นางเปิดศึกกับฉินหยุน ดังนั้นนางย่อมทราบถึงศักยภาพในตัวเขาเป็นอย่างดี

กระนั้น ความเร็วของฉินหยุนครั้งนี้กลับเพิ่มขึ้น เรื่องราวนี้ทำให้นางไม่อาจปรับตัวรับสถานการณ์ได้ทันเวลา เป็นนางคาดคะเนผิด

หลังจากหลบเลี่ยงการโจมตีของสตรีหน้ากากขาว ฉินหยุนพลันโจมตีรุนแรงด้วยหมัดสั่นไหวอสนีบาตอัคคี พลังของหมัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงฟ้าคำราม มันเคลื่อนพุ่งเข้าหาสตรีหน้ากากขาว

สตรีหน้ากากขาวรวดเร็ว หันกลับด้านพร้อมหลบเลี่ยงการโจมตี พร้อมกันนี้ นางได้ปลดปล่อยพลังเยือกแข็งออกมา

พื้นที่ภายในระยะสิบลี้กลับกลายเป็นแดนแห่งน้ำแข็งและหิมะ พายุหิมะเริ่มก่อตัว

พายุหิมะที่โหมพัด ฉินหยุนเร่งรีบออกจากพื้นที่ เพราะนั่นจะมีแต่ทำให้ตัวเขาเสียเปรียบ

กระนั้น ที่ชวนสิ้นหวังคือ ทุกสถานที่ซึ่งสตรีหน้ากากขาวเคลื่อนผ่าน พื้นที่โดยรอบจะแปรเปลี่ยนเป็นแดนหิมะ

“บุคคลผู้นี้คือครึ่งเซียน นางสะกดระดับการฝึกฝนอยู่ที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ระดับพลังที่นางใช้ไม่ใช่อย่างที่ควรเป็น!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “คิดต่อสู้ศึกผลาญพลังใช้ไม่ได้กับนาง!”

ฉินหยุนทราบจุดนี้กระจ่างชัดดี

“นางสะกดข่มข้ามาโดยตลอด ข้ายังไม่อาจหาโอกาสใช้งานฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์กับนางได้!” ฉินหยุนสบถออก ตัวเขาต้องเร่งรีบหลบเลี่ยงการโจมตีของสตรีหน้ากากขาวไม่หยุดหย่อน

หมัดและฝ่ามือของสตรีหน้ากากขาวรวดเร็ว มันมาพร้อมพายุหิมะรุนแรงเข้าสะกดข่ม

“ฉินหยุน จงยอมรับโชคชะตา ในระยะเวลาอันสั้น เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้!”

สตรีหน้ากากขาวคล้ายยินดีเป็นล้นพ้น การโจมตีของนางยิ่งดุดัน

ฉินหยุนถูกโจมตีหลายสิบครั้ง ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดเสียดแทงกระดูก ราวกับพลังในร่างแทบไม่อาจโคจรได้ไหลลื่นอีกต่อไป

“ไม่ดีแล้ว หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อ ร่างกายเราจะถูกแช่แข็ง นี่คือโอกาสที่จะได้ใช้บรรทมเซียนตะวันจันทรา จะพลาดไม่ได้!”

ฉินหยุนหลบเลี่ยงการโจมตีจุดตายของสตรีหน้ากากขาว

กระนั้นสตรีหน้ากากขาวยังคงไล่ตาม ฝ่ามือสีดำของนางยื่นขยายเปรียบดังกรงเล็บคิดพรากชีวิตฉินหยุน

“ด้วยกำลังของเจ้าตอนนี้ อย่าได้แม้แต่จะคิดเรื่องใช้บรรทมเซียนตะวันจันทรา จงกลับไปฝันหวานต่อเสียเถอะ!” สตรีหน้ากากขาวแค่นเสียง

ฉินหยุนมองฝ่ามือที่โจมตีเข้าใส่ ภายในหัวใจเริ่มอัดแน่นด้วยความขุ่นเคือง

“เราต้องชนะ!” เขาคำรามดังอยู่ภายใน สองนิ้วร่วมประสานโจมตีออก จ้วงแทงเข้าใส่สตรีหน้ากากขาว

ทันใดนี้เอง เขาพลันใช้กระบวนท่าแรกของดัชนีทะลวงฟ้าได้สำเร็จ ทะลวงขุนเขาแยกปฐพี!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด