ตอนที่แล้วGE425 ล่าสังหาร (2) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE427 ล่าสังหาร (4) [ฟรี]

GE426 ล่าสังหาร (3) [ฟรี]


ดวงจิตอัสนีทุกดวงตกตะลึง พวกมันไม่เคยได้ยินข่ายอาคมที่ช่วงชิงพลังชีวิตมาก่อน

การจะช่วงชิงพลังชีวิตได้นั้น ต้องอาศัยเต๋าอันยิ่งใหญ่ ต่อให้เป็นเซียนแห่งความจริงก็ใช่ว่าจะใช้วิชานี้ได้ แต่ข่ายอาคมนี้กลับทำได้!

พายุอัสนีก่อตัวขึ้นภายในข่ายอาคม พลังชีวิตของผู้ที่อยู่ภายในถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่แยกมิตรศัตรู

ผู้ที่มีพลังชีวิตน้อยล้วนถูกข่ายอาคมสูบจนเหือดแห้งตายไป แต่ถึงอย่างนั้น พวกที่เหลือรอดจะตายเมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลา

เหลยฉียี่และคนของมันทุ่มสุดตัวเพื่อทะลวงข่ายอาคมออกไป แต่ข่ายอาคมกลับทรงพลังเกินไป จนดูดซับการจู่โจมของพวกมัน เสริมการป้องกันให้ตัวเองจนแข็งแกร่งขึ้นอย่างอย่างน่ากลัว นั่นหมายความว่า ต่อให้เหลยฉียี่ดิ้นรนเท่าไหร่ ก็ออกไปจากข่ายอาคมไม่ได้

“หรือเราต้องมาตายกับมันที่นี่จริงๆ!” คนของวังสมบัติอนันต์มองหน้ากัน

ยามนี้ที่สูฟงยังไม่ตาย เพราะข่ายอาคมยังปลิดชีพศัตรูของมันไม่หมด จึงยังช่วยพยุงชีวิตของมันไว้

มันหัวเราะอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายสิ้นหวัง แต่เมื่อมันหันมองหนิงฝาน มันกลับขมวดคิ้ว!

“เหตุใดมันถึงยังสงบอยู่แบบนั้น เป็นไปไม่ได้!” สูงฟงโกรธแค้น เหตุที่มันทำถึงขนาดนี้ก็เพื่อจะลากหนิงฝานไปด้วย แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปตามที่มันคิด

มันอยากเห็นหนิงฝานสิ้นหวัง ดิ้นรนเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังหลีกหนีความตายไม่พ้น

แต่ยามนี้หนิงฝานยังคงยื่นนิ่งอย่างๆไร้ซึ่งความกลัว แต่ดวงตาเริ่มกลายเป็นสีดำสนิท พร้อมกับเก็บทาสของตนไป

ผมดำขลับของหนิงฝานเริ่มกลายเป็นสีเทา ผิวหนังเหี่ยวย่นราวกับแก่ลงมาก

แต่หนิงฝานกลับปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนั้นโดยไม่ขัดขืน

แม้พลังชีวิตจะถูกช่วงชิง แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบกับอายุกระดูก

การที่ผู้เชี่ยวชาญมีอายุถึงพันหรือหมื่นปี โดยที่ยังหนุ่มยังสาวอยู่นั้น เป็นเพราะคนเหล่านั้นมีพลังชีวิตมาก แต่หากถูกดูดกลืนพลังชีวิตไป คนเหล่านั้นก็จะแก่ตัวลงเป็นเรื่องธรรมดา

ยามนี้อายุกระดูกของหนิงฝานคือ 500 ปี แต่พลังชีวิตของเขา สามารถทำให้เขามีชีวิตได้มากถึง 5 - 6 พันปี จึงทำให้เขาไม่แก่

ถึงอย่างนั้น เมื่ออยู่ภายใต้ข่ายอาคมที่ช่วงชิงเวลาไป ต่อให้เป็นหนิงฝานก็ไม่อาจขัดขืนได้มากนัก

แต่ถึงข่ายอาคมจะทรงพลังขนาดนั้น หนิงฝานยังสามารถใช้หมอกเมฆาม่วงหนีจากข่ายอาคมได้ แต่เขาไม่ทำ

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขามีเหตุผล!

หนิงฝานสัมผัสได้ถึงบางสิ่งจากข่ายอาคมนี้ และเขาก็อยากจะทำความเข้าใจกับมัน

เหตุที่หนิงฝานมีโลหิตแห่งกาลเวลานั้น เป็นเพราะเขาเคยดูดซับผลึกแห่งกาลเวลามาก่อน ซึ่งตอนนี้ มันกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นภายในร่างกายของเขา

“เวลา… ถ้าข้าควบคุมมันได้อย่างอิสระ นอกจากข้าจะอยู่เหนือข่ายอาคมเวลา ข้ายังเอาชีวิตของข้ากลับมาได้ด้วย”

“ยามนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจในโลหิตแห่งกาลเวลา” หนิงฝานตัดสินใจเช่นนั้น เขาจึงถอนการป้องกันทุกสิ่ง และปล่อยให้ข่ายอาคมเวลาพรากอายุขัยของเขาไป

ด้วยที่เขาปลดการป้องกันทุกสิ่ง ข่ายอาคมแห่งนี้จึงพรากชีวิตของเขาไปเร็วกว่าผู้เชี่ยวชาญทั่วไปถึง 5 เท่า

เมื่อเห็นว่าหนิงฝานยังสงบใจได้ สูฟงก็เริ่มวิตก มันสัมผัสได้ว่าหนิงฝานกำลังกอบโกยผลประโยชน์บางอย่างจากข่ายอาคมของมัน แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าหนิงฝานจะทลายข่ายอาคมของมันออกไปได้

ยามนี้ชีวิตของสูฟงผูกติดอยู่กับข่ายอาคม แม้จะไม่มีผู้ใดสังหารมันได้ แต่มันก็ไม่สามารถจู่โจมผู้ใดได้เช่นเดียวกัน อย่างน้อยๆ สิ่งที่มันได้คือความสะใจจากการได้แก้แค้น

ด้วยความที่อายุขัยของหนิงฝานลดลงอย่างรวดเร็ว เขาจึงเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี ไปเป็นชายวัยกลางคนอายุ 30 - 40 ปี และชายชราอายุ 60 - 70 ปี อย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ทำให้เขาใจกฏแห่งเวลาและอายุขัยมากขึ้น

จากเยาว์วัยก้าวสู่เติบใหญ่… จากเติบใหญ่ก้าวสู่ความร่วงโรย…

หนิงฝานสังเกตุร่างกายที่ชราภาพลงอย่างต่อเนื่อง… ผมขาวยาว ผิวหนังเหี่ยวย่น ดวงตาพร่ามัวไร้ซึ่งอารมณ์

การได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และการไหลผ่านของชีวิต ทำให้จิตใจของหนิงฝานยกระดับไปมาก

“กาลเวลาคือสิ่งใด? หลายคนกล่าวว่ากาลเวลาคือการเดินทาง… ผู้ที่มีอายุยืนยาวจะได้เห็นการผัดเปลี่ยนหมุนเวียนของชีวิตจากรุ่นสู่รุ่น เวลาที่ผันผ่านคือชีวิตที่ดำเนินไป หากเทียบกับภูเขา เวลาที่ผ่านจะทำให้ภูเขาปริแตกไร้ซึ่งพลังแห่งชีวิตเหมือนก่อน เฉกเช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์...” หนิงฝานกล่าวกับตนเองในใจ โลหิตแห่งกาลเวลาในร่างค่อยๆเพิ่มพูน พร้อมกับดวงจิตของเขาที่ค่อยๆดูดซับโลหิตเหล่านั้นเข้าไป

ก่อนหน้านี้หนิงฝานไม่สามาาถควบคุมโลหิตแห่งกาลเวลาได้ แต่ยามนี้ เขากลับรู้สึกว่าความเข้าใจในกฏแห่งกาลเวลาเพิ่มขึ้น ความเข้าใจที่มีต่อโลหิตแห่งกาลเวลาจึงเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า หากไม่ประสบกับตนเองก็ไม่มีวันเข้าใจ นี่คือคำอธิบายว่าเหตุใดหนิงฝานถึงเข้าใจ

ดวงตาที่พร่ามัวจนแทบจะมองไม่เห็นของหนิงฝานเปล่งประกาย เขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งกาลเวลาอย่างชัดเจนแล้ว

“ข้าเข้าใจในพลังแห่งกาลเวลาแล้ว เหตุที่ข้ายังไม่อาจควบคุมเวลาได้เพราะระดับพลังของข้ายังด้อยเกินไป อย่างน้อยข้าสมควรบรรลุเซียน...”

“ข้าเข้าใจการทำงานของข่ายอาคมนี้… เข้าใจวิธีการควบคุมเวลา พรากอายุขัยของคนที่อยู่ภายใน เหตุที่มันช่วงชิงอายุขับของผู้อื่นได้ เพราะมันเข้าถึงพลังแห่งกาลเวลา แต่หากข้าเข้าถึงได้เหมือนมัน ข้าก็จะช่วงชิงอายุขัยของผู้อื่นได้เช่นกัน...”

หนิงฝานหันมองสูฟงพลางกล่าว “ขอบคุณที่มอบของขวัญให้ข้า...”

“ของขวัญ? พูดอะไรไร้สาระ ข้าไม่เคยมอบอะไรให้เจ้านอกเสียจากความตาย!” สูฟงเย้ยหยัน มันคิดว่าหนิงฝานเลอะเลือนเพราะอายุขัยที่ใกล้จะสูญสิ้น

หนิงฝานไม่กล่าวตอบ เมื่อครู่เขาบอกสูฟงเป็นนัยว่าข่ายอาคมของมันเป็นประโยชน์กับเขามาก

“ทำลาย!”

หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงแก่ชรา ดวงตาเปล่งแสงสีทองอร่าม แสงสีทองนั่นไม่ใช่ปราณกระบี่ ไม่ใช่อัสนีทองคำ แต่เป็นพลังบางอย่างที่ไม่อาจวัดค่าได้

แม้มันจะด้อยว่าพลังแห่งชีวิต แต่การปรากฏขึ้นของมันก็ทำให้เหลยฉียี่และสูฟงตื่นตระหนก

สูฟงอุทานด้วยความตกใจ “นั่นมันอะไร? พลังอะไรถึงได้น่ากลัวขนาดนั้น! แต่ถึงมันจะน่าสะพรึง พลังที่เบาบางเช่นนั้นไม่มีทางทะลวงข่ายอาคม...”

มันยังไม่ได้กล่าวจบ สีหน้าของมันกลับแข็งค้างด้วยความตกตะลึง

เส้นแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งผ่านท้องนภา ทะลวงเข้าข่ายอาคมอย่างง่ายดาย พลังที่อยู่ภายในข่ายอาคมเริ่มปั่นป่วน

เส้นแสงสีทองเมื่อครู่คือพลังที่คล้ายกับพลังแห่งกาลเวลา แต่ยังอ่อนด้อยกว่า หากจะกล่าว มันคือพลังในจุดเริ่มต้นของพลังแห่งกาลเวลา

ในเมื่ออยู่เหนือกว่าพลังแห่งกาลเวลาของข่ายอาคมได้ ก็เป็นประโยชน์กับหนิงฝาน

“ดูดกลืน!”

เส้นแสงสีทองเมื่อครู่ที่ทะลวงเข้าข่ายอาคม เริ่มผสานเข้ากับข่ายอาคม ดึงดูดเอาพลังแห่งกาล

พลังแห่งชีวิตที่ถูกพรากไปไม่อาจไหลย้อนคืนไปยังผู้เชี่ยวชาญ และการที่ข่ายอาคมถูกแทรกแซง ทำให้มันไม่อาจพรากพลังชีวิตไปจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญได้อีก

หนิงฝานเอื้อมมือไปเบื้องหน้า เส้นแสงสีทองที่ดูดซับพลังแห่งกาลเวลาเข้าไป ได้กลับสู่ร่างของหนิงฝาน ผันเปลี่ยนเป็นพลังงานให้ดวงจิตของเขาได้ดูดซับ

“เป็นไปไม่ได้! พลังของเจ้าทำลายข่ายอาคมเซียนได้… แสงสีทองนั่นมันคืออะไรกันแน่!” สูฟงตกตะลึง เมื่อมันแหงนหน้ามองท้องนภา มันเห็นผลึกสีแดงจำนวนมากลอยตระหง่าน ภายในผลึกเหล่านั้นอัดแน่นด้วยพลังแห่งชีวิตหลายร้อยปี!

ผลึกเหล่านั้นก่อตัวขึ้นจากพลังแห่งชีวิตของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ถูกพรากชีวิตไป หนิงฝานยังไม่สามารถดูดกลืนพวกมันได้ เพราะพลังชีวิตของผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น ไม่ได้มีพลังแห่งกาลเวลาแฝงอยู่ด้วย

สูฟงไม่อยากเชื่อว่าหนิงฝานจะทำลายข่ายอาคมของมันได้ ตั้งแต่มันเกิดมา ไม่มีผู้ใดทำลายข่ายอาคมนี้ได้มาก่อน เหตุใดผู้เยาว์คนนี้ถึงทำได้?

เมื่อข่ายอาคมพังทะลาย ก็ไร้ซึ่งพลังแห่งชีวิตพยุงร่าง ความตายจึงเริ่มย่างกรายใกล้เข้ามา สูฟงแผดเสียงร้องโหยหวนขัดขืน แต่สุดท้าย มันก็ไม่อาจหลีกหนีโชคชะตา ร่างกายสูญสลายเหลือไว้เพียงปฐมอัสนี

ท้องนภากลับมากระจ่างใสดังเก่า ไร้ซึ่งข่ายอาคมปกคลุม เหล่าผลึกสีแดงค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ

หนิงฝานในยามนี้ยังคงแก่ชรา ไม่อาจฟื้นคืนความเยาว์วัย เขาแหงนมองท้องนภาพลางหวนนึกถึงพลังแห่งกาลเวลา หากเขาดูดกลืนผลึกสีแดงเหล่านั้นได้ เขาคงได้ความเยาว์วัยคืนมา หรือบางที อาจทำให้เขาได้อายุขัยเพิ่มมากขึ้น

หนิงฝานชูมือขึ้นบนท้องนภา กระตุ้นหัวใจแห่งข่ายอาคมในร่าง เส้นแสงข่ายอาคมถักทอเต็มท้องนภา

แม้ว่าหัวใจแห่งข่ายอาคมจะสร้างข่ายอาคมได้เพียงระดับตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แต่เมื่อผสานรวมกับความเข้าใจในพลังแห่งกาลเวลา ข่ายอาคมของหนิงฝานก็ทรงพลังเพียงพอที่จะดูดซับเอาพลังแห่งชีวิตกลับคืนมา

หนิงฝานท่องทะยานไปบนท้องนภา แต่ละก้าวที่เยื้องย่าง ความเยาว์วัยหวนคืน แต่นอกจากความเยาว์วัยแล้ว สิ่งที่เขาได้คือพลังชีวิตรวมนับแสนปี ซึ่งการมีอายุขัยระดับนี้ต้องบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกเป็นอย่างน้อย

ยามนี้หนิงฝานสามารถใช้พลังแห่งกาลเวลาดูดซับพลังชีวิตได้แล้ว นั่นหมายความว่า เขาสามารถดูดซับพลังชีวิตของผู้อื่นได้ แม้เป็นเซียนที่มีอายุยืนยาวก็ไม่อาจรอดพ้นความตายหากเขาจะพรากพลังชีวิตพวกมัน

หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่ได้ครอบครองพลังแห่งกาลเวลาเหมือนหนิงฝาน พวกมันคงเลือกที่จะดูดซับพลังชีวิตผู้อื่น เพื่อทำให้พวกมันมีชีวิตนิรันดร์

แต่น่าเสียดายที่พวกมันไม่อาจทำเช่นนั้นได้!

แม้ยามนี้หนิงฝานจะมีอายุขัยยืนยาว แต่เขายังขาดพลัง ขาดเวลาในการทำหลายๆสิ่ง และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้

“สหายเต๋าซัว คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำลายข่ายอาคมได้! แต่… ผลึกสีแดงพวกนั้น เจ้าดูดซับเอาหมดเลยเหรอ?” เหลยฉียี่กล่าวถาม

“หรือท่านคิดว่าข้าไม่ควรดูดซับพวกมัน?” หนิงฝานกล่าวถามแทนที่จะตอบ

“ฮ่าฮ่า ข้าก็ถามไปงั้นไปแหละ เจ้าจะดูดซับหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า...”

ชายชรากล่าวปัดเป็นเชิงว่าไม่ได้อยากรู้ความลับอะไรของหนิงฝาน

แค่ศัตรูตัวฉกาจของชายชราถูกสังหาร ชายชราก็ดีใจมากแล้ว และตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้คือหนิงฝาน

หากชายชรากล่าวถามสิ่งต่างๆกับหนิงฝานมากเกินไป จะถือว่าไม่สุภาพเป็นอย่างยิ่ง

การช่วงชิงพลังชีวิตผู้อื่นเป็นของตน นับเป็นเรื่องท้าทายสวรรค์ ต่อให้ผู้ใดมีอายุขัยอยู่มากมายขนาดไหน หากถูกดูดกลืนไปก็ไม่มีทางรอด

ขอบเขตไร้ดัดแปลงที่ปกครองเขาระฆังทั้งหมดถูกสังหาร จนยามนี้ไม่เหลือผู้ใด

หยกอัสนีที่ได้มาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหยกอัสนีเงินหรือทอง ล้วนตกเป็นของเหลยฉียี่ หนิงฝานเก็บไว้เพียงปฐมอัสนีเท่านั้น

หากไม่ได้เหลยฉียี่ช่วย คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่หนิงฝานจะทำลายวังอัสนีแห่งนี้

ปฐมอัสนีจำนวนมหาศาลที่ได้ดูดซับระหว่างการเข่นฆ่า ทำให้อีกไม่นานเกราะอัสนีทองคำของเเขาจะยกระดับอีกครั้ง

“ไหนๆเจ้าก็จะทะลวงไปถึงชั้น 24 แล้ว เจ้าอยากให้พวกข้าช่วยเหลือเปล่า?” เหลยฉียี่กล่าวถาม

“หืม? ท่านบอกข้าเองไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากสู้กับราชามังกร?” หนิงฝานหันมองชายชรา ก่อนหน้านี้ชายชรากล่าวว่าหวาดกลัวราชามังกร และจะช่วยหนิงฝานสังหารเพียงสูฟงเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นชายชราก็ยยังถามราวกับอยากช่วย

“ถ้าไม่มีเจ้า ข้าย่อมกลัวราชามังกร...อีกอย่างเมื่อครู่พวกข้าก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากข่ายอาคม หากไม่ได้เจ้าพวกข้าคงไม่รอด ฉะนั้นข้าาจึงอยากตอบแทนบุญคุณ ร่วมรบไปพร้อมกับเจ้า”

“นายท่านพูดถูก! พวกข้าเองก็เต็มใจที่จะช่วยเจ้า” ฉู่หนานเฟิงและะคนอื่นๆก็กล่าว

หนิงฝานนิ่งเงียบไปชั่วขณะ คคนของวังสมบัติอนันต์รู้จักตอบแทนบุญคุณ นับว่าคนเช่นนี้หายาก การที่คนเหล่านี้ยอมช่วย จะทำให้หนิงฝานสบายขึ้นมาก เขาจึงไม่อยากปฏิเสธ

หนิงฝานอนุญาติให้คนเหล่านั้นติดตามไป แต่ก่อนจะไป ทั้งหมดจัดการกับสนามรบและพักจนหายเหนื่อย ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังชั้น 12

แต่ในขณะที่ทั้งหมดจากไป ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึง

“พวกเรามาช้าไป ที่ไม่ได้เห็นท่านสูฟงสังหารซัวหมิง! ฮ่าฮ่า ดูเหมือนท่านสูฟงจะจัดการซัวหมิงเรียบร้อยแล้ว!”

พวกมันเร่งเดินทางมาจากชั้น 10 โดยไม่พัก แต่ดูเหมือนมันจะมาช้าไป

เมื่อพวกมันก้าวเท้าเข้าเขาระฆัง พวกมันกลับตกตะลึง!

เขาระฆังถูกทำลายจนราบ ดวงจิตอัสนีนับไม่ถ้วนถูกสังหาร โลหิตไหลนองราวกับมหาสมุทร

ซากร่างจำนวนมากที่นำมากองรวมกัน มีทั้งขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ตัดวิญญาณ… และไร้ดัดแปลง!

“พวกเขาตายแล้ว… คนของท่านสูฟงถูกสังหาร” ผู้ปกครองชั้น 10 เหงื่อไหลพรั่งพรู มันไม่อยากเชื่อกับบเหตุการณ์ที่ปรากฏเบื้องหน้า

เมื่อมันเหลือบไปเห็นบริวเณที่มีกลิ่นอายแห่งความตายของสูฟงหลงเหลืออยู่ มันแทบทรุดเข่าลงกับพื้น

“สะ… สูฟงตาย?! สูฟงตายแล้ว! เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”

“ฮ่าฮ่า เจ้าไม่ต้องตกใจไป เพราะพวกเจ้าจะเป็นรายต่อไป!” เหลยฉียี่ยิ้มพลางกล่าว พวกหนิงฝานยังไม่ได้ไปชั้น 12 ทั้งหมดอำพรางกายเพราะสัมผัสได้ถึงการมาของพวกมัน

ดวงจิตอัสนีกลุ่มนี้สมควรเป็นคนของราชามังกร หากสังหารคนเหล่านี้ ย่อมทำให้ราชามังกรแค้นใจ

ในเมื่อชายชรารับปากหนิงฝานแล้วว่าจะช่วยจัดการราชามังกร ชายชราจะไม่ปล่อยดวงจิตอัสนีกลุ่มนี้ไปเด็ดขาด

“ฆ่ามัน!”

หนิงฝานปรากฏตัวบนท้องนภา หลังจากได้พักจนฟื้นฟู เขาก็สร้างเงาร่างทองคำของตนขึ้นมาได้อีกครั้ง

หนิงฝานคนเดียวแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น 6 คน ดังนั้นกลุ่มของผู้ปกครองชั้น 10 จึงไม่อาจรับมือ

พวกมันถูกระดมจู่โจมจนบาดเจ็บสาหัสในชั่วพริบตา

“เป็นไปไม่ได้! ก่อนหน้านี้ข้ายังตามล่าเจ้า เหตุใดเจ้าถึงทรงพลังขึ้นไวขนาดนี้!”

ผู้ปกครองชั้น 10 ตกตะลึงและไม่อยากเชื่อว่าพวกมันจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในชั่วพริบตา

ถัดจากนั้นไม่นาน เสียงร้องโหยหวนดังระงม คนของพวกมันถูกสังหารตายไปทีละตน หากจะเสียใจกับการกระทำก็สายไปแล้ว

หากพวกมันรู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกมันจะไม่ไล่ล่าหนิงฝาน

หากพวกมันรู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกมันจะไม่มายังชั้น 11 แห่งนี้้!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด