ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0624 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0626 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0625 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 625 : เริ่มใหม่

ครึ่งเซียนตระกูลหยางแทงหอกเข้าใส่ฉินหยุนด้วยความเร็วดังแสงฟ้าผ่า

มือที่เหี่ยวย่นของเปาเฉิงโฉ่วเข้าคว้าที่หอกยาวนั้นเวลาใดไม่ทราบ

“เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

เปาเฉิงโฉ่วจะปล่อยให้ผู้อื่นสังหารศิษย์ต่อหน้าตนเองได้อย่างไร?

“เจ้ากล้าก่อการอวดดีที่หน้าทางเข้าพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์อย่างนั้นหรือ? เจ้ายังอยากกลับไปทั้งมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่?” ทั้งร่างของเปาเฉิงโฉ่วปรากฏเป็นหมอกหนา มันคือพลังงานที่ครึ่งเซียนควบแน่นจนเกิดขึ้นออกมา ผู้คนใกล้เคียงต่างยากหายใจ

ฉินหยุนมองที่หอกตรงหน้า เขาต้องลอบตระหนก

อุปกรณ์ราชัน มันคือสิ่งที่วิวัฒนาการขึ้นจากอุปกรณ์เต๋า กล่าวได้ว่ามันไม่มีวิธีการสร้างอุปกรณ์ราชัน

แน่นอนว่านั่นก็แค่ตำนาน

ในเมื่อมีวิธีสร้างอุปกรณ์เซียน เหตุใดอุปกรณ์ราชันจึงไม่มีกันเล่า?

กระนั้น หากเป็นการวิวัฒนาการจากอุปกรณ์เต๋า วิธีการจะค่อนข้างง่ายดายกว่า

ครึ่งเซียนตระกูลหยางมีโทสะเป็นล้นพ้น เพราะเขาเพิ่งถูกฉินหยุนลวงหลอกตบทรัพย์

เจี้ยนรั่วหยานยืนที่ด้านข้าง นางต้องตื่นตระหนก

นางค่อยได้เห็นกับตาตนเอง ว่าฉินหยุนมีความกล้าสูงล้ำเพียงใด เขาเผชิญหน้ากับครึ่งเซียน หลอกลวงอีกฝ่าย รับเอาเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดมาอย่างหน้าตาเฉย

นางขณะนี้คิด ว่าผู้ที่หาญกล้ายั่วยุฉินหยุนในเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ ไม่ต่างอะไรกับรนหาความตาย

“ไสหัวไป!” เปาเฉิงโฉ่วคำรามดัง ขับไล่ครึ่งเซียนตระกูลหยาง

นครเซียนยุทธภัณฑ์คือสำนักเซียน คือสถานที่ตั้งของต้นกำเนิดเซียน มันหมายความถึงย่อมต้องมีผู้ฝึกตนขอบเขตครึ่งเซียน

ด้วยเหตุนี้ จึงมียอดฝีมือครึ่งเซียนซุกซ่อนอยู่ภายในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ไม่ใช่น้อย

กระทั่งว่าครึ่งเซียนตระกูลหยางอยู่ที่นี่ ทว่าก็เป็นเพียงผู้ชราภาพ หากพวกเขาคิดต่อสู้ ย่อมไม่เพียงพอให้รับมือกับครึ่งเซียนที่แกร่งกล้าเช่นเปาเฉิงโฉ่ว

“ฉินหยุน เจ้าต้องตายอย่างเลวร้ายด้วยมือตระกูลเรา!” ครึ่งเซียนตระกูลหยางเผยเสียงอัดแน่นด้วยความโกรธ “ไป ศิษย์ตระกูลหยางทั้งหมดในนครเซียนยุทธภัณฑ์ จงออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์เดี๋ยวนี้!”

เป็นดังคาด ตระกูลหยางถอนกำลังออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ ติดตามพวกผู้อาวุโสของตนเดินทางกลับ

กับศิษย์ที่เหนือล้ำเช่นหยางเฉิงหลง กระทั่งว่าไปยังสำนักเซียนแห่งอื่น เขาก็ยังได้รับการต้อนรับ

ฉินหยุนยังได้เห็นจีหลางอยู่ร่วมในกลุ่มคนหุบเขาเซียนโอสถ

“ฉินหยุน เจ้าจงมีชีวิตรอดอยู่จนถึงงานประลองยุทธ์ ข้าจะกลับมาทวงดาบคืนจากมือเจ้า!” เจี้ยนหนันหู่ก้าวเดินเข้ามา

“ข้าไม่คิดอยากรับดาบผุพังของเจ้า!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ข้าเองยังเป็นกังวลว่าจะถือมันไว้ได้ไม่นาน อาจเผลอขายมันไปเมื่อใดบางทียังไม่รู้ตัว!”

“เจ้ากล้าหรือ!” เจี้ยนหนันหู่ตะโกนดัง

ดาบนี้คือสิ่งที่เชื่อมโยงกับตัวเขาอย่างเหนียวแน่น

“ข้าคิด ว่าเจ้าคงไม่มีทางเอาชนะข้าได้ตลอดชั่วชีวิต ดังนั้นดาบนี้จะตกเป็นของข้า ขายมันก็ไม่คล้ายเป็นอะไร!” ฉินหยุนหัวเราะ

เจี้ยนหนันหู่คิดอยากตบตีอีกฝ่ายที่ตรงนี้ กระนั้นเขาก็ไม่มีแรงให้ลงมือใดแล้ว

“อย่าได้มั่นใจไป ข้าย่อมต้องคว้าอันดับหนึ่งในงานประลองยุทธ์! เจ้าต้องคืนดาบให้แก่ข้า!” เจี้ยนหนันหู่กล่าว

“ไปกันได้แล้ว!”

เจี้ยนสือเทียนมองที่พวกเขา พบว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมต่อกัน เจี้ยนหนันหู่ส่งดาบเต๋าให้แก่ฉินหยุน กระนั้นเขากลับไม่กล่าวคำใด เพราะมันเป็นจุดอ่อนของเจี้ยนหนันหู่จริง

เจี้ยนหนันหู่พึ่งพาดาบมากเกินไป ตอนนี้ เขาส่งมอบดาบให้แก่ฉินหยุน มันคือความเด็ดเดี่ยวที่เขาพร้อมจะกำจัดจุดอ่อนของตนเอง เพื่อความความแข็งแกร่งให้ยิ่งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

ตอนนี้ คนของตระกูลใหญ่ทั้งหลาย ย่อมไม่กล้าบีบบังคับให้เปาเฉิงโฉ่วขับไล่ฉินหยุนอีก

นี่ก็เพราะพรสวรรค์ของฉินหยุนสูงล้ำ กระทั่งบุคคลเช่นเจี้ยนหนันหู่ยังต้องพ่ายแพ้ในไม่กี่กระบวนท่า

นอกจากนี้ พรสวรรค์ทางวิถีจารึกของฉินหยุนยังชวนสะพรึง!

อาจารย์จารึกลึกล้ำ ผู้ซึ่งเก่งกาจในการต่อสู้ กล่าวได้ว่าหาพบพานยากยิ่ง

ฮูจิงเซียนได้เห็นฉินหยุนผ่านพ้นภัยพิบัติ นางค่อยถอนหายใจโล่งอก นางบอกลาต่อฉินหยุน ก่อนจากไปพร้อมกลุ่มคนของเกาะจันทราปีศาจ

“จ้าวสำนักขอรับ เม็ดยาลึกล้ำห้าสิบเม็ด!” ฉินหยุนทวงถาม

“ยังไม่ใช่ตอนนี้ ขอเวลาข้าสักหลายวันหน่อย!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าวคิ้วขมวด “ฉินหยุน มากับข้า มีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเจ้า!”

“ขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

หลังจากนั้น เปาเฉิงโฉ่วจึงนำฉินหยุนกลับเข้าพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เลือนหายจากสายตาผู้อื่น ไม่ทราบว่าพวกเขาไปยังที่ใด

ในหอพำนักขนาดเล็กที่บนยอดเขาของพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ฉินหยุนถูกพามายังระเบียงชั้นที่สาม เข้ามายังห้องหนังสือแห่งหนึ่ง

“ฉินหยุน เรื่องที่เจ้าเข้าสู่พื้นที่หวงห้ามนั้นร้ายแรงยิ่ง เรื่องนี้เจ้าทราบหรือไม่?” เปาเฉิงโฉ่วเอ่ยถามอย่างเคร่งเครียด

“ข้าทราบว่าผิดไปแล้ว และข้าจะไม่ทำอีกขอรับ!” ฉินหยุนยังคิดอยากอยู่ที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ต่อ เป้าหมายของเขาคือการฝึกฝนร่างเซียน

“อา!” เปาเฉิงโฉ่วได้เห็นฉินหยุนเผยท่าทีจริงใจ เขาจึงถอนหายใจ “กล่าวตามตรง ข้าไม่ทราบว่าจะปกป้องเจ้าเอาไว้ได้หรือไม่ เป็นเจ้าไปยั่วยุบุคคลสำคัญเข้า!”

ฉินหยุนนึกย้อนถึงหัวหน้ากองกำลังชุดดำ เป็นสตรีหน้ากากขาว

เขาบังเอิญได้ไปเห็นนางเปลื้องผ้า เป็นปกติที่นางจะโกรธแค้น

สตรีผู้นั้นคือครึ่งเซียน ตำแหน่งของนางย่อมไม่ต่ำต้อย

ที่ฉินหยุนไม่คาดคิด คือกระทั่งเปาเฉิงโฉ่วยังหวาดเกรงต่อนาง

“ผู้นำกองกำลังชุดดำหรือขอรับ?” ฉินหยุนกล่าวถาม

“ใช่ เป็นนาง!” เปาเฉิงโฉ่วถอนหายใจ “นางคือผู้ที่ส่งแม่เฒ่าหม่าไปจับตัวเจ้า แน่นอนว่าไม่ใช่หมายความถึงเพ่งเล็งเจ้า อย่างไรแล้ว เจ้าก็ทำผิดกฎของสำนักจริง เพราะฝืนเข้าไปยังพื้นที่ต้องห้าม”

“เพราะอย่างนั้น นางจึงคิดกักขังข้าหนึ่งร้อยปีหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“อืม... เจ้าถูกขับไล่ออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว จากนั้นจึงกลับเข้ามาเป็นศิษย์นครเซียนยุทธภัณฑ์อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่ายากตัดสินใจ!” เปาเฉิงโฉ่วส่ายศีรษะ “ข้าจะสอบถามต่อนางถึงรายละเอียด และต้องดูท่าทีของนางก่อน!”

“จ้าวสำนัก เป็นนางที่คิดขับไล่ข้าออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์หรือขอรับ?” ฉินหยุนเบ้ปากกล่าวคำ “สถานะของนางสูงส่ง นอกจากนี้ นางยังไม่คิดอยากให้ข้าอยู่ที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ อย่างนั้นข้าก็ย่อมไม่คิดอยู่ที่นี่แล้ว”

“นั่นไม่ใช่ความเห็นของนาง บางครั้งข้าก็ตัดสินใจด้วยตนเอง นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าช่วยเหลือข้าหรือ? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะไม่มีการคุมขังอีก!” เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะ

“จ้าวสำนัก รบกวนท่านบอกต่อหัวหน้ากองกำลังชุดดำ ว่าข้ายินดีเข้าไปกล่าวขออภัยต่อนาง!” ฉินหยุนกล่าว

“ฉินหยุน ข้าได้ยินข่าวลือของเจ้าจากแดนยุทธ์อ้างว้าง เจ้าครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์งั้นหรือ?” เปาเฉิงโฉ่วมองที่ฉินหยุนพร้อมเอ่ยถาม

“ใช่ขอรับ!” ฉินหยุนยอมรับแต่โดยดี “ข้ายังมีสายเลือดราชสีห์สวรรค์! ท่านบอกเรื่องนี้ต่อหัวหน้ากองกำลังชุดดำ นางคงยอมปล่อยข้าไปบ้าง”

เปาเฉิงโฉ่วพยักหน้ารับอย่างตื่นตกใจ “เหมือนข่าวลือจะเป็นความจริง! หากท่านผู้นั้นมีความคิดขับไล่เจ้าออกไป นางคงขับไล่เจ้าไปแล้ว นางเพียงต้องการลงโทษเจ้าบ้าง!”

“จ้าวสำนัก ท่านจัดแจงให้ข้าพบนางได้หรือไม่? ข้าจะได้ขออภัยต่อนางด้วยตนเอง!” ฉินหยุนกล่าว

“ข้าจะลองดู” เปาเฉิงโฉ่วคิดอยู่ครู่ก่อนจะรับคำ

“อย่าได้ลืมเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดห้าสิบเม็ดของข้าด้วย! เช่นกัน ข้าได้ยินว่าต้องผ่านการทดสอบจากท่านจึงค่อยได้เป็นศิษย์หลัก” ฉินหยุนกล่าว

“ใช่ แต่ข้าต้องยืนยันท่าทีของท่านผู้นั้นต่อเจ้าก่อน จากนั้นจึงค่อยให้เจ้ารับการทดสอบได้” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว

“รบกวนแล้วขอรับ!” ฉินหยุนกล่าวอย่างร้อนใจ

เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะรับ “เจ้าพักที่นี่ไปก่อน ข้าจะไปเข้าพบนาง!”

เขานำฉินหยุนสู่ห้องพักสะดวกสบาย ก่อนเร่งรีบออกจากห้องไป

ฉินหยุนนอนลงบนเตียง หลับตา ไม่ช้าจึงผล็อยหลับ

ตอนนี้ เขามีเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดหกสิบเม็ดในครอบครอง กระนั้นก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ

ภายใต้สถานการณ์ปกติ ตราบเท่าที่กินสักเจ็ดสิบถึงแปดสิบเม็ด ย่อมต้องฝึกฝนวิญญาณต้นกำเนิดได้ และได้เลื่อนสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง

ทว่าพลังจิตของฉินหยุนมีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง สภาวะของเขาตอนนี้ คือจิตที่ควบแน่นเป็นดวงดาว หากเขาได้ฝึกฝนวิญญาณต้นกำเนิด พลังจิตจะควบแน่นเกิดขึ้นเป็นดวงจันทรา

มันจำเป็นต้องใช้เม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดจำนวนมหาศาล คิดโดยคร่าว น่าจะต้องการราวสองร้อยเม็ด!

และยังคงมีความเสี่ยงครั้งใหญ่หลังแปรสภาพพลังจิต

ย้อนกลับไป เจี้ยนสือเทียนได้กล่าวถึง ว่ามันจะทำให้พลังหยินจำนวนมหาศาลมาสะสมเอาไว้ในร่างกาย

ฉินหยุนย่อมไม่หวาดกลัวสิ่งนั้น เขาครอบครองวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ดังนั้นจึงสามารถสะกดมันไว้ด้วยพลังหยางได้

รุ่งเช้า ฟ้าสาง ฉินหยุนลุกขึ้นจากเตียง ออกจากห้อง มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือของเปาเฉิงโฉ่ว

เปาเฉิงโฉ่วนั่งอย่างสบายใจขณะอ่านตำราไปพลาง ได้เห็นฉินหยุนตื่นแล้ว เขาจึงถาม “เจ้าพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว?”

“ขอรับ ข้าฟื้นคืนโดยสมบูรณ์แล้ว!” ฉินหยุนยิ้มรับ “จ้าวสำนัก ท่านผู้นั้นกล่าวว่าอย่างไรบ้างแล้ว?”

“นางไม่คิดอยากเห็นเจ้าอีก และนางไม่คิดอยากให้เจ้าได้เป็นศิษย์หลักของสำนัก!” เปาเฉิงโฉ่วถอนหายใจกล่าว “ข้าย่อมไม่ทราบความคิดนาง แต่โดยสรุป ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่”

“เหมือนว่าข้าควรต้องไปจากที่นี่ อย่างแล้วนางก็ไม่ต้อนรับข้า!” ฉินหยุนบุ้ยปาก

“ไม่ใช่ นางกล่าวว่าพวกเราไม่อาจขับไล่เจ้าออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ และนางยังกล่าว ว่าหากพวกเราคิดขับไล่เจ้า พวกเราต้องแจ้งต่อนางก่อน” เปาเฉิงโฉ่วเร่งรีบกล่าว “นางไม่คล้ายมีเจตนาใดคิดขับไล่เจ้าไป”

“อย่างนั้นนางต้องการอันใด?” ฉินหยุนกลายเป็นว้าวุ่นใจขึ้นมา

“ข้าย่อมไม่ทราบ! นางบอกว่าหากเจ้าคิดอยากเป็นศิษย์หลัก เจ้าก็ต้องผ่านการจับตามองและตรวจสอบชั่วระยะเวลาหนึ่ง” เปาเฉิงโฉ่วกล่าวตอบ

“อย่างนั้น... นางต้องการทวงถามเรื่องที่ข้าเข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามหรือไม่?” ฉินหยุนถามต่อ

“นางกล่าว ว่านางย่อมไม่คิดเอาความเรื่องนี้ กระนั้นก็ยังต้องการลงโทษเจ้าสักเล็กน้อย” เปาเฉิงโฉ่วยิ้ม “ข้ายังมีอีกเรื่อง หวังว่าเจ้าคงไม่โกรธ!”

“ข้าย่อมไม่โกรธ กล่าวออกมาได้แล้วขอรับ!” ฉินหยุนคาดเดาได้แล้ว ว่าบทลงโทษนั้นคืออะไร

“ทุกสิ่งอย่างที่เจ้าทำในเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์จะถูกลบล้าง! หากเจ้าต้องการเข้าสู่เขตแดนจินตภาพอีกครั้ง ก็ต้องไปเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรกเริ่ม!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว

สีหน้าฉินหยุนแปรเปลี่ยน เขากล่าวอย่างโกรธเคือง “นางทำอย่างนั้นได้อย่างไร? ในเขตแดนจินตภาพข้าได้ครอบครองหลายสิ่งอย่าง ทั้งกระดูกสัตว์ลึกล้ำ แต้มจำนวนมาก ทั้งยันต์ลึกล้ำ!”

“ไม่ว่าเจ้ายอมรับหรือไม่ เจ้าก็ต้องไปเริ่มตั้งแต่ศูนย์เมื่อเข้าสู่เขตแดนจินตภาพ” เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะ “นี่เป็นบทสดทอบของเจ้า!”

“ทดสอบบิดานาง!” ฉินหยุนสบถเบา “ข้ายังมีแต้มอีกมากที่ยังไม่ได้ใช้!”

ฉินหยุนมีแต้มอยู่ราวหนึ่งหมื่น เขาอยู่อันดับแรก!

กระนั้นตอนนี้ ทุกสิ่งอย่างเลือนหายไม่มีหลงเหลือ

“ฉินหยุน เจ้าถูกขับไล่ออกจากสำนัก จากนั้นจึงกลับเข้ามาใหม่ เจ้าจึงเปรียบดังศิษย์ใหม่ นี่ไม่คล้ายมีอันใดแปลกนัก” เปาเฉิงโฉ่วพยายามปลอบประโลม

“จ้าวสำนัก ท่านผู้นั้นไม่มีเจตนาขับไล่ข้าไม่ใช่หรือ? เป็นท่านที่ขับไล่ข้าออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ ดังนั้นท่านต้องชดใช้ให้ข้า!” ฉินหยุนเบ้ปากทักท้วง

เปาเฉิงโฉ่วนำเอาขวดหยกขนาดใหญ่ออกมา เขายิ้มกล่าว “นี่คือเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดห้าสิบเม็ด ถือเป็นค่าชดใช้จากข้า!”

“นั่นมันเป็นของข้าแต่แรกแล้ว!” ฉินหยุนรับเอามา น้ำเสียงยังคงโกรธเคือง “ยังมีเรื่องข้อยกเว้นที่ข้าเรียกร้อง ท่านอย่าได้ลืมเลือน!”

“วางใจ ข้าย่อมต้องเติมเต็มคำร้องขอที่รับปากเจ้าไว้” เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะรับ

ทุกสิ่งอย่างของฉินหยุนถูกลบล้าง เขารู้สึกไม่สบายกายและใจอย่างยิ่ง

กระนั้นพอคิด ว่าไม่ได้รับโทษเรื่องฝืนเข้าสู่พื้นที่ต้องห้าม ก็ค่อยทำเขารู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด