ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0619 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0621 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0620 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 620 : ยามาร

ฉินหยุนรับชมจากด้านข้างสังเวียน เขาคิดอยากได้เห็น ว่าเจี้ยนหนันหู่แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างไรบ้าง

เจี้ยนหนันหู่ครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดำ และโทเทมดาบ เมื่อใดเขาใช้ดาบ วิญญาณยุทธ์ดาบของเขาจะผสานรวมเข้ากับโทเทมสู่ตัวดาบ มันจะปลดปล่อยความสามารถเทวะอันแกร่งกล้าออกมา

เจี้ยนรั่วหยานยืนข้างฉินหยุนและกล่าว “ฉินหยุน อย่าได้คิดว่าเจ้าจะเหนือล้ำกว่าข้าเพียงเพราะเอาชนะข้าทางพลังจิตได้! หากข้าต่อสู้จริงจัง เจ้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”

“ขอรับแม่นางผู้กล้าหาญ เจ้านั้นแข็งแกร่งกว่าข้านับร้อยเท่า พอใจหรือยัง?” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ขอบคุณสำหรับเม็ดยาลึกล้ำวิญญาณต้นกำเนิดหกเม็ดแล้ว โดนทุบตีถือว่าคุ้มค่า!”

“ตัวบัดซบนี่!” เจี้ยนรั่วหยานกัดฟันแน่นพร้อมสบถออก

“เมื่อใดเจ้าโกรธคล้ายดูน่ารักไม่น้อย เหมือนสหายข้าผู้หนึ่งไม่ผิดเพี้ยน!”

ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสื่อชิงเฉิง เขาคิดอยากหยิกใบหน้าซาลาเปานึ่งอีกสักครั้งหนึ่ง

เจี้ยนรั่วหยานเป็นผู้ที่มีใบหน้าค่อนข้างกลม ทว่านางเย็นชาและโหดเหี้ยม

หลายครั้ง นางเอ่ยถ้อยคำที่แม้แต่บุรุษยังไม่ค่อยกล่าว ด้วยรูปลักษณ์งดงามของนางดังหญิงสาวงดงาม กล่าวได้ว่าขัดแย้งกันอย่างยิ่ง

เจี้ยนหนันหู่และชายหน้ากากเริ่มประลองต่อกัน การศึกเป็นไปอย่างตึงเครียด

“นั่นไม่ใช่ความสามารถเทวะของเจี้ยนหนันหู่หรือ? น่าทึ่งนัก!” ฉินหยุนเคยประสบพบเจอก่อนหน้า มันคือดาบสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

“ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของพี่หู่ไม่ใช่ความสามารถเทวะ แต่เป็นวิญญาณยุทธ์และโทเทมดาบ ไม่เพียงแต่ทำให้เขาสามารถปลดปล่อยเจตนาแห่งดาบอันแรงกล้า มันยังมาพร้อมวิชาดาบที่ชวนตื่นตะลึง!” เจี้ยนหมางกล่าว

ล่าสุด ครั้งฉินหยุนประมือกับเจี้ยนหนันหู่ เขายังไม่ได้เห็นเจตนาแห่งดาบหรือเคล็ดวิชาดาบอันใด

เจี้ยนรั่วหยานขมวดคิ้ว “ชายหน้ากากนั่นแข็งแกร่งนัก หอพิทักษ์กฎถึงกับเก็บซ่อนตัวตนแกร่งกล้าเช่นนี้เอาไว้มากมาย! แม้เขาแข็งแกร่ง แต่เทียบกับพี่หู่ ก็ยังถือว่าอ่อนแอกว่าอยู่บ้าง ไม่แปลกใจที่พี่หู่จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้!”

ฉินหยุนรับชมศึกของเจี้ยนหนันหู่ เขาพบว่ากระทั่งว่าเจี้ยนหนันหู่ต่อสู้อย่างจริงจัง ทว่าเขาไม่ได้ใช้พลังออกทั้งหมด ราวกับเขาสะกดพลังตนเองเอาไว้ เพียงแต่ใช้ดาบสะท้านฟ้าสะเทือนดินไม่กี่ครั้ง

ชายหน้ากากสามารถตั้งรับ ทว่าก็เป็นไปอย่างยากลำบาก

“ชายหน้ากากผู้นี้ไม่น่าสู้อีกฝ่ายได้ไหว” ฉินหยุนคิดกับตนเองอยู่ภายใน

เขาย่อมเห็นถึงขีดจำกัดความแข็งแกร่งของชายหน้ากาก หากยังฝืนไปต่อ อย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้ต่อเจี้ยนหนันหู่

เจี้ยนหนันหู่ตระหนักได้เช่นกัน ว่าชายหน้ากากผู้นี้ไม่ใช่บุคคลที่มีชัยชนะเหนือตนเองคราวก่อน

กระทั่งว่าเขาแข็งแกร่ง แต่พละกำลังไม่อาจเทียบได้กับศึกก่อนหน้าที่เกิดขึ้น

นี่เป็นเหตุผล ว่าทำไมเขาจงใจสะกดพลังตนเองเอาไว้ เขาคิดอยากได้เห็น ว่าชายหน้ากากจะใช้พลังเหมือนที่เคยทำหรือไม่

ฉินหยุนกลายเป็นเกียจคร้านจะรับชม เพราะเขาไม่อาจได้เห็นกำลังแท้จริงของเจี้ยนหนันหู่

เมื่อรู้สึกเบื่อ เขาพลันรู้สึกได้ว่าออร่าคุ้นเคยปรากฏเข้ามาใกล้ เป็นเหลียวจิงเหมิง

“พี่หยุน ท่านได้รับบาดเจ็บนี่!”

เหลียวจิงเหมิงสวมใส่ชุดสีขาวเรียบง่าย คิ้วของนางขมวดขณะมองที่ฉินหยุน ดวงตาของนางเจือปนด้วยอาการปวดใจ

ในความเป็นจริง ฉินหยุนและเหลียวจิงเหมิงมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกสนิทใจกับฉินหยุน นี่จึงเป็นจุดที่เกิดให้ผู้อื่นรู้สึกริษยาขึ้นมา

เหลียวจิงเหมิงนำขวดหยกออกมา คิดรักษาอาการบาดเจ็บให้ฉินหยุน

“จิงเหมิง อย่าได้สิ้นเปลืองยาลึกล้ำเหล่านี้ ข้าไม่เป็นไร!” ฉินหยุนเร่งรีบกล่าว

“แต่... แต่ที่ผิวท่านมีปากแผลเปิด! ท่านต้องเจ็บมากแน่!” เมื่อเหลียวจิงเหมิงได้เห็นบาดแผลที่แขนของฉินหยุน นางยิ่งปวดใจจนดวงตารื้นน้ำตาขึ้นมา

“มันไม่ได้เจ็บแต่อย่างใด เป็นข้าฝึกฝนทางนี้ นี่จะช่วยให้ข้าฟื้นฟูในภายหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น!” ฉินหยุนเร่งรีบสวมใส่ชุดพร้อมยิ้มกล่าว “ดูสิ ข้าไม่เป็นไรแล้ว!”

“พี่หยุน เหตุใดท่านไม่ปกป้องตนเองให้ดี ท่านเจ็บ ข้ารู้สึกเศร้าใจนัก” น้ำเสียงอ่อนโยนของเหลียวจิงเหมิงกล่าวต่อว่าฉินหยุนด้วยคิ้วขมวด

“ภายหน้าข้าย่อมปกป้องตนเองให้ดีแน่ ขอบคุณจิงเหมิงที่เป็นห่วงข้า” ฉินหยุนยิ้มตอบ จากนั้น เขาจึงสัมผัสบางเบาที่ใบหน้างดงามของเหลียวจิงเหมิงก่อนเอ่ยถาม “ว่าแต่ เจ้าฝึกฝนโทเทมวานรทองคำถึงขั้นใดแล้ว?”

“ข้าสามารถแกะสลักได้แล้ว ทว่ายังไม่ดีเท่าพี่หยุน” เหลียวจิงเหมิงเร่งรีบกล่าว

“ฝึกฝนต่อไป ภายหน้าเจ้าย่อมต้องเก่งกาจกว่าข้าแน่นอน!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“พี่หยุน ข้าได้ยินว่าท่านถูกขับไล่ออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ เรื่องนี้จริงหรือ?” เหลียวจิงเหมิงเผยความโศก นางกัดริมฝีปากทำท่าทีราวกับใจสลาย

เจี้ยนรั่วหยานและคณะศิษย์จากนครเซียนยุทธภัณฑ์ต่างรับชมอยู่ด้านข้าง พวกเขาถึงกับลอบตระหนก แทบไม่อาจเข้าใจว่าฉินหยุนใช้เสน่ห์ใดล่อลวงนางมาได้

เขาถึงขั้นวางเสน่ห์ใส่เด็กน้อยใสซื่อดังเช่นเหลียวจิงเหมิง

“เป็นเช่นนั้น!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

“นับจากนี้ ข้าก็ไม่ได้เจอท่านบ่อยครั้งอีกแล้วสิ?” เหลียวจิงเหมิงเบะปากจนแทบร้องไห้ออก

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร? ข้าย่อมต้องอยู่ในนครเซียนยุทธภัณฑ์อีกสักระยะเวลาหนึ่งกับท่านปู่ของเจ้าผู้นั้น!” ฉินหยุนเร่งรีบปลอบประโลมนางพร้อมยิ้มรับ “ข้าคิดหาเหรียญม่วงให้มากก่อนจากไป!”

“จริงหรือ?” เหลียวจิงเหมิงค่อยเผยความยินดี

“ย่อมต้องจริง!” นี่เป็นแผนการของเขาแต่แรกอยู่แล้ว

อย่างไร นครเซียนยุทธภัณฑ์ก็ยังถือเป็นสถานที่ปลอดภัย

เขายังมีสัมพันธ์อันดีกับมู่เฟิงและชายชราศีรษะล้าน หากเขาอยู่ที่ตำหนักจารึกเทวะ มีแต่จะยิ่งปลอดภัย

“ข้ายอมแพ้!”

หลังชายหน้ากากถูกทิ่มแทงไปหลายสิบครั้ง เขาจึงเร่งรีบตะโกนยอมรับความพ่ายแพ้

“ข้าควรชนะเจ้าไปเนิ่นนานแล้วด้วยซ้ำ!” เจี้ยนหนันหู่แค่นเสียง “เจ้าหาได้ใช่คนที่ข้าพบก่อนหน้านี้ไม่!”

ชายหน้ากากไม่กล่าวคำใด เพียงก้าวเดินออกจากลานประลอง

เจี้ยนสือเทียนไม่ยินดี เขาคิ้วขมวดกล่าวถาม “เหล่าเปา นี่เรื่องอะไร?”

เปาเฉิงโฉ่วมองที่แม่เฒ่าหม่าและถามขึ้น “แม่เฒ่าหม่า นี่ไม่ใช่บุคคลเดียวกันกับครั้งล่าสุดหรือ? เร่งรีบหาตัวคนผู้นั้นมาให้เจี้ยนหนันหู่ต่อสู้ อย่าได้บิดเบือนแล้ว!”

แม่เฒ่าหม่าช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของชายหน้ากาก เหลียวจิงเหมิงเร่งรีบวิ่งเข้ามาส่งยาให้เช่นกัน ทว่าแม่เฒ่าหม่าไม่คิดรับยาลึกล้ำของนางมาให้สิ้นเปลือง

“ครั้งนั้น ทุกคนสวมใส่ชุดและหน้ากากเหมือนกันหมด!” แม่เฒ่าหม่าคิ้วขมวดกล่าวคำ “ให้ข้าส่งบุคคลที่เข้าร่วมปฏิบัติการก่อนหน้า ให้พวกเขาสู้กับเจี้ยนหนันหู่กันทุกคน อย่างนี้เป็นไร?”

“ย่อมได้!” เจี้ยนหนันหู่รับคำ

จากนั้น ชายหน้ากากอีกหลายคนจึงเริ่มเรียงแถวกันเข้าประลองกับเจี้ยนหนันหู่

เจี้ยนหนันหู่ไม่คิดเสียเวลา เมื่อพบว่าไม่ใช่บุคคลที่ตามหา เขาหยุดมือโดยทันที

นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายต้องได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน

พวกเขาสู้กันคนแล้วคนเล่า ทว่าไม่มีผู้ใดที่ทำให้เจี้ยนหนันหู่พึงพอใจได้!

“บุคคลที่ข้าสู้ด้วยครั้งล่าสุด ครอบครองพลังสายฟ้าและอสนีบาตที่เหนือล้ำ!” เจี้ยนหนันหู่มองที่แม่เฒ่าหม่าพร้อมกล่าวคำ

“ในนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเรา ผู้ใช้สายฟ้าอสนีบาตที่แข็งแกร่งที่สุดคือเทียนเหยาเหล่ย!”

แม่เฒ่าหม่ามองที่เทียนเหยาเหล่ยซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป จากนั้นจึงเรียกเทียนเหยาเหล่ยให้เข้ามา

“ร่างไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้!” เจี้ยนหนันหู่ได้เห็นเทียนเหยาเหล่ย เขาย่อมสัมผัสได้ถึงพลังสายฟ้าอสนีบาตรุนแรงจนเกิดความสนใจขึ้นมา

เทียนเหยาเหล่ยร่างสูง ทั้งร่างมีแต่มัดกล้าม จดจำรูปลักษณ์เขาเป็นเรื่องง่ายดายนัก

“ข้าเป็นบุคคลนั้นหรือไม่ล้วนไม่ใช่สาระ สำคัญคือ ข้าเอาชนะเจ้าได้!” เทียนเหยาเหล่ยเผยความมั่นใจในกำลังตนเอง

“อวดดียิ่งนัก!” เจี้ยนหนันหู่แค่นเสียง “ในเมื่อเจ้าเป็นผู้ใช้พลังสายฟ้าอสนีบาต เช่นนั้นก็ขึ้นมาสู้กันได้แล้ว!”

เทียนเหยาเหล่ยย่อมคันไม้คันมือคิดอยากขึ้นสังเวียนมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงเผยเสียงหัวเราะดัง “ดี เมื่อใดเจ้าแพ้ อย่ากล่าวโทษว่าไม่ได้เตรียมตัวรับเรื่องราวอีก!”

เทียนเหยาเหล่ยนำค้อนยักษ์ออกมา เข้าไปยืนหยัดที่ตรงกลางสังเวียน กระแสสายฟ้าปรากฏภายใต้กล้ามเนื้อ พวกมันดูเป็นภัยคุกคามยิ่ง

สาเหตุว่าทำไมเจี้ยนหนันหู่ต้องการล้างแค้น ก็เพราะเขาพ่ายแพ้มา ทั้งยังถูกต่อยที่ใบหน้า นอกจากนี้ บุคคลผู้นั้นยังไม่ใช้อาวุธใดก็เอาชนะตัวเขาได้ ยิ่งทำเขารู้สึกว้าวุ่นในใจอย่างถึงที่สุด

“เริ่มได้!” เจี้ยนสือเทียนตะโกนดัง

สาเหตุที่เขามาในวันนี้ ก็เพื่อจัดแจงแก้ปัญหาคาใจแก่หลานชาย ไม่เช่นนั้น หากให้เก็บเรื่องนี้ไว้ต่อไป มันจะส่งผลกระทบต่อตัวเขาในภายหน้า

เทียนเหยาเหล่ยเงื้อค้อนยักษ์ขึ้น เคลื่อนไหวรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า ก้าวเท้าสืบออกพุ่งด้านหน้า พื้นดินสั่นสะเทือน เขาเร่งรีบพุ่งทะยานเข้าหาเจี้ยนหนันหู่ พร้อมฟาดหวดค้อนยักษ์ลงที่ร่างเป้าหมาย

เจี้ยนหนันหู่สะบัดดาบสกัดไว้ทันควัน เขาเจตนารับค้อนนี้เอาไว้ เพื่อคิดอยากรับชมพลังสายฟ้าอสนีบาตของเทียนเหยาเหล่ยว่าแกร่งกล้าเพียงใด

ตู้ม!

สายฟ้าขนาดใหญ่คำราม ฟ้าผ่าลงมาจากเบื้องบน

เมื่อค้อนยักษ์ของเทียนเหยาเหล่ยปะทะกับดาบของเจี้ยนหนันหู่ ตัวค้อนถึงกับปริแตกได้รับความเสียหาย!

“เจ้าแพ้แล้ว!”

เจี้ยนหนันหู่กล่าวเสียงเย็น ดาบในมือสะบัด พลังงานดาบทะลักล้นออกทั่วทิศ เจตนาแห่งดาบแรงกล้าเข้าปกคลุมร่างเทียนเหยาเหล่ยเอาไว้

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ

ดาบยาวของเจี้ยนหนันหู่รวดเร็วดังสายฟ้า ฟาดฟันออกโดยมีเป้าหมายคือเทียนเหยาเหล่ย พลังงานดาบที่ปลดปล่อยออก มันเกิดเป็นคลื่นพลังระลอกแล้วระลอกเล่า

“เหอะ!”

มัดกล้ามดุร้ายบนกายเทียนเหยาเหล่ยเผยประกายสายฟ้า ตัวกล้ามเนื้อเริ่มขยายขนาด

กระทั่งว่าดาบยาวของเจี้ยนหนันหู่แทงใส่ร่างเทียนเหยาเหล่ย มันก็ไม่อาจแทงทะลุ ปลายดาบกลายเป็นต้องติดพันอยู่กับช่องว่างของกล้ามเนื้อ

เจี้ยนหนันหู่พยายามดิ้นรนชักดาบกลับคืน

กำลังกายของเทียนเหยาเหล่ย กล่าวได้ว่าหาได้อ่อนด้อยกว่าร่างลึกล้ำไม่

กระทั่งเจี้ยนหนันหู่ยังต้องเผยความนับถือต่อเรื่องนี้ออกมา

“เจ้าก็มีฝีมือเหมือนกันนี่!”

เจี้ยนหนันหู่ที่เพิ่งได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาเริ่มตั้งใจมากขึ้น

ร่างของเทียนเหยาเหล่ยเกิดเป็นแผลหลายแห่ง ทว่าเขาไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใด นี่ถือเป็นอีกเรื่องที่สมควรชื่นชม

กระทั่งว่าเป็นฉินหยุนก่อนหน้านี้ เขายังต้องเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมายามถูกทิ่มแทง กระทั่งว่าเขาอดทนเอาไว้ ก็ไม่ใช่จะปกปิดสีหน้าได้

กระนั้น เทียนเหยาเหล่ยกลับไม่คล้ายรู้สึกเจ็บปวดใดแม้แต่น้อย

“เทียนเหยาเหล่ยน่าจะกินยาพิเศษเข้าไป ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเจ็บปวด!” ฉู่ปินอวี้เผยสีหน้าแปรเปลี่ยน “ชายผู้นี้... พิจารณาจากมัดกล้ามชวนขนลุกนั่นแล้ว เจ้าก็คงบอกได้ว่าวิธีการฝึกฝนของเขาไม่ปกติ!”

“แล้วเขากินยาอันใดเข้าไปกันขอรับ?” ฉินหยุนถามออกด้วยความสงสัย

“คงเป็นยามาร เพียงกินเข้าไปครั้งหนึ่งจะเสพติด และทุกชั่วระยะเวลาหนึ่ง จำต้องหามากินอีก ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการลงแดงอย่างเจ็บปวดเหลือแสน”

“ยามารทำให้ผู้คนสามารถได้รับกำลังอันแข็งแกร่ง เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจะไม่รับรู้อันใดทั้งสิ้น” เจี้ยนรั่วหยานกล่าวเสริม “แน่นอนว่า หากพวกเราอยู่ที่เขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ อย่างไรแล้วก็ต้องรู้สึกเจ็บปวด!”

ฉู่ปินอวี้มองทางครึ่งเซียนตระกูลเทียนพร้อมแค่นเสียง “พวกคนเหล่านี้ ถึงขั้นใช้ยาต้องห้าม!”

ฉินหยุนเผยความประหลาดใจ “ยาต้องห้ามเหล่านี้คงไม่ได้มีแต่ผลดีกระมัง?”

เจี้ยนรั่วหยานขมวดคิ้วตอบ “มันพร้อมทำให้ผู้คนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง กลายเป็นอสูรร้ายกระหายเลือดได้!”

ฉินหยุนมองที่เทียนเหยาเหล่ย ตระหนักได้ว่าเขาพลาดอะไรไป ดวงตาอีกฝ่ายแดงก่ำ เส้นเลือดดำปูดโปนออกจากร่าง มองไปแล้วพบว่าชวนให้เกิดอาการหวาดกลัวไม่น้อย

พลังของเทียนเหยาเหล่ยยิ่งมายิ่งชวนสะพรึง ทุกครั้งที่ต่อยหมัด สายฟ้าอสนีบาตรุนแรงจะระเบิดออกจนทำให้เจี้ยนหนันหู่ต้องถอย

“เจี้ยนหนันหู่ เจ้าคนอวดดี ให้ข้าได้สังหารเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ร่างเทียนเหยาเหล่ยเริ่มเผยประกายหมอกพลังงานสีแดง เขาคลุ้มคลั่ง หมัดต่อยออกเข้าใส่เจี้ยนหนันหู่

แม้ว่าหมัดนั้นต้องถูกดาบทิ่มแทงจนบาดเจ็บ เขาก็ยังคงต่อยออกไปอย่างต่อเนื่องอย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดอันใดทั้งสิ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด