ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0620 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0622 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0621 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 621 : ศึกผู้ใช้ดาบ

เจี้ยนหนันหู่เองก็ตระหนักได้ ว่าเทียนเหยาเหล่ยเกิดอาการคลุ้มคลั่งเพราะยามาร ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมีโทสะ

ไม่เช่นนั้น เขาคงบันดาลโทสะออกไปนานแล้ว

“ข้าคิดอยากเห็นว่าเจ้าจะแข็งแกร่งได้เพียงใด!” ใบหน้าของเจี้ยนหนันหู่เผยรอยยิ้มคิดเล่นสนุก ราวกับเขามองเทียนเหยาเหล่ยเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง

การโจมตีของเขาบางครั้งแข็งแกร่ง บางครั้งผ่อนแรง และเขาก็สงบใจเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่มีทีท่าจะว้าวุ่นเพราะเทียนเหยาเหล่ยที่คลุ้มคลั่งแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ เขายังคล้ายพยายามกระตุ้นโทสะเทียนเหยาเหล่ย ทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งมากยิ่งขึ้น

สีหน้าคนฝั่งตระกูลเทียนกลายเป็นน่าเกลียด

พวกเขาคิดอยากเข้าไปหยุดเทียนเหยาเหล่ยไม่ให้สู้ต่อ ทว่าเทียนเหยาเหล่ยขณะนี้คงไม่รับฟังแล้ว

ผู้อาวุโสที่นี่ล้วนทราบกันดี ว่าการกินยามารเข้าไปส่งผลร้ายเพียงใด และง่ายคลุ้มคลั่งเพียงใด คิดควบคุมถือเป็นเรื่องยาก

ยามารเพียงแต่เพิ่มพลังให้ มันจะทำการขยายหัวใจให้สูบฉีดเลือดอย่างไม่สนอื่นใด ทั้งยังรบกวนความคิดชักจูงสู่ความเลวร้ายไม่มีสิ้นสุด

เทียนเหยาเหล่ยยิ่งมายิ่งหลุดการควบคุม พละกำลังของเขายิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้น

กล้ามเนื้อที่หมัดเริ่มเกิดอาการไหม้ จนเวลานี้แทบสามารถพบเห็นกระดูกสีดำ นี่คือผลจากการกินยามารต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี

ชั่วขณะนี้ พวกเขาค่อยได้ตระหนักกันทีละน้อย ว่าเทียนเหยาเหล่ยคือผู้ใช้ยามารต้องห้าม

แน่นอนว่าตระกูลเทียนไม่มีทางออกหน้ายอมรับ พวกเขาเพียงแต่กล่าวว่าเทียนเหยาเหล่ยเกิดคลุ้มคลั่งด้วยตนเอง

สีหน้าของเปาเฉิงโฉ่วเย็นเยือกขณะกล่าวคำ “ข้าไม่เคยนึก ว่าศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเรา แท้จริงถึงขั้นพึ่งพายามารต้องห้ามเพื่อแสวงหาพลัง!”

“ภายหลังพวกเราย่อมต้องสืบสาวขุดคุ้ยเรื่องราวนี้ขึ้นมา!” แม่เฒ่าหม่าเร่งรีบรับคำ

เจี้ยนหนันหู่มองทางเทียนเหยาเหล่ยพร้อมแค่นเสียง “กระทั่งว่าเจ้าเลือกเดินเส้นทางผิด ก็ยังไม่อาจมีชัยชนะเหนือข้าได้ ความชั่วร้ายย่อมต้องถูกกำจัด!”

เทียนเหยาเหล่ยที่คลุ้มคลั่งยิ่งรูปลักษณ์น่ากลัว เขาโจมตีใส่เจี้ยนหนันหู่อย่างไม่คิดชีวิต กระทั่งว่าร่างกายมีสภาพเลวร้าย พลังของเขาหาได้อ่อนด้อยลงไม่

ทางด้านเจี้ยนหนันหู่ ความแข็งแกร่งของเขายิ่งชวนตื่นตะลึง เขาถึงขั้นรับมือกับเทียนเหยาเหล่ยที่คลุ้มคลั่งอย่างง่ายดาย

เคล็ดวิชาตัวเบาของเจี้ยนหนันหู่ เคล็ดวิชาดาบ รวมถึงพลังเต๋า ทั้งหมดล้วนเป็นพลังชวนตื่นตะลึง ทั้งยังมีประสบการณ์การต่อสู้อันยอดเยี่ยม

แม้เขาเป็นเพียงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น ทว่าพละกำลังของเขาหาได้อ่อนด้อยไปกว่าระดับกลางไม่

นี่คือพรสวรรค์ของเจี้ยนหนันหู่!

กระนั้น ผู้คนจึงค่อยนึกขึ้นได้ ว่าเจี้ยนหนันหู่เคยพ่ายแพ้ครั้งหนึ่ง

บุคคลที่มีชัยชนะเหนือเจี้ยนหนันหู่ อยู่ในนครเซียนยุทธภัณฑ์

เจี้ยนหนันหู่ขอให้ปู่ผู้แข็งแกร่งร่วมทางมา เพื่อแสวงหาการล้างแค้น

เวลานี้ บุคคลนั้นยังไม่ปรากฏตัว กระนั้น เจี้ยนหนันหู่ก็ได้เปิดศึกไปหลายครั้งแล้ว

เทียนเหยาเหล่ยสูญสิ้นสติ เขากำลังร้องออกอย่างคลุ้มคลั่ง

เลือดสีดำสาดกระเซ็นออกจากผิวหนัง ตัวเขาสภาพราวปีศาจร้าย

มือของเขาแทบเนื้อหนังหลุดร่อนจนหมดสิ้น เผยออกแต่กระดูกสีดำที่แหลมคม ผู้ใดพบเห็นย่อมทราบว่ามันผิดปกติ ขณะนี้พวกมันกำลังถูกใช้เพื่อต้านรับดาบของเจี้ยนหนันหู่

“เทียนเหยาเหล่ยตายไปแล้ว! จิตวิญญาณของเขาถูกกัดกินจนหมดสิ้น!”

ผู้คนของตระกูลเทียนเงียบเสียง การกินยามารต้องห้ามไม่ใช่อะไรที่ควรป่าวประกาศ นอกจากนี้ พวกเขายังเป็นผู้ที่เสนอให้ใช้ยาต้องห้าม

“ในเมื่อเทียนเหยาเหล่ยเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่ขอมากมารยาทอีก!”

เจี้ยนหนันหู่หัวเราะดังพร้อมเริ่มบุกโจมตี

“ท่านจ้าวสำนัก ข้าไม่อาจพบเจอว่าเทียนเหยาเหล่ยลักลอบซื้อยาต้องห้าม นี่ถือเป็นความรับผิดชอบของข้า!” ชายชราจากตระกูลเทียนเดินเข้ามาพูดกล่าวกับเปาเฉิงโฉ่ว

“ในเมื่อเป็นความรับผิดชอบของเจ้า เช่นนั้นข้าขอคุมขังเจ้าเป็นเวลาสิบปี คำตัดสินมีผลนับแต่นี้!” เปาเฉิงโฉ่วเผยเสียงเย็นเยือก

ถัดจากนั้น ชายชราสองคนในชุดดำจึงก้าวเดินออกมา เข้ารับตัวราชันยุทธ์ตระกูลเทียนจากไป

วันนี้ แม้ฉินหยุนถูกขับไล่ออกจากสำนัก ทว่าฝ่ายตระกูลใหญ่กลับต้องเป็นฝ่ายสูญเสีย ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงย่ำแย่เลวร้าย ศิษย์ของพวกเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสและตายตก นอกจากนี้แล้ว พวกเขาเหล่านั้นยังเป็นศิษย์มากพรสวรรค์

หลังจากเจี้ยนหนันหู่ปลดปล่อยการโจมตีทรงพลัง เขาจึงจ้วงแทงศีรษะเทียนเหยาเหล่ยเกิดเป็นรูกลวงในพริบตา

“เฮ้อ แม้คลุ้มคลั่ง เจ้าก็ยังอ่อนแอนัก ทำข้าผิดหวังไม่น้อย!”

เจี้ยนหนันหู่มองที่ร่างเทียนเหยาเหล่ย เขาถอนหายใจเผยสีหน้าหน่ายเหนื่อย

เลือดหลั่งรินเป็นแอ่ง ร่างของเทียนเหยาเหล่ยยังเกิดอาการกระตุก

แม้เจี้ยนหนันหู่ชนะ เขากลับไม่ยินดี เพราะเทียนเหยาเหล่ยไม่ใช่เป้าหมายที่เขาต้องการ

“พี่หู่ ในเมื่อท่านคิดท้าประลองยอดฝีมือมากนัก ท่านควรไปหาอาจารย์ยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงแล้ว!” เจี้ยนรั่วหยานบุ้ยปาก “ด้วยพลังระดับนี้ ท่านแทบไร้เทียมทานแล้ว!”

“ย่อมไม่ใช่ บุคคลที่มีชัยชนะเหนือข้าครั้งก่อนแข็งแกร่งยิ่ง เขาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น ข้าต้องเอาชนะเขาให้จงได้!”

เจี้ยนหนันหู่ดื้อรั้น สายตามองทางแม่เฒ่าหม่า เขากล่าวขึ้น “ท่านยายหม่า เหตุใดท่านไม่รีบเชิญตัวบุคคลผู้นั้นมา? หรือเขาสิ้นชีพแล้ว? ทว่าเขาแข็งแกร่งเพียงนั้น ไม่สมควรต้องสิ้นชีพรวดเร็วเพียงนี้แน่!”

แม่เฒ่าหม่าเผยสีหน้าหนักใจ มีแต่นางที่ทราบ ว่าบุคคลดังกล่าวหมายถึงฉินหยุน

ตามที่นางทราบและเข้าใจในตัวฉินหยุน หากนางต้องขอให้เขาต่อสู้ นางต้องจ่ายครั้งยิ่งใหญ่

“รั่วหยาน เหตุใดเจ้าไม่ลองสู้กับเจี้ยนหนันหู่กันเล่า? ตราบเท่าที่เจ้าชนะ หอพิทักษ์กฎจะยินดีรับเจ้าเข้าร่วม!” แม่เฒ่าหม่าพลันกล่าวขึ้น “เมื่อเจ้าได้เข้าร่วมหอพิทักษ์กฎ เจ้าย่อมได้รับการดูแลที่ดียิ่งกว่า!”

เจี้ยนรั่วหยานทราบ ว่าเข้าร่วมหอพิทักษ์กฎมีแต่ผลประโยชน์มากมาย ส่วนว่าเป็นผลประโยชน์อันใด พวกเขาเหล่านั้นเก็บเงียบไม่บอกต่อ

นอกจากนี้ หอพิทักษ์กฎยังมีวิธีการมากมายเพื่อทำให้ศิษย์ได้แข็งแกร่งขึ้น

“ตกลง!”

เจี้ยนรั่วหยานเร่งรีบยอมรับ นางคือผู้รักชอบในการต่อสู้ แม้นางทราบว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่ง นางก็ยังคิดอยากลอง

แม่เฒ่าหม่าทราบ ว่าตราบเท่าที่มีผู้ใดเอาชนะเจี้ยนหนันหู่ได้ เจี้ยนหนันหู่คงเลิกดื้อรั้นแสวงหาการล้างแค้น

“น้องหยาน เจ้าต้องการให้ช่วยส่งเสริม แสร้งทำเป็นแพ้ ให้เจ้าได้เข้าร่วมหอพิทักษ์กฎหรือไม่?” เจี้ยนหนันหู่เผยเสียงหัวเราะดัง

“ยั้งมือให้ข้าหมายถึงดูหมิ่นข้า และเจี้ยนรั่วหยานผู้นี้ไม่ใช่ผู้ชื่นชอบวิธีการโฉดชั่ว” เจี้ยนรั่วหยานหันสายตามองฉินหยุนขณะกล่าวย้ำคำ

ฉินหยุนเบ้ปาก “แม่นางผู้กล้าหาญ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะและได้เข้าร่วมหอพิทักษ์กฎ! ถึงตอนนั้น ข้าจะแนะนำเหลียวจิงเหมิงให้รู้จัก!”

เหลียวจิงเหมิงเร่งรีบพยักหน้ารับยิ้มหวาน “พี่รั่วหยาน ข้ามีสหายในหอพิทักษ์กฎไม่มากนัก หากท่านเข้าร่วม พวกเราย่อมต้องได้เป็นสหายที่ดีต่อกัน”

“จิงเหมิง กระทั่งว่าข้าไม่ได้เข้าร่วมหอพิทักษ์กฎ ข้าก็ยังจะเป็นสหายเจ้า” เจี้ยนรั่วหยานยิ้มให้เหลียวจิงเหมิง เป็นนางไม่เผยสีหน้าเย็นชาแก่เหลียวจิงเหมิงแต่อย่างใด

เจี้ยนรั่วหยานขึ้นบนลานประลองแล้ว

เจี้ยนหมาง เจี้ยนหนันหู่ และเจี้ยนรั่วหยาน ต่างเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาเติบโตขึ้นด้วยกัน ทว่าภายหลังได้แยกกันไปสู่คนละสำนัก พวกเขาต่างมีเส้นทางเป็นของตนเอง

ตำหนักเซียนดาบเป็นสำนักที่แกร่งกล้า กล่าวได้ว่าศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักมาจากตระกูลเจี้ยน

ศิษย์ของตระกูลเจี้ยนล้วนมีสภาวะทางอารมณ์คล้ายคลึงกัน พวกเขาภาคภูมิ หนักแน่น และแข็งแกร่ง

เจี้ยนหนันหู่เผยยิ้ม “น้องหยาน นี่ก็หลายปีแล้วตั้งแต่เจ้าได้เข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ ให้ข้าได้เห็นหน่อยว่าเจ้าสำเร็จถึงขั้นใดแล้ว! หากเจ้าพ่ายแพ้ นั่นหมายความถึงนครเซียนยุทธภัณฑ์ไม่เหมาะสมกับเจ้า!”

“ที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ข้าก้าวหน้าไปได้ด้วยดีมากนัก” ขณะเจี้ยนรั่วหยานกล่าว ดาบสองเล่มจึงปรากฏในมือของนาง หนึ่งเป็นสีดำ อีกหนึ่งเป็นสีขาว เหล่านี้คือดาบเจตจิตและดาบต้นกำเนิด

“นั่นคือพลังแท้จริงของพี่หยาน ดาบอสูรโลหิตหยินหยาง!” เจี้ยนหมางกล่าว

“ชื่อช่างโหดเหี้ยมนัก!” ฉินหยุนยิ้มรับ

“เป็นนางตั้งชื่อขึ้นเอง” เจี้ยนหมางยิ้มตอบ

เจี้ยนสือเทียนย่อมคิดอยากเห็นบุตรหลานของตนว่าแข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้นเขาจึงช่วยส่งเสริมให้เกิดการต่อสู้

“เริ่มได้!”

เจี้ยนรั่วหยานทราบ ว่าเจี้ยนหนันหู่เป็นตัวตนแกร่งกล้า ดังนั้นนางจึงนำกำลังทั้งหมดที่มีใช้ออกแต่แรกเริ่ม มือกระชับดาบทั้งสองเล่ม นางบุกโจมตีประหนึ่งร่างเงา การเคลื่อนไหวของนางราวภูตผี ทั้งยังรวดเร็ว

ขณะเจี้ยนรั่วหยานโจมตี ดาบทั้งสองเล่มในมือพุ่งตรง เบื้องหลังเกิดเป็นร่างเงาดาบสีขาวและดำทิ้งเอาไว้ ราวกับดาบได้ก่อเกิดพายุขึ้น พวกมันหมุนวนพร้อมเข้าปะทะใส่เจี้ยนหนันหู่

“เป็นดาบหยินหยางพุ่งทะยาน!” เจี้ยนหมางไม่อาจมองเห็น ทว่าเขาทราบได้จากออร่า

ถึงตอนนี้ เจี้ยนหนันหู่ย่อมใช้ความสามารถเทวะดาบสะเทือนฟ้าสะท้านดิน

คลื่นพลังดาบม้วนตัวพุ่งทะยานออกทั่วทิศ

สองดาบปะทะต่อกัน เกิดขึ้นเป็นคลื่นกระแทกกระจายออกเป็นวงกว้าง ม่านพลังสั่นไหว เจี้ยนสือเทียนไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องเสริมกำลังให้แก่ม่านพลัง!

ท้ายที่สุด เจี้ยนรั่วหยานและเจี้ยนหนันหู่ ต่างเปิดศึกประชิดต่อกัน

สามดาบของคนทั้งสองปะทะกันเร็วรี่ เกิดขึ้นเป็นแสงสะเก็ดไฟแล่นปราด ดาบของทั้งสองคนโรมรันกันอย่างไม่คิดหยุดพักอย่างชวนสะพรึง

เมื่อบรรดาศิษย์ของฝ่ายตระกูลใหญ่ได้เห็นความแข็งแกร่งของเจี้ยนรั่วหยานและเจี้ยนหนันหู่ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ

สีหน้าผู้คนของหุบเขาเซียนโอสถ รวมถึงขุนเขาเซียนอัคคีคราม ยิ่งมายิ่งหนักอึ้ง

นี่ก็เพราะเจี้ยนรั่วหยานและเจี้ยนหนันหู่ ทั้งสองต่างเป็นศิษย์ที่เลิศล้ำ

พวกเขาย่อมต้องปรากฏตัวในงานประลองยุทธ์อันใกล้

ถึงตอนนั้น บรรดาศิษย์ยอดฝีมือจากหลายสำนักและตระกูล จะเข้าห้ำหั่นกันเพื่อคว้าชิงอันดับกันอย่างตึงเครียด

ผู้รับชมซึ่งอยู่ไกลออกไป ต่างได้เป็นประจักษ์พยานถึงอัจฉริยะยอดฝีมือ พวกเขาเหล่านี้ยังเยาว์ กระนั้นกลับฝึกฝนถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น ทั้งยังแข็งแกร่งได้เพียงนี้

ที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือพละกำลังพวกเขาแข็งแกร่งทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง ทั้งที่แท้จริงอยู่ระดับต้น!

หากเป็นอาจารย์ยุทธ์ระดับกลางหรือสูงตามปกติ พวกเขาคงไม่มีทางมั่นใจได้ยามต้องเผชิญหน้ากับเจี้ยนรั่วหยานหรือเจี้ยนหนันหู่

การศึกเป็นไปอย่างตึงเครียด ฉินหยุนกล้ากล่าว ว่ากำลังแท้จริงของเจี้ยนหนันหู่มากล้ำเพียงใด

“เสี่ยวหยุน เจี้ยนหนันหู่ผู้นี้แข็งแกร่งยิ่ง ล่าสุดที่เขาต่อสู้กับเจ้า เขายังไม่ได้ใช้กำลังสูงสุด เจ้าก็เอาชนะเขาได้ไปแล้ว ไม่แปลกใจที่เขาจะไม่ยินดีถึงเพียงนี้!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวขึ้น

“นั่นสินะ หากข้าต่อสู้กับเขาต่อ ข้าคงไม่มีทางชนะได้โดยง่ายแน่!” ฉินหยุนกล่าวตอบ

“นั่นไม่ใช่ หากเจ้าต่อสู้กับเขาโดยใช้อาวุธ เจ้าย่อมจบศึกได้รวดเร็ว!” หลิงหยุนเอ๋อตอบคำ “เมื่อยอดฝีมือปะทะกัน พวกเขาย่อมต้องลงมืออย่างสุดกำลัง!”

เจี้ยนหนันหู่ประลองกับเจี้ยนรั่วหยาน เขาย่อมไม่คิดปล่อยนางไปโดยง่าย ดาบของเขาได้แทงทะลวงสู่ดาบของนาง จากนั้นจึงเป็นไหล่!

ไหล่ของเจี้ยนรั่วหยานเกิดเจ็บปวดขึ้น การโจมตีของนางเริ่มเชื่องช้าลง เป็นผลให้ความนึกคิดของนางกับร่างกายไม่อาจสัมพันธ์กันได้อีก

“ข้ายอมแพ้!” นางเร่งรีบถอยสู่ขอบม่านพลังพร้อมตะโกน

เจี้ยนหนันหู่ที่ไล่ต้อน ปลายดาบจี้ถึงไหล่อีกข้างของเจี้ยนรั่วหยาน หากเจี้ยนรั่วหยานไม่ประกาศคำ เขาคงแทงดาบลงไปแน่แล้ว

“น้องหยาน เจ้าก้าวหน้าได้ดี ไม่เลวเลย!” เจี้ยนหนันหู่พยักหน้ารับ

เจี้ยนรั่วหยานถอนหายใจ ก้าวเดินออกจากม่านพลัง นางหันมองทางแม่เฒ่าหม่าและกล่าว “ข้าแพ้แล้ว!”

“แม้เจ้าพ่ายแพ้ ข้าก็ยังคิดรับตัวเจ้าเข้าร่วมหอพิทักษ์กฎ!” แม่เฒ่าหม่าตบไหล่เจี้ยนรั่วหยาน

เหลียวจิงเหมิงเร่งรีบนำยามาให้

เจี้ยนหนันหู่ก้าวเดินออกมาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเจี้ยนรั่วหยานเช่นกัน

เปาเฉิงโฉ่วมองทางแม่เฒ่าหม่า เขากล่าว “แม่เฒ่าหม่า ศิษย์นครเซียนยุทธภัณฑ์ของเราที่สามารถต่อสู้กับเขาได้คงมีไม่มากกระมัง? ในนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเรา มีคนทัดเทียมเจี้ยนหนันหู่ได้อยู่จริงหรือ?”

แม่เฒ่าหม่าค่อยถอนหายใจยาว “เดิมมี ทว่าตอนนี้... ตอนนี้เขาถูกขับไล่ออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว ล่าสุดบุคคลที่เอาชนะเจี้ยนหนันหู่ได้ คือฉินหยุน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด