ตอนที่แล้วเซียนเหนือวิถี บาทที่ 34
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเซียนเหนือวิถี บาทที่ 36

เซียนเหนือวิถี บาทที่ 35


บาทที่ 35

“นี่คือคัมภีร์ฝึกเซียนของสำนักข้า ให้ไว้กับตระกูลชิวของเจ้า หากว่ามีใครสักคนฝึกฝนแล้วแล้วสามารถสร้างชีพจรเซียนได้ก่อนอายุสามสิบห้าปีก็จงเดินทางไปยังสำนักเจ็ดเมฆาตามแผนที่ที่ข้าแนบมาให้นี้” เซียนจางหยางส่งคัมภีร์พร้อมกับแนบแผนที่ให้กับเจ้าเมือง

“ส่วนเพื่อนคนนี้ ถ้ามีวาสนาเราก็คงได้พบกันอีก ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ” เซียนจางหยางดีใจมากเพราะว่าชิวเยว่ตอนนี้ก้าวเข้าสู่เขตปฐมเซียนระดับสามแล้ว ซึ่งถ้าเป็นเซียนทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน ยกเว้นพวกที่มีกายเซียนหรือชีพจรเซียนพิเศษจึงจะพอก้าวเข้าสู่เขตปฐมเซียนระดับสามได้ภายในเจ็ดวัน

แต่เพราะนี่เป็นการช่วยเหลือจากผู้ที่มีร่างจักรพรรดิเซียนรวมกับความแข็งแกร่งของชีพจรเซียนของเธอด้วย ทำให้เธอก้าวรุดหน้าเกินหน้าใคร

“ถึงเวลาที่เราต้องไปแล้ว ชิวเยว่จงร่ำลาปู่เจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จนกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งพอที่จะเดินทางมาเยี่ยมปู่เจ้าด้วยตนเอง” เซียนจางหยางกล่าวร่ำลาเจ้าเมืองและฉงฮุ้ยจิน

ชิวเยว่เข้าไปกอดปู่ของเธอ น้ำตาอดไหลออกมาไม่ได้ แต่ในเมื่อทำใจไว้แล้วเธอจึงไม่ร้องออกมา สักพักหนึ่งเธอก็คลายอ้อมกอดปู่แล้วหันไปหาฉงฮุ้ยจิน

“ของสิ่งนี้เก็บรักษาไว้ให้ดี เข้าใจไหม เก็บรักษาไว้ให้ดี” เธอพูดไม่เป็นจึงได้แต่พูดเช่นนั้นขณะที่ยัดป้ายหยกเข้าไปในมือของฉงฮุ้ยจินแล้วรีบเบือนหน้าวิ่งกลับไป

ฉงฮุ้ยจินอดขำไม่ได้ นี่มันอาการอายชัดๆ แต่เขาไม่ได้กล่าวเปิดโปงออกมา ตะโกนตามหลังเธอเบาๆพอให้ได้ยินว่า “เฮ้... ข้าจะรักษาไว้เท่าชีวิต”

ชิวเยว่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะเร่งฝีเท้าไปแล้วหลบอยู่ด้านหลังเซียนจางหยาง หากใครเห็นหน้าเธอตอนนี้ก็จะพบว่าเธอหน้าแดงจัด เธอรู้สึกใจเต้นตึกตัก

ตั้งแต่เด็กเธอไม่เคยมีเพื่อนเล่น ด้วยศักดิ์ที่สูงกว่าใครจึงมีแต่คนนอบน้อมรับคำสั่งเจ้าหญิงน้อย แต่ฉงฮุ้ยจินกลับทำตัวเหมือนกับเป็นพี่ชาย พูดคุยหัวเราะกับเธอเหมือนกับเป็นเพื่อน ไม่เคยกลัวเกรงเธอเลยแม้แต่น้อย บางครั้งมีการวางท่าทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าด้วย นี่ทำให้เธอประทับใจเขามาก อีกทั้งการที่เขาช่วยทำให้เธอรับรู้ถึงพลังลึกลับ ทำให้เธอสามารถทำสิ่งแปลกๆที่มีแต่คนไฝ่ฝันถึงได้ ทำให้เธอประทับใจเขาอย่างลึกซึ่ง

ป้ายหยกนั้นเป็นป้ายหยกประจำตัวของเธอ เซียนจางหยางได้สอนคาถาที่สามารถส่งพลังเซียนเข้าไปในป้ายนั้นและจะทำให้เธอสามารถรับรู้ได้ว่าป้ายนั้นอยู่ที่ไหนได้หากเข้าไปอยู่ใกล้ในระยะหนึ่ง ขึ้นกับความแก่กล้าของพลังเซียนของเธอ

เซียนจางหยางคิดว่าเธอจะให้ป้ายนี้แก่เจ้าเมือง แต่ผิดคาดที่เธอกลับให้ป้ายนี้กับฉงฮุ้ยจิน

ความคิดของเธอง่ายดาย ปู่ของเธอไม่ว่าอย่างไรก็อยู่ที่นี่ไม่หนีไปไหน แต่ฉงฮุ้ยจินนั้นกลับต่างออกไปนับตั้งแต่ที่เขาก้าวเท้าออกไปจากปราสาท เธอก็อาจจะไม่มีวันพบกับเขาอีกแล้วก็เป็นได้

นี่เป็นเหตุผลที่เธอให้ป้ายกับฉงฮุ้ยจิน

“เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ...” เซียนจางหยางกล่าว เขาจับมือชิวเยว่ไว้ข้างหนึ่ง ทันใดนั้นร่างของเขากับชิวเยว่ก็พลันกลายเป็นหมอกควันจางหายไปในอากาศ

ท่านเจ้าเมืองกับฉงฮุ้ยจินได้น้อมส่งในชั่วเวลานั้น เมื่อทั้งคู่หายไปแล้ว ท่านเจ้าเมืองที่ทั้งดีใจที่หลานสาวของเขาจะได้เป็นเซียนและเสียใจด้วยความคิดถึงหลานสาวก็หันมาหาฉงฮุ้ยจิน

“ท่านอาจารย์ฉง ข้าได้สัญญาว่าจะให้รางวัลท่าน แต่ก็ต้องยืดเวลามาจนถึงตอนนี้เนื่องจากต้องต้อนรับท่านเซียนจาง ต้องขออภัยด้วย”

“ไม่เป็นไรท่านเจ้าเมือง ข้าเองก็โดนท่านเซียนจางใช้ให้ฝึกวิชาให้กับเซียวเยว่ทั้งวันทั้งคืน ยังไงก็ไม่มีเวลาไปรับรางวัลจากท่านอยู่ดี” ฉงฮุ้ยจินกล่าวอย่างจนปัญญา

“ในเมื่อตอนนี้พวกเราว่างแล้ว ไม่ทราบว่าท่านต้องการรับรางวัลเป็นเงินหรืออะไร” ท่านเจ้าเมืองกล่าว

“ข้าเห็นอักขระเซียนที่ท่านนำมาตั้งทดสอบ ข้าอยากอ่านตำราเซียนของท่านสักหน่อย ทั้งหนังสืออาคมด้วยหากว่าท่านอนุญาต ท่านเห็นว่าเป็นอย่างไร”

“อา อย่างนั้นไม่มีปัญหาใดทั้งสิ้น ขอเชิญท่านอาจารย์ฉงไปที่ห้องหนังสือของข้าได้เลย ข้าจักให้คนไปเอามาให้” เจ้าเมืองกล่าว

พวกเขาพากันเดินออกไปจากพื้นที่ ขณะที่ท่านเจ้าเมืองสั่งพ่อบ้านให้นำหนังสือไปให้ที่ห้องหนังสือของเขา ด้วยว่าหนังสือเหล่านั้นอยู่ในห้องหนังสือของตระกูล ไม่ได้เก็บไว้ในห้องหนังสือของเขา

ฉงฮุ้ยจินอ่านหนังสือไวมาก ไม่นานเขาก็อ่านตำราเซียนสองเล่มที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนสองเล่มนั้นจบ และจดจำไว้ได้อย่างแม่นยำ แถมยังอ่านหนังสืออาคมอีกสามเล่ม หนึ่งในนั้นเป็นหนังสืออาคมอีกเล่มของสำนักพรต ส่วนอีกสองเล่มนั้นเขาก็ยังจับคู่ไม่ได้ ทั้งอาคมในหนังสือทั้งสองเล่มนั้นก็ดูเหมือนมาจากต่างสำนัก

แต่หนึ่งในสองเล่มนั้นเป็นอาคมสำหรับการเพาะเลี้ยงคุณไสย ซึ่งทำให้ฉงฮุ้ยจินเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้นในเมื่อการเลี้ยงคุณไสยก็เป็นวิธีหนึ่งในการที่จะได้รับชีพจรเซียน

“เช่นนั้นข้าขออำลา” เขากล่าวกับท่านเจ้าเมือง

“นี่คือเงินห้าหมื่นตำลึงทอง สำหรับความกรุณาที่มาช่วยเหลือ” เจ้าเมืองยื่นส่งตั๋วแลกเงินให้กับเขา

“ข้าได้แลกเป็นการอ่านหนังสือไปแล้วนี่” ฉงฮุ้ยจินกล่าว

“ให้อาจารย์ฉงได้อ่านหนังสือในห้องหนังสือของข้าก็ถือเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับท่านแล้ว จะถือเป็นรางวัลได้อย่างไร” เจ้าเมืองกล่าว

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็มิเกรงใจแล้ว” ฉงฮุ้ยจินรับตั๋วแลกเงินมาซุกอยู่ในอกเสื้อ

“แล้วพบกันใหม่ ท่านเจ้าเมือง” เขาประสานมืออำลา

“แล้วพบกันใหม่ ท่านอาจารย์ฉง” เจ้าเมืองประสานมือรับ

เขาเดินออกจากปราสาทเจ้าเมือง ตอนนี้มีแต่ความเงียบ ไม่มีคนมายืนเข้าแถวอีกแม้แต่สักคนเดียว เมื่อเจ้าเมืองประกาศยกเลิกไปแล้ว

ฉงฮุ้ยจินกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องตำราเซียน ซึ่งตอนนี้ถูกบันทึกไว้ในหัวของเขาหกเล่มแล้ว และคิดว่านี่อาจจะเป็นเบาะแสให้เขาสามารถคิดค้นตัวอักขระสำหรับวิชาปราณของเขาก็เป็นไปได้

ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกไม่ถูกต้อง

ก่อนที่เขาจะทันได้มีปฏิกิริยาใด คนที่เพิ่งเดินสวนเขาไปก็สะบัดสันมือสับเข้าไปที่ต้นคอของเขาอย่างรวดเร็ว ชำนาญ ด้วยฐานะผู้มีพลังปราณระดับสาม ขณะที่มีคนอีกสองคนยืนบังอยู่ทำทีเป็นเหมือนกับคนที่เดินมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับฉงฮุ้ยจิน

ปึ๊ก ฉงฮุ้ยจินหน้ามืดสิ้นสติไปในทันที

….

เขารู้สึกถึงความเย็นเฉียบของน้ำที่สาดเข้ามา จึงลืมตาขึ้นมาเพื่อพบว่าตนเองอยู่ในห้องหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย

มันเป็นห้องที่ไม่ใหญ่มากนัก ดูสกปรกมีฝุ่นละอองทั่วไป มีคนนั่งอยู่หนึ่งคนและยืนอยู่อีกสองสามคน

เขาพบตัวเองถูกขึงโยงมือทั้งสองข้างกางออกด้วยโซ่สองเส้นอยู่กลางห้องนั้น

เสื้อผ้าเขาถูกถอดออกจนหมดเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า

เขาพบว่ามีจุดเส้นบนร่างที่ถูกสกัดไว้ น่าจะเป็นคนเหล่านี้ที่สกัดจุดเขาไว้ไม่ให้สามารถโคจรพลังปราณได้

ฉงฮุ้ยจินคิดอยู่ในใจว่า “โชคดีที่พลังปราณของข้าดำเนินอยู่ในอีกแนวทางที่ต่อให้ถึงแม้ว่าจุดเส้นทั่วทั้งร่างถูกทำลายข้าก็สามารถใช้พลังปราณได้ นับประสาอะไรกับการสกัดจุดสองสามจุด”

ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาประมาทไปมากจึงไม่ได้ครอบร่างไว้ด้วยพลังปราณตอนอยู่ด้านนอก ทำให้ถูกโจมตีจนสิ้นสติได้ หากว่านี่เป็นการตัดคอ เขาก็คงตายไปแล้ว เขานึกจดจำบทเรียนนี้ไว้ในใจ

“ฮึ่ม ฟื้นแล้วละสิ” ชายคนที่นั่งอยู่พูด ในมือของชายคนนั้นถือป้ายหยกของชิวเยว่ พลิกดูเล่นไปมาด้วยความสนใจ

ฉงฮุ้ยจินไม่รู้จักชายคนนี้ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในห้องนี้ เขากวาดสายตาไปดูคนรอบข้าง

คนหนึ่งถือถังเปล่า คงเป็นคนที่สาดน้ำปลุกเขาให้ตื่น สองสามคนยืนอยู่ข้างตัวชายคนที่นั่งอยู่ มีคนหนึ่งในนั้นที่พันแผลไว้รอบแขน เขารู้จักชายคนนั้น

ชายคนนั้คือเป่าตงที่แพ้พนันให้กับเขาที่บ่อนตรอกเงินและถูกจับตัวไว้

บัดซบ

ผู้เขียน: ผมขอแจ้งให้ทราบว่าทุกร้อยบทจะมีฟรีอยู่ประมาณสี่สิบบท บาทที่ผมเขียนลงท้ายด้วย 0 จะฟรีสำหรับนักอ่านทั่วไปได้ทดลองอ่าน ส่วนบาทฟรีที่เหลือนั้นจะกระจายแทรกอยู่ในบาทต่างๆนับตั้งแต่บาทที่ 101 เป็นต้นไปแบบสุ่ม ซึ่งผู้ที่อ่านไปเจอก็จะพบเห็นได้เองครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด