ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0613 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0615 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0614 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 614 : ขับไล่จากสำนัก

ลานกว้างหน้าพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์กว้างใหญ่ มันจะไม่มีทางเนืองแน่นแม้มีผู้คนนับแสนมารวมตัว

แต่ครั้งนี้ ผู้คนนับหมื่นที่มาถึง กลับมีออร่าชวนสะพรึงเข้าปกคลุมอัดแน่นในพื้นที่

จักรพรรดิยุทธ์กว่ายี่สิบคน และราชันยุทธ์อีกหลายร้อยคน

ที่ชวนหายใจยากลำบากที่สุด คือกลุ่มผู้อาวุโสชราภาพจากตระกูลใหญ่ พวกเขาต่างเป็นบุคคลขอบเขตครึ่งเซียน

แม้พวกเขาดูคล้ายสามารถสิ้นใจได้ทุกเมื่อ ทว่าออร่าของพวกเขาแข็งแกร่งมากล้ำ มันชวนสะพรึงอย่างถึงที่สุด

เหล่านี้คือผู้อาวุโสครึ่งเซียนของตระกูลหลง ตระกูลเทียน และตระกูลหยาง

กระนั้น หุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีคราม หาได้ส่งขอบเขตครึ่งเซียนมาเข้าร่วมไม่ เพียงส่งผู้อาวุโสที่แกร่งกล้ามาแทน พวกเขาล้วนเป็นจักรพรรดิยุทธ์ นี่เป็นหลักฐานยืนยันว่าเรื่องนี้พวกเขามีเจตนาตั้งใจเพียงใด

“เด็กน้อยฉินหยุนผู้นั้นช่างยอดเยี่ยมนัก ถึงกับทำให้ครึ่งเซียนของสามตระกูลมารวมตัวกันได้!”

“ฉินหยุนจบเห่แน่แล้ว!”

“บางทีอาจเป็นเพราะศีรษะผู้นำตระกูลหลงถูกปลิดปลง ตระกูลใหญ่อื่นจึงเกิดกังวลว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นวนซ้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงผนึกกำลังเข้ากดดันฉินหยุน!”

“พวกเขามาที่นี่ก็เพราะทราบว่าฉินหยุนเก็บงำของวิเศษไว้มากมายเพียงใด! หากฉินหยุนเป็นคนไม่มีสมบัติกับตัว คิดหรือว่าจะมีคนมากมายเพียงนี้มารวมตัวกันได้?”

“หากฉินหยุนเป็นผู้ยากไร้ เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางต่อกรกับตระกูลใหญ่และสำนักเซียนได้เพียงนี้!”

“ฉินหยุนมีมังกรกระดูก อักขระโทเทม จารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง รวมถึงสมบัติอื่นที่ยังไม่ทราบ นี่มันไปเอามาจากที่ใดกัน?”

“มาดูกันว่านครเซียนยุทธภัณฑ์ครานี้จะว่ากล่าวอย่างไร!”

ฝูงชนได้เพียงแต่รับชมอยู่ไกลออกไป พวกเขาไม่กล้าเข้ามาใกล้

บุคคลที่ออกมารับหน้าคือแม่เฒ่าหม่า เมื่อนางพบเห็นกลุ่มคนจากตระกูลอันยิ่งใหญ่รวมตัวกัน รวมถึงหุบเขาเซียนโอสถ และขุนเขาเซียนอัคคีคราม สีหน้าของนางที่เผยออกจึงดำมืด

ชั่วขณะนี้ กลุ่มคนในชุดสีชมพูได้มาถึง เหล่านี้เป็นสตรีงดงามวัยเยาว์ รวมถึงสตรีวัยกลางคน และยังมีหญิงชราอีกจำนวนหนึ่ง

เป็นคนของเกาะจันทราปีศาจ!

ฉินหยุนฝากฝังเกาะจันทราปีศาจประกาศค่าหัว ตอนนี้ฉินหยุนตกอยู่ในปัญหา พวกนางย่อมต้องปรากฏตัว

เกาะจันทราปีศาจไม่หวาดเกรงปัญหา พวกนางกระทั่งกล้าจับตัวผู้อาวุโสหุบเขาเซียนโอสถเอาไว้

“เกาะจันทราปีศาจ พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ชายชราจากตระกูลหลงเอ่ยถามเสียงเย็น

“พวกเจ้ามาเพื่อกดดันฉินหยุนหรือไม่ใช่? พวกเราย่อมมาที่นี่ด้วยธุระของตนเอง เมื่อใดถึงเวลา ฉินหยุนย่อมเกลียดชังพวกเจ้า เขาจะได้ฝากฝังพวกเราประกาศค่าหัวอีกครั้งหนึ่ง!”

บุคคลที่กล่าวคำออกมาคือฮูจิงเซียน รอยยิ้มงดงามของนางเผยออกพร้อมถาม “พวกเจ้าตระเตรียมเสียศีรษะบนบ่านั่นหรือยังเล่า?”

“เกาะจันทราปีศาจ หากเจ้าทราบว่าอะไรดีอะไรชั่ว จงเร่งรีบถอนคำสั่งล่าค่าหัว!”

ผู้อาวุโสครึ่งเซียนจากตระกูลเทียนเผยเสียงดังทุ้มลึก เป็นผลให้ทั้งพื้นที่หลายพันเมตรต้องเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

“หากพวกเราไม่ทราบอะไรดีอะไรชั่ว แล้วพวกเจ้าสามารถทำอันใดได้? หากมีความกล้า เช่นนั้นจงบุกเข้าโจมตีเกาะจันทราปีศาจ!”

หญิงชราที่เอ่ยคำเผยเสียงหัวเราะดัง น้ำเสียงของนางสูงแหลมคมกริบเสียดแทงแก้วหูผู้รับฟัง

กระทั่งบุคคลขอบเขตราชันยุทธ์ยังต้องรู้สึกไม่สบายนักยามรับฟัง มันราวกับหัวใจพวกเขาเพิ่งถูกทิ่มแทง

หญิงชราผู้นี้ คือขอบเขตครึ่งเซียน!

ผู้คนย่อมตื่นตะลึง เพราะหญิงชราจากเกาะจันทราปีศาจ คล้ายมีจิตวิญญาณที่ลุกโชนยิ่งกว่าบุคคลครึ่งเซียนทั้งสามจากฝ่ายตระกูลใหญ่

ท่านยายหม่าก้าวเดินออกมาจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ด้วยตนเอง นางใช้สายตาเย็นเยือกจับจ้องกลุ่มคนพร้อมกล่าวถาม “พวกเจ้ามาที่นี่วันนี้ เพื่อเรียกร้องให้จ้าวสำนักของพวกขับไล่ฉินหยุนออกจากสำนักใช่หรือไม่?”

“แม่เฒ่าหม่า เป็นเจ้าที่ทราบเรื่องราวดี!” ชายชราจากตระกูลหลงเอ่ยคำ

“พวกเจ้าฝ่ายตระกูลใหญ่ ย่อมทราบว่านครเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเราเป็นศัตรูกับหุบเขาเซียนโอสถ รวมถึงขุนเขาเซียนอัคคีคราม กระนั้นยังกล้าดีร่วมมือกับพวกเขา!” แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงโกรธเคือง

“แม่เฒ่าหม่า เหตุใดพวกเรานครเซียนยุทธภัณฑ์ต้องสร้างศัตรูถึงสองสำนักเพราะฉินหยุนด้วยกันเล่า?”

“เจ้าไม่คิดหรือว่าเขาเป็นดาวไม้กวาด? หากพวกเราขับไล่เขาพ้นจากสำนัก มิตรสหายพวกเราจากหุบเขาเซียนโอสถ รวมถึงขุนเขาเซียนอัคคีครามย่อมยินดีทำข้อตกลงกับนครเซียนยุทธภัณฑ์ เรื่องนี้มีแต่จะได้ผลประโยชน์กันถ้วนหน้า!” ชายชราจากตระกูลหลงกล่าวคำ

ชั่วขณะนี้เอง ฮูจิงเซียนจึงเอ่ยคำเหยียดหยัน “นครเซียนยุทธภัณฑ์ หากเจ้าขับไล่ฉินหยุน นั่นถือเป็นการข้ามแม่น้ำแล้วจึงทำลายสะพาน! พวกเจ้าควรจดจำได้อย่างขึ้นใจ ว่าผู้ใดที่ช่วยเหลือพวกเจ้ารักษาบรรทมเซียนตะวันจันทราเอาไว้!”

“เขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเจ้า รวมถึงหอคอยวิญญาณเซียนยุทธภัณฑ์ พวกมันทำงานอยู่ได้ก็เพราะบรรทมเซียนตะวันจันทราทั้งสิ้น!”

ด้วยผู้คนนับล้านรับชม พวกเขาลอยตัวกันอยู่กลางอากาศไกลออกไป พวกเขาย่อมได้เห็นและรับฟังว่าเรื่องราวดำเนินถึงขั้นใดแล้ว

รับฟังคำของฮูจิงเซียน ความอึกทึกครั้งใหญ่จึงบังเกิด

หลายคนไม่ทราบ ว่าสมบัติล้ำค่าของนครเซียนยุทธภัณฑ์กลับล้ำค่าถึงเพียงนั้น มันคือสิ่งที่เกื้อหนุนหอคอยวิญญาณเซียนยุทธภัณฑ์ และเขตแดนจินตภาพให้ยังคงสภาพการทำงานเอาไว้ได้

“นั่นเป็นเพราะฉินหยุนเข้าร่วมกับนครเซียนยุทธภัณฑ์ เขาจึงต้องแข่งขันกับศิษย์ของหยิงเฉิงอวี้ ผลลัพธ์ที่ได้ เขาได้รับชัยชนะ ได้รับจารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง นั่นถือเป็นโอกาสอันมากล้ำที่นครเซียนยุทธภัณฑ์มอบให้แก่เขาอย่างสาสมแล้ว!” ชายชราจากตระกูลเทียนแค่นเสียงดังขึ้น

“วาจาไร้สาระ!” ฉู่ปินอวี้ก้าวเดินออกมาเผยเสียงอันดัง “ย้อนกลับไป พวกเจ้าคิดห้ามไม่ให้ฉินหยุนแข่งขันกับศิษย์ของหยิงเฉิงอวี้ ครานี้กล่าวคำเช่นนี้ ช่างไร้ยางอายอย่างแท้จริงยิ่งนัก!”

“ให้จ้าวสำนักออกมาได้แล้ว!” ชายชราตระกูลหยางตะโกนขึ้น “ข้าได้สอบถามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จ้าวสำนักได้ออกจากการเก็บตัวฝึกฝน ในเมื่อมีแขกเหรื่อมากมายเพียงนี้ เหตุใดเขาไม่ออกมาให้การต้อนรับเสียหน่อยกันเล่า?”

ขณะชายชรากล่าวคำจบ หมอกทรงกลมสีขาวพลันปรากฏตรงหน้าแม่เฒ่าหม่า หลังหมอกสีขาวเลือนหาย จึงปรากฏเป็นชายชราร่างเตี้ย

ชายชราสวมใส่ชุดขาว มือทั้งสองไพร่ไว้ที่ด้านหลัง ศีรษะล้านเลี่ยน กระนั้นก็ยังดูมีกำลังวังชา ใบหน้ามีริ้วรอยไม่ใช่น้อย กระนั้นรอยยิ้มที่เผยคือความอบอุ่น

“เปาเฉิงโฉ่ว ยินดีแล้วที่ได้เป็นจ้าวสำนักนครเซียนยุทธภัณฑ์!” ผู้อาวุโสครึ่งเซียนจากตระกูลหลงกำหมัดประทับฝ่ามือแสดงความยินดี

จ้าวสำนักนครเซียนยุทธภัณฑ์นามเปาเฉิงโฉ่ว ก่อนหน้านี้ เขาเก็บตัวเป็นความลับมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้ คล้ายเขาคุ้นเคยกับบุคคลครึ่งเซียนทั้งหลายไม่ใช่น้อย

“มีมารยาทเกินไปแล้ว! พวกเจ้านั้นเวลาชีวิตหลงเหลือไม่มากนัก เหตุใดยังเอาแต่วิ่งพล่านไปทั่วเช่นนี้กันเล่า?” เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะรับ “แม้ข้าชรากว่าพวกเจ้า ข้ากลับรู้สึกว่ายังอยู่ได้อีกนานนัก!”

ได้ยินคำของเปาเฉิงโฉ่ว สีหน้าของบรรดาผู้อาวุโสครึ่งเซียนต่างแปรเปลี่ยน

ความหวาดกลัวฉายผ่านดวงตาพวกเขา พวกเขายังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะขอบเขตครึ่งเซียน ทว่าพวกเขาไม่มีวันได้เป็นเซียนที่แท้จริง

และจิตวิญญาณที่เปาเฉิงโฉ่วเผยให้เห็น ชัดเจนว่าเขามีศักยภาพพร้อมที่จะกลายเป็นเซียน

“เปาเฉิงโฉ่ว เวลาพวกเราล้ำค่านัก วาจาไร้สาระล้วนเลิกพูดกล่าว เร่งรีบตัดสินใจ เจ้าจะเก็บฉินหยุนเอาไว้ต่อหรือไม่?”

ครึ่งเซียนจากตระกูลหลงกล่าวคำ “ผู้เยาว์ของพวกเราตระกูลหลงมีศักยภาพดีเลิศล้ำเสมอมา แต่ไม่นานมานี้ หลังได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล ศีรษะเขากลับถูกปลิดปลง ทั้งหมดเป็นเพราะตัวบัดซบฉินหยุนผู้นั้น”

“จ้าวสำนักนครเซียนยุทธภัณฑ์ หากคิดขับไล่ฉินหยุนออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ พวกเราหุบเขาเซียนโอสถ ขอรับประกันว่าพวกเราจะลบล้างทุกข้อพิพาทที่มีก่อนหน้า!” จักรพรรดิยุทธ์จากหุบเขาเซียนโอสถกล่าวคำขึ้นมา

“เป็นความผิดของฉินหยุนที่สังหารศิษย์ขุนเขาเซียนอัคคีครามพวกเราไปมาก ทำให้พวกเราเกิดตั้งตัวเป็นศัตรูต่อกัน ตราบเท่าที่จ้าวสำนักนครเซียนยุทธภัณฑ์ขับไล่ฉินหยุนพ้นจากสำนัก พวกเรายินดีจบเรื่องราว โดยความแค้นทั้งหมดลงที่ตัวเขา!” ชายชราจากขุนเขาเซียนอัคคีครามกล่าวคำขึ้นเช่นกัน

เปาเฉิงโฉ่วคิดอยู่ครู่ ก่อนหันมองทางกลุ่มผู้อาวุโสฝ่ายตระกูลใหญ่พร้อมเอ่ยถาม “พวกเจ้าเป็นผู้อาวุโสนครเซียนยุทธภัณฑ์ของเรา พวกเจ้าคงอยู่ในนครเซียนยุทธภัณฑ์มานานไม่น้อยแล้ว พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร? พวกเจ้าเห็นพ้องว่าควรให้ขับไล่ฉินหยุนออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์?”

กลุ่มผู้อาวุโสและศิษย์ของตระกูลหลง ตระกูลเทียน และตระกูลหยางต่างร้องเรียนเรื่องราวที่ฉินหยุนก่อเอาไว้กันขึ้นมา

ฮัวซือเยวี่ย เทียนเหยาเหล่ย หยางเฉิงหลง หลงควงหัง หลงซือหมิง รวมถึงศิษย์อื่นฝ่ายตระกูลใหญ่ ต่างเผยเสียงอันดังออกมา เพราะพวกเขาถูกฉินหยุนทำร้ายจนมีสภาพต้องหลบหนีอย่างชวนสังเวช

พวกเขามุ่งเน้นไปที่เรื่องฉินหยุนทำลายสมดุลของเขตแดนจินตภาพ

ความเห็นพวกเขาพ้องต้องกัน คือต้องการให้ขับไล่ฉินหยุนออกไป

บุคคลภายนอกเพียงรับชมเรื่องราว กระนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมต่อเรื่องที่ฉินหยุนสร้างไว้ในเขตแดนจินตภาพ

“แม่เฒ่าหม่า นำตัวฉินหยุนมา ข้าตัดสินใจขับไล่เขาออกจากสำนัก นับแต่นี้เขาไม่ใช่ศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์อีกต่อไป!” เปาเฉิงโฉ่วถอนหายใจ

เปาเฉิงโฉ่วตัดสินใจแล้ว!

ผู้คนของหุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม รวมถึงฝ่ายตระกูลใหญ่ต่างทึ่ง พวกเขาไม่คิดว่าเปาเฉิงโฉ่วจะยอมรับง่ายดายเพียงนี้

หลังฟื้นคืนอาการขึ้นได้ พวกเขาค่อยเผยรอยยิ้มยินดีที่ใบหน้า ราวกับเด็กที่เพิ่งได้รับขนมหวานเป็นครั้งแรกในช่วงชีวิต

“จ้าวสำนักโปรดพิจารณาใหม่! ท่ามกลางกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ พรสวรรค์ทางวิถีจารึกของฉินหยุนเป็นหนึ่งหรือไม่ก็สอง!” ฉู่ปินอวี้เร่งรีบกล่าว

“ฉู่ปินอวี้ เจ้าเป็นเพียงแขกอาวุโส จงหุบปากเสีย!” ชายชราจากตระกูลหลงเผยเสียงต่อว่าดังขึ้น

เปาเฉิงโฉ่วกล่าวคำ “เหล่าฉู่ ฉินหยุนทำผิดกฎร้ายแรงของพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เขาฝืนเข้าสู่พื้นที่ต้องห้าม จึงถูกคุมขังในคุกใต้ดิน เขาต้องโทษจองจำยาวนานถึงหนึ่งร้อยปี!”

“ไม่ว่าพรสวรรค์ทางวิถีจารึกของเขาสูงล้ำเพียงใด เขาก็เป็นเพียงนักโทษ ดังนั้น ขับไล่เขาไปมีแต่จะเป็นเรื่องดีต่อตัวเขา!”

“มีเรื่องราวเช่นนั้น?” ฉู่ปินอวี้ตื่นตะลึง

ผู้คนฝ่ายตระกูลใหญ่ที่เดิมเกิดความยินดี ครานี้พอได้รับฟัง พวกเขาต่างมองหน้ากันเองราวกลืนกินสิ่งปฏิกูลเข้าไป สีหน้าพวกเขาย่ำแย่น่าเกลียดเกินบรรยาย

หากพวกเขาทราบว่าฉินหยุนต้องโทษคุมขังหนึ่งร้อยปี พวกเขาคงไม่สร้างเรื่องราวใหญ่โตเพียงนี้

กระนั้นเวลานี้ พวกเขากลับกลายเป็นช่วยฉินหยุนจากเภทภัยหนึ่งร้อยปี

เมื่อฉินหยุนที่อยู่ในคุกใต้ดินได้เห็นแม่เฒ่าหม่า เขาจึงทราบว่าฝ่ายตระกูลใหญ่ลงมือสำเร็จ

“ท่านยายหม่า นี่ท่านมาปล่อยตัวฉินหยุนอีกแล้วหรือขอรับ?” ศิษย์ตระกูลหลงเอ่ยถาม

“ใช่! ฉินหยุนฝ่าฝืนเข้าสู่พื้นที่ต้องห้าม จึงต้องโทษคุมขังหนึ่งร้อยปี ทว่าภายใต้คำร้องของหลายผู้คน จ้าวสำนักตกลงขับไล่ฉินหยุนออกจากสำนัก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องออกไปจากคุกใต้ดินแห่งนี้!” แม่เฒ่าหม่ามองที่ฉินหยุนพร้อมเผยยิ้มเย็นเยือก “ฉินหยุน เจ้าเป็นอิสระแล้ว!”

กลุ่มศิษย์ฝ่ายตระกูลใหญ่ต่างกายแข็งทื่อกันถ้วนหน้า!

นั่นก็เพราะในความเห็นพวกเขา ฉินหยุนถูกคุมขังหนึ่งร้อยปีดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

แต่ตอนนี้ ฉินหยุนถูกปล่อยตัว และถูกขับไล่ออกจากสำนัก

ยามพวกเขาได้เห็นรอยยิ้มฉินหยุน พวกเขาค่อยทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

ผู้อาวุโสฝ่ายพวกเขาคงไม่ทราบ ว่าฉินหยุนถูกคุมขังถึงหนึ่งร้อยปี นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ฉินหยุนได้รับการปล่อยตัวจากคุกใต้ดิน

ไม่นาน แม่เฒ่าหม่าจึงออกมาพร้อมฉินหยุน

ฉินหยุนเผยยิ้มก้าวเดินไป เขากำหมัดกล่าวขอบคุณต่อกองกำลังหลายตระกูล รวมถึงหุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีคราม

“ขอบคุณพวกเจ้าแล้ว มิตรสหายอาวุโสทั้งหลาย ข้าน้อยผู้นี้เพิ่งพ้นจากโทษจำคุกหนึ่งร้อยปี ข้าไม่ทราบเลยว่าควรกล่าวขอบคุณอย่างไรดี!” ฉินหยุนพูดไปพลางหัวเราะ เป็นเขาหัวเราะยินดีออกจากใจ

“ท่านยายหม่า เหตุใดไม่บอกต่อพวกเราว่าฉินหยุนถูกคุมขังหนึ่งร้อยปี?” ผู้อาวุโสฝ่ายตระกูลใหญ่จากตระกูลหลงเร่งรีบตะโกนถามอย่างโกรธเคือง

“ไม่ใช่ธุระกงการของข้าที่ต้องไปแจ้งต่อเจ้า!” แม่เฒ่าหม่าฮึมฮัมพร้อมผลักฉินหยุนออก นางกล่าว “เจ้าหนู เจ้าได้รับอิสระแล้ว หวังว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้!”

ฉู่ปินอวี้ไม่ทราบควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาไม่ทราบว่าเรื่องนี้ดีหรือเลวร้ายต่อฉินหยุน ทว่าเขาก็ได้แต่ถอนหายใจและกล่าว “จ้าวสำนัก ท่านพลาดแล้วที่ปล่อยเมล็ดพันธุ์พรสวรรค์ทางวิถีจารึกล้ำเลิศเช่นนี้ไป!”

“ย่อมไม่เป็นไร พวกเรายังมีเหลียวจิงเหมิง นางเองก็มีพรสวรรค์ไม่แพ้ผู้ใด!” แม่เฒ่าหม่าตอบคำกลับมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด