ตอนที่แล้วตอนที่ 20 : นี่คือฐานที่มั่นอย่างงั้นเหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 : ปาฏิหาริย์

ตอนที่ 21 ถึงเวลาแสดงให้เห็นว่าอะไรอยู่ภายใต้ปลายภูเขาน้ำแข็งของอาณาเขต


หลูเสี่ยวเพิงและพรรคพวกของเขาตกตะลึง

“มันคืออะไร? หรือนี่คือปิศาจที่ดูประหลาดประเภทหนึ่ง?!”

“มันอาจจะเป็นสิ่งที่สร้างมาจากเทคโนโลยีแห่งความมืด? ยุคของหุ่นยนต์มันมาถึงแล้วหรือยังไง?!”

“เทคโนโลยีความมืดมันสามารถผลิตหุ่นยนต์ขั้นสูงได้แล้วหรือ? ดูที่ปิศาจเหล็กสองตัวนั้นสิ กิริยาของมันลื่นไหลมากและยังมีข้อต่อที่ยืดหยุ่นได้ ฉันมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวบกพร่องเลย สิ่งเหล่านี้มันไปไกลกว่าหุ่นยนต์ที่พัฒนาแล้วก่อนวันโลกาวินาศอยู่มากโข ถึงแม้ว่าจะมีวัตถุดิบใหม่ๆที่ได้ค้นพบและเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วก็ตาม มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างหุ่นยนต์ขั้นสูงได้เร็วขนาดนี้... มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียว สิ่งมีชีวิตพวกนี้น่าจะเป็นของคนบางคนที่มีทักษะพิเศษ!”

“คนที่มีทักษะพิเศษ?!”

จำนวนของคนที่มีทักษะพิเศษนั้นหาได้ยาก นี่มันเป็นระดับตำนาน แม้แต่ผู้รอดชีวิตบางคนก็ยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนที่มีทักษะพิเศษนี้!

คนพวกนี้ที่มีทักษะพิเศษนั้นทั้งแข็งแกร่งและมีความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์

การมีตัวตนของคนพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นการทำลายมุมมองทางวิทยาศาสตร์อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าพวกเขาจะครอบครองความสามารถอะไร ทุกๆอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้

ถ้านี่เป็นไม้เด็ดของคนที่มีทักษะพิเศษ งั้นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาก็ไม่ยากเกินที่จะยอมรับ

..........

เวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำจนกระทั่งพลบค่ำ

รีสอร์ทยังคงอยู่ในความย่อยยับ แต่ทุกอย่างดูจะอยู่เรียงกัน หลูเสี่ยวเพิงเห็นผู้รอดชีวิตบางคนขนหินอยู่เป็นครั้งคราวบนเส้นทาง แต่เขาเห็นหุ่นเวทย์มนต์นี้มีมากกว่า

หลังจากถูกค้นพบและระบุตัวตนจากผู้รอดชีวิตคนอื่นๆแล้ว หลูเสี่ยวเพิงและพรรคพวกของเขาก็ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ที่ฐานที่มั่นนี้

เหตุผลมันง่ายๆ ที่นี่ทุกคนสามารถทำงานและได้ผลตอบแทนเป็นอาหาร

ภายใต้สภาวะอาหารขาดแคลนอย่างหนัก ในช่วงหายนะแบบนี้ การได้ผลตอบแทนจะความพยายามของคนเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มของเขาได้รู้ว่าผลตอบแทนนั้นไม่ได้มีเพียงอาหารที่เพียงพอแล้ว แต่ยังมีเนื้อเป็นผลตอบแทนพิเศษสำหรับคนที่มีผลงานดีอีกด้วย หลายคนจ้องด้วยตาที่เปิดกว้างและเลียปากตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อชีวิตช่างยากเย็นแสนเข็นและอาหารที่มีก็ขาดแคลน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนๆหนึ่งจะกินได้อิ่ม

หลูเสี่ยวเพิงรู้ว่าความหิวนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถสังหารปิศาจหมาป่าลงได้ก่อนหน้านี้

เขาเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อกับเวลาอาหารเย็นที่ใกล้จะถึง เขาพยายามทำงานอย่างหนักในวันนี้ เขาลากรถขนหินมาเต็มคันไปมาหลายรอบและเริ่มคุ้นเคยกับพื้นถนนที่คดเคี้ยว

ที่จัตุรัสเล็กๆด้านหน้าบริเวณวิลล่า

ตรงกลายของจัตุรัสมีรูปปั้นผู้หญิงสูงใหญ่เป็นลักษณะเฉพาะแบบตำนานกรีซ

หลูเสี่ยวเพิงไม่ได้สนใจที่รูปปั้น สิ่งที่อยู่ด้านหน้าของมันคือกองหินมากมายเท่าภูเขา

จัตุรัสเล็กๆที่เคยว่างเปล่าในตอนนี้มันดูอึดอัดและรกไปหมด

หลูเสี่ยวเพิงยังได้พบกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆที่เคยเป็น “ผู้อาวุโส” ของฐานที่มั่น

เขาเดินเข้าไปทักทายและไต่ถาม “คุณรู้ไหมว่าเราจะเอาหินพวกนี้ไปทำอะไร?”

ผู้รอดชีวิตคนนั้นที่กำลังเข็นรถขนหินส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้รายละเอียดหรอก แต่ไม่ว่าหินพวกนี้จะถูกเอาไปใช้ทำอะไร มันก็ดีพอแล้วที่จะมีอะไรเอาไว้ให้กินและดื่มในทุกๆวัน”

เขาจำหลูเสี่ยวเพิงได้ ผู้ที่เป็นผู้ปลุกพลังคนที่เข้ามาใหม่วันนี้ เขาคิดอยู่ชั่วครู่และตอบว่า “ผู้นำถังอาจจะมีแผนในการก่อสร้างบางอย่าง ใครจะไปรู้ ผู้นำถังจะต้องมีวางแผนสำหรับหินพวกนี้เอาไว้แล้ว”

“เรากำลังจะสร้างกำแพงเหรอ? มันไม่ใช่ความคิดที่แย่ อย่างน้อยเราก็ปลอดภัยกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นกำแพงมันก็ไม่สามารถที่จะป้องกันพวกปิศาจได้ นอกเสียจากว่าจะเป็นกำแพงเมืองจริงๆ มีคนพูดว่าพวกฐานที่มั่นขนาดใหญ่ๆนั้นสร้างกำแพงเมืองขึ้นมา ทำให้มันมีความปลอดภัยสูง”

“ใช่” ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆต่างก็รู้สึกเช่นกันที่ว่านี่น่าจะเป็นเป้าหมายของหินพวกนี้ “แต่ถึงอย่างไรการสร้างกำแพงเมืองก็ต้องการคนงานและทรัพยากรจำนวนมาก ถ้าเราต้องการให้เหมือนกับพวกฐานที่มั่นใหญ่ๆเราคงต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือขนาดใหญ่ในการปฏิบัติงานเช่นกัน แต่สำหรับฐานที่มั่นขนาดเล็กก็ไม่จำเป็นต้องไปคิดถึงเรื่องพวกนั้น เราทำได้เพียงแค่ขนย้ายวัสดุเข้าไปในพื้นที่และสร้างกำแพงที่ดีที่สุดสำหรับแนวป้องกันธรรมดาๆก็พอเท่านั้น”

“ไม่มีอะไรต้องกังวล สำหรับผู้นำถังหยูกับผู้เชี่ยวชาญอีกหลายท่านนั้น พวกปิศาจธรรมดาๆไม่นับว่าเป็นอันตรายต่อฐานที่มั่นหรอก”

ชายคนนั้นหันมาให้กำลังใจหลูเสี่ยวเพิงผู้ปลุกพลังที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่

“ผู้เชี่ยวชาญ อา..”

หลูเสี่ยวเพิงยังคงสงสัยกับผู้คนเหล่านี้

เขายังไม่เห็นผู้นำถังหยู เห็นแต่เพียงคนที่รูปร่างเหมือนกับป้อมปราการเหล็กที่แข็งแกร่ง ที่แสดงให้เขาเห็นถึงแรงกดดัน ผู้คนพูดกันว่าคนๆนั้นคือมือขวาของผู้นำถังหยู ผลสุดท้ายเขาก็ยังไม่รู้แน่ชัดถึงความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้

ถึงอย่างนั้นหลูเสี่ยวเพิงก็ยังกังวลกับความปลอดภัยในฐานที่มั่น

สถานที่แห่งนี้เคยถูกโจมตีโดยฝูงปิศาจมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วมันจะมีฝูงปิศาจบุกเข้ามาโจมตีอีกไหม?”

จะมีอันตรายในระหว่างที่หลับอยู่ในตอนกลางคืนหรือเปล่า?

ผู้นำถังและคนอื่นๆมีความสามารถสูง แต่ฐานที่มั่นเองก็ไม่ได้มีป้อมปราการหรือสิ่งที่จะแจ้งเตือนล่วงหน้าใดๆเลย

เขาแสดงออกถึงความกังวล แต่ผู้รอดชีวิตคนนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “คืนหนึ่งที่เราเคยเจอกับการโจมตีของปิศาจ นายพอจะเดาได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? ท่านผู้เชี่ยวชาญพุ่งทยานลงมาจากฟ้าและกระทืบลงมาที่ปิศาจตัวนั้นเพียงแค่ครั้งเดียว แม้แต่ปิศาจนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ก็ถูกกำจัดในทันทีโดยท่านผู้นั้น”

“ผู้นำถังเคยพูดเอาไว้ว่าตราบใดที่นายอยู่ในพื้นที่วิลล่า เขาจะรับประกันความปลอดภัยให้ ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว แน่นอนว่าฉันก็หวังให้ฐานที่มั่นนี้สามารถสร้างแนวป้องกันพวกปิศาจได้ แต่มันน่าจะใช้เวลาด้วยกำลังคนที่จำกัดของฐานที่มั่นพวกเรา”

หลูเสี่ยวเพิงพยักหน้า นี่คือสภาพปัจจุบันของฐานที่มั่น ในตอนนี้พวกเขาทำได้แค่เพียงหวังให้ก้อนหินพวกนี้ถูกใช้ในการสร้างกำแพงเมืองที่แข็งแกร่ง

ณ ตอนนี้ มีเสียงดังขึ้นที่ประตูของพื้นที่วิลล่า

เฉินไฮปิงออกมาจากด้านในประตู ในถือมือโทรโข่งมาด้วย เขาพูดขึ้นว่า “ทุกคนฟังทางนี้ ให้ทุกคนก้าวออกไปนอกเขตเส้นสีเหลือง ย้ำว่าให้ทุกคนก้าวออกไปนอกเขตเส้นสีเหลือง!”

หลูเสี่ยวเพิงนิ่งอยู่ชั่วขณะ มองไปที่พื้น แน่นอนเขาเห็นว่ามีเส้นสีเหลืองอยู่ จากมุมของจัตุรัสเล็กๆตรงทางออกของวิลล่า ขยายออกไปทั้งสองด้าน เหมือนกับมันล้อมวิลล่าทั้งตึก

เป้าหมายของมันคืออะไร?

……….

ที่ระเบียงของปราสาทชั้นบนสุด

ถังหยูค่อยๆเอนตัวไปด้านหน้าเพื่อรับลม

ยืนอยู่บนนี้ เขาสามารถมองเห็นพื้นที่วิลล่าทั้งหมดในช่วงพลบค่ำที่มีแสงอาทิตย์เหลืออยู่รำไร

ปราสาทมันไม่ใช่ปราสาทระดับต้นสองชั้นที่มีขนาดเล็กๆอีกต่อไป แต่ได้พัฒนาเป็นระดับสองแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้นแต่ยังมีห้าชั้นอีกด้วย ทำให้มันดูน่ามองกว่าเมื่อก่อน

แต่ยังไง สิ่งที่ถังหยูให้ความสำคัญมากที่สุดไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของปราสารท แต่เป็นการเพิ่มระยะของอาณาเขต

อาณาเขตระดับสองที่มีปราสาทอยู่ตรงกลาง ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของรีสอร์ทและขยายตรงไปทางภูเขาด้านเหนือ จากแผนที่อาณาเขต ถังหยูสามารถมองเห็นอีกด้านหนึ่งที่ถูกปิดกั้นจากหน้าผาได้ ด้วยจุดสีแดงจำนวนมากที่แสดงถึงการเป็นศัตรู นี่น่าจะเป็นพวกปิศาจที่พบเจอได้บนภูเขา

ในพื้นที่ป่าบนภูเขามันมีความอันตรายมากกว่า ไม่ใช่แค่จากเหล่าปิศาจทั้งหลายแล้ว แต่ยังมีพวกสัตว์ป่าตั้งแต่ก่อนวันโลกาวินาศแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์พวกนี้ที่ได้รับผลกระทบจากหมอกสีแดง นอกเหนือจากปิศาจ สัตว์จำนวนหนึ่งยังกลายเป็นปิศาจโดยการกลายพันธุ์เพื่อการอยู่รอดอีกด้วย

มากกว่านั้น หลังจากวันโลกาวินาศพวกพืชพันธุ์ต่างๆก็ได้เติบโตมาเป็นพืชที่อันตรายและสิ่งที่ลึกลับก็เริ่มปรากฎเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถังหยูไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อยถ้าสิ่งแปลกประหลาดหรือสถานที่ต้องห้ามจะปรากฏขื้น หรือพูดอีกทางหนึ่งก็คือยิ่งมีสถานที่มีความซับซ้อนหรือคาดเดาไม่ได้มากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าที่นั่นจะมีของดีๆปรากฏขึ้นมากเท่านั้น เหมืองคริสตัลต้นกำเนิดที่หวังใต้ได้ไปค้นพบได้โดยบังเอิญก็ตั้งอยู่บนเขาลูกนี้เช่นกัน

เขาได้ส่งโรเจอร์และอีไลน์เข้าไปในป่าภูเขาเพื่อสำรวจพื้นที่ จากนั้นเขาก็สรุป ในป่าภูเขามันมีจำนวนปิศาจมากกว่าในป่าธรรมดาอยู่มาก ด้ายพื้นผิวที่ซับซ้อน ยังคงอีกไกลก่อนที่เขาจะได้เริ่มขุดเหมืองคริสตัลต้นกำเนิด

“ตอนนี้ควรจะให้ความสำคัญไปที่การพัฒนาอาณาเขต”

ฐานที่มั่นในตอนนี้ แม้ว่ามันจะมีความแข็งแกร่งระดับสูง มันก็ทำได้เพียงแต่ให้ความปลอดภัยในเวลาปกติเท่านั้น

อย่างที่ผ่านมาไม่นาน สถานที่นี้เคยถูกฝูงปิศาจโถมเข้าโจมตี ถังหยูยังคงกังวลว่ามันจะมีฝูงปิศาจเข้ามาโจมตีอีกรอบหนึ่ง”

ตอนนี้สิ่งก่อสร้างในอาณาเขตยังมีอยู่ไม่มากและพื้นที่ส่วนมากในอาณาเขตก็เป็นซากปรักหักพัง ทำให้สถานที่แห่งนี้มันดูย่ำแย่กว่าฐานที่มั่นระดับเล็กที่ห่วยที่สุด ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของความคืบหน้าในการพัฒนาอาณาเขตอีก

ถังหยูเปิดแผงควบคุมขึ้นมาแล้วเลือกไปที่แถบแบบสร้างการป้องกัน - การก่อสร้างกำแพงเมือง

“ถึงเวลาแสดงให้เห็นว่าอะไรอยู่ภายใต้ปลายภูเขาน้ำแข็งของอาณาเขต”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด