ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0609 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0611 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0610 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 610 : สังหารสำเร็จ

ขณะเจี้ยนรั่วหยานเรียกหาบุคคลถัดไป ฉินหยุนพลันขว้างอาวุธยันต์มีดบินออกมา

“ใคร?”

เจี้ยนรั่วหยานตะโกนกราดเกรี้ยว นางสับฟันดาบเข้าใส่มีดบินของฉินหยุน

ต้องยอมรับ ว่าการตอบสนองของนางรวดเร็วอย่างยิ่ง

ทันทีที่มีดบินหลุดจากมือ นางก็สัมผัสถึงความผันแปรทางพลังจิตได้แล้ว!

หากเป็นผู้อื่นถูกอาวุธยันต์มีดบินของฉินหยุนจู่โจม กระทั่งว่าพบเจอ ก็ยากหลบเลี่ยงหรือตอบสนอง

กระนั้น เจี้ยนรั่วหยานสามารถรับมือ!

นางหันกายกลับรวดเร็ว ดาบยาวในมือของนางตามติดมีดบินดังกล่าวก่อนสับฟันอย่างแม่นยำ

ตู้ม!

เมื่อเจี้ยนรั่วหยานฟันเข้าที่อาวุธยันต์มีดบิน เปลวเพลิงรุนแรงจึงระเบิดออกเข้าปกคลุมพื้นที่นับสิบเมตรรอบด้าน

เจี้ยนรั่วหยานและชายชุดดำ ต่างโดนกลืนกินในกองเพลิงมอดไหม้เป็นเถ้าธุลีในพริบตา

ฉินหยุนสำรวจแต้มตนเอง พบว่าเพิ่มขึ้นมาหนึ่งร้อยสอง นี่หมายความถึงเขาลงมือสำเร็จต่อทั้งเจี้ยนรั่วหยานและชายชุดดำ!

“เป็นฉินหยุน!”

คนหนึ่งตะโกนดังขึ้น เขาร้องตะโกนออกด้วยความหวาดกลัว

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

อาวุธยันต์มีดบินของฉินหยุนปราดเปรียวประหนึ่งสายฟ้า!

อาวุธยันต์มีดบินทั้งสิ้นยี่สิบห้าเล่มถูกปลดปล่อยออกมาในคราวเดียว พวกมันเข้าลงมือสังหรชายชุดดำยี่สิบห้าชีวิตในพริบตา

จากนั้น เขาจึงขว้างปายันต์สะกดกายออกไป เล็งเป้าเอาไว้ที่ชายชุดดำกว่าสิบคน จากนั้นจึงใช้อาวุธยันต์มีดบิน เข้าทะลวงผ่านศีรษะชายชุดดำนับสิบคนเหล่านั้นจนสิ้นชีพ

ฉินหยุนพยายามอย่างเต็มที่ ก็เพื่อไม่ให้อาวุธยันต์มีดบินต้องทำลายตนเอง เป็นเขาต้องการเก็บออมอาวุธยันต์มีดบินเอาไว้ให้มากที่สุด

เขายังคงเหลืออาวุธยันต์มีดบินสี่เล่ม และยันต์สะกดกายอีกสองแผ่นไว้กับตัว

ชายชุดดำไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะเข้ามาใกล้ได้เพียงนี้

ก่อนหน้า พวกเขาใช้ยันต์วิญญาณค้นหาบุคคลหาตัวฉินหยุนแล้ว ทว่ายันต์ไม่ตอบสนอง พวกเขาจึงเชื่อว่าฉินหยุนไม่ได้อยู่ในเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์

กระนั้น ฉินหยุนกลับมาอยู่ใกล้ได้เพียงนี้!

“ระเบิด!”

ฉินหยุนที่เห็นชายชุดดำคิดตอบสนอง เขาเร่งรีบส่งอาวุธยันต์มีดบินออกไปในอีกทิศทางหนึ่ง พร้อมระเบิดเอาชายชุดดำอีกกว่าสิบคนที่เหลือจนสิ้นชีพ นี่ก็เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสหนีพ้นจากเขตแดนจินตภาพ

แรงระเบิดจากอาวุธยันต์ มันน่าสะพรึงกลัวทัดเทียมภูเขาไฟที่ปะทุอยู่ใกล้เคียง

“บัดซบ ไอ้เจ้านั่นยังไม่ตาย!” ฉินหยุนมองที่ชายหน้ากากขาว

ร่างของชายหน้ากากขาวสั่นเทิ้มด้วยโทสะ เพราะกองกำลังชุดดำของเขาเกือบถูกกวาดล้างอีกครั้งหนึ่งแล้ว

ครั้งนี้ ไม่ใช่พวกเขาที่บุกไปหาฉินหยุน แต่เป็นฉินหยุนบุกมาหาพวกเขาถึงที่!

คนของกองกำลังชุดดำ ต่างทั้งมีโทสะและตื่นตะลึง

พวกเขาตื่นตระหนก ว่าเหตุใดจึงไม่อาจตรวจสอบฉินหยุน และเหตุใดฉินหยุนจึงพบเจอพวกเขา!

ต้องทราบว่ากองกำลังชุดดำทราบถึงเขตแดนจินตภาพดีราวหลังมือของตนเอง ในช่วงเวลาหลายปีมานี้ พวกเขาไม่เคยต้องพบเจอสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน

ยังมีอีกหนึ่งคนที่มีโทสะเป็นล้นพ้น นั่นก็คือเจี้ยนรั่วหยาน!

นางทราบว่าถูกลอบโจมตีและสังหาร ทว่าไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด

เมื่อนางกลับเข้าสู่เขตแดนจินตภาพในเขตเมือง นางค่อยเห็นหลายคนพูดถึงฉินหยุนด้วยอาการตื่นตะลึง

แต้มของฉินหยุนพุ่งทะยานขึ้นสี่พันเก้าร้อย รวมทั้งสิ้นมีแต้มหนึ่งหมื่นห้าพัน แต้มจำนวนมหาศาลนี้ออกจะท้าทายสวรรค์เบื้องบนเกินไปแล้ว!

เจี้ยนรั่วหยานจึงได้ทราบ ว่าผู้ลงมือสังหารต่อนางคือฉินหยุน!

แต้มของฉินหยุนพุ่งทะยานในระยะเวลาอันสั้น ชัดเจนว่าเขาเข้ากวาดล้างกองกำลังชุดดำได้ในเวลาเพียงน้อยนิด

ที่กองกำลังชุดดำเมื่อครู่ มีกันอยู่ทั้งสิ้นห้าสิบเอ็ดคน หลังเจี้ยนรั่วหยานถูกสังหารไปหนึ่ง เท่ากับเหลือกันอยู่ที่ห้าสิบคน

หลังจากฉินหยุนสังหารได้สี่สิบเก้าคน จึงยังเหลือหัวหน้ากองกำลังชายหน้ากากขาว

ชั่วขณะเวลานี้ ฉินหยุนกำลังจับจ้องที่ชายหน้ากากขาว

ชายหน้ากากขาวมีโทสะขนาดร่างกายสั่นเทิ้ม ทว่าไม่นานก็สงบลง เขาคล้ายรอคอยให้ฉินหยุนบุกโจมตีเข้ามา

ฉินหยุนนำเอากระบี่ลึกล้ำออกมาด้วยสีหน้าดำมืด

ชายหน้ากากขาวหาได้ส่งเสียงใด กลับกัน เขายื่นมือออกเป็นท่าทีบ่งบอก “เข้ามา” แก่ฉินหยุน เขาคิดให้ฉินหยุนเป็นฝ่ายบุกโจมตีก่อน

“ไอ้ลูกเต่าหัวหด ข้าย่อมไม่สู้กับบุคคลไร้ยางอายเช่นเจ้า!” หลังสบถเรียบร้อย ฉินหยุนจึงหันกลับเร่งร้อนหนีหาย

ล่าสุด เขาเกือบสังหารชายหน้ากากขาวได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับหายตัวออกจากเขตแดนจินตภาพอย่างกะทันหัน

ชายหน้ากากขาวและกองกำลังชุดดำ ทั้งสองเป็นตัวตนพิเศษอย่างยิ่ง

พวกเขาคล้ายได้รับหน้าที่ให้มาฝึกฝนศิษย์อื่นที่นี่ ดังนั้นจึงสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ หาได้มีบทลงโทษอื่นใดที่ควรมีไม่

ฉินหยุนย่อมไม่เชื่อใจชายหน้ากากขาว หากเขาเลือกต่อสู้จนถึงที่สุด และอีกฝ่ายหนีหายอีกครั้ง เท่ากับความพยายามของเขาสูญเปล่า

ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงตัดสินใจเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว

เขาหลบซ่อนตัวตนในความมืด สลัดทิ้งหนีหายจากชายหน้ากากขาวโดยไม่คิดเหลียวมองหลัง

“รับมือกับตัวตนเช่นนั้น มีแต่ต้องลอบโจมตี!”

ฉินหยุนไม่คิดอยากสู้ เขาไม่คิดอยากเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่พร้อมหนีหายได้ทุกเมื่อ

“ตามนั้น เจ้านั่นหลบหนีได้อิสระตามใจ ไม่มีความจำเป็นต้องต่อสู้กับเจ้านั่น” หลิงหยุนเอ๋อเห็นด้วยกับฉินหยุน

หลังจากไล่ตามอยู่พักหนึ่ง ชายหน้ากากขาวที่คลาดสายตาจึงกระทืบเท้าอย่างโกรธแค้น

ฉินหยุนที่หลบซ่อน ขณะนี้ไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม

“กระทั่งว่าคนผู้นี้อยู่ขอบเขตครึ่งเซียน แต่เมื่อเข้าสู่เขตแดนจินตภาพ ตัวเขาต้องอ่อนแอลงในทุกสัดส่วน ตราบเท่าที่เก็บงำตัวตนได้ดีพอ เจ้าก็ไม่มีทางถูกพบเห็น” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวคำ

แม้ชายหน้ากากขาวคลาดสายตา ทว่าเขายังไม่คิดยอมท้อถอย เขายังคงค้นหาร่องรอยอย่างถี่ถ้วนทุกย่างก้าว

ฉินหยุนหลบซ่อนเป็นอย่างดีภายใต้ขี้เถ้าภูเขาไฟทับถมหนา และตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ทำให้เขาสามารถซ่อนตัวได้โดยสมบูรณ์

“มันใกล้เข้ามาแล้ว!”

ฉินหยุนพยายามควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ ทั้งยังอยู่อย่างไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

ที่ทำฉินหยุนตื่นตระหนก คือชายหน้ากากขาวอยู่ห่างจากตัวเขาเพียงครึ่งเมตร กระนั้นอีกฝ่ายยังไม่อาจพบเจอตัวเขา

ชายหน้าขาวค่อยเคลื่อนสู่ด้านหน้าเชื่องช้า อย่างกะทันหัน เขารับรู้ได้ถึงอันตราย!

ฉินหยุนลงมือโจมตี ฝ่ามือปลดปล่อยออก เขาใช้ทั้งพลังเต๋าสั่นไหวและอสนีบาตอัคคี นอกจากนี้แล้วยังแทรกไว้ด้วยอาวุธยันต์มีดบินในฝ่ามือ

ตู้ม!

ฝ่ามือฉินหยุนปะทะกับศีรษะชายหน้ากากขาว การระเบิดบังเกิดขึ้นสองครั้งต่อเนื่อง!

มันเป็นแรงระเบิดจากทั้งพลังอสนีบาตอัคคีและสั่นไหว รวมถึงการทำลายตัวเองของอาวุธยันต์มีดบิน!

ครึ่งร่างท่อนบนของชายหน้ากากขาวถูกเป่ากระจุยกระจาย

แขนของฉินหยุนได้รับความเสียหายเช่นกัน กระนั้น เขาก็ยังสบายดีอยู่ เพราะที่นี่คือเขตแดนจินตภาพ

สำคัญกว่านั้น คือในที่สุดเขาก็สังหารชายหน้ากากขาวได้สำเร็จ!

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้ตัวบัดซบไร้ยางอาย หัวสุนัขเจ้าในที่สุดก็ถูกข้าเป่ากระเด็นหายหรือไม่ใช่!?” ฉินหยุนหัวเราะดังจากใจ

ขณะที่เขาหลับตาลงตรวจสอบแต้มตนเอง ร่างกายถึงกับต้องสั่นเทิ้ม!

ด้วยการลงมือสังหารชายหน้ากากขาว แต้มของเขาสมควรเพิ่มที่หนึ่งร้อย

กระนั้น เดิมเขามีหนึ่งหมื่นห้าพันแต้ม ขณะนี้กลับกลายเป็นสองหมื่นแต้ม!

สังหารชายหน้ากากขาว ได้รับรางวัลมากถึงห้าพันแต้ม!

“ให้ตายสิ นี่มันวิเศษไปเลย! ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉินหยุนยิ่งหัวเราะดังออกจากใจ

ค่ำคืนนี้ แต้มของฉินหยุนพุ่งทะยานอีกหนึ่งหมื่น เรื่องนี้ทำเอาทั้งเขตเมืองกลายเป็นร้องดังระงมด้วยความริษยากันถ้วนหน้า!

แต้มของฉินหยุนพุ่งทะยานแทบทะลุขอบฟ้า มันมากมายเหนือล้ำเกินกว่าที่ผู้คนจะจินตนาการถึงได้

ภายในเขตเมือง ผู้คนต่างสงสัยต่อชะตาชีวิตของตนเอง

“นี่มันเรื่องบ้าอะไร? ฉินหยุนไปสังหารกองกำลังชุดดำถึงสองครั้งในคืนเดียวเลยอย่างนั้นหรือ?”

“นี่เป็นไปไม่ได้ หากกองกำลังชุดดำถูกสังหาร พวกเขาย่อมไม่ไปเกิดที่ตำแหน่งเดิม อย่างไรแล้ว หากคิดกลับไปยังตำแหน่งเดิมก็ต้องใช้เวลาบ้าง!”

“แต้มของฉินหยุนเพิ่มคราวเดียวห้าพัน นี่มันผิดจากปกติ! ก่อนหน้า มันเพิ่มขึ้นทีละหนึ่งร้อย หนึ่งพัน หรือว่าสองพันเท่านั้นเอง!”

“นี่มันเรื่องบ้าอะไร?”

“อย่าได้บอกว่ามีผู้เอื้อเฟื้อแก่ฉินหยุน?”

“นี่ไม่ยุติธรรม!”

ศิษย์หลายคนต่างร้องตะโกนกันระงม

ขณะผู้คนเต็มเปี่ยมด้วยความสงสัย เจี้ยนรั่วหยานจึงเผยเสียงเย็น “พวกเจ้ากลุ่มคนโง่เขลา ไม่ทราบหรือว่าหัวหน้ากองกำลังชุดดำให้แต้มถึงห้าพัน?”

“ตัวบัดซบฉินหยุนนั่นสังหารหัวหน้ากองกำลังชุดดำได้! เหมือนว่าครั้งก่อนมันลงมือต่อหัวหน้าไม่สำเร็จ ทว่าครั้งนี้กลับทำได้!” เมื่อเจี้ยนรั่วหยานนึกถึงครั้งที่ตนถูกฉินหยุนลอบสังหาร นางยิ่งโกรธแค้นและอับจน

“เจี้ยนรั่วหยาน เจ้าสูญเสียสองแต้ม นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” หลงเฉียวเฟิงเดินเข้ามากล่าวถาม

“ตัวบัดซบฉินหยุนลอบโจมตีข้า! เดิม กองกำลังชุดดำต้องการให้ข้าสู้กับพวกมันทีละคน แต่ผู้ใดทราบ ตัวบัดซบนั่นกลับลอบเร้นเข้ามาสังหารข้าและกองกำลังชุดดำ!” เมื่อเจี้ยนรั่วหยานกล่าวถึงเรื่องนี้ โทสะของนางแทบพุ่งทะยานถึงฟากฟ้า

เรื่องราวที่ได้รับฟัง ทำเอาหลายคนที่นี่ต้องตื่นตะลึงกันอีกครั้ง

ฉินหยุนถึงกับลักลอบเข้าสังหารกองกำลังชุดดำได้สำเร็จ ทั้งยังเป็นการกวาดล้างหมดสิ้นกองกำลัง เพียงแค่นึก หลายคนต่างก็ตื่นเต้นจนแทบเป็นบ้ากันถ้วนหน้าแล้ว!

“แม้ข้าถูกฉินหยุนสังหาร แต่ข้าหาได้อ่อนแอกว่ามันไม่! หากมัน ฉินหยุนไม่ได้ใช้ยันต์ลึกล้ำเหล่านั้น มันย่อมไม่มีทางทัดเทียมข้าได้!”

เจี้ยนรั่วหยานยังคงมาดมั่นใจกำลังของตน

ผู้คนต่างโดนโทสะของเจี้ยนรั่วหยานสะกดข่มจนขวัญหนี พวกเขาไม่กล้ากล่าวคำอื่นใดเพิ่มเติมอีก

เจี้ยนรั่วหยานหันมองทางอาคารพร้อมเร่งรีบเดินไป “ข้าจะไปแลกยันต์วิญญาณค้นหาบุคคล ต้องหาตัวบัดซบฉินหยุนนั่นให้เจอ!”

ขณะนางเดินไป ชายชุดดำคนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น

“เจี้ยนรั่วหยาน อย่าได้สิ้นเปลืองแต้มเจ้า! พวกเราไม่ทราบว่าด้วยวิชามารอันใด ฉินหยุนหลบซ่อนตนเองจากยันต์ได้!”

ชายชุดดำที่ปรากฏตัว สวมใส่หน้ากากสีดำ ทั้งเสียงยังแหบห้าว ผู้ได้รับฟังย่อมทราบว่านี่เป็นเสียงของชายชรา

ทุกคนพอได้เห็นเครื่องแบบ ต่างต้องตื่นตะลึงจนถอยหนีห่าง

นี่ก็เพราะพวกเขาทราบอย่างกระจ่างชัด ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นคนของกองกำลังชุดดำ

หลงเฉียวเฟิงพอได้ยินดังนี้ นางถึงกับตื่นตระหนกอยู่ภายใน นางค่อยตระหนักได้ ว่านี่ต้องเป็นผลจากการที่ฉินหยุนสร้างยันต์ลึกล้ำใดสักอย่างขึ้นมา

“จริงหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานเผยความตระหนก

“ใช่! หัวหน้ากองกำลังพวกเรามีโทสะต่อเรื่องนี้ยิ่ง เขากำลังคิดหาทางขุดเอาตัวมันออกมาสั่งสอนบทเรียน!” ชายชุดดำกล่าวคำ

หนึ่งในศิษย์ฝ่ายตระกูลใหญ่เอ่ยคำขึ้น “ฉินหยุนผู้นี้ผิดปกติเกินไป กระทั่งกองกำลังชุดดำพวกท่านยังไม่อาจสะกดมันเอาไว้ นี่ไม่ใช่เป็นการทำให้สมดุลสูญเสียอย่างใหญ่หลวงอย่างนั้นหรือ? ขอท่านเร่งรีบไล่ล่าตัวมันออกมา!”

“ใช่แล้ว พวกท่านต้องจำกัดไม่ให้ฉินหยุนเข้าสู่เขตแดนจินตภาพ!”

“ด้วยฉินหยุนอยู่ที่นี่ พวกเราจะหาทางเอาชีวิตรอดกันได้อย่างไร!”

ศิษย์ฝ่ายตระกูลใหญ่ต่างเห็นพ้องทักท้วงต้องกัน

เจี้ยนรั่วหยานไม่อาจเมินเฉยได้ หากฉินหยุนถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่เขตแดนจินตภาพ อย่างนั้นนางจะล้างแค้นได้อย่างไร?

“เจ้าพวกสวะล้วนหุบปาก!” เจี้ยนรั่วหยานเผยความกราดเกรี้ยว “พวกเจ้าคิดว่าตนเองเป็นตัวอะไร? กระทั่งพวกเจ้าเรียงนอนกันให้ฉินหยุนฆ่า มันยังไม่แม้แต่จะชายตามองสังหารสวะเช่นพวกเจ้า มีสิทธิ์มาพูดอะไรว่าฉินหยุนคุกคามชีวิตพวกเจ้า?”

“กระทั่งว่าข้ายังคร้านจะสิ้นเปลืองพลังสังหารพวกเจ้าทิ้ง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงฉินหยุน ที่เชี่ยวชาญขนาดสังหารทั้งกองกำลังชุดดำได้!”

คำกล่าวของเจี้ยนรั่วหยานทำเอาศิษย์ฝ่ายตระกูลใหญ่ต้องอับอาย พวกเขาต้องมึนงงว่าเหตุใดเจี้ยนรั่วหยานต้องพูดแก้ต่างให้ฉินหยุน

“แต่... แต่ฉินหยุนมันขึ้นสู่อันดับหนึ่งไปแล้ว!” ศิษย์ตระกูลใหญ่กล่าวคำ เขายังไม่ยินยอม

ถึงตอนนี้เอง เจี้ยนหมางได้ปรากฏตัวเดินเข้ามา เขาแค่นเสียงกล่าวคำ “กระทั่งว่าสิบอันดับแรกตายหมดสิ้น ก็ยังไม่มีที่ให้สวะเช่นพวกเจ้าได้เข้าถึงสิบอันดับแรก!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด