ตอนที่แล้ว34 สัตว์ร้ายออกมาจากกรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป36 หลี่เย้าเข้าสู่สนามแข่ง!

35 ชั่วโมงของการต่อสู้ที่ดุเดือด


35 ชั่วโมงของการต่อสู้ที่ดุเดือด

12 เมษายน สายฝนที่โปรยปรายมาพร้อมกับสายลมพัดโชย 61 วัน 13 ชั่วโมง 22 นาที และ 45 วินาที ก่อนถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย!

วันนี้คือวัน “ชั่วโมงการต่อสู้” อันดุเดือดประจำปีของโรงเรียนซื่อเซียวที่สอง นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งและสองต่างหยุดเรียน โรงเรียนได้กลายเป็นสนามต่อสู้สำหรับนักเรียนชั้นปีสาม นักเรียนชั้นปีสามทุกคนจะทำการแย่งชิงบัตรเชิญทั้ง 10 ใบของ “การแข่งขันท้าทายขีดจำกัดรุ่นเยาวชน” และสู้กันจนนองเลือด!

กฎนั้นง่ายมาก อย่างแรก 10 ผู้เข้าแข่งขันจากนักเรียนชั้นปีสามทั้งหมด จะถูกเลือกออกมาจากการสุ่มจับ นักเรียนแต่ละคนจะได้รับบัตรเชิญติดไว้ที่ตัว และนักเรียนทั้ง 10 คนก็จะกระจายตัวอยู่รอบๆบริเวณของโรงเรียน ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับนักเรียนแต่ละคนว่า พวกเขาจะซ่อนตัวหรือสร้างกลุ่มของตัวเองขึ้นมา ทุกอย่างสามารถทำได้หมด ขอแค่ไม่ออกไปจากบริเวณของโรงเรียนเท่านั้น

และนักเรียนคนอื่นก็สามารถใช้วิธีการ, กลยุทธ์, และสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ภายในโรงเรียน โจมตีนักเรียนที่ถือบัตรเชิญเอาไว้ได้และแย่งชิงบัตรเชิญมาจากพวกเขาได้

บัตรเชิญทั้งสิบใบ จะถูกเก็บเอาไว้ภายในกล่องอาร์ติเฟ็กซ์ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ในทุกๆครึ่งนาที ตัวกล่องจะส่งสัญญาณที่อยู่ของกล่อง ไปยังคริสตัลโพรเซสเซอร์ของนักเรียนทุกคนผ่านทางพลังงานวิญญาณ ดังนั้น นักเรียนจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่า นักเรียนที่ถือบัตรเชิญเอาไว้จะไปซ่อนตัวอยู่ที่มุมมืดจนกระทั่งจบเวลาการแข่งขัน

การต่อสู้ที่ดุเดือดจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 10 โมงเช้าและจบลงในเวลาบ่าย 3 โมง รวมเวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง และมีเพียงนักเรียนที่ถือบัตรเชิญเอาไว้ในมือได้เท่านั้น ที่จะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมการแข่งขันท้าทายขีดจำกัดรุ่นเยาวชนของทางสหพันธรัฐได้!

ตอนเช้า เวลา 8.45 น.

ลูกบอลขนปุกปุยได้ลืมตาที่กลมโตของพวกมันขึ้นมาทีละตัวๆ พวกมันมีสีสันมากมายเกินกว่าที่จะจินตนาการ ราวกับสายรุ้งหลากสี และได้พยายามกระพือปีกที่นุ่มฟูของพวกมัน พวกมันบินขึ้นไปในอากาศพร้อมกับส่งเสียงดัง “ปุจิ ปุจิ ปุจิ” แล้วบินกระจายออกไปจนทั่วบริเวณโรงเรียน

สิ่งเหล่านี้คืออาร์ติเฟ็กซ์สัตว์อสูรที่ถูกทำการวิจัยขึ้นมา ชื่อว่า ลูกตาหมูบินได้  ผู้เชี่ยวชาญของนิกายสัตว์อสูร ได้ใช้เลือดของลูกหมู, กระต่าย, และสัตว์บินได้อีกหลายชนิดมาผสมรวมกัน สัตว์อสูรพันธ์นี้ เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์หลายสิบครั้ง จึงสามารถสร้างพวกมันออกมาได้

แผ่นชิพกล้องคริสตัลแบบพิเศษได้ถูกบรรจุลงไปในร่างกายของลูกตาหมูบิน ไม่ว่าพวกมันจะมองเห็นอะไร มันก็จะถูกส่งผ่านไปยังคริสตัลโพรเซสเซอร์ที่อยู่ไม่ไกลได้

สิ่งเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์ที่จะใช้เป็นกล้องวงจรปิดบินได้

แต่ด้วยขนที่ปุกปุยและร่างกายที่อวบอ้วน พร้อมกับเสียงร้อง “ปุจิ ปุจิ” ที่ดังตลอดเวลาที่พวกมันบินอยู่กลางอากาศ ทำให้พวกมันกลายเป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไปอย่างมาก พวกมันได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมนำมาเลี้ยงภายในบ้าน และถูกคนทั่วไปเรียกพวกมันว่า “ปุจิ”

ปุจินับพันตัวได้กระจายตัวไปยังทุกซอกทุกมุมของตัวโรงเรียน เพื่อหาจุดสำหรับเฝ้ามอง วิดีโอแบบเรียลไทม์หลายพันมุมมองได้ถูกฉายขึ้นบนหน้าจอโฮโลแกรม ได้ถูกติดตั้งเอาไว้ภายในห้องรับรองแขกวีไอพีสามห้อง

ห้องรับรองแขกวีไอพีห้องแรก ได้ถูกจัดเอาไว้ที่ด้านในโรงยิมที่ 1 มันมีขนาดที่กว้างมากและมีไว้สำหรับเหล่าผู้นำตระกูลที่ต้องการมาดูบุตรหลานของตัวเอง ภายในได้บรรจุเหล่าผู้นำตระกูลเอาไว้แล้วนับพันคน เกิดเป็นเสียงดังราวกับน้ำที่เดือดอยู่ภายในหม้อต้ม

ห้องรับรองแขกวีไอพีห้องที่สอง ได้ถูกจัดเอาไว้ภายในห้องประชุมของโรงเรียน เพื่อให้เหล่าคณาจารย์และนักเรียนชั้นยอดจากโรงเรียนใกล้เคียงที่ตั้งอยู่ในเมืองฝูเกอได้รับชมการต่อสู้...ซึ่งเป็นเรื่องที่ธรรมดามากสำหรับทุกโรงเรียน เพราะโรงเรียนซื่อเซียวที่สองก็ได้ส่งนักเรียนชั้นยอดและครู เพื่อไปแลกเปลี่ยนและเรียนรู้การแข่งขันแย่งชิงบัตรเชิญจากโรงเรียนอื่นด้วยเช่นกัน

ห้องรับรองแขกวีไอพีห้องที่สาม ถูกจัดเอาไว้ภายในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ ด้านในนั้นมีทั้งฝ่ายบริหารและสมาชิกคณะกรรมการฝ่ายบริเวณของโรงเรียนอยู่

และในเวลานี้ ทั้งอาจารย์ใหญ่ หัวหน้าครู, ครูหัวหน้าของแต่ละชั้นปี และแม้แต่สมาชิกคณะกรรมการ ต่างก็ยืนอยู่รอบตัวของคนเพียงคนเดียว ราวกับดวงดาวที่ล้อมดวงจันทร์เอาไว้ พวกเขาได้ล้อมชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางคงแก่เรียน ซึ่งผมตรงขมับทั้งสองข้างของเขาได้กลายเป็นสีขาวไปแล้ว

ชายวัยกลางคนที่ดูสุภาพและคงแก่เรียนคนนี้มีชื่อว่า โจวหยิน และเขาคือผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับสร้างรากฐานวิญญาณ เขาคือผู้อาวุโสที่รับผิดชอบในการฟูมฟักเหล่าต้นกล้าชั้นดีสำหรับนิกายซื่อเซียว และเป็นผู้ควบคุมดูแลการบริหารโรงเรียนซื่อเซียวที่สองโดยตรง!

โจวหยินนั้นทั้งสุภาพและสง่างาม รอบตัวเขาไม่มีบรรยากาศของความเย่อหยิ่งเลยแม้แต่น้อย เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ที่ทั้งอบอุ่นและเป็นมิตรว่า “ในปีนี้ เราได้ทำการพัฒนาคุณภาพการเรียนของโรงเรียนซื่อเซียวที่สองให้สูงขึ้น เพื่อที่จะสามารถผลิตต้นกล้าชั้นดีออกมา เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมได้ยินมาว่า เฮ่อเหลียนเลี่ยและซือเจียเสวี่ยต่างก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น โอ้ จริงด้วย! ผมจำได้ว่า เฮ่อเหลียนเลี่ยเป็นลูกชายคนเดียวของสมาชิกฝ่ายบริหารเฮ่อเหลียนใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ ผมไม่คิดว่า ผู้อาวุโสโจวจะรู้จักลูกชายที่ไม่ได้เรื่องของผมด้วย!” ใบหน้าของเฮ่อเหลียนป้าแดงก่ำพร้อมกับมีรอยยิ้มที่เป็นประกาย

“ถ้าใครมีความสามารถ ผมก็จะจดจำพวกเขาเอาไว้อยู่แล้ว เพราะอนาคตของนิกายซื่อเซียวนั้นขึ้นอยู่กับพวกเขา! เอาล่ะ! มันถึงเวลา 9 โมงตรงแล้ว! เริ่มเกมส์ได้!”

เมื่อสะบัดไปครั้งหนึ่งแล้ว ใบหน้าของโจวหยินก็ได้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ด้วยสีหน้าที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เมื่อเขาได้เข้าสู่โหมดการทำงาน เขาก็จะกลายเป็นอีกคนหนึ่งในทันที

ชั่วโมงการต่อสู้ เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!

เสียงแหลมใสของกระดิ่ง ส่งเสียงดังไปทั่วทั้งโรงเรียน นักเรียนชั้นปีที่สามกว่าสามพันคน ได้เดินออกมาจากซอกมุมและแต่ละอาคารเรียน ด้วยแววตากระหายเลือด นักเรียนแต่ละคนต่างก้มหน้า มองดูหน้าจอไมโครคริสตัลโพรเซสเซอร์ของตัวเอง

ไม่นาน พวกเขาก็ค้นพบ ผู้ถือบัตรเชิญทั้ง 10 ใบที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน และคนทั้ง 10 ก็คือเป้าหมายของพวกเขา

“เจอแล้วคนหนึ่ง เขาอยู่ตรงนั้น! รีบกำจัดเขาซะ!”

ผู้ถือบัตรทั้ง 10 ใบถูกเลือกขึ้นมาโดยการสุ่ม ดังนั้น พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งเสมอไป หมอและพยาบาลจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง ได้ถูกจ้างมาเป็นการชั่วคราวและประจำอยู่ในสถานีบนยานบิน พวกเขาต่างก็เป็นผู้ฝึกตนที่เชี่ยวชาญในการรักษา ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษา ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในครั้งนี้

ในเมื่อการต่อสู้จะดำเนินไปจนถึงเวลาบ่าย 3 โมง ก่อนที่จะจบลง ดังนั้น เหล่านักเรียนที่ปรากฏตัวออกมาตั้งแต่ตอนแรก จึงไม่นับว่าเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนคลาสพิเศษที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ พวกเขาพักสายตาอยู่ภายในห้องเรียนที่หรูหราของพวกเขา

ส่วนนักเรียนที่เข้าร่วมการต่อสู้ในเวลานี้ มักจะไม่มีโอกาสได้ถือบัตรไปจนกระทั่งบ่าย 3 โมง

แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ในเมื่อทางโรงเรียนได้มีการกระตุ้นเหล่านักเรียน พวกเขาได้ตั้งกฏเพื่อเป็นการกระตุ้นนักเรียนเอาไว้หลายระดับ ขอแค่นักเรียนสามารถแย่งชิงบัตรเชิญมาอยู่ในมือได้ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาแค่ 5 หรือ 10 นาที พวกเขาก็จะได้รับรางวัลจากทางโรงเรียน

ดังนั้น เหล่านักเรียนจากคลาสธรรมและคลาสสามัญ จึงต่อสู้กันเพื่อให้ได้รางวัลมา ถึงแม้ว่าพลังของพวกเขาจะไม่ได้พิเศษอะไร แต่ความเกรี้ยวกราดและการนองเลือดที่พวกเขาแสดงออกมา ทำให้บรรยากาศในกาต่อสู้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

“อ้ากกก! ตายซะ!!”

นักเรียนที่ถือมีบัตรอยู่ในกระเป๋าของเขาได้ร่วงลงมาจากช่องบันได จากการถูกกระทืบของนักเรียนคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ภายในมุมมืด เตะเข้าที่หน้าท้องและแย่งชิงบัตรไปจากเขา

และเมื่อนักเรียนชายคนนี้พบว่า ไม่มีคนอยู่รอบๆบริเวณนี้ เขาจึงได้แอบหลบเข้าไปในห้องน้ำหญิง แต่แล้วเขาก็ถูกจู่โจม โดยนักเรียนที่เข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในห้องๆหนึ่งในห้องน้ำตั้งแต่ก่อนหน้านั้น แล้วบัตรเชิญก็ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งหนึ่ง!

ภาพเหตุการณ์ที่คล้ายกัน ได้เกิดขึ้นจากทุกซอกทุกมุมทั่วทั้งโรงเรียน ทุกช่วงเวลา มีนักเรียนหัวแตกและเลือดออก กล้ามเนื้อฉีกขาดและกระดูกหัก นักเรียนเหล่านี้ ก็ได้ถูกยกตัวขึ้นไปยังสถานีรักษาบนยานบิน

ภายในห้องรับร้องแขกวีไอพีห้องที่สาม ผู้ที่อยู่ภายในห้อง ต่างพากันมองดูหน้าจอโฮโลแกรม ขนาดยักษ์และวิจารณ์ภาพเหตุการณ์ต่างๆออกมา

“ความเร็วของนักเรียนคนนี้ สูงมากเลยนะ! การตอบสนองของเขาก็รวดเร็วมากด้วย! ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือพลังในการโจมตีของเขา ที่อ่อนแอไปหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เขาอาจจะสามารถเข้าเรียนในคลาสพิเศษได้เลย!”

“ผมได้ยินมาว่า ทางโรงเรียนซื่อเซียวที่สองได้ว่าจ้างอดีตนายทหาร ที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้มาสอนที่โรงเรียน คุณดูนั่นสิ! ในตอนที่พวกนักเรียนต่อสู้กัน พวกเขาได้ใช้เทคนิคการฆ่าของทางกองทัพด้วย ดูเหมือนว่า โรงเรียนซื่อเซียวที่สองจะทะยานไปได้ไกลขึ้นอีก ไม่รู้ว่า ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของปีนี้ พวกเขาจะแสดงความสามารถออกมาได้มากแค่ไหน!”

ห้องรับรองแขกวีไอพี ห้องที่สอง

ด้านหลังป้ายประกาศที่ติดคำว่า “โรงเรียนเฟิ่งชานเหมินที่สอง” มีคนคนหนึ่งกำลังหลับลึกอยู่ ชายที่กรนออกมาด้วยเสียงอันดังนั้น และคลุมตัวเองด้วยชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียน พร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอลฟุ้งกระจายอยู่รอบตัว

ที่อยู่ข้างๆเขา คือครูสาวอายุน้อยจากโรงเรียนเฟิ่งชานเหมินที่สอง ที่กำลังคิ้วขมวดมุ่นอยู่ เธอปลุกเขาโดยไม่แม้แต่กระพริบตา แล้วพูดออกมาว่า “ต้าตง เธอไปตื้อกับทางโรงเรียน เพราะอยากจะมาดูการต่อสู้ของที่นี่ แล้วทำไม พอเธอมาถึงที่นี่แล้ว เธอก็หลับไปอีกแล้วล่ะ แถมยังกรนออกมาซะดังด้วย?”

น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความไม่พอใจ ดังออกมาจากภายใต้เสื้อคลุมนักเรียน หลังจากนั้นสักพัก ใบหน้าที่มีดวงตาปูดโปนได้โผล่ออกมา ศีรษะที่เป็นมันเลื่อมและใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยเครื่องสำอาง เห็นได้ชัดว่า คนคนนี้หมกมุ่นอยู่ในเรื่องอบายมุกอย่างหนัก เขาหรี่ตาที่คล้ายกับตาแมวและมองไปยังหน้าจอโฮโลแกรมอย่างไม่ใส่ใจ เขาหาวออกมาอีกครั้ง แล้วกลับไปซุกตัวอยู่ในเสื้อคลุมโรงเรียนของเขา

เจิ้งตงหมิงส่งเสียงที่เกียจคล้านของเขาออกมาจากภายใต้เสื้อคลุม “อย่าเสียงดังสิ คนทีฉันอยากจะเห็นยังไม่ออกมาเลย”

“เธอกำลังรอดูซือเจียเสวี่ยอยู่เหรอ? หรือเธอกำลังรอดูเฮ่อเหลียนเลี่ย?” ครูสาวถาม

เสียงหัวเราะเบาๆดังออกมาจากภายใต้เสื้อคลุม “ถ้าแค่สองคนนั้น ฉันจะลุกออกมาจากเตียงที่เต็มไปด้วยสาวงามถึง 7 คน แล้วถ่อมาที่ที่น่าเบื่อแบบนี้เพื่ออะไรกัน?”

ครูสาวถามออกมาด้วยความงุนงง “ทั้งซือเจียเสวี่ยและเฮ่อเหลียนเลี่ย ต่างก็เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนซื่อเซียวที่สอง ถ้าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะดึงความสนใจของเธอได้ แล้วเธอกำลังรอดูใครอยู่เหรอ?”

เสื้อคลุมไร้การขยับเขยื้อนอยู่ครู่หนึ่ง มือที่เต็มไปด้วยไขมันได้ยื่นออกมา แล้วซุกไซ้เข้าไปภายใต้กระโปรงของครูสาว ร่างกายของครูสาวสั่นสะท้าน และพยายามกัดฟันที่ขาวราวกับมุกของตัวเองเอาไว้ แต่เธอก็ไม่สามารถต่อต้านมันได้

ในตอนที่เจิ้งตงหมิงกำลังลูบคลำอยู่นั้น เขาก็พูดออกมาอย่างเกียจคร้านว่า “คนที่ฉันรออยู่ไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดต่างหาก!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด