ตอนที่แล้วตอนที่ 27: ผู้พิทักษ์และคนช่างจ้อในชุดเขียว [ฟรี 30 พ.ค. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29: เจ้าคือขวัญใจของข้า! [ฟรี 31 พ.ค. 63]

ตอนที่ 28: ใช้เหตุผลกับเรื่องนี้เลย [ฟรี 30 พ.ค. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 28: ใช้เหตุผลกับเรื่องนี้เลย

การเอี้ยวร่างกายไปด้านข้างคือความพยายามแรกเพื่อหลบการโจมตี ถ้าหลบการโจมตีพลาด เขายังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับส่วนสำคัญได้ ท้ายที่สุด เขาสามารถใช้แขน ต้นขา บั้นท้ายหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่สำคัญน้อยกว่าเพื่อปัดป้องคมดาบหรืออาวุธลับที่กำลังพุ่งเข้ามาได้

การถอยหลังเพียงก้าวเดียวเพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัยขณะชำเลืองมองไปทางด้านข้างและด้านหลังคือตำแหน่งที่ถูกต้อง หากการโจมตีคล้ายกับมีจุดกำเนิดมาจากด้านหน้าแต่เป็นเล่ห์เหลี่ยมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจขึ้นมา การจู่โจมที่แท้จริงจะมาจากทางด้านหลังไม่ก็ด้านข้าง

ขณะร่างกายตั้งท่าป้องกัน มือของเขาคว้าฝักกระบี่ เตรียมถ่ายน้ำหนักร่างกายเพื่อเตรียมโจมตีอย่างไร้ความปรานี

นี่ล้วนเป็นปฏิกิริยาการตอบสนองตามธรรมชาติของยวินหยางจากการขับเคี่ยวสงครามในศึกนับครั้งไม่ถ้วน!

จนกระทั่งเขายืดตัวตรงจึงเข้าใจว่าคนที่ถูกโยนออกมามีแขนเดียว เลือดกระอักบนถนนขณะชายคนนั้นกระตุก พยายามสุดความสามารถเพื่อยันตัวเองด้วยมือซ้ายข้างเดียว

ยวินหยางขมวดคิ้วขณะเหลือมองเหนือประตู แผ่นไม้ที่ถูกย้อมด้วยสีชาดประดับด้วยอักษรขนาดใหญ่สี่ตัว “ที่พักขุนนางชั้นสูงสงบเงียบ”

“ที่พักขุนนางชั้นสูงสงบเงียบ…” ยวินหยางเริ่มสาธยายอย่างเงียบงันในใจ “ขุนนางชั้นสูงสงบเงียบ เซี่ยอู่เยวียน รัฐมนตรีช่วยว่าการแห่งสภาสงครามและข้าราชการพลเรือน พ่อตาของเขาคือราชครูหลิวเวยของราชวงศ์ปัจจุบัน เขาเคยรับใช้ในฐานะเจ้าหน้าที่ธรรมดา แต่กระโดดเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการแห่งสภาสงครามเพราะการแสดงอันยอดเยี่ยมและความสำเร็จอันน่ายกย่องในวงการทหาร”

ไม่มีความสงสัยเกี่ยวกับอำนาจที่มีอยู่ตอนนี้ ทว่า ถึงแม้จะไต่อันดับอย่างรวดเร็วด้วยความยกย่องของนักรบและนายพล ประกอบกับได้รับฉายาขุนนางชั้นสูงกองทัพจากราชสำนักเพื่อรับใช้ในฐานะเจ้าหน้าของสภาสงคราม แต่ยวินหยางไม่ชอบพอกับพวกที่รับใช้ในกองทัพ

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ภาคพลเรือนและภาคกองทัพมีความขัดแย้งกันเสมอ! เหมือนกับในราชสำนัก แต่มีเพียงหยิบมือที่กล้าประกาศความจงรักภักดีอย่างเปิดเผยเหมือนท่านเซี่ย

“ท่านเซี่ย!” เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นล้มลงอย่างหนัก เลือดไหลออกทั้งจมูกและปาก เขาคล้ายกับทำได้เพียงแค่ปัดป้องขณะตะโกนว่า “ผู้ต้อยต่ำคนนี้ถูกให้ร้าย! พวกเราล้วนเป็นผู้ทำสงครามเพื่อชาตินี้ ทำไมถึงคิดผลักไสข้าด้วย?”

ล้วนเป็นผู้ทำสงครามเพื่อชาตินี้? ยวินหยางขมวดคิ้ว เมื่อคำตอบถูกป่าวประกาศออกมาจากชายคนนั้น ร่างทั้งสามก้าวออกมาจากสิ่งปลูกสร้างช้า ๆ เป็นชายหนึ่งคน อารักขาสองคน ขณะลงบันได ชายคนนั้นเอาไว้มือไว้ด้านหลังขณะเม้มริมฝีปากแล้วพูดขณะมองชายอีกคนที่อยู่บนพื้นว่า “เฉินซาน ข้าใจดีมีเมตตามากพอที่จะให้โอกาสครั้งนี้กับเจ้าแล้ว ถึงอย่างนั้นความสุรุสุร่ายทำให้เจ้าขโมยจากที่ทำงาน ข้าแสดงความเมตตาด้วยการให้อภัยเพราะเห็นว่าเคยรับใช้ในกองทัพมาก่อน ตอนนี้ ไสหัวไปให้ไวถ้าไม่อยากตาย!”

เฉินซานยันเท้าขึ้นด้วยความยากลำบากยิ่ง “นายน้อยโปรดเมตตา โปรดให้ภรรยาของผู้ต้อยต่ำคนนี้กลับไปกับข้าด้วย โปรดไตร่ตรองด้วย ท่านเซี่ยผู้ปราดเปรื่อง ผู้ต้อยต่ำคนนี้ใช้ชีวิตอย่างเที่ยงธรรมเสมอ ไม่เคยคิดทำสิ่งใดที่เป็นการหลอกลวง ผู้ต้อยต่ำคนนี้ถูกให้ร้าย!”

“โอหัง!” นายน้อยเซี่ยชำเลืองมอง “เจ้าบอกว่าถูกให้ร้ายงั้นหรือ? ปฏิเสธทั้งที่จี้หยกถูกพบอยู่ในตัวเจ้าน่ะหรือ?”

เฉินซานตอบด้วยความสิ้นหวังว่า “ใครบางคนใส่ไคล้ข้า! นายน้อย นายน้อยโปรดตัดสินอย่างเที่ยงธรรมด้วย!”

นายน้อยเซี่ยยิ้มเยาะ “ในบรรดาคนเหล่านั้นแล้ว ใครจะเลือกใส่ไคล้เจ้า? เป็นเพราะเจ้าโดดเด่นกว่าผู้อื่นงั้นหรือ?”

ความหวังของเฉินซานเริ่มพังทลายขณะกล่าวว่า “ต่อให้ผู้ต้อยต่ำคนนี้เป็นคนทำ มันก็ไม่เกี่ยวกับภรรยาของผู้ต้อยต่ำคนนี้เลย! ผู้ต้อยต่ำคนนี้เต็มใจรับโทษ นายน้อย ได้โปรดปล่อยภรรยาของข้าไปด้วย!”

“ไล่เขาออกไป!” นายน้อยเซี่ยสั่ง ไม่สนใจสิ่งที่คนร้ายพูด “ถ้าเขายังพูดจาส่งเดชอีก ส่งตรงไปที่ศาลเลย!”

“นายน้อยเซี่ย!” เฉินซานตะโกนอย่างสิ้นหวัง “ผู้ต้อยต่ำคนนี้รู้มานานแล้วว่าท่านหลงใหลในความงามของภรรยาข้า! ทว่า ทุกคนควรมีเศษเสี้ยวมโนธรรมบ้าง! ทำไมท่านถึงกล่าวหาว่าข้าเป็นหัวขโมย?”

สีหน้าของนายน้อยเซี่ยมืดมน เขาไม่ชำเลืองมองชายคนนั้นอีกก่อนหันศีรษะกลับเข้าไปข้างใน

เฉินซานพยายามผลักอารักขา “ปล่อยภรรยาข้าไป!”

อารักขาสองคนขวางทางเอาไว้ “เฉินซาน หยุดพูดจาโผงผางเพื่อพยายามทำให้ชื่อคนดีต้องแปดเปื้อนเถอะ หากพูดมากไปกว่านี้ พวกข้าไม่สามารถช่วยเจ้าจากศาลได้นะ!”

ริมฝีปากของเฉินซานสั่นเทา “แต่… ภรรยาของข้า… ภรรยาของข้า…”

หนึ่งในอารักขาส่งหมัดหนักเข้าที่ใบหน้า ทำให้เลือดกระเซ็นทุกหนแห่ง “ภรรยาของเจ้าแล้วยังไง? ไปได้แล้ว!”

เฉินซานล้มลงกับพื้นก่อนร้องไห้อย่างสิ้นหวัง “ทวยเทพ! มีที่ใดในโลกนี้บ้างที่มีเหตุผล? นี่คือเมืองเทียนถังที่อยู่ใต้การเฝ้ามองของจักรพรรดิไม่ใช่หรือ?”

ผู้สัญจรไปมาถอยห่าง พวกเขาเดินเลียบกับกำแพง สายตาเห็นใจจับจ้องมาที่ชายผู้โชคร้าย

“เฉินซานคนนี้…  ที่พักขุนนางชั้นสูงสงบเงียบอยู่เหนือความสามารถที่เขาจะขัดขืนได้”

“เขาไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายจนเกินไป… ถึงยังมีชีวิตรอดกลับมาไม่ใช่หรือ?”

“เฮ้อ หากยังพูดจาโผงผางแล้วมีชีวิตรอดต่อไปได้ก็นับว่าโชคเข้าข้างแล้ว!”

“ความสวยมาพร้อมกับปัญหาแท้ ๆ”

คนเหล่านี้ย่อมเข้าใจ พวกเขารู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไรเมื่อได้ฟังเพียงบทสนทนาคร่าว ๆ ถึงอย่างนั้นใครจะกล้าพูดจาขัดขืนกับที่พักขุนนางชั้นสูงสงบเงียบกันล่ะ?

ยวินหยางดึงใบหน้าใคร่ครวญขณะเดินเข้ามา อารักขาผู้เห็นเขาเข้าใกล้ดึงหมัดกลับ เตรียมระบายความหงุดหงิดที่ไม่พึงประสงค์นี้

ตุบ!

เขาปัดป้องหมัดของอารักขาอีกคนอย่างแม่นยำด้วยแขนที่ยื่นออกไปขณะมืออีกข้างดึงเฉินซานขึ้นมาแล้ว “ทหารผ่านศึกหรือ? เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

ใบหน้าของเฉินซานไหลนองทั้งเลือดและน้ำตา “ใช่ ใช่… กลายเป็นคนพิการจากสงครามที่ป้อมปราการหยางอู่เมื่อสี่ปีก่อน… นายน้อย ท่านเป็นใคร?”

ยวินหยางถามซ้ำอย่างแผ่วเบาว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ก่อนเฉินซานจะทันได้ตอบ อารักขาทั้งสองล้อมเอาไว้แล้ว ความอันตรายเด่นชัดในแววตาอีกฝ่าย “เจ้าโง่ อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง!”

ยวินหยางไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับไป แต่ขาขยับแทนคำตอบไปแล้ว

ด้วยเสียงตุบอย่างหนักสองครั้ง อารักขาทั้งสองลงไปกองกับพื้น หายใจไม่ออกเพราะลูกเตะ เขาขยับขาซ้ายกลับมาแล้วใช้เท้าทั้งสองข้างแยบชิดกับหน้าอกของอารักขาแต่ละคนอย่างสมบูรณ์แบบ

อารักขาทั้งสองรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของขุนเขากดทับลงมาขณะพยายามหายใจ ดวงตารู้สึกเหมือนกับกำลังจะหลุดออกจากเบ้า พวกเขาดิ้นรนอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่เป็นผล

เฉินซานเช็ดเลือดบนใบหน้าขณะอธิบายอย่างเคร่งขรึมว่า “หนึ่งเดือนก่อน นายน้อยเซี่ยส่งคนของเขามา เชิญข้าให้เป็นหนึ่งในอารักขาของที่พักและให้ภรรยาทำงานถักร้อย พวกข้าไม่สามารถปฏิเสธเงินเดือนได้ มันมากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายจนมีเหลือเก็บ ข้าประทับใจที่นายน้อยเซี่ยใจกว้างต่อชีวิตของพวกข้าด้วยการมอบงานให้อย่างเอื้อเฟื้อ พวกข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…”

“เมื่อทำหน้าที่ในวันนี้เสร็จ นายน้อยพบจี้หยกที่หายไปใต้เตียงของข้า… นี่ย่อมเป็นการใส่ร้ายแน่นอน…”

ยวินหยางพยักหน้า “ไม่ต้องพูดแล้ว” กลิ่นอายสังหารไหลซึมจากภายในดวงตาของเขา

“ข้าไม่สนถูกหรือผิด” ยวินหยางดึงเฉินซานขึ้นมา “แต่ข้าโกรธที่อีกฝ่ายกักขังภรรยาของผู้อื่นเอาไว้อย่างผิดกฎหมาย ตามข้ามา!”

เขาก้าวยาวไปที่ประตูของที่พักขุนนางชั้นสูงสงบเงียบ

ในที่สักอารักขาลุกขึ้นจากพื้นได้ก่อนเดินโซเซเข้ามา “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”

ยวินหยางขมวดคิ้ว หันมาส่งหลังมือที่เร็วปานสายฟ้าให้อีกสองครั้ง เลือดกระเซ็นออกจากปากของอารักขาขณะหมุนออกไป “คออื่นอาจจะยอมรับได้ แต่เมื่อดูจากทั้งการกระทำและความอดทนแล้ว พวกเจ้าทั้งสองไม่ได้มาจากกองทัพเหมือนกันหรอกหรือ? พวกพ้องของเจ้าถูกกดขี่ ภรรยาถูกกักขังไว้ในบ้านของผู้ชายอีกคนโดยไม่เต็มใจ สหายอย่างพวกเจ้าที่กลายเป็นผู้สมคบคิดจะไปเหลือเกียรติอะไรอีก? พวกเจ้าทั้งสองไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน!” ยวินหยางต่อว่าอย่างหนัก

อารักขากองกับพื้น ความสำนึกผิดระบายทั่วใบหน้า ความอยุติธรรมของเหตุการณ์นี้เด่นชัด มันยิ่งชัดขึ้นเมื่อพวกเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย

“ยวินหยาง!” นายน้อยเซี่ยได้ยินเสียงอึกทึกจนในที่สุดก็ออกมา สีหน้าไม่ยินดี “นี่ไม่เกี่ยวกับเจ้า อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง!”

ยวินหยางยิ้มเยาะขณะดึงเฉินซานเข้ามา เดินก้าวยาวมายืนอยู่หน้านายน้อยเซี่ย

“เซี่ยชิงยวิน ถ้าข้าอยากเกี่ยวจะทำไม?” ยวินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่พลันสงบและเย็นเยือก

เซี่ยชิงยวินตอบอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่ายเรื่องของข้า?”

ยวินหยางพยักหน้าหนึ่งครั้ง จากนั้นยกมือขึ้น ก่อนใครจะทันห้ามเขาได้ เสียงตบดังลั่นขณะฝ่ามือกระทบที่ใบหน้าของนายน้อยเซี่ย ศีรษะอีกฝ่ายสะบัดตามแรงขณะฟันสองซี่หลุดลอย เลือดหลั่งออกจากจมูก

“ปล่อยภรรยาของเขา” สีหน้าของยวินหยางเย็นเยือกยิ่งกว่าความตาย

“เจ้ากล้าสอดมือเข้ามายุ่งงั้นหรือ?” เซี่ยชิงยวินตกตะลึง ดวงตาทอประกายด้วยความไม่อยากเชื่อ

เพี้ยะ!

ยวินหยางตบอีกครั้ง คราวนี้ทำให้ศีรษะของเซี่ยชิงยวิน หมุนครบรอบ แต่ใบหน้าของคนตบยังคงไม่สะทกสะท้าน “ข้าบอกว่าปล่อยภรรยาของเขา”

เซี่ยชิงยวินล้มลงกับพื้น มึนงงหลังจากโดนตบเข้าไปสองครั้ง ด้วยความเร็วของชายผู้สิ้นหวัง เขาลุกขึ้นแล้วกระชากเสียงอย่างแตกตื่นว่า “อารักขา! ข้ารับใช้! อารักขา! จับคนบ้าคนนี้เอาไว้!”

ยวินหยางก้าวไปข้างหน้าอีกหลายครั้งขณะแขนขาออกท่วงท่าสง่า ส่งอารักขาสี่คนที่ล้อมเข้ามาไปกองกับพื้น เขาคว้าชุดคลุมของเซี่ยชิงยวินแล้วยกขึ้น มือซ้ายกระทุ้งเข้าไปในจมูกอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

กร็อบ!

จมูกของนายน้อยเซี่ยหลั่งโลหิตออกมาขณะกระดูกเปราะบางแตกละเอียดภายใต้การโจมตีอันโหดเหี้ยม

“จับข้า? แม้แต่พ่อของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าแบบนี้เลย! ข้าจะขอเจ้าป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะปล่อยหรือไม่ปล่อยภรรยาของเขา?”

มีเพียงเสียงสะอื้นและเสียงคร่ำครวญแปลกประหลาดดังมาจากเซี่ยชิงยวิน ชายคนนี้ไม่สามารถพูดเป็นตุเป็นตะได้เมื่อจมูกหัก

เสียงสง่างามดังขึ้นจากข้างใน “ข้าสงสัยอยู่เชียวว่าเป็นใคร ตอนนี้เห็นแล้วว่าเป็นพวกน่าสงสัยของนายน้อยแห่งขุนนางชั้นสูงยวิน ไม่มีใครกล้าสร้างเรื่องในที่พักขุนนางชั้นสูงสงบเงียบของข้าหรอก!”

ขณะเสียงดังกล่าวยังดังก้อง ชายวัยกลางคนในชุดคลุมนักปราชญ์สีดำเดินออกมาด้วยสีหน้าประทับใจ เมื่อมองลูกชายที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่งด้วยมือของยวินหยาง เศษเสี้ยวความปวดหัวอาบทั่วใบหน้า “นายน้อยยวิน นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า โปรดปล่อยเขาไปเถอะ”

ยวินหยางพูดอย่างเย็นชาว่า “ขอให้ลูกชายของท่านปล่อยผู้หญิงไปก่อน ข้าถึงจะปล่อย”

“มีเหตุมีผลกันหน่อย” ชายคนนี้คือรัฐมนตรีช่วยว่าการแห่งสภภาสงคราม เซี่ยอู่เยวียน สีหน้าของเขามืดมนขณะพูดว่า “เจ้าไม่ได้ถามว่าถูกหรือผิด รวมถึงเหตุและผล ถึงอย่างนั้นกลับตัดสินใจใช้ความรุนแรง แบบนี้เรียกมีเหตุมีผลได้อย่างไร?”

ยวินหยางพ่นลมออกจมูกเหยียดหยัน “มีเหตุมีผล? ข้าอยากถามนักว่าครอบครัวเซี่ยมีเหตุมีผลแค่ไหนกัน! ไม่ต้องเถียงเรื่องเฉินซานก่ออาชญากรรมจริงหรือเปล่าหรอก ต่อให้เขาทำ ทำไมถึงต้องจับภรรยาของเขาเอาไว้ด้วย? ทำแบบนี้มีเหตุมีผลอย่างไร? หากจะจับชายชู้ ต้องจับตอนพวกเขามีอะไรกัน หากจะจับโจร ต้องจับพร้อมของกลาง ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน เหตุอะไรต้องไปจับภรรยาของเขาด้วย?”

“แบบนี้เรียกว่ามีเหตุมีผลหรือเปล่าล่ะ ท่านเซี่ย?” ยวินหยางยิ้มอ่อนแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อคนของท่านไม่มีเหตุมีผล ทำไมข้าควรมีเหตุมีผลกับท่านด้วย? ข้าเพียงถามคำถามเดียวกับท่านเซี่ย ท่านจะปล่อยหรือไม่ปล่อยผู้หญิง? ข้าไม่สนว่าเหตุและผลคืออะไร ข้าไม่หักหน้าตัวเองด้วยการสนทนาอย่างมีเหตุมีผลกับท่านเช่นกัน ข้าเพียงขอให้ผู้หญิงคนนั้นถูกปล่อยตัวต่อให้จะไม่เกี่ยวอะไรกับข้าก็ตาม!” ยวินหยางยืนหยัดขณะกล่าวว่า “ทีนี้ ท่านจะปล่อยหรือไม่ปล่อย? เพื่อตัวท่านเอง โปรดตอบมาตามตรงด้วย”

เซี่ยอู่เยวียนมองยวินหยางด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่รู้ว่าลูกชายของเขาถึงกับทำเรื่องแบบนี้ลงไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขาจะถอยกลับได้อย่างไรในเมื่อมีสายตาหลายคู่จับจ้องมองมา?

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าปฏิเสธ?” เซี่ยอู่เยวียนถามอย่างเย็นชา

“ถ้าท่านปฏิเสธหรือ?” ยวินหยางหัวเราะพร้อมระบายยิ้มกว้างสดใส “ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าก็แค่เข้าไปเอาตัวนางมาเองก็พอ”

ขณะที่พูดเช่นนี้ เขาปล่อยเซี่ยชิงยวินให้ลงมากระแทกกับพื้นอย่างหนักก่อนเตรียมพุ่งเข้าไปในที่พัก

“อารักขา หยุดเขาเอาไว้!” เซี่ยอู่เยวียนระเบิดลง “จับเขา! ต่อให้ข้าต้องเข้าตำหนักเพื่อพบจักรพรรดิกับเจ้า ข้าต้องทำให้เรื่องกระจ่างชัดให้ได้ ต่อให้ที่พักขุนนางชั้นสูงเซียวเหยาจะมีอิทธิพลและทรงอำนาจก็ตาม ความยุติธรรมก็เป็นสิ่งที่สมควร!”

“ให้ข้าช่วยท่านคลี่คลายปัญหาพร้อมมอบความยุติธรรมให้ดีกว่า… เดี๋ยวนี้เลย!” ยวินหยางยิ้มเยาะขณะจับท่านเซี่ยเอาไว้ ดึงอีกฝ่ายเข้าใกล้ขณะยกเข่าขึ้นพร้อมกระแทกใส่อย่างรุนแรง

ปัก! ปัก!

“เหตุผลหรือ? ตอนนี้ข้าคือเหตุผลสำหรับท่านแล้ว! ท่านขอให้เป็นแบบนี้เองไม่ใช่หรือ? เอาสิ ใช้เหตุผลกับเรื่องนี้เลย!” ยวินหยางพูดจาหยาบคายราวคนบ้าคลั่ง ท่าทีสงบเหมือนทุกครั้งมลายหายขณะกำปั้นกระหน่ำเข้าไปอย่างรุนแรง ถึงแม้เขาจะไม่ใช้พลังวิเศษ แต่ท่านเซี่ยมีร่างเล็กบอบบาง ทำให้ทรุดลงหลังจากโดนการจู่โจมระยะสั้น

“ปล่อยผู้หญิง! เจ้าคิดจะขู่ข้าด้วยจักรพรรดิงั้นหรือ? ต่อให้พวกเราพบราชาแห่งนรก ท่านก็ต้องปล่อยผู้หญิงก่อน!”

ผู้สังเกตการณ์เหล่านั้นรู้สึกได้ว่าเปลือกตากำลังกระตุก นักเลงคนนี้ไม่ได้หยุดแค่ลูกชาย แต่ลามไปถึงพ่อด้วย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด