ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0603 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0605 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0604 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 604 : กวาดล้างกองกำลัง

กองกำลังชุดดำ คือกองกำลังที่ลึกลับที่สุด และแข็งแกร่งที่สุดในเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์

แม่เฒ่าหม่าเคยบอกกล่าวเอาไว้ ว่ากองกำลังชุดดำหมายความถึงแต้มปริมาณมหาศาล ตราบเท่าที่สังหารหนึ่งในนั้นได้สำเร็จ ผู้ลงมือจะได้รับรางวัลหนึ่งร้อยแต้ม

ฉินหยุนนึกย้อนถึงกองกำลังชุดดำก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายมีคนอยู่ราวห้าสิบ หากสามารถกวาดล้างได้หมดสิ้น นั่นหมายถึงห้าพันแต้ม!

“แต่กองกำลังชุดดำแข็งแกร่งนัก!”

ฉินหยุนกำหมัดเอาไว้แน่น จากนั้นจึงเข้าสู่เขตแดนจินตภาพอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเข้ามา เขาย่อมปรากฏตัวในเขตเมือง

ที่ตัวเขาไม่คาดคิด คือสูญเสียแต้มไปถึงหนึ่งร้อย!

หากเขาถูกกองกำลังชุดดำสังหาร หมายความถึงสูญเสียหนึ่งร้อยแต้ม

“บัดซบ!”

ฉินหยุนที่ได้เห็นแต้มสูญหายนับร้อย เขารู้สึกไม่ยินดีอย่างยิ่ง

กองกำลังชุดดำแข็งแกร่ง และยังไม่เคยปรากฏตัวสู่สาธารณะมาก่อน กล่าวกันว่าหากพบเจอคนของกองกำลังชุดดำที่ใด ผู้พบเห็นต้องถูกสังหาร ณ ที่ตรงนั้น

มีแต่กองกำลังที่แข็งแกร่งจับมือกันร่วมโจมตีกองกำลังชุดดำ พวกเขาจึงค่อยมีโอกาสได้ชนะ

กลางดึก ฉินหยุนออกจากเขตเมือง

เขามุ่งหน้าไปยังสถานที่ตั้งฐานทัพกองกำลังของหลงเฉียวเฟิง เพื่อคิดพูดคุยกับหลงเฉียวเฟิง

ฟ้ามืด เขาสามารถใช้พลังเงาทำให้ตนเองอยู่ในสภาพซ่อนเร้นล่องหนได้

เช่นนี้ กระทั่งว่ากองกำลังชุดดำปรากฏตัว พวกนั้นจะไม่มีทางสังหารเขาในพริบตาได้อีก

“หลงเฉียวเฟิงอยู่ที่นี่มานานไม่น้อย สอบถามนาง สมควรได้รับคำตอบอะไรกลับมาบ้าง!” ฉินหยุนหลับตาขณะสำรวจมองแผนที่

หลงเฉียวเฟิงบอกต่อเขาถึงสถานที่ตั้งกองกำลังเฉียวเฟิง เผื่อกรณีว่าเขามีเรื่องสำคัญจำเป็นต้องพูดคุย

ในนครเซียนยุทธภัณฑ์ หากผู้คนไม่มีอื่นใดทำ ส่วนใหญ่มักเข้ามาขลุกตัวในเขตแดนจินตภาพเพื่อล่าแต้ม

มีแต่ต้องไขว่คว้าแต้มมาครอง จึงสามารถทำให้ได้รับเคล็ดวิชาฝึกฝนอันล้ำค่าได้

โดยเฉพาะเคล็ดวิชาสวรรค์ พวกมันจำเป็นต้องใช้แต้มจำนวนมหาศาลเพื่อแลกเปลี่ยนมา

กลางดึก ฉินหยุนมาถึงพื้นที่ทะเลทราย

ขณะยืนอยู่บริเวณพื้นที่ชายขอบ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าที่ออกมาจากภายใน

“เกิดศึกงั้นหรือ?”

ฉินหยุนเริ่มระวังตัวพร้อมเร่งรีบเพิ่มความเร็วมุ่งหน้าเข้าสู่ทะเลทราย

เขาพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงล้ำกว่าครึ่งชั่วยาม ก่อนจะพลันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานอัคคีรุนแรง

“เป็นหยางเฉิงหลง!” ฉินหยุนจดจำได้ ว่านี่เป็นออร่าของหยางเฉิงหลง

กลางอากาศเหนือทะเลทราย หลายคนกำลังพัวพันการต่อสู้กันอย่างโกลาหล

นี่เป็นศึกระหว่างกองกำลังเฉียวเฟิงและกองกำลังเฉิงหลง

“หลงเฉียวเฟิงและหยางเฉิงหลงกำลังต่อสู้กันอยู่!” ฉินหยุนมองที่ระยะไกลออกไปพร้อมคิ้วขมวด “ก็ดี ถือโอกาสได้เก็บเกี่ยวศิษย์ในกองกำลังทั้งสองในคราวเดียว!”

ฉินหยุนปล่อยมีดบินทั้งห้าเล่มออกมา

มีดบินทั้งห้าเล่มได้รับการสร้างขึ้นใหม่ พวกมันเป็นอุปกรณ์ลึกล้ำ หากผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า หรือขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้นไม่ทันตั้งระวัง พวกเขาอาจเสียชีวิตโดยไม่ทันรู้ตัว

ฉินหยุนหลบซ่อนตัวในความมืด เข้าควบคุมมีดบินทั้งห้าเล่มเข้าสู่สมรภูมิรบอันดุเดือด ทำการสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณไปได้หลายชีวิต

แต้มของเขาเริ่มพุ่งทะยาน!

กองกำลังเฉียวเฟิงและกองกำลังเฉิงหลง ต่างเป็นสองกองกำลังใหญ่ พวกเขาเข้าห้ำหั่นกันเอง แต้มที่สะพัดมีมากมายนับพันแต้ม

แม้บางคนตายไปก่อนในการศึก พวกเขาก็ยังได้รับแต้มไปไม่ใช่น้อยก่อนสิ้นชีพ

อาจารย์ยุทธ์หลายคนเริ่มรู้ตัว ว่ามีคนลักลอบลงมือโจมตี

“มีดบิน! ฉินหยุน!” คนหนึ่งตะโกนดังขึ้น

หลายคนต่างได้เห็นศึกก่อนหน้านี้ของฉินหยุน จึงได้ทราบว่าเขาครอบครองมีดบินห้าเล่มที่แกร่งกล้า

ทันทีที่ได้ทราบว่าฉินหยุนอยู่ที่นี่ คนของทั้งสองกองกำลังเริ่มตื่นตระหนก

ฉินหยุนนำเอากระบี่ลึกล้ำออกมา เร่งรีบเข้าร่วมสมรภูมิรบ

หลายคนต่างออกวิ่งเผ่นหนี กระนั้นก็ยังไม่อาจหลบพ้นมีดบิน

ฉินหยุนถือกระบี่ในมือ ไล่ล่ากลุ่มอาจารย์ยุทธ์ที่คิดหลบหนี กล่าวได้ว่าเขาลงมือครั้งหนึ่งต้องมีคนตาย

เพื่อช่วยให้ฉินหยุนได้รับแต้มมากขึ้น หลิงหยุนเอ๋อได้ช่วยเหลือปลดปล่อยพลัง

เพียงไม่นาน ฉินหยุนจึงกวาดล้างสองกองกำลังจนเหี้ยนเตียน

“ขอบคุณสำหรับแต้ม!”

ฉินหยุนลอยตัวกลางอากาศ มองไปยังหยางเฉิงหลงและหลงเฉียวเฟิง จากนั้น เขาจึงซ่อนตัวในความมืดก่อนทะยานร่างเข้าหา

ฉินหยุนก้าวเดินไป พบเห็นหลงเฉียวเฟิงมีแต่บาดแผล นางผ่านศึกปะทะกับหยางเฉิงหลง อาวุธในมือได้รับความเสียหายรุนแรง

“หยางเฉิงหลง ตัวบัดซบที่ต่ำช้า เป็นเจ้าลอบโจมตีข้า ไม่ใช่เจ้ากล่าวหรือว่าพวกเราฝ่ายตระกูลใหญ่จะไม่ลงมือต่อกัน?” หลงเฉียวเฟิงเผยโทสะตะโกนถามอย่างเกรี้ยวกราด

“ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหลงแห่งนครเซียนยุทธภัณฑ์ ต้องโทษถูกคุมขังยาวนานสิบห้าปี ตระกูลหลงของเจ้าขณะนี้ถือว่าสูญเสียอำนาจในนครเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว”

หยางเฉิงหลงหัวเราะดังพร้อมกวัดแกว่งขวานยักษ์ มันปลดปล่อยเอาคลื่นพลังงานร้อนแรงออกมา

“เจ้าก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ข้าสังหารไป ตระกูลหลงย่อมไม่คิดเอาความอันใดต่อข้า เหอะ! และหลงควงหังก็เห็นด้วยที่ข้าลงมือครั้งนี้!”

ผู้อาวุโสตระกูลหลงยอมรับความผิดต่อหอพิทักษ์กฎ เขาต้องโทษคุมขังเป็นเวลายาวนานถึงสิบห้าปี

ภายในช่วงเวลาสิบห้าปีนี้ อำนาจของตระกูลหลงจะอ่อนแรงลง เป็นปกติที่ตระกูลใหญ่ซึ่งเหลืออยู่จะร่วมกันรุมจิกทึ้ง

ฝ่ายตระกูลใหญ่เป็นเช่นนี้เสมอมา เมื่อใดกำลังทัดเทียม พวกเขาร่วมมือ เมื่อใดบังเกิดผู้อ่อนแอ พวกเขาพร้อมรุมขย้ำ

ครานี้ หลงเฉียวเฟิงถูกหยางเฉิงหลงไล่ต้อน ก็เพราะเหตุผลที่มีมาแต่ช้านานนี้

หลงเฉียวเฟิงอ่อนต่อโลกเกินไป นางไม่คาดคิด ว่าหยางเฉิงหลงจะโจมตีกองกำลังของนาง ทั้งยังมีเจตนาคิดเป็นอื่นกับนาง

“หลงเฉียวเฟิง ข้าคิดอยากขึ้นคร่อมเจ้ามานานนัก กระทั่งว่าทั้งร่างเจ้ามีแต่บาดแผล ข้าก็ยังคิดทำให้เจ้าต้องตกเป็นทาสกามของข้า!”

ความปรารถนาอันชั่วร้ายในใจของหยางเฉิงหลงลุกโชน ทั้งยังเผยเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งออกมา

ร่างหลงเฉียวเฟิงในชุดขาวปรากฏแต่บาดแผลเพราะถูกโจมตี

“ฝันไปเถอะ ข้ายินดีเสียหนึ่งพันแต้ม อย่าได้คิดแตะต้องตัวข้า!”

น้ำเสียงของหลงเฉียวเฟิงเด็ดเดี่ยวและเย็นเยือก ใบหน้าของนางเผยแต่ความไม่ยินยอม

ฉินหยุนเพียงได้ฟังเสียงนาง จึงได้ทราบว่าอาการบาดเจ็บนั้นไม่ร้ายแรงนัก

หลงเฉียวเฟิงใช้พลังของทั้งมังกรและหงส์อมตะ พวกมันต่างเป็นพลังที่แกร่งกล้า

วิญญาณยุทธ์ของหยางเฉิงหลง คล้ายจะเป็นวิญญาณยุทธ์ไฟที่แข็งแกร่ง พลังเต๋าแรกเริ่มที่เขาปลดปล่อยออกมา มันค่อนข้างดุดันและร้อนแรง

“แต่เดิม ความแข็งแกร่งของหลงเฉียวเฟิงและหยางเฉิงหลงใกล้เคียงกัน บางทีอาจแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย กระนั้น นางไม่มีวิชายุทธ์สวรรค์ นี่จึงเป็นจุดที่นางด้อยกว่า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

ฉินหยุนพยักหน้ารับ หากต้องปะทะกันในด้านพลังเต๋า หลงเฉียวเฟิงย่อมไม่อ่อนด้อย

กระนั้น หยางเฉิงหลงกลับเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชายุทธ์สวรรค์ พลังเต๋าของเขาที่ปลดปล่อยผ่านวิชายุทธ์สวรรค์ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าวิชายุทธ์โลกาชั้นเลิศเสียด้วยซ้ำ

หลงเฉียวเฟิงต้องพ่ายแพ้เพราะเรื่องนี้ ถือเป็นความคับแค้นของนาง

“ผนึกสวรรค์ตั้งตะวัน!”

หยางเฉิงหลงคำรามร้องเรียก ลูกไฟใหญ่ยักษ์ปรากฏ มันเปรียบดังดวงตะวันขนาดเล็ก ฉับพลันมันเริ่มเคลื่อนคล้อยลงมาเข้าปกคลุมร่างหลงเฉียวเฟิง

หลงเฉียวเฟิงต้องติดอยู่ภายในลูกไฟยักษ์ในฉับพลัน!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ภายใต้หยางเฉิงหลงควบคุม ดวงตะวันขนาดเล็กพลันเกิดระเบิดออกฉีกกระชากร่างของหลงเฉียวเฟิง

หลงเฉียวเฟิงเผยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเป็นล้นพ้นออกมา

“หลงเฉียวเฟิงกลัวความเจ็บปวดและการทรมาน ให้นางได้มีประสบการณ์ด้านนี้บ้างก็ไม่เลว!” ฉินหยุนสามารถใช้มีดบินตนเองเข้าหยุดยั้งได้ ทว่าเขาไม่ทำ

หลังจากที่ลูกไฟยักษ์ระเบิดออก หลงเฉียวเฟิง ทั้งร่างกลับกลายมีแต่แผลไฟลวกนอนนิ่งกลางทะเลทรายด้วยลมหายใจโรยริน

“โอ้ เจ้ากลายเป็นไม่งดงามดังเคยเสียแล้ว กระนั้นร่างกายก็ดูเหมือนจะอยู่ในสภาพดีพร้อมรับเรื่องราว!”

หยางเฉิงหลงหัวเราะชั่วช้า ขณะก้าวเดินเข้าไป เขาพลันได้เห็นแสงสว่างวูบปรากฏพุ่งเข้าหา

เป็นมีดบิน!

มีดบินมาถึงตัว เจาะทะลวงผ่านหน้าผากหลงเฉียวเฟิง เป็นการสังหารนางในพริบตา!

หลงเฉียวเฟิงออกไปจากเขตแดนจินตภาพ นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้นางถูกหยางเฉิงหลงกระทำการหยามเหยียด และนางก็สูญเสียแต้มเพียงสองเท่านั้นด้วย

หยางเฉิงหลงตื่นตะลึง เขาค่อยจดจำมีดบินนี้ได้

ในสถานที่แห่งนี้ มีแต่ฉินหยุนที่ครอบครองมีดบินชวนสะพรึงนี้!

ขณะหยางเฉิงหลงตื่นตะลึง มีดบินอีกจำนวนหนึ่งได้พุ่งทะยานเข้ามาจากทั่วทิศ

“ฉินหยุน ไอ้ลูกเต่าหัวหด จงออกมา!”

หยางเฉิงหลงตะโกนดังรุนแรง ทั้งยังกระทืบเท้ากับพื้น เกิดเป็นม่านพลังอัคคีคุ้มกันรอบกายเอาไว้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่มีดบินจะทะลวงผ่านเข้ามาได้

ฉินหยุนฉับพลันปรากฏตัวด้านหลังของหยางเฉิงหลง!

กระบี่ลึกล้ำในมือของเขากวัดแกว่งออกอย่างเบามือ มันเป็นการโจมตีธรรมดา ทว่าด้วยตัวอาวุธแหลมคมพร้อมเชือดเฉือน ประสานรวมกับความเร็วมากล้ำ การโจมตีนี้จึงรุนแรง สับฟันเฉือนเนื้อที่หลังของหยางเฉิงหลงเพื่อเรียกความเจ็บปวด

ม่านพลังอัคคีของหยางเฉิงหลงแข็งแกร่ง กระนั้นกระบี่ของฉินหยุนกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า!

“ไอ้คนโฉดชั่ว!”

แผ่นหลังของหยางเฉิงหลงถูกกระบี่เชือดเฉือน กระดูกสันหลังเกิดแตกร้าวจนแทบไม่อาจคงสภาพการทรงตัว

ฉัวะ!

กระบี่ฉินหยุนสับฟันออกครั้งที่สอง เป้าหมายครานี้คือตัดแขนของหยางเฉิงหลงให้พ้นจากร่าง

เมื่อพบว่าถึงแก่เวลาอันสมควร เขาจึงเก็บกระบี่ เผยซึ่งหมัดพร้อมต่อยตีใส่หยางเฉิงหลง

ทุกครั้งที่หมัดของฉินหยุนปะทะกับร่างของหยางเฉิงหลง กระแสสายฟ้าจะแล่นปราดเข้าสู่ร่างกายอีกฝ่ายด้วย

พลังงานสายฟ้าอสนีบาตสีดำรุนแรง ได้จมลึกเข้าไปสร้างความรวดร้าวแก่ร่างกายของหยางเฉิงหลง

หยางเฉิงหลงกรีดร้องเจ็บปวดเพราะหมัดของฉินหยุน

เขาไม่คาดคิดว่าฉินหยุนจะอยู่ที่นี่ ด้วยดวงตาหลับลง เขาจึงได้เห็นแต้มของฉินหยุนเพิ่มขึ้นกว่าแปดร้อย รวมทั้งสิ้นขณะนี้อยู่ที่ราวสองพันแปด

บุคคลลำดับที่สิบมีแต้มอยู่ราวสามพัน เวลานี้ ฉินหยุนอยู่ลำดับที่สิบสอง อีกไม่ช้าจะก้าวถึงสิบอันดับแรกแล้ว

หยางเฉิงหลงไม่อาจต้านทานรับความเจ็บปวด เขาถูกบีบบังคับให้ต้องออกจากเขตแดนจินตภาพ สูญเสียหนึ่งพันแต้ม ร่วงหล่นจากสิบอันดับแรกไปอีกคนหนึ่ง

เช่นนี้ ฉินหยุนจึงก้าวสู่ลำดับที่สิบเอ็ด!

ผู้ที่อยู่ลำดับที่หนึ่ง คือเจี้ยนรั่วหยาน นางเป็นศิษย์จากตระกูลเจี้ยน ไม่ได้เข้าร่วมสังกัดกองกำลังใด

ลำดับที่สองคือเทียนเหยาเหล่ย และลำดับที่สามคือหลงเฉียวเฟิง ถัดจากนั้นเป็นนามที่ไม่ค่อยคุ้นชื่อ และแต้มไม่สูงอย่างก้าวกระโดดมากนัก พวกเขามีแต้มกันอยู่ราวสามพัน

สิบอันดับแรกไม่ได้มีความแตกต่างทางแต้มกว้างใหญ่ เพราะโดยหลักแล้วพวกเขาจะเพียงคงสภาพอันดับเอาไว้ เพียงเพื่อให้พอมีสิทธิ์เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ก็เท่านั้น

แม้พวกเขาเคยมีแต้มจำนวนมหาศาล แต่ก็ต้องถูกนำไปแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรอย่างมากมาย

กระทั่งอันดับหนึ่งอย่างเจี้ยนรั่วหยาน ยังมีแต้มอยู่เพียงราวสี่พัน ส่วนอันดับที่สอง เทียนเหยาเหล่ยมีแต้มอยู่เพียงสามพันเก้าร้อย

ท้องฟ้าเริ่มทอแสง ฉินหยุนก้าวเดินออกจากเขตทะเลทราย ขณะคิดกลับเมือง เขาพลันได้เห็นกลุ่มคนอย่างยิ่งใหญ่อยู่ไกลออกไปในพื้นที่แห่งอื่น

“กองกำลังเหยาเหล่ย!”

จากแต่ไกล ฉินหยุนได้พบเห็นชายร่างสูงใหญ่กว่าสองเมตร

ชัดเจนว่าหยางเฉิงหลงนำอีกฝ่ายมาที่นี่

หยางเฉิงหลงย่อมร่วมทางมาพร้อมเทียนเหยาเหล่ย เขามองทางฉินหยุนด้วยโทสะเป็นล้นพ้น ตัวเขาต้องสูญเสียหนึ่งพันแต้ม ทั้งฉินหยุนยังสังหารกองกำลังจนสิ้น นี่ถือเป็นการหยามเหยียดต่อเขาอย่างร้ายแรง

“ฉินหยุน เจ้าก็มีดีไม่น้อยนี่! เกือบจะก้าวถึงสิบอันดับแรกได้แล้ว! แต่ด้วยข้าอยู่ที่นี่ คิดก้าวสู่สิบอันดับแรก เจ้าก็ทำได้เพียงฝันถึง!”

แม้เทียนเหยาเหล่ยร่างใหญ่ ทว่าเขาคือผู้ที่ว่องไวอย่างยิ่ง ร่างกายของเขาพร้อมแปรสภาพกลายเป็นสายฟ้าอสนีบาต เข้าถึงตรงหน้าฉินหยุนได้ในพริบตา

มัดกล้ามที่เขาเปิดเผย ปรากฏเป็นสายฟ้าแล่นปราดไปทั่วอย่างไม่อาจหยุดยั้ง

“ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะส่งมอบแต้มของเจ้าแก่ข้า เพื่อช่วยให้ข้าได้ก้าวขึ้นสู่สิบอันดับแรก!” ฉินหยุนหัวเราะดังเป็นการโต้ตอบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด