ตอนที่แล้วตอนที่ 26: เศร้าโศก จากไป มาเยือน [ฟรี 24 พ.ค. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28: ใช้เหตุผลกับเรื่องนี้เลย [ฟรี 30 พ.ค. 63]

ตอนที่ 27: ผู้พิทักษ์และคนช่างจ้อในชุดเขียว [ฟรี 30 พ.ค. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 27: ผู้พิทักษ์และคนช่างจ้อในชุดเขียว

ยวินหยางขยับไปข้างหน้า

คนพิการและนุ่งห่มผ้าน้อยชิ้นอยู่ทุกหนแห่ง แต่ทุกคนที่นี่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขราวกับไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากการมีชีวิต

“เทียบกับพี่น้องผู้ล่วงลับบนสมรภูมิแล้ว พวกเรานับว่าโชคดี”

นี่คือสิ่งที่ทหารผ่านศึกตาบอดผู้เสียขาหนึ่งข้างบอกกับทหารผ่านศึกไร้แขนที่อยู่ด้านข้างขณะนั่งอยู่ใต้แสงอาทิตย์ตรงมุมหนึ่งของกำแพง น้ำเสียงของเขาต่ำ ดวงตาหลับลง ระลึกถึงวันวาน แสงอาทิตย์อาบไล้พวกเขา ส่องประกายความสงบนิ่งที่เป็นเอกสิทธิ์ของโลกที่ปราศจากความขัดแย้ง

ขณะยวินหยางเดินผ่านอีกฝ่าย เขาหยุดชมทิวทัศน์ สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉา

บนถนนมีพวกอันธพาลหน้าตาดุร้ายสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ เดินไปมาด้วยมืออันว่างเปล่าอยู่เช่นกัน

สายตาของยวินหยางจ้องมองพวกเขาเช่นกัน ความอิจฉาที่มีเมื่อครู่กลายเป็นความเย็นเยือกดุจน้ำแข็งด้วยความดูถูก คนที่มีร่างกายครบทุกส่วนและสุขสบายดี มีพละกำลังและทักษะยุทธ ถึงอย่างนั้นพวกเขาเลือกเส้นทางน่ารังเกียจเพื่อดูแลครอบครัว ไม่เพียงแค่ปฏิเสธที่จะรับใช้ชาติหรือเป็นอาสาสมัครในสมรภูมิเท่านั้น พวกเขาไม่สนใจที่จะปักหลักอย่างสงบสุขหรือรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้โชคดีจำนวนน้อยนิด สิ่งที่พวกเขาทำกลับเป็นการขโมยและช่วงชิงด้วยกำลัง รังแกคนอ่อนแอ คนเหล่านี้ไม่มีมโนธรรม

พวกเขาไม่ได้ทำบาปหนาแต่ก่ออาชญากรรมเล็กน้อยสั่งสมไปมา ความตายของพวกเขาจะคือสิ่งแรกที่จะเป็นหลักประกันให้กับโลกใบนี้!

ในลานบ้านราบเรียบ กำแพงที่สร้างจากหินกองรวมกัน มีห้องทั้งห้าอยู่ข้างในประกอบกับห้องเสริมจากทั้งฝั่งซ้ายขวา ยังมีห้องเก็บของสำหรับเก็บขยะอยู่ทิศใต้ ครอบครัวนี้ไม่ได้ร่ำรวยเมื่อดูภายนอก แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีฐานะดีกว่าคนอื่น

ประตูเปิดออกครึ่งหนึ่ง เด็กผู้หญิงอายุสองถึงสามขวบกำลังนั่งยองบนก้อนหินข้างประตู ใบหน้าของนางแนบชิดกับมือ ความคิดในใจมีเพียงแต่ตัวเอง

หญิงสาวงดงามในชุดคลุมราบเรียบออกมาจากข้างในบ้าน “นันนัน กลับเข้ามาข้างใน ทำไมถึงวิ่งออกไปนั่งตรงนี้อีกแล้ว?”

เด็กผู้หญิงตัวน้อยไม่ขยับ น้ำเสียงเด็กน้อยดังขึ้นด้วยความสั่นเครือ “ข้าจะอยู่ตรงนี้เพื่อรอท่านพ่อกลับมา ท่านแม่ ท่านพ่อไปไหนหรือ? ทำไมเขายังไม่กลับมา?”

หญิงสาวแข็งทื่อ ดวงตาเริ่มหลั่งน้ำตาทันทีก่อนหันศีรษะมองระฆังเรียกสีดำที่แขวนตรงประตู นางพึมพำว่า “เมื่อนันนันเติบใหญ่และฉลาดพอ ท่านพ่อจะกลับมาแน่นอน”

“อ้อ…” เด็กผู้หญิงตัวน้อยบุ้ยปากแย้งว่า “แต่นันนันโตแล้ว…”

หญิงสาวพยักหน้าหนักแน่น ระงับเสียงสะอื้นเอาไว้ขณะกล่าวว่า “ใช่ ท่านพ่อใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ…”

ขณะพูด ในที่สุดเขื่อนพังทลายลง หยาดน้ำตาไหลออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง

ยวินหยางยืนซ่อนอยู่มุมหนึ่ง รู้สึกได้ว่าดวงตาซาบซ่ายามมองภาพของแม่และลูกสาวส่งเสียงตามหาสามีและพ่อ หญิงสาวคนนี้คือคนที่เขาเคยช่วยเอาไว้ในคืนหนึ่ง ภรรยาของผู้ช่วยทั่วไปหวังจวง จวนเอ๋อร์ ทว่า เด็กผู้หญิงตัวน้อยพลันตื่นเต้นยินดี “นี่ ลูกแมวตัวนี้มาจากไหนหรือ? มันน่ารักมากเลย!”

จากที่ใดไม่ทราบ ก้อนขนสีขาวราวหิมะของลูกแมวปรากฏขึ้นที่ข้างประตู ลูกแมวสะอาดเป็นประกาย ไม่มีเศษฝุ่นผงตามร่างกาย ดวงตามรกตกลมมองเด็กสาวอย่างสงสัยจากที่ที่มันนั่งไม่ไกลกันนัก

เด็กผู้หญิงตัวน้อยนันนันรู้สึกหลงรักมันทันทีก่อนเดินโซเซเข้าไปหา “นี่ เจ้าลูกแมว เจ้ามาที่นี่เพื่อเป็นสหายกับข้าหรือเปล่า?”

ขนของลูกแมวตั้งชูชันด้วยความตื่นกลัว แต่จากนั้นมันผ่อนคลายลงทันทีขณะมองนันนันและถึงกับพยักหน้าอย่างว่าง่าย

เด็กผู้หญิงตะโกนเสียงดังด้วยความยินดี “ว้าว ว้าว นี่มันเยี่ยมไปเลย!”

แม่ของนางกำลังจะไล่ตะเพิด รู้สึกขบขันกับคำพูดใสซื่อของลูก ลูกแมวเพิ่งมาที่นี่ มันอยากจะเป็นสหายกับเจ้าได้อย่างไร? มันเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดด้วยงั้นหรือ?

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างราวจานรอง นางเห็นชัดเจนว่าลูกแมวพยักหน้าราวกับตอบรับลูกสาวของนาง จากนั้นมันเดินเข้าหานันนันอย่างสง่างามก่อนยื่นอุ้งเท้าสีขาวราวหิมะไปจับมือนาง

“โอแหม…” หญิงสาวไม่อยากเชื่อตาตัวเอง

“เยี่ยม! เจ้าจะเล่นกับข้านับจากนี้ใช่หรือไม่?” นันนันกอดลูกแมวอย่างมีความสุขขณะลูบมันอย่างแผ่วเบาราวอัญมณี ดวงตาของนางกลายเป็นจันทร์เสี้ยวดวงเล็ก

เห็นได้ชัดว่าลูกแมวไม่เต็มใจ แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง มันไม่ขัดขืนขณะอยู่ในอ้อมแขนของนันนัน อุ้งเท้าเล็กละเอียดอ่อนชูขึ้นอย่างลังเลก่อนลดลงแล้วส่งเสียวร้องเหมียว

นันนันเก็บลูกแมวเอาไว้ กอดมันกลับเข้าบ้าน “ท่านแม่ ท่านแม่ มีอะไรให้มันกินบ้างหรือไม่? พวกเรายังมีขนมปังกรอบหรือเปล่า? พวกเรายังมีเศษปลาหรือไม่? ข้า…”

ลูกแมวย่นจมูก

หญิงสาวตามมาอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงแผ่วเบา “นี่ นี่ นันนัน วางมันลงก่อน แมวตัวนี้เป็นของใคร? มันอาจจะมีเจ้าของก็ได้ เจ้าจะเก็บมันไว้ไม่ได้นะถึงแม้ลูกแมวตัวนี้จะน่ารักจริง ๆ ก็ตาม…”

ยวินหยางยิ้ม จากไปโดยไม่พูดจา

เสียงเหมียวน่าเวทนาดังมาจากในบ้าน

“นับจากนี้ไป เจ้าจงเป็นผู้พิทักษ์ของบ้านหลังนี้… ใครหรืออะไรก็ตามที่คิดทำร้ายที่นี่ ข้าอยากให้เจ้าโจมตีมันอย่างไม่ต้องปรานี”

“ที่นี่ ที่ที่ครอบครัวของพี่น้องข้าและพี่น้องผู้พิการอาศัยอยู่… ข้าต้องการให้เจ้ารักษาความปลอดภัยเอาไว้ ทุกคืน เจ้าจะได้กลับมาที่ลานบ้าน ข้าจะเพิ่มทรัพยากรการฝึกฝนและอาหารให้อีกเท่าตัว แต่ทันทีที่ทำภารกิจไม่เป็นไปตามเป้า ต่อให้จะพลาดเพียงครั้งเดียว ของทั้งหมดนี้จะถูกริบไว้ตลอดกาล! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

“เหมียว…”

“ถ้ามีคนร้ายเข้ามาคุกคาม อย่าลังเล เข้าใจหรือเปล่า?”

“เหมียว!”

“ดี”

แมวตัวนี้คือเสือดำคราสที่ไปถึงระดับที่สามของสัตว์ร้ายวิเศษ ยวินหยางส่งอาการแห่งชีวิตแล้วเสริมด้วยชั้นการปลอมแปลงให้ไหลเข้าไปที่ตัวมันก่อมอบหน้าที่หนักอึ้งให้ ส่วนเรื่องการฝึกฝน เสือดำคราสจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หากมีสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าในอนาคตคอยปกป้องครอบครัวของพี่น้อง ยวินหยางรู้สึกวางใจขึ้นมาก

ก่อนเขาจะรับมือกับกองกำลังภายนอก เขาต้องปกป้องและรักษาข้างในให้ดีเสียก่อน

“ความสามารถของข้ายังอ่อนแอ แต่ต้องลงมือทำเท่าที่ไหว พี่น้องเอ๋ย โปรดอย่างรีบร้อนตัดสินไป ถ้าข้าแก้แค้นจนมีชีวิตรอดได้สำเร็จ ข้าจะยังปกป้องครอบครัวของพี่น้องต่อไป ถ้าหากทำพลาด… สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ในตอนนี้คือให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสบายใจในห้าปีนี้โดยไม่ต้องกังวลความปลอดภัยอย่างต่ำหนึ่งร้อยปีเมื่อมีเสือดำตัวนี้อยู่ที่นี่!”

“ขอโทษด้วย พี่น้องเอ๋ย นี่คือทั้งหมดที่ข้าทำได้ในตอนนี้”

ยวินหยางจากไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น เมื่อวิชาศักดิ์สิทธิ์อนันต์พรูพรั่งทั่วร่างกาย ยวินหยางรู้สึกมีกำลังขึ้นมา โลหิตเดือดพล่านด้วยพลัง ถึงแม้จะแค่ห้าส่วนของความสามารถที่ฟื้นคืนกลับมา แต่ยวินหยางยังรู้สึกกระวนกระวาย

ถ้าข้าไม่สามารถจัดการได้ แผนการของข้าจะเล่นงานพวกมันเอง

จี้หลิงออกจากที่พักยวิน รู้สึกผิดและเสียใจจนน้ำตาหลั่งไหลไปตามทาง

“เจ้าคนน่ารำคาญ! เจ้าคนอวดดี! ครั้งหน้าข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว!”

ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกอยากต่อว่ามากเท่านั้น นางเสียใจมากขึ้นจนมั่นใจว่ายวินหยางเป็นพวกที่ไร้เหตุผล

“คิดว่าข้าหลงเจ้างั้นหรือ… หึ! พรืด! เจ้าห่วงตอนที่ข้าตามแจด้วยซ้ำ!”

“วิเศษมากสินะที่เจ้าเป็นศิษย์ของตู๋กูโฉว? หึ…”

“คนอย่างเจ้านี่แหละที่ข้าเกลียดที่สุดในชีวิต!”

แม้กระทั่งตอนเดินมาถึงโรงเตี๊ยม นางยังโกรธมาก น้ำตาไม่หยุดหลั่งราววาล์วที่ทะลักออกมา

นางแค่ถูกชะตากับยวินหยางนิดหน่อยเท่านั้น ยังห่างไกลจากคำว่ารักที่ผู้หญิงมีความรู้สึกแรงกล้าต่อสามีอีกมากโข ทว่า ท่าทีของยวินหยางทำให้นางหงุดหงิดสุดจะบรรยายจนเกิดความรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาดขึ้นมา

“เจ้ากล้ากลั่นแกล้งข้างั้นหรือ? ข้าจะแสดงให้เห็นเอง! หึ!”

แม้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเลือนหาย แต่คลื่นผู้คนจากโลกวิชายุทธจะมุ่งสู่เมืองเทียนถัง

ชายในชุดคลุม รองเท้า หมวก เข็มขัดและแม้กระทั่งก้านไผ่ที่ยื่นออกจากศีรษะยังเป็นสีเขียวมรกต เดินโซเซผ่านประตูเมืองพร้อมเครื่องหลังสีเขียวมรกตก่อบวัตถุสีเขียวมรกตที่เกาะอยู่บนมือ

คนคนนี้ดูหนุ่ม เขาอายุประมาณยี่สิบปีเท่านั้น แต่ความอวดดีสามารถรู้สึกได้ว่ามันไหลซึมผ่านทุกรูขุมขนของผิวหนังได้

เขามีสีเขียวตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกสีที่เหลือคือสิงโตสีดำขนาดเล็กที่อยู่ด้านข้าง ที่ต่างออกไปจนน่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือสิงโตสีดำมีสองหัว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่ลูกสัตว์ร้ายวิเศษ ถึงอย่างนั้นสีหน้าดูดุร้ายยิ่ง

ชายผู้สวมชุดแปลกประหลาดยิ่งนับว่าหายาก ทุกที่ที่เขาผ่านมีคนเหลียวมามอง เขากลับใจเย็นต่อการตกเป็นเป้าสายตาอย่างน่าประหลาดขณะเดินผ่านเมืองด้วยความหยิ่งทะนงองอาจและถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อมาถึงจุดหมาย

“ให้ตายสิ! เมืองเทียนถัง ในที่สุดเหล่าจื้อคนนี้ก็มาถึงแล้ว!”

ชายวัยกลางคนสองคนผู้กำลังเดินอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าซื่อตรงมาตลอดเวลาอดที่จะกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “ตอนนี้นายน้อยสามารถล้างแค้นความอับอายก่อนหน้านี้ ณ ที่นี่ได้แล้ว ถอดชุด… นี้…”

ชายทั้งสองคนระวังการใช้คำพูดด้วยเกรงว่าจะกระทบกระทั่งกับนายน้อย

“ทำไมพวกเจ้ารู้สึกกระดากอายที่จะพูดออกมา?” ชายหนุ่มพ่นลมออกจมูก “ครั้งนี้ เหล่าจื้อต้องชนะ! เหล่าจื้อแพ้ในคราวที่แล้วจนต้องสวมชุดนี้มาหนึ่งปี ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ เรื่องนี้มันไม่หนักหนาอะไรหรอก! แต่ถ้าเหล่าจื้อชนะในครั้งนี้ จะไม่มีใครสามารถหลบหนีจากมันไปได้ พวกเขาทุกคนต้องใส่ชุดนี้! บัดซบ! เหล่าจื้อจะไม่ทนทุกข์ทั้งปีโดยไม่ได้อะไรกลับไปเด็ดขาด! พวกเขาควรได้ลิ้มรสในสิ่งที่เหล่าเจื้อประสบมาในช่วงปีนี้ด้วย!” ชายคนนั้นระบายออกมาอย่างมีอารมณ์ สีหน้าของเขาดุอันตรายอย่างถึงที่สุด

ชายวัยกลางคนสองคนจนคำพูด

อย่าพูดถึงเรื่องอื่นเลย แค่บทกลอนของ ‘เหล่าจื้อ’ ก็เกินพอแล้ว… ไม่คิดจะใช้วิธีอื่นในการอ้างอิงเลยหรือ? แพ้มาตั้งมากมายไม่น่าจะรู้สึกรู้สาอะไรอยู่แล้ว…

คราวที่แล้วเจ้าเรียกตัวเองว่าเหล่าจื้อตอนสนทนากับพี่ใหญ่ เจ้าแพ้จนกระทั่งไม่สามารถลุกจากเตียงได้สามวัน จากนั้นหัวหน้าครอบครัวมาพบเจ้า ความอวดดีทำให้พ่อบังเกิดโทสะ ถูกตบไปยี่สิบสี่ครั้งจนสมองแทบกระทบกระเทือนแท้ ๆ ยังนิสัยไม่เปลี่ยนอีก จากนั้นปู่ทวดมาพบเจ้า พอพูดไปว่า ‘เหล่าจื้อปลอดภัยดี’ ทำให้พ่อของพ่อของพ่อ ทำให้ปู่ทวดของเจ้าจากไปทันที

ถึงแม้เจ้าจะไร้เหตุผลจนออกเดินทางได้ แต่เจ้ายังหมกมุ่นกับคำว่า ‘เหล่าจื้อ’ อยู่ดี…

นี่มันคนบ้าประเภทหนึ่งแน่นอน

“รีบหาที่กินดื่มได้แล้ว” ชายชุดเขียวโบกมือ “เหล่าจื้อหิวแล้ว เหล่าจื้อกำลังจะตายเพราะกระหายน้ำด้วย!”

สองอารักขาเงียบ พวกเขาคันไม้คันมืออยากอัดอีกฝ่ายถึงแม้ยศถาจะห่างกันมากก็ตาม ใครเรียกเจ้าว่าเหล่าจื้อไม่ทราบ?

“ลูกของเหล่าจื้อหิวแล้วเช่นกัน!” ชายหนุ่มชุดเขียวจบสิงโตสองหัวที่อยู่ด้านข้าง ลูกสิงโตถึงกับส่ายศีรษะเพื่อเอามือออกไปให้พ้นทาง ใบหน้ามีขนทั้งสองเผยสีหน้ารังเกียจเขา

“ขนาดเจ้าสารเลวตัวนี้ยังดูถูกเหล่าจื้อ!” ชายในชุดเขียวหน้าซีดด้วยความโกรธ “ถ้าเจ้าไม่ทำประโยชน์ล่ะก็ เหล่าจื้อจะจะจับไปต้มคืนนี้แหละ!”

สิงโตขนาดเล็กกลอกตาทั้งสี่ข้างครั้งหนึ่งก่อนก้าวออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“บัดซบ!” ชายหนุ่มในชุดเขียวสบถ “สัตว์เลี้ยงของเหล่าจื้อถึงกับทำนิสัยแบบนี้! ถ้าความสามารถของเหล่าจื้อเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ ข้าจะอัดมันให้ตายแล้วเอามากินเสียเลย! ได้ยินไหม? จับไปต้มเป็นซุปวันนี้ เคี้ยวขาหน้าพรุ่งนี้ ส่วนวันมะรืน…”

“อู๋!”

สิงโตสองหัวพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ฉีกชุดคลุมสีเขียวของชายหนุ่มบริเวณแก้มก้นจนเกิดรูขนาดใหญ่ก่อนวิ่งหนีไป

“บัดซบ!”

ชายหนุ่มกระโดดขณะปิดบั้นท้ายทันควัน “สักวัน เหล่าจื้อจะกินเจ้า…”

สิงโตสองหัวหันมาคำราม พุ่งเข้าใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม เป้าหมายในครั้งนี้คือง่ามขา ชายหนุ่มในชุดเขียวเผยท่าทีหวาดกลัวออกมา “ต้าเหยีย ต้าเหยีย เหล่าจื้อเรียกเจ้าว่าต้าเหยียแล้ว… เมตตาด้วย… เถ้าแก่! ข้าจะเรียกเจ้าว่าเถ้าแก่ ดีไหม? ดีไหม?”

ลูกสิงโตกลอกตาก่อนเดินกรีดกรายอย่างภาคภูมิใจไปข้างหน้าขณะชายหนุ่มในชุดเขียวกุมบั้นทายแล้วเดินตามหลังด้วยใบหน้าซีดเผือด “พาเหล่าจื้อไปหาที่พักแล้วซื้อชุดใหม่… จะให้เผยบั้นท้ายครึ่งส่วนแบบนี้ มันคงไม่ดีกระมัง?”

อารักขาทั้งสองชำเลืองมองหน้ากัน พวกเขาไม่พูดอะไร ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกหรือ เจ้าโง่? เจ้ามีเวลาว่างมากพอมายั่วยุให้สิงโตโกรธอย่างนั้นหรือ?

เจ้ามันไม่มีอะไรดีสักอย่างจริง ๆ !

ชายหนุ่มในชุดเขียวยังคงเดินทางต่อไปขณะมองด้านหน้าพร้อมพูดอย่างสนอกสนใจ

“นี่… ช่างน่าสนใจ”

ยวินหยางกำลังกลับบ้าน เขาจะไปถึงถนนหลักตรงหน้าแล้วเจอที่พักยวินเมื่อเลี้ยวอีกรอบ

แต่เมื่อกำลังจะเดิน เสียงระเบิดและต่อว่าปะทุขึ้นจากที่ใดไม่ทราบขณะเงาร่างหนึ่งถูกโยนออกจากประตูตรงหน้าดังฟิ่ว คนที่ถูกโยนออกมากระแทกกับพื้นอย่างจัง นั่งอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถยันตัวขึ้นมาได้

ยวินหยางเอี้ยวร่างกายได้องศาก่อนก้าวถอยออกมา ดวงตากวาดมองด้านข้างและด้านหลังขณะมือข้างหนึ่งคว้าฝักของคมดาบสวรรค์เอาไว้แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด