ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0601 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0603 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0602 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 602 : ศิษย์ตำหนักเซียนดาบ

ชายวัยกลางคนชุดขาว เป็นคนจากหุบเขาเซียนโอสถ ข้อพิพาทกับนครเซียนยุทธภัณฑ์มีอย่างเด่นชัด ครานี้ เขาได้พบศิษย์จากนครเซียนยุทธภัณฑ์ จึงไม่มีทางเผยความเมตตาปรานี

ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าบุคคลที่ตนได้พบเจอ จะเป็นศิษย์หุบเขาเซียนโอสถ เรื่องนี้ทำเขาตื่นเต้นยินดีไม่ใช่น้อย

ตั้งแต่ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ที่โลกภายนอกเขายังไม่เคยได้ต่อสู้กับผู้ใดมาก่อน

กระทั่งว่าบ่อยครั้งต่อสู้ในเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ แต่ที่นั่นตัวเขาไม่ได้มีพลังแท้จริง

พละกำลังแท้จริงของฉินหยุน มันอยู่ที่ร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ และกระดูกวิญญาณราชสีห์สวรรค์ที่เขาฝึกฝนขึ้นมาต่างหาก

พลังของร่างลึกล้ำไม่อาจแสดงผลในเขตแดนจินตภาพ นั่นถือเป็นข้อจำกัดอย่างใหญ่หลวง

ทว่าครานี้ เขาได้พบศิษย์จากหุบเขาเซียนโอสถที่นี่ เขาสามารถปลดปล่อยกำลังได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องหวั่นเกรงอันใด

ตะขอพุ่งเข้ามา ฉินหยุนไม่คิดหลบ กลับกัน เขาเลือกโคจรพลัง ปลดปล่อยพลังจากกระดูกวิญญาณราชสีห์สวรรค์ให้ทะลักล้นออก

ร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำของเขาแข็งแกร่งขึ้นจากแต่ก่อนมากมายนัก

และตอนนี้ เขายังได้ฝึกฝนกระดูกวิญญาณราชสีห์สวรรค์ มันยิ่งทำให้ร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำทรงอำนาจมากขึ้น

ร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำของฉินหยุน มันแข็งแกร่งชวนสะพรึงทัดเทียมอาวุธลึกล้ำ

เมื่อชายวัยกลางคนชุดขาวได้เห็นฉินหยุนไม่หลบเลี่ยง เขายิ่งยินดี เพราะภาพในหัวคาดคิดถึงฉากที่ฉินหยุนถูกบั่นเศียรด้วยตะขอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กระนั้น เมื่อตะขอสัมผัสเข้าที่ด้านหลังลำคอของฉินหยุน มันกลับดังราวกับปะทะกับวัตถุอันแข็งแกร่งไม่มีวันเจาะทะลุเข้า

“ตัวบัดซบจากหุบเขาเซียนโอสถ คล้ายเจ้ายินดีไม่น้อยที่ได้พบข้า!” ฉินหยุนแค่นเสียงดัง “ข้าก็ยินดีไม่น้อยที่ได้พบเจ้าที่นี่!”

กล่าวคำจบ ฉินหยุนจึงเดินเข้าหาอีกฝ่าย พร้อมยื่นนิ้วทั้งห้าคว้าจับตะขอที่โจมตีเข้าใส่เอาไว้

เขาไม่ได้ใช้พลังเต๋า กลับกัน เป็นการใช้พลังจากร่างลึกล้ำโดยตรง เพื่อปลดปล่อยเอากระแสพลังชวนสะพรึงออกมา

หลังจากที่กระแสพลังงานถูกปลดปล่อย ชายวัยกลางคนชุดขาวพลันเผยสีหน้าปรากฏร่องรอยความหวาดกลัว

ทางด้านฉินหยุน ตะขอยาวที่คว้าจับเอาไว้ในมือ เขายังคงกำมันเอาไว้แน่น เพื่อเป็นการไม่ให้ชายวัยกลางคนได้ถอนอาวุธตนเองกลับคืน

ตะขอยาวนี้ เป็นเพียงอาวุธวิญญาณระดับราชัน

เพียงคว้าเอาไว้ ฉินหยุนก็พร้อมจะใช้แรงกายดึงมากระทั่งเจ้าของผู้ใช้งานอาวุธ

ตู้ม!

ฝ่ามือฉินหยุนระเบิดพลังออกเข้าที่หน้าอกของชายวัยกลางคนชุดขาว มันอัดแน่นไว้ด้วยพลังสั่นไหวอันรุนแรง

หลังจากได้ฝึกฝนกระดูกวิญญาณ พลังงานอันทรงพลังได้อัดแน่นอยู่ภายในกระดูกของเขา กระดูกวิญญาณราชสีห์สวรรค์ได้ผสานรวมเข้ากับร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ พลังกายภาพของฉินหยุนที่ปลดปล่อยออกมา จึงชวนสะพรึงทัดเทียมราชสีห์สวรรค์โบราณ

“นี่มันพลังบ้าอะไร?” ชายวัยกลางคนชุดขาวหวาดกลัวถึงขีดสุด เพราะตัวเขาขณะนี้ รู้สึกราวกับต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายทรงพลัง

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ฉินหยุนปล่อยหมัดไปหลายครั้งต่อเนื่อง มันเป็นการใช้พลังกายโดยตรงจนทำเอาชายวัยกลางคนชุดขาวคำรามร้องอย่างเจ็บปวด

ชายวัยกลางคนชุดขาวได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยหมัดของฉินหยุนอย่างฉับพลัน กระดูกทั้งร่างถึงกับแตกละเอียด

ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสร้ายแรง!

“ขยะเปียกชิ้นหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมาอวดดีอหังการต่อหน้าข้า!” ขณะฉินหยุนกล่าว เขาได้ต่อยหมัดซ้ำทำการปลิดชีพชายวัยกลางคน

เมื่อใดเผชิญหน้ากับศิษย์จากหุบเขาเซียนโอสถ ไม่จำเป็นต้องมีการยั้งมือใดทั้งสิ้น เพียงมุ่งตรงสังหารให้หมดสิ้น นี่คือสิ่งที่แม่เฒ่าหม่าบอกกล่าวเอาไว้ก่อนเริ่มภารกิจ

“ศึกในโลกจริง หากได้พบกับผู้ที่มีพลังธรรมดา เราแทบไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธหรือวิชายุทธ์เพื่อลงมือสังหารเลยด้วยซ้ำ!”

ฉินหยุนมองที่หมัดตนเอง เขาสัมผัสได้ว่าเลือดเนื้อภายใน กำลังดูดกลืนพลังงานอันแกร่งกล้าจากกระดูกวิญญาณราชสีห์สวรรค์

สายเลือดราชสีห์สวรรค์กำลังเดือดพล่าน พวกมันกำลังส่งถ่ายพลังงานรุนแรงออกมา

“เสี่ยวหยุน มันมีขุมพลังแกร่งกล้าอย่างยิ่งถูกผนึกเอาไว้ภายในจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์! ส่วนมันจะแข็งแกร่งเพียงใดนั้น ข้าไม่อาจทราบ โดยสรุปแล้ว หลังเจ้าได้ปลดผนึกดังกล่าว ตัวเจ้าจึงยิ่งแข็งแกร่ง ทว่ามันจะใช้งานได้ไม่นานนัก” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวคำ

ที่คฤหาสน์เซียนราชสีห์สวรรค์ในเขตแดนสัตว์สวรรค์ บรรพบุรุษราชสีห์สวรรค์ได้บอกกล่าวเอาไว้ ว่ามันมีพลังคงอยู่ภายในจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์ให้หยิบยืมใช้งาน

“ข้ายังไม่ต้องการในตอนนี้!” ฉินหยุนกล่าว “หลังผสานเข้ากับจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์ ข้าจึงยิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อวิชายุทธ์โทเทมราชสีห์สวรรค์ มันทำให้ข้าสามารถเข้าใจวิชายุทธ์โทเทมเหล่านั้นเพื่อนำออกมาส่งเสริมพลังข้าให้แข็งแกร่งขึ้นได้!”

ชั่วขณะนี้ เปลือกหอยสื่อสารได้สั่นไหวขึ้นมา

ฉินหยุนเร่งรีบนำออกมารับฟัง

“ฉินหยุน เจ้าสังหารคนไปหรือ? มันมาจากหุบเขาเซียนโอสถหรือขุนเขาเซียนอัคคีคราม?”

นกอินทรีย์ของแม่เฒ่าหม่าบินอยู่บนฟากฟ้า ดังนั้นนางจึงไม่อาจได้ยินเสียงสนทนาที่เบื้องล่าง

“เป็นศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถ! ข้าสังหารมันไปแล้วขอรับ!” ฉินหยุนตอบกลับ

“เยี่ยมมาก! คราวนี้ไปทางตะวันออก มีคนที่แข็งแกร่งอยู่ทางด้านนั้น! มันผู้นั้นกำลังเคลื่อนที่เร็วไปยังทิศทางที่เหลียวจิงเหมิงอยู่!” แม่เฒ่าหม่าสั่งการ “เจ้าต้องระมัดระวังบุคคลผู้นี้ อีกฝ่ายสมควรเป็นคนจากตำหนักเซียนดาบ!”

“ขอรับ!”

ฉินหยุนเร่งรีบพุ่งทะยานไปทางตะวันออก เขาเคลื่อนที่รวดเร็ว เพราะเขาไม่คิดอยากให้เหลียวจิงเหมิงต้องถูกรบกวน

เพียงอึดใจ เขาค่อยได้เห็นชายหนุ่มสีหน้าเคร่งขรึมเย็นเยือกในชุดสีน้ำเงินยืนหยัดต่อหน้า

อีกฝ่ายถือดาบยาวส่องประกายแสงเย็นเยือกไว้ในมือ ใบหน้าหล่อเหลาเยือกแข็งนั้นมีดวงตาสุกสว่างจับจ้องที่ฉินหยุน สายตาที่มองมา ประหนึ่งคมดาบที่ทิ่มแทง

“เจ้ามาจากสำนักเซียนใด?”

ชายหนุ่มชุดน้ำเงินเอ่ยถาม น้ำเสียงนี้เย็นเยือก ทั้งยังอัดแน่นด้วยความอหังการ

ราวกับอีกฝ่ายกำลังรอคอยให้ฉินหยุนมาถึง

“ข้ามาจากนครเซียนยุทธภัณฑ์! เจ้าเป็นผู้มาจากตำหนักเซียนดาบหรือ?” ฉินหยุนตั้งท่า ใช้น้ำเสียงแหบห้าวกล่าวตอบต่ออีกฝ่าย

“ข้านามเจี้ยนหนันหู่ มาจากตำหนักเซียนดาบ!”

ฉินหยุนมองดาบดังกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว “เป็นผู้ฝึกตนดาบ?”

“ข้าย่อมไม่ใช่ผู้ฝึกตนดาบ ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ฝึกตนดาบ!” ใบหน้าของเจี้ยนหนันหู่เผยความภาคภูมิในตนเองพร้อมกล่าว “จงนำเอาอาวุธเจ้าออกมาแล้วต่อสู้! ศิษย์ซึ่งถูกส่งตัวมาที่นี่สมควรเป็นอาจารย์ยุทธ์ระดับต้นซึ่งแข็งแกร่งที่สุด หวังว่าข้าจะได้สู้กับเจ้าด้วยดี!”

“นี่เจ้ามั่นใจหรือว่าสามารถเอาชนะข้า?” ฉินหยุนเผยยิ้ม เขากำลังลากถ่วงเวลา

“นครเซียนยุทธภัณฑ์ของเจ้ามีเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ กระทั่งว่าพวกเจ้ามีประสบการณ์ต่อสู้ภายในนั้นมากมาย กระนั้นที่ภายนอก ก็ยังขาดซึ่งประสบการณ์!” เจี้ยนหนันหู่แค่นเสียงดัง “หากเจ้าภาคภูมิในชัยชนะที่เขตแดนจินตภาพ ก็คงเป็นบุคคลผู้โง่เขลายิ่งนักแล้ว!”

“ผู้อาวุโสของเราได้กล่าวเตือนข้าย้ำหลายครั้ง ว่าหากพบเจอคนของตำหนักเซียนดาบ ข้าต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่ทำร้ายพวกเขาจนบาดเจ็บ นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านความสัมพันธ์ ข้าย่อมต่อสู้ด้วย ทว่าคงไม่อาจเป็นการต่อสู้เสี่ยงชีวิต!” ฉินหยุนกล่าวเฉยชา “สำหรับเรื่องที่ว่าตำหนักเซียนดาบของเจ้าจะสังหารข้าหรือไม่นั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องของข้าแล้ว โดยสรุป ข้าเพียงไม่ฆ่าเจ้า!”

เจี้ยนหนันหู่หัวเราะ “ก็คงเป็นเช่นนั้น นครเซียนยุทธภัณฑ์ของเจ้าสร้างข้อพิพาทใหญ่หลวงกับหุบเขาเซียนโอสถ รวมถึงขุนเขาเซียนอัคคีครามไปแล้ว ย่อมไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับพวกเราเพิ่มเติมอีก!”

“เจ้าทราบถือเป็นเรื่องดี! ดังนั้นอย่าได้ประมาทข้าไปเพียงเพราะข้าติดเหตุผลว่าไม่อาจใช้กำลังเต็มที่ได้” ฉินหยุนลูบหมัดตนเองพร้อมกล่าวต่อ “ต่อสู้กับเจ้า ข้าไม่ต้องใช้อาวุธ!”

“เจ้ามั่นใจแล้วที่ไม่คิดใช้อาวุธ? ดาบของข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าดาบต้นกำเนิดของผู้ฝึกตนดาบ!” เจี้ยนหนันหู่เผยความมั่นใจไม่รู้จบออกมา

“ว่าอะไร? ข้าย่อมเคยพบเห็นดาบต้นกำเนิดของผู้ฝึกตนดาบมาก่อน กระนั้นกลับไม่ทราบว่าดาบเจ้าแข็งแกร่งได้เพียงนั้น!” ฉินหยุนเผยความสงสัยออกมา

“ข้าครอบครองวิญญาณยุทธ์ดาบ รวมถึงโทเทมดาบ! ดาบของข้าคือโทเทมดาบและวิญญาณยุทธ์ดาบที่ผสานรวมเข้าด้วยกัน โทเทมดาบของข้าคือโทเทมระดับลึกล้ำ และวิญญาณยุทธ์ข้าก็เป็นระดับสีดำ เพราะเหตุนั้นข้าจึงมีความสามารถเทวะทางดาบที่แกร่งกล้าพร้อมสั่นสะเทือนผืนแผ่นดินและฟากฟ้า!”

ฉินหยุนมองที่ดาบธรรมดาในมือของเจี้ยนหนันหู่ ภายในต้องลอบทึ่ง เขาไม่คาดคิด ว่าดาบธรรมดาดังกล่าวจะวิเศษได้ดังคำกล่าวอ้าง

“เช่นกัน ดาบข้าคืออุปกรณ์เต๋าโบราณ!” เจี้ยนหนันหู่กล่าวเสริมเมื่อได้เห็นฉินหยุนมึนงง

“ขอข้าพิจารณามันได้หรือไม่?” ฉินหยุนได้เห็นว่าเจี้ยนหนันหู่เป็นคนตรงเพียงใด อีกฝ่ายไม่ใช่คนอหังการอย่างชั่วร้าย อีกฝ่ายเพียงอหังการเพราะมั่นใจในความสามารถ

ความอหังการเช่นนี้นับเป็นเรื่องปกติของผู้ใช้ดาบ เซี่ยอู่เฟิง เจี้ยนหมาง และเจี้ยนหลาง บุคคลเหล่านี้ที่ฉินหยุนพบเจอต่างเป็นเช่นเดียวกัน

“ย่อมได้ เข้ามารับชม!” เจี้ยนหนันหู่กล่าวพร้อมถือดาบยื่นส่งให้ในแนวนอน

ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่ช้า เขาค่อยได้เห็นอักขระโทเทมซุกซ่อนอยู่ภายในตัวดาบ พวกมันจมอยู่ภายในทั้งยังโปร่งแสง ทำให้ยากต่อการพบเห็นหากไม่พิจารณาโดยใกล้

ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังผสานรวมเข้าด้วยกันกับรูปลักษณ์ของตัวดาบ ทำให้การเก็บงำตัวตนเป็นไปอย่างดียิ่ง

“อักขระเต๋าโบราณ และอักขระโทเทมดาบได้ผสานกันอย่างสมบูรณ์! พวกมันหลอมกันเกิดขึ้นเป็นตัวดาบอย่างวิจิตร!” ฉินหยุนกล่าวชื่นชม “นี่จำเป็นต้องใช้ยอดฝีมือระดับสูง เพื่อที่จะได้สามารถแกะสลักอักขระโทเทมดาบเอาไว้ในตัวดาบได้!”

“นี่เจ้าเป็นอาจารย์จารึก?” เจี้ยนหนันหู่อึ้งเล็กน้อยขณะกล่าวถาม

“ข้าเพียงมีความรู้อยู่บ้าง!” ฉินหยุนยังคงพิจารณาค้นหาความวิเศษของมันต่อ “น่าประหลาดใจ กระทั่งมีอักขระตะวัน สิ่งนี้เป็นอุปกรณ์เต๋าที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง! หากข้าเดาไม่ผิด ดาบของเจ้ายังสามารถวิวัฒนาการได้!”

“สายตาที่ดี!” เจี้ยนหนันหู่ได้พบเจอคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมาก็มาก ทว่าไม่เคยมีผู้ใดสามารถบอกได้ ว่าดาบของเขาแข็งแกร่งเพียงใด

“ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในตัวดาบของข้า คือวิญญาณยุทธ์สีดำที่อยู่ภายใน นอกจากนี้ ข้ายังรู้และเข้าใจเจตจิตแห่งดาบตั้งแต่โทเทมดาบถือกำเนิดขึ้นพร้อมตัวข้า! ครานี้เจ้าทราบหรือยังว่าข้านั้นแข็งแกร่งเพียงใด?” เจี้ยนหนันหู่กล่าวยกยอตนเอง

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “เจ้าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง และคู่ควรแล้วที่ได้เป็นศิษย์ของตำหนักเซียนดาบ!”

เจี้ยนหนันหู่หัวเราะอหังการ “อย่างนั้น เจ้าจงนำอาวุธออกมาได้แล้ว! จากนั้นค่อยพ่ายแพ้ต่อข้า!”

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ก่อนจะส่ายศีรษะ “ข้าไม่มีอาวุธที่ในมือ! ไม่ว่าข้านำอาวุธใดออกมา พวกมันต้องเสียหายเพราะดาบเจ้า และโอกาสชนะของข้าหาได้มีมากนัก!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จงเลิกหยุดข้าจากการค้นหาสัตว์วิญญาณเห็ดลึกลับได้แล้ว!” เจี้ยนหนันหู่เก็บดาบ

“ไม่ได้ ข้าไม่อาจเอาชนะ ทว่ายังสามารถถ่วงเวลา” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ในเมื่อพวกเราได้พบกัน โชคชะตาคือต้องต่อสู้กัน หากไม่สู้ก็ถือว่าน่าเสียดายแล้ว”

“เมื่อใดข้าคิดต่อสู้ ข้าย่อมต้องใช้ดาบ! เพราะดาบนี้คือกำลังทั้งหมดของข้า หากข้าไม่ใช้ดาบ ข้าก็ไม่ต่างอะไรกับผู้พิการ! ด้วยเหตุนี้ ข้าคงยอมรับการต่อสู้มือเปล่ากับเจ้าไม่ได้ จงนำอาวุธออกมา!”

หากฉินหยุนนำเอาค้อนเทวะเก้าตะวันออกมา ทุบตีเพียงไม่กี่ครั้งเขาย่อมทำลายดาบที่งดงามเล่มนี้ได้ ทว่าเขาทำใจลงมือต่อมันไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงลังเลและลากถ่วง

“อย่างนั้นก็เริ่มกันได้!” ฉินหยุนกล่าวออก เป็นเขาคิดอยากทดสอบขีดจำกัดของตนเองหลังจากที่ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

“เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอมากมารยาทอีก!”

เจี้ยนหนันหู่พิจารณาจากประสบกาณณ์ของตนเอง ว่าชายหน้ากากตรงหน้าแข็งแกร่งยิ่ง ดังนั้นเขาจะประมาทอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอันขาด

เจี้ยนหนันหู่ลงมือโจมตีก่อน ดาบไหววูบเกิดเป็นแสงทอประกาย พลังงานดาบอันเหนือชั้นทะลักล้นพร้อมไหลหลั่งเข้าหาฉินหยุน

ฉินหยุนตระหนักรู้ได้ในทันที ตัวเขาเวลานี้ราวกับถูกปิดล้อมด้วยอากาศเย็นเยือก มันทำให้เขารู้สึกราวกับร่วงหล่นสู่ห้องแช่แข็ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด