ตอนที่แล้วตอนที่ 24: ข้าไม่เคยเห็นมันเหมือนกัน [ฟรี 17 พ.ค. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26: เศร้าโศก จากไป มาเยือน [ฟรี 24 พ.ค. 63]

ตอนที่ 25: มันได้เริ่มขึ้นแล้ว [ฟรี 23 พ.ค. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 25: มันได้เริ่มขึ้นแล้ว

มีคำกล่าวว่าตู๋กูโฉวในตอนนั้นเคยเป็นผู้เยี่ยมยอดในอาณาจักร ไม่มีใครรู้กล้าพอที่จะท้าทายเขา ทว่า เมื่อกำลังจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นอมตะ เขาได้พบเนื้อคู่ก่อนจะติดบ่วงรัก น่าเสียดาย เนื้อคู่ของเขาอ่อนแอมาแต่เกิดจนไม่สามารถทำการฝึกฝนได้ ตู๋กูโฉวละทิ้งโอกาสที่จะได้ชีวิตอมตะแล้วเลือกที่จะอยู่ข้างคนรักหลายทศวรรษ คอยดูแลนางจนจากโลกไป ความปวดใจและความโทมนัสที่ตามมาผลักดันให้เขาเก็บตัวสันโดษ สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ที่นั่นคือไม้ดาราแห่งนิลกาฬ ตั้งตระหง่านคล้ายร่มเงาเหนือสุสานและกระท่อมสมถะของเขา

“นานมาแล้วที่ข้าไปเป็นแขกของสวรรค์ อีกครึ่งก้าวสู่ความไร้ตัวตน ด้วยคุณธรรมและเนื้อคู่ ข้าห่างเพียงหนึ่งก้าวก่อนถึงหมู่เมฆ”

คำพูดสุดท้ายเหล่านั้นทำให้สูญเสียคำว่าตำนานไป

ไม่มีใครได้พบตู๋กูโฉวนับแต่นั้นเป็นต้นมา

การหายตัวไปของเขา ตำนานที่เป็นมรดกเขามาตลอดมีขนาดใหญ่และกว้างขวางยิ่งขึ้น เรื่องเล่าเหล่านี้เหลือเชื่อทุกครั้งที่มีการบอกกล่าวจนไม่มียอดฝีมือมาตรฐานระดับตำนานคนใดในทวีปเทียนเสวียนกล้าทัดเทียมกับอีกฝ่าย ฉายาของยอดฝีมือไร้ใครเทียบ นักดาบไร้เทียมทานและอื่น ๆ จะผูกมัดกับผู้คนที่ไป ๆ มา ๆ หลายปี แต่ไม่มีใครกล้าท้าทายความยิ่งใหญ่ของ ‘ไร้เทียมทานในโลก’ ในอาณาจักรที่มีการแข่งขันของวิชายุทธจะหล่อหลอมวีรชนได้อย่างง่ายดาย ชื่อของเขายังหลงเหลือตราบเท่าทุกวันนี้

ขณะจ้องมองแผ่นไม้ นายน้อยทั้งสี่คนประหม่าขณะนึกถึงชื่อและตำนานที่เกี่ยวกับมัน พวกเขาแต่ละคนรู้สึกถึงเสียงหึ่งแผ่วเบาในศีรษะขณะจ้องมองยวินหยาง ดวงตาแทบเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงจนน่าขบขัน ตามตำนาน แผ่นไม้ดาราแห่งนิลกาฬเป็นตัวแทนของตัวตนตู๋กูโฉว มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ มันอยู่ที่นี่ วางอยู่ในมือของพวกเขา

ตงฟางหมิงเทียนรู้สึกได้ว่าฝ่ามือเสียวซ่านราวกับถูกลวกโดยเหล็กกล้าร้อนสีแดงก่อนวางแผ่นไม้ลงอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มอ่อนระบายบนใบหน้า เสียงหัวเราะของนายน้อยคนอื่นมีแต่จะทำให้เครียดเข้าไปใหญ่

“พี่ยวิน… เจ้ากับผู้อาวุโสตู๋กู?”

ยวินหยางถอนหายใจ สีหน้าของเขาสำนึกผิดราวกับประสบกับความเจ็บปวดเมื่อวันวาน “ข้าได้รับแผ่นไม้นี้เป็นของขวัญจากอาจารย์ตอนพบกันครั้งแรก มันน่าอายที่ต้องยอมรับว่ายามต้องการร่ำเรียนวิชา จำเป็นต้องพึ่งชื่อของอาจารย์เพื่อความอยู่รอด ข้าอับอายที่จะเผชิญหน้ากับเขา…”

ความคิดของนายน้อยทั้งสี่คนสับสนวุ่นวายไปหมด

ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่วันนี้? ไม่ใช่เพราะการสร้างมิตรใหม่อย่างแน่นอน

ตู๋กูโฉวถูกหยิบยกขึ้นมาได้อย่างไร? พวกเขาจะก้าวต่อจากนี้ไปอย่างไร?

ลูกสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าตัวนี้… พวกเขาจะทำอย่างไรกับมัน?

ตงฟางหมิงเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าแข็งทื่อขณะระบายยิ้มออกมา “เอาล่ะ นี่ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง ใครจะคิดว่าเจ้าถึงกับ อะแฮ่ม มีอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ พี่ยวิน?”

ซีเหมินวั่นไต้พลันขมวดคิ้วด้วยความเข้าใจขณะเริ่มรวบรวมสติกลับมา “เดี๋ยวนะ ถ้าเป็นศิษย์ภายใต้การดูแลของอาจารย์ผู้นี้ ทำไมรากฐานการฝึกฝนของเจ้าถึงอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้ล่ะ?”

นี่คือนายน้อยจากครอบครัวมีอิทธิพลและทรงเกียรติ เพราะได้เห็นและประสบกับสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ทำให้พวกเขาสามารถยอมรับได้ว่ายวินหยางมีพรสวรรค์สูง แต่รากฐานการฝึกฝนยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ! อย่างมากเขาต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของขั้นสูงสุดในตอนนี้ อย่างดีที่สุดเป็นได้เพียงยอดฝีมือระดับที่ห้าหรือระดับที่หกขั้นสูงสุด ความสามารถไร้ตัวตนของเขาเป็นสถานการณ์แปลกประหลาดยิ่งจนต้องไตร่ตรอง

ยวินหยางหัวเราะอย่างยินดีขณะกล่าวว่า “คำถามหลักที่กวนใจพวกเจ้าอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก ถามว่าทำไมอาจารย์ถึงยอมรับข้าเป็นศิษย์มาตั้งแต่แรกน่าจะตรงกว่าหรือเปล่า? ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าสงสัยเกี่ยวกับความจริงนี้มาก”

นายน้อยทั้งสี่คนส่ายหน้าพร้อมกันราวกับกลองถูกตี “ไม่ ไม่ ไม่ใช่เลย”

ไม่ใช่ที่ไหนล่ะ

ยวินหยางยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าสามารถบอกได้ว่าสภาพร่างกายของข้าไม่มั่นคงกับการฝึกฝน” ภายใต้สายตาตกตะลึงของทั้งสี่คน ยวินหยางอธิบายต่อโดยไม่ต้องไตร่ตรอง “อดีตคนรักของอาจารย์กับข้ามีสภาพร่างกายเหมือนกัน!”

“โอ้!”

ชายทั้งสี่คนถอนหายใจเสียงดังอย่างเข้าใจ ในที่สุดพวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตำนานอันโด่งดังผู้จะไปถึงจุดสูงกลับยอมรับชายผู้ต่ำต้อยคนนี้เป็นศิษย์ มันคือการทำด้วยความรัก ยังไงเสีย มันยากที่จะหาเหตุผลหรือตรรกะสุดท้ายมาอธิบายความหมกมุ่นในใจได้

“ถึงแม้ข้าจะเป็นคนมีพรสวรรค์ที่ปลุกจักระมาตั้งแต่เกิดได้ แต่เส้นลมปราณกลับยุ่งเหยิงจนไม่สามารถทำการฝึกฝนได้ ดังนั้น…” ยวินหยางถอนหายใจคอตก “อาจารย์ของข้าถอนเส้นลมปราณออก พวกมันเริ่มเติบโตขึ้นอีกครั้ง แต่ข้าไม่มั่นใจว่ามันจะกลายเป็นแบบไหน เขาห่วงความปลอดภัยของข้าเป็นอย่างแรก นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเขาเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาลูกสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้า  ในที่สุดก็มีข่าวเมื่อสามเดือนก่อนว่าเขาพบเข้าให้แล้ว”

ยวินหยางเงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่ซีเหมินวั่นไต้ “นั่นคือสาเหตุที่ข้ากล้าเดิมพัน! แต่ข้าก็ไม่เต็มใจที่จะเดิมพันต่อเช่นกัน จึงตัดสินใจที่จะถอย นายน้อยซีเหมิน ข้าช่วยคลายความสงสัยให้เจ้าได้แล้วหรือยัง?”

“คลายแล้ว คลายแล้ว” ซีเหมินวั่นไต้ตอบอย่างละอาย ด้วยคำอธิบายอย่างละเอียดของยวินหยาง ความเห็นถากถางของพวกเขาหายไปขณะมองอีกฝ่ายเสียใหม่ นายน้อยคนนี้มีจิตวิญญาณที่โชคดีนัก เป็นศิษย์ของอาจารย์ไร้ใครเทียบทั้งที่อยู่ในสภาพไม่พร้อม เขาเพียงถูกจับเพราะปีศาจข้างใน เพราะลักษณะของเส้นลมปราณที่เหมือนกับเนื้อคู่ของอาจารย์ หรือก็คือ เขาเป็นเพียงตัวทดลองของอาจารย์ การทำลายเส้นลมปราณก็เพื่อดูว่าพวกมันจะสามารถเติบโตขึ้นใหม่ได้หรือเปล่า

สรุปแล้ว ยวินหยางทั้งโชคดีมากและน่าสงสารมากเช่นกัน นายน้อยล้วนตัดสินเช่นนั้นอยู่ในใจ พวกเขาเริ่มคิดว่ายวินหยางพูดความจริงและตู๋กูโฉวคืออาจารย์ของเขาจริง ๆ ไม้ดาราแห่งนิลกาฬแผ่นนี้จะไม่ตกอยู่ในมือของเขาหากตู๋กูโฉวเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถครอบครองมันได้ ยิ่งกว่านั้น ไม้ดาราแห่งนิลกาฬแผ่นนี้เติบโตอยู่ข้างสุสานของภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว ตู๋กูโฉวเก็บรักษามันเป็นอย่างดีเสมอ ไม่ยอมยกมันให้ใครต่อให้จักรพรรดิจากจักรวรรดิหรืออาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกวิชายุทธต้องการก็ตาม

ฉะนั้น สัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้า ไข่ของนกปีกทองจะต้องเป็นความจริงเช่นกัน พวกเขาไม่สามารถคิดว่าจะมีใครในโลกนี้นอกจากตู๋กูโฉวที่สามารถเทียบความเร็วกับนกปีกทองได้ อย่าว่าแต่การฆ่ามันเพื่อให้ได้ไข่มาเลย

เมื่อรวมความคิดเหล่านี้เข้าด้วยกันกับสีหน้ายุ่งเหยิงของยวินหยางในวันที่เขาถูกยั่วยุและเสียใจจนต้องถึงกับยกเลิกการเดิมพัน นายน้อยยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนถึงขั้นเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริงเข้าไปใหญ่

ถ้าเปลี่ยนมาเป็นข้าแทน… ข้าก็ต้องถอนการเดิมพันเช่นกัน!

ทว่า การเปิดเผยนี้มีความหมายว่าแผนเดิมของพวกเขาที่จะเล่นงานยวินหยางไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป นายน้อยยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนนี้เปลี่ยนวิธีทันทีและตัดสินใจว่าจะดูแลยวินหยางนับจากนั้นอย่างไร พวกเขาไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับยวินหยางมาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้มันจบลงแบบนี้เช่นกัน ถึงแม้อาจารย์ของยวินหยางจะทรงพลังยิ่ง แต่เห็นได้ชัดว่ายวินหยางไม่มีศักยภาพเช่นนั้น

ตงฟางหมิงเทียนคิด “ตอนนี้ปล่อยไปก่อน ข้าไม่สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้ ไม่จำเป็นต้องสนิทกันมากเกินไปเช่นกัน ข้าควรรอจนกว่าเขาจะได้รับสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าเพื่อดูว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ถ้าหากเขาโกหกขึ้นมาน่ะหรือ? ข้าจะกลายเป็นตัวตลกในชานเมืองทันทีหากสนับสนุนเขาตอนนี้ใช่หรือไม่?”

ซีเหมินวั่นไต้คิด “ถ้าอาจารย์ของเขาคือตู๋กูโฉว เป็นเรื่องสมควรยิ่งที่จะยอมรับความพ่ายแพ้จากอีกฝ่าย เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะยกโทษให้เขาได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาสิ่งที่เสียไปกลับคืนมาในตอนนี้” ยิ่งเขาคิดถึงความสูญเสียมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขายิ่งน่ากลัวมากเท่านั้น ดวงตาของนายน้อยซีเหมินเหม่อลอยขณะจิตใจวนเวียนกับความคิดที่ยังคงซ่อนจากแผนสมคบคิดกับสหาย

หนานกงปู้ไป้ถึงกับคิดว่า “คงเป็นประโยชน์กับข้าหากพันธมิตรที่แข็งแกร่งสามารถหล่อหลอมได้ ต่อให้ไม่สามารถใช้ตู๋กูโฉวเป็นเส้นสายได้ แต่ข้าจะใช้ตัวตนของศิษย์ตู๋กูโฉวแทน ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นิสัยของนายน้อยยวินคนนี้คล้ายกับของปลอมเลย แต่ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะผิดตรงไหนหากเป็นสหายที่จริงใจต่อกันได้”

ตรงกันข้าม เป่ยเหยี่ยชิงกงคิดว่า “ถ้าข้าสามารถรอจนกระทั่งลูกสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้ามาถึงก่อนกล่าวลากับยวินหยางผู้ดูไม่ฉลาดได้ เช่นนั้นลูกสัตว์ร้ายนั่นจะเป็นของข้าหรือเปล่า? ลูกสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าจะต้องใช้เวลาอย่างต่ำหนึ่งร้อยปีในการเติบใหญ่ ข้าแค่หายไปและซ่อนตัวเองในช่วงเวลานั้นได้ ตู๋กูโฉวเป็นเพียงมนุษย์… เขาจะตามตัวจนเจอได้อย่างไร?”

ขณะที่นายน้อยทั้งสี่คนมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่ในหัว ยวินหยางยังคงซ่อน “แผ่นไม้ดาราแห่งนิลกาฬ” เอาไว้ ทันทีที่มันหายไปจากสายตา มันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย กลายเป็นกระบี่ที่ตกแต่งอยู่บนแขนเสื้อชุดคลุมของยวินหยาง

ยวินหยางไม่เคยเป็นศิษย์ของตู๋กูโฉว ดังนั้นเขาจะไปได้รับไม้ดาราแห่งนิลกาฬตามที่กล่าวอ้างมาได้อย่างไร?

แน่นอนว่าเขาไม่มี เขาเพียงใช้ความสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของกระบี่ชะตากรรมและหยิบยืมชื่ออีกฝ่ายมาปกป้องตัวเองชั่วคราว ยวินหยางไม่รู้สึกผิดหรือละอายต่อการกระทำแน่นอน ตู๋กูโฉวจะไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าเช่นนั้น ถ้าเขาทำมันจะยังไง?

ข้าไม่เคยคิดมากว่าโลกทั้งใบจะหันมาเล่นงาน เพราะอย่างนั้น ตู๋กูโฉว เจ้าตัวคนเดียว ข้ายังต้องคิดมากด้วยหรือ?

หลังจากกล่าวลาหยอกล้อเพื่อเปลี่ยนนัดหมายในครั้งต่อไป นายน้อยทั้งสี่คนจากไป มียวินหยางมาตามส่งให้อย่างอบอุ่น พวกเขายืดตัวสูงอย่างภาคภูมิใจตอนที่มา แต่ยามจากลากลับจบกันด้วยดีไร้ความขุ่นเคือง เดิมพวกเขาอยากปลุกปล้ำกับลูกสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าจากยวินหยางด้วยกำลัง จากนั้นฉีกที่พักยวินเป็นชิ้น ๆ แต่ตอนนี้ พวกเขาเผชิญหน้ากับภัยคุกคามร้ายแรงเข้าให้แล้ว

ตู๋กูโฉว!

แค่คิดถึงชื่อก็ทำให้นายน้อยทั้งสี่คนรู้สึกเหมือนกับกำลังพูดคำต้องห้ามออกมา แปดครอบครัวยิ่งใหญ่ไม่อาจมีเกียรติเทียบเคียงได้ ถึงแม้พวกเขาทั้งสี่คนจะไม่ใช่ผู้สืบทอดที่ถูกต้องของครอบครัว แต่ทั่วทั้งทวีป แม้แต่องค์ชายของห้าจักรวรรดิ ยังต้องแสดงความมีมารยาทเมื่อเห็นพวกเขา

กันไว้ดีกว่าแก้

ใครจะรู้ล่ะว่าวันนี้พวกเขาจะเจอกับบุคคลสำคัญเข้าให้แล้ว?

ตอนนี้ นายน้อยใหญ่ทั้งสี่คนไม่พอใจยิ่งที่มีคนตัดสินใจจัดการแข่งขันสัตว์ร้ายวิเศษปีนี้ที่เมืองเทียนถัง จัดที่อื่นไม่ได้หรือ? จัดที่นี่ทำไม

ศักดิ์ศรีของพวกข้าอาจจะราบเป็นหน้ากลองได้เลยนะ!

มันช่าง… โชคไม่ดีเลยจริง ๆ !

ขณะมองเงาของนายน้อยสี่คนที่ถอยออกไป ดวงตาของยวินหยางหรี่ ความคิดนับพันกำลังแล่นผ่านจิตใจพร้อมเพรียง

อย่างแรก ข้าสร้างเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแล้ว หยิบยกเอาตำนานมาทำให้หัวใจพวกเจ้ากระตือรือร้น ทว่า เรื่องใหญ่โตก็คือเรื่องใหญ่โต ภาระของความวุ่นวายนี้จะตกอยู่กับข้า

นับจากวันนี้ไป ข้า ยวินหยางจะเป็นหัวใจและความคิดของเจ้าเอง

ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน ดูท่าว่า… มันได้เริ่มขึ้นแล้ว

ทันทีที่ชายสี่คนเพิ่งจากไป จี้หลิงปรากฏตัวพร้อมลูกสัตว์ ความไม่อยากเชื่อถูกเขียนทั่วดวงตากว้างมีเสน่ห์ที่จ้องตรงมาหายวินหยางก่อนถามว่า “เจ้าคือศิษย์ของผู้อาวุโสตู๋กูหรือ?”

ยวินหยางเชยคางแล้วกล่าวว่า “มาตกลงกันดีกว่า ข้าจะยอมบอกถ้าเจ้าเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาเสียก่อน”

“หึ!” ศีรษะของจี้หลิงยกขึ้น “ความจริง ไม่รู้ก็ไม่ตายเสียหน่อย”

เสียงกระดิ่งเตือนภัยดังขึ้นในใจของยวินหยาง เขาเพิ่งหลอกนายน้อยทั้งสี่คนจนหลบเลี่ยงอันตรายได้ชั่วคราว สภาพจิตใจที่สงบนิ่งเป็นปกติจึงค่อนข้างแปลก แต่คำพูดเมื่อครู่ใช้น้ำเสียงหยอกล้องั้นหรือ? ไม่มีทางน่า เขาสลัดความยุ่งเหยิงในใจแล้วเปลี่ยนหัวข้อด้วยรอยยิ้ม “ลูกหมาป่าของเจ้าเชื่อฟังแล้วหรือยัง?”

ความสนใจของจี้หลิงถูกเบนทันทีขณะตอบอย่างตื่นเต้นว่า “เชื่อฟังแล้ว! เจ้าทำได้ยังไงน่ะ? ข้าดีใจมากเลยที่ลูกหมาป่าตัวนี้เชื่องแล้ว!”

ขณะพูด นางให้ลูกหมาป่าเดินออกมาแล้วสั่งให้เล่นบางสิ่งที่น่าประทับใจ นางถึงขั้นสั่งให้ลูกหมาป่ายกขาหน้าแล้วเดินด้วยสองขาหลัง จากนั้นยกขาหลังขึ้นสูงแล้วเดินด้วยสองขาหน้า

ยวินหยางรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

ถึงแม้ลูกหมาป่าจะมีทักษะการร่วมมือสูงและรากฐานยอดเยี่ยม แต่หญิงสาวกลับไม่ได้ให้ความสนใจต่อความสามารถการต่อสู้เลย นางคิดว่ามันคือลูกหมาธรรมดาเลยเอาแต่ฝึกง่าย ๆ ตามสัญชาตญาณที่ต้องการ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด