ตอนที่แล้วGE411 จริงหรือลวงอยู่ที่ความคิด [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGEGE413 เหลยฉียี่ [ฟรี]

GE412 ดาราเทพดวงที่ 3 [ฟรี]


การทดสอบที่ 2… มนุษย์และเซียน

สถานที่รับการทดสอบยังคงเป็นวังอัสนี ยามนี้จิตใจของหนิงฝานกระจ่างใส ไม่ได้สับสนเพราะภาพลวงอีกแล้ว

ภายในวังรับการทดสอบที่ 2 มีทิวทัศน์ที่งดงาม มีทุ่งบุบผาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และมีถนนสองเส้นทางให้เลือกเดิน

ทางสายหนึ่งอุดมไปด้วยปราณ เสียงเพลงขับขานไพเพราะ กระเรียนดำโผบินข้ามผ่าน นามของทางเส้นคือ ‘ทางแห่งเซียน’

อีกเส้นทางคือเส้นทางที่โดดเดี่ยว พิรุณโปรยปราย บรรยากาศมืดครึ้มเปลี่ยวเหงา มีผีเสื้อกลางคืนโผบินให้เห็นบ้าง นามของเส้นทางคือ ‘ทางแห่งมนุษย์’

เส้นทางทั้งสองแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แต่ก็ถูกม่านหมอกบดบัง ไม่อาจมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้ชัดนัก

หนิงฝานสัมผัสได้ถึงความต่างของทั้งสองเส้นทางอย่างชัดเจน ซึ่งคือความต่างระหว่างมนุษย์กับเซียน

“ต้องเลือกหนึ่งในสองเส้นทางนี้...” หนิงฝานขบคิด มนุษย์และเซียนคือการจำแนกที่เด่นชัด สถานที่แห่งนี้สมควรเป็นการทดสอบที่จักรพรรดิอัสนีไท่ซูสร้างไว้

ถ้าผ่านการทดสอบก็จะได้ดาราอัสนีไท่ซูอีก 1 ส่วน แต่หากล้มเหลวอาจจะต้องประสบกับอันตรายร้ายแรง แต่ด้วยหนิงฝานเรียนรู้มาจากการทดสอบก่อนหน้าแล้วว่า ดวงจิตมุ่งร้ายดวงนั้นต้องหาทางเล่นงานเขาแน่

และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะไม่นานนักก็มีเสียงของชายชราคนเดิมดังขึ้น

“เด็กเอ๋ย! ทางแห่งเซียนและมนุษย์นั้น หนึ่งรอดหนึ่งตาย จงเลือกเส้นทางให้ดี หากเจ้าเลือกถูก เจ้าจะผ่านการทดสอบ แต่หากพลาด...เจ้าตาย!”

หนิงฝานไม่สนใจเสียงนั้น แววตาหนักแน่นไม่หวั่นไหว

เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคิดร้าย และกล่าวบางสิ่งเพื่อทำให้เขาไขว้เขว เลือกทางที่ผิด

เมื่อครู่มันกล่าวว่าทางหนึ่งรอดทางหนึ่งตาย แต่สิ่งที่หนิงฝานเห็น เส้นทางทั้งสองไม่ได้มีเพียงแค่นั้น

ทางแห่งเซียนคือการละทิ้งโลกใบนี้ มุ่งสู่อีกโลกหนึ่ง หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไปคงเลือกเส้นทางนี้ แต่สำหรับหนิงฝานที่ผ่านประสบการณ์โลกีย์มาแล้ว เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการตัดโลกีย์ไม่ใช่การตัดขาดกับโลกใบนี้ แต่เป็นการตัดขาดซึ่งความอ่อนแอของมนุษย์

ดังนั้นทางแห่งเซียนจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ถูก! หนิงฝานมั่นใจว่าหากเลือกทางแห่งเซียน ผู้ที่เลือกจะถึงแก่ชีวิต

แต่หากเลือกทางแห่งมนุษย์ ก็หมายถึงตัดขาดจากเส้นทางแห่งเซียน การตัดขาดจากทางแห่งเซียนมีความหมายอีกนัย คือการละทิ้งพลังของตน นั่นหมายความว่าผู้ใดที่เลือกเส้นทางนี้ก็ต้องตายเช่นกัน!

หนิงฝานเข้าใจความนัยของเส้นทาง และเข้าใจถึงเจตนาร้ายของดวงจิตอัสนี มันหลอกให้เขาเลือกหนึ่งในสองเส้นทาง ซึ่งจุดจบของทั้งสองเส้นทางนั้น คือสิ่งเดียวกัน

“ข้าไม่เลือกสักเส้นทาง!” หนิงฝานเย้ยหยัน โคจรวิชาหมอกเมฆาม่วงทำลายเส้นทางทั้งสองจนหายไป

“นี่เจ้า!” ชายชราตกตะลึง มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะมองกลอุบายของการทดสอบออก

เมื่อสองเส้นทางถูกทำลาย ชายชราผู้นั้นกระอักโลหิต อาการบาดเจ็บทวีความรุนแรง

นี่คือสิ่งที่มันต้องจ่ายหลังจากคิดร้ายกับหนิงฝาน

มันคาดไม่ถึงว่ามดปลวกในขอบเขตตัดวิญญาณผู้นี้จะเข้าใจถึงความต่างระหว่างมนุษย์และเซียน

ที่สำคัญ ไม่เพียงเขามองออกถึงความต่าง แต่ยังเลือกที่จะทำลายทั้งสองเส้นทางทิ้ง การกระทำเช่นนี้ไม่เคยมีผู้ใดทำมาก่อน แม้เป็นหงยี่ในอดีต นางก็ไม่คิดที่จะทำลายเส้นทาง

ยิ่งหมอกเมฆาม่วงที่หนิงฝานใช้ ยิ่งให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวอย่างที่ชายชราไม่เคยสัมผัสมาก่อน

“เจ้าทำลายทางแห่งเซียนและมนุษย์ ทำลายประตูผ่านเข้าสู่การทดสอบที่ 3… เจ้าจะไม่มีวันได้เข้ารับการทดสอบที่ 3!” ชายชราสงบใจก่อนกล่าว

“อืม...” หนิงฝานเลือกที่จะก้าวเดินไปบนทุ่งบุบผา แต่ละก้าวเปล่งพลังในขอบเขตกระดูกหยกที่ 4 ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

กลีบบุบผาปลิวไปตามแรงลม ปรากฏเส้นทางอีกสายทอดยาว!

“ข้าเข้าใจถึงความต่างระหว่างเซียนและมนุษย์… เซียนคือผู้ที่หยัดยืนบนยอดเขา มนุษย์คือผู้ที่ปีนป่ายไปยังยอดเขา แต่ทั้งหมดล้วนอยู่ในวัฏสงสารเช่นเดียวกัน หากก้าวผ่านวัฏสงสารไปจึงเรียกว่าหลุดพ้น… ดังนั้น เซียนหรือมนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับความคิดเท่านั้น!”

“เต๋าของข้าไม่ใช่เซียน และไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเส้นทางที่ข้าขีดขึ้นเอง...นั่นแหละเต๋าของข้า!”

หนิงฝานก้าวเดินบนทุ่งบุบผาอย่างมั่นคง ไปตามเส้นทางที่ตนเองเลือก

ที่ปลายทาง ประตูอัสนีเริ่มก่อตัวขึ้นช้าๆ นั่นคือทางผ่านของการทดสอบ

หนิงฝานพยักหน้าเล็กน้อย เขาเริ่มเข้าใจในเจตนาของจักรพรรดิอัสนีไท่ซูแล้ว

การทดสอบแรกคือการให้ผู้เชี่ยวชาญแยกแยะระหว่างจริงกับลวง

การทดสอบที่สองคือให้ผู้เชี่ยวชาญได้รู้จักเส้นทาง

ส่วนการทดสอบที่สาม อาจเป็นการให้ผู้เชี่ยวชาญเลือกเส้นทางเป็นของตน

หนิงฝานสับสนในการทดสอบแรก จึงเสียเวลาอยู่ครึ่งวัน

แต่หนิงฝานกระจ่างในนัยของการทดสอบที่สองจึงผ่านได้อย่างง่ายดาย

และยามนี้ เขาต้องเผชิญกับการทดสอบที่สาม

เมื่อผ่านเข้าไปในประตูอัสนี เส้นแสงอัสนีโลหิตผสานเข้ากลางหน้าผากหนิงฝานอีกครั้ง ผสานรวมกับดาราอัสนีไท่ซู ทำให้มันสมบูรณ์ขึ้น 2 ใน 3 ส่วน

ยามนี้ อานุภาพของอัสนีในร่างกายหนิงฝานทรงพลังขึ้น จนทำให้ร่างกายของเขาร้อนผ่าว แม้ปริมาณอัสนีจะไม่เพิ่ม แต่ความหนาแน่นและทรงพลังเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า

หนิงฝานแบมือเปล่งพลังอัสนี เสียงอัสนีแปรบปราบ อานุภาพทรงพลังพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงได้ในพริบตาโดยไม่ใช้วิชาใด

ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น ก็ต้องบาดเจ็บเพราะอัสนีของเขา

“หากข้าครอบครองดาราอัสนีไท่ซูที่สมบูรณ์ คงสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นได้ไม่ยาก”

นอกจากดาราอัสนีไท่ซูจะทำให้อัสนีของหนิงฝานทรงพลังขึ้นแล้ว มันยังทำให้เขารู้สึกราวกับตนเองคือจ้าวแห่งอัสนี สามารถควบคุมและทำให้อัสนีทรงพลังขึ้นได้

ก่อนหน้านี้ที่หนิงฝานนำแส้อัสนีของเขาออกมาแล้วถูกหงยี่ฉวยไปได้ง่ายๆ ก็เพราะนางอาศัยพลังอัสนีของนาง แต่ยามนี้ นางจะทำแบบนั้นไม่ได้อีก

“หงยี่สมควรมีดาราอัสนีไท่ซูเช่นกัน แต่อย่างมากก็น่าจะมีเพียง 2 ใน 3 ส่วน หากข้าครอบครองดาราอัสนีที่สมบูรณ์ พลังอัสนีของข้าก็จะเหนือชั้นกว่านาง!”

หนิงฝานก้าวผ่านประตูอัสนีไปยังการทดสอบที่ 3 ปรากฏตัวยังวังอัสนีแห่งหนึ่ง

วังแห่งนี้เป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่การทดสอบที่ 3 หากเขาผ่านการทดสอบนี้ได้ นอกจากเขาจะได้ดาราอัสนีไท่ซูที่สมบูรณ์ เขาจะยังได้แก้แค้นดวงจิตอัสนีดวงนั้น

การทดสอบที่ 3 คือเต๋าแห่งชีวิต!

ยามนี้ดวงจิตอัสนีเริ่มหวาดกลัว มันเห็นด้วยตาของตนว่าหนิงฝานผ่านการทดสอบ ทั้งยังเห็นว่าอัสนีของเขาทรงพลังขึ้นจนน่าสะพรึงกลัว

ยามนี้มันบาดเจ็บอย่างหนัก ต่อให้มันบรรลุขอบไร้ดัดแปลงขั้นต้น แต่มันไม่สามารถต้านรับอัสนีที่ทรงพลังของหนิงฝานได้แน่

มันอยู่ในโลกอัสนีแห่งนี้มานาน มันรู้ดีว่าผู้ที่ครอบครองดาราอัสนีไท่ซู 2 ใน 3 ส่วนทรงพลังขนาดไหน

เพราะดาราอัสนีไท่ซู คือเต๋าแห่งอัสนีที่ทรงพลังของจักรพรรดิอัสนีไท่ซู

หากในอนาคตหนิงฝานบรรลุเต๋าแห่งอัสนีจึงถึงขั้นเดียวกับจักรพรรดิอัสนีไท่ซู คงไม่มีใครที่สู้หนิงฝานได้

“จะให้มันผ่านการทดสอบที่ 3 ไม่ได้!”

มันควบคุมพลังข่ายอาคม เพื่อสั่งการให้อสูรอัสนีตนหนึ่งจู่โจมหนิงฝาน

แต่อสูรอัสนีตนนั้นยังไม่ทันได้เข้าใกล้ หนิงฝานกลับจู่โจมอสูรตนนั้นด้วยอัสนี สังหารมันตายในพริบตา

มันห้ามหนิงฝานไม่ได้! มันห้ามหนิงฝานไม่ให้ผ่านการทดสอบไม่ได้!

เขาไม่ได้สนใจดวงจิตอัสนีแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังเส้นแสงอัสนี บริเวณนั้นมีเส้นทางสองสายให้เลือกเดิน

ปลายทางของเส้นทางสายแรกมีตำราที่สลักอักษร ‘เต๋า’ เอาไว้

อีกเส้นทางมีตำราที่สลักอักษร ‘ชีวิต’ เอาไว้

การทดสอบที่ 3 นี้คล้ายกับการทดสอบที่ 2 มาก แต่ยากกว่า

ระหว่างเต๋าและชีวิต สิ่งใดสำคัญกว่า? ระหว่างเต๋าและชีวิต สิ่งใดเหมาะสมกว่า?

หนิงฝานขมวดคิ้วและยืนอยู่กับที่ครึ่งวัน

เขาเข้าใจในความต่างของมนุษย์และเซียน จึงผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดาย แต่เต๋าและชีวิต เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

เส้นทางที่หนิงฝานเลือกเดิน คือเส้นทางของฝ่ายอธรรม เส้นทางที่เขาเลือกเดินคือเส้นทางที่ตรงกันข้ามกับฝ่ายธรรมะ เส้นทางที่เดินราวกับชีวิตมนุษย์นั้นไร้ค่า เพราะตราบใดที่เป็นศัตรู เขาจะสังหารโดยไม่ลังเล

หากเป็นเพียงศัตรูธรรมดา หนิงฝานจะสังหารและปล่อยให้มันได้ไปเกิดใหม่ แต่หากเป็นศัตรูที่เขาอาฆาต เขาจะสังหารมันไม่ให้เหลือ

หนิงฝานหลับตาพลางขบคิดอย่างสงบ

ท่าทางของหนิงฝานทำให้ดวงจิตอัสนีผ่อนคลาย การทดสอบนี้ยังไม่เคยมีผู้ใดผ่านได้มาก่อน

บางคนที่เลือกเต๋าก็จบลงด้วยความตาย แต่บางคนเลือกเส้นทางแห่งชีวิตก็รอดตาย ซึ่งหากให้มันเป็นคนเลือก ดวงจิตอัสนีเลือกก็จะเลือกชีวิตเช่นกัน เพราะมีคนเคยบอกมันว่า “หากไร้ซึ่งชีวิต มันจะก้าวเดินเข้าในเส้นทางแห่งเต๋าได้อย่างไร?”

“ถ้าเจ้าเลือกเต๋า...เจ้าก็ต้องตาย แต่หากเจ้าเลือกชีวิต ต่อให้เจ้ารอดเจ้าก็ไม่อาจผ่านการทดสอบได้… และเจ้าก็ไม่มีวันแก้แค้นข้าได้!” ชายชราเย้ยหยัน ชีวิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หากไร้ซึ่งชีวิตก็ไม่อาจบรรลุเต๋าได้

หนิงฝานเองก็คิดเข่นนั้น แต่เมื่อหวนนึกถึงอสูรอัสนีที่เข้าจู่โจมเขาเมื่อครู่ พลังของมันด้อยกว่าอสูรอัสนีที่อยู่โลกอัสนีเบื้องล่าง มันหวาดกลัวเขามากแต่มันก็ยังเลือกที่จะทะยานเข้าหาเพื่อหวังสังหารเขา นั่นหมายความว่ามันรู้ว่ามันต้องตาย แต่มันก็เลือกที่จะตาย

หนิงฝานเองก็เป็นเช่นกัน หากเขามีศัตรูคู่อาฆาต ต่อให้อีกฝ่ายทรงพลังขนาดไหน เขาก็ต้องสังหารมันให้ได้

หนิงฝานนึกย้อนกลับไปในอดีต เขาเข่นฆ่าศัตรูไปมากมาย

เขานึกย้อนถึงพลัง การยกระดับในช่วงแรกนี้มีอยู่ด้วย 7 ขอบเขต ปลายทางของมันคือชีวิตอันเป็นนิรันดร์

ถัดจากช่วงแรกไปก็คือช่วงที่สอง เป็นพลังในขอบเขตเซียนที่แบ่งเป็น 3 ช่วงใหญ่ โดยที่เป้าหมายคือความจริงและสิ่งลวง

คำว่าเต๋าและชีวิตนั้น หนิงฝานไม่เข้าใจ

“ข้าเลือกเดินในเส้นทางที่ผิดมาหลายครั้ง ผลักไสชีวิต ต่อสู้ ดิ้นรน สังหาร ถากถางทางเป็นของตน จึงทำให้เต๋าและชีวิตไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดของข้า”

“ขอแค่นางปลอดภัยข้าก็วางใจ… นั่นคือหนทางที่ทำให้เต๋าแห่งชีวิตพังทะลาย”

หนิงฝานใช้วิชาหมอกเมฆาม่วงอีกครั้ง ฝุ่นทรายสีม่วงทองปกคลุมท้องนภา ทำลายเส้นทางทั้งสองอีกครั้ง!

ไม่เลือกเต๋าและชีวิต... ไม่เลือกความจริงหรือคำลวง... ดวงจิตอัสนีไม่เข้าใจว่าหนิงฝานเลือกสิ่งใด

แต่สิ่งที่ทำให้มันตกตะลึงก็ปรากฏ เพราะการทดสอบที่ 3 ที่ไม่มีผู้ใดเคยผ่านมาก่อน หนิงฝานกลับผ่านไปได้

เส้นแสงสีแดงโลหิตพุ่งผสานเข้ากลางหน้าผากหนิงฝาน พลังอัสนีที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกจากร่าง ภาพบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นจากอัสนีปรากฏใต้ฝ่าเท้า

ภาพที่ปรากฏนั้นดูลึกลับและสูงส่ง การที่มันปรากฏใต้ฝ่าเท้า ราวกับมันยอมจำนนต่อหนิงฝาน!

อานุภาพของอัสนีทรงพลังขนาดไหนไม่อาจทราบ แต่มันรุนแรงราวกับกับสั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์

“นั่นมัน… ‘แผนภาพอัสนีไท่ซู’!”

ดวงจิตอัสนีอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ

แผนภาพนี้เป็นของจักรพรรดิอัสนีไท่ซู ที่สามารถช่วยต้านรับอัสนีในระดับเดียวกันได้ทุกชนิด

ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีผู้ใดผ่านการทดสอบนี้ได้ เมื่อมีผู้บรรลุการทดสอบ วังแห่งนี้จึงเริ่มถล่ม

หนิงฝานเหยียบย่างนภาออกมาจากวัง ตรงเข้าหาดวงจิตอัสนีที่อยู่ไกลออกไป

ดวงจิตอัสนีเบื้องหน้าขัดขวางหนิงฝาน ปองร้ายหวังเอาชีวิต

“ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว” หนิงฝานกระตุ้นพลังอัสนี ยื่นมือคว้าจับอากาศเบื้องหน้า อัสนีจำนวนมหาศาลที่อยู่รอบข้างสั่นไหวราวกับได้รับคำสั่ง พวกมันผสานเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นฝ่ามืออัสนีขนาดยักษ์ ประทับเข้าใส่ดวงจิตอัสนี!

ฝ่ามืออัสนีที่จู่โจม ทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมเต็มกำลังของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น

สีหน้าดวงจิตอัสนีแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง หากเป็นยามปกติ มันสามารถรับฝ่ามือนี้ได้แม้จะบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงตาย

แต่ยามนี้ มันได้รับบาดเจ็บจากการผ่านบททดสอบของหนิงฝานถึง 3 ครั้ง ทำให้ระดับพลังของมันลดลงเหลือเพียงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง

มันรู้ว่ามันไม่อาจต้านรับฝ่ามือนี้ได้ มันจึงดิ้นรนเค้นพลังทั้งหมด ต้านรับฝ่ามืออย่างเต็มกำลัง

มันสร้างเกราะอัสนีคุ้มกายที่เกิดจากวิชาปฐมอัสนีขั้น 2 ซึ่งทรงพลังมากพอให้ต้านรับการจู่โจมเต็มกำลังของผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น

แต่เมื่อเกราะอัสนีของมันเริ่มก่อตัว กลับเกิดเรื่องน่าประหลาดขึ้น!

แผนภาพอัสนีใต้ฝ่าเท้าหนิงฝานเกิดปฏิกริยากับเกราะอัสนีของอีกฝ่าย ทำให้เกราะอัสนีแตกสลายไป

อัสนีที่แตกสลายกลายเป็นลำแสงตรงเข้าหาแผนภาพ ราวกับพวกมันถูกกลืนหายไป

เมื่อไร้ซึ่งเกราะคุ้มกาย ดวงจิตอัสนีจึงทำได้เพียงต้านรับฝ่ามือของหนิงฝานด้วยตัวมันเอง

ฝ่ามืออัสนีขนาดยักษ์ประทับเข้าร่างของดวงจิตอัสนีโดยไม่อาจเลี่ยง

“ทำไมมดปลวกขอบเขตตัดวิญญาณอย่างเจ้าถึงได้ทรงพลังขนาดนี้!”

ดวงจิตอัสนีเปล่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ฝ่ามืออัสนียักษ์เปล่งอานุภาพแผดเผาจนร่างของมันกลายเป็นเถ้าถ่าน!

เมื่อมีผู้ผ่านการทดสอบและได้ครองครองดวงจิตอัสนีไท่ซู นั่นหมายถึงเจตจำนงค์ของจักรพรรดิอัสนีไท่ซูบรรลุผลแล้ว การทดสอบทั้ง 3 ที่ต้องเผชิญจึงได้หายไป ไม่มีผู้ใดมีโอกาสได้ครอบครองดาราอัสนีไท่ซูอีก

หนิงฝานสลายพลังอัสนี ลูบสัมผัสดาราเทพดวงที่ 3 บนหน้าผากด้วยความพึงพอใจ

ผลลัพธ์ที่ได้จากดาราเทพดวงที่ 3 นั้นทรงพลังมาก บางทีอีก 1,000 ปีข้างหน้า หนิงฝานอาจกลายเป็นกษัตริย์อัสนีคนใหม่

“นี่ก็ผ่านมาเกือบ 2 วันแล้ว ข้าต้องรีบเข้าไปยังหอคอยอัสนี!”

หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทางเหมือนกับดวงจิตอัสนีทำเมื่อครู่ เพื่อสร้างเกราะอัสนีคุ้มกายและดวงจิต

ภายในตันเถียนของเขาปรากฏเกราะสีเงินประกายปกคลุมดวงจิต มันจะช่วยให้เขาป้องกันการถูกลอบจู่โจมได้

ด้วยที่หนิงฝานเพิ่มเริ่มใช้ เกราะอัสนีของเขาจึงอยู่เพียงขั้นแรก หากอยากจะยกระดับมัน สามารถทำได้ด้วยการดูดกลืนปฐมอัสนีจากดวงจิต

ซึ่งผู้ที่พร้อมให้หนิงฝานได้ดูดกลืนตอนนี้ คือดวงจิตอัสนีเมื่อครู่ มันคือตัวตนพิเศษที่ถือกำเนิดจากโลกอัสนีใบนี้ เมื่อกายของมันสูญสลาย จึงเหลือเพียงปฐมอัสนีที่สามารถช่วยยกระดับเกราะอัสนีของหนิงฝานได้

หนิงฝานอ้าปากดูดกลืนเอาปฐมอัสนีที่เหลืออยู่เข้าไป แล้วดูดซับมันไปยังเกราะอัสนีของเขา

ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงที่ฝึกฝนอัสนีมาตั้งแต่ต้นย่อมมีอัสนีที่ทรงพลัง ดังนั้นจึงทำให้เกราะอัสนีของหนิงฝาน ยกระดับไปยังขั้น 2 ในชั่วพริบตา!

“ไม่รู้ว่าถ้าได้ดูดกลืนปฐมอัสนีในหอคอยไปจนถึงชั้น 7… เกราะอัสนีของข้าจะยกระดับไปมากขนาดไหน!”

หนิงฝานตื่นเต้น หากได้ดูดกลืนปฐมอัสนีมากพอ อาจทำให้เกราะของเขายกระดับไปจนถึงขอบเขตที่น่ากลัวเลยก็ได้

หงยี่ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่โลกอัสนีเบื้องล่างตกตะลึง

หนิงฝานผ่านการทดสอบทั้ง 3 สังหารดวงจิตอัสนีชั่วร้าย ทุกสิ่งที่เขาทำสำเร็จย้อนกลับมาเป็นคำพูดประโยคหนึ่งแก่นาง... นางดูถูกหนิงฝานเกินไป!

“ไม่อยากจะเชื่อเลย… แค่เวลาผ่านไปหมื่นปี โลกพิรุณจะให้กำเนิดผู้ที่มีพรสวรรค์มากขนาดนี้… เด็กนี่มีทั้งดรรชนีหมอกเมฆาม่วง มีทั้งดาราอัสนีไท่ซู เขาต้องช่วยข้าได้แน่!” นางมั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

ยามนี้หนิงฝานได้เข้าสู่หอคอยอัสนีทองคำดำแล้ว สถานที่แห่งนั้นปิดกั้นการสอดส่องชะตา ทำให้นางไม่อาจเฝ้าดูหนิงฝานผ่านกระจกบานนั้นได้อีก

แต่ถึงอย่างนั้น นางไม่คิดว่าจำเป็นต้องเฝ้าดูเขา เพราะตอนนี้หนิงฝานได้ครอบครองดาราอัสนีไท่ซู เขาสมควรทรงพลังมากพอให้พิชิตชั้นที่ 1 ถึง 10 ได้! นั่นหมายความว่า หนิงฝานย่อมนำใบไผ่อัสนีทองคำดำกลับมาได้สำเร็จ

นางคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอผู้ช่วยที่เก่งกาจมากขนาดนี้ สำหรับนางแล้ว...หนิงฝานมีค่ามาก!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด