ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0593 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0595 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0594 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 594 : ทรมาน

ฮัวซือเยวี่ยไม่เคยต้องตกอยู่ในสภาพชวนสังเวชเพียงนี้มาก่อน ชั่วเวลานี้ ทั้งกายเขาสั่นเทิ้มด้วยโทสะ เสียงคำรามร้องดังตะโกนใส่ฉินหยุน “ฉินหยุน เจ้าหาเรื่องข้าถึงเพียงนี้ อย่าได้คิดว่าจะหนีรอดไปได้!”

ชั่วขณะเดียวกันนี้เอง เสียงจีหลางหัวเราะพลันดังขึ้น “ฮัวซือเยวี่ยเอ๋ย ให้ข้าจัดการฉินหยุนเองก็แล้วกัน!”

ฮัวซือเยวี่ยตกอยู่ในสภาพเลวร้ายไม่น้อย กระนั้นเขาก็ยังไม่คิดหนีออกไปจากเขตแดนจินตภาพ เพียงสิ่งนี้ ก็บ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่าหนึ่งพันแต้มสำคัญแก่เขามากมายเพียงใด กระทั่งตัวเขาก็ไม่อาจสูญเสียหนึ่งพันแต้มได้

และด้วยเพราะผู้คนรับชมอยู่มาก ฮัวซือเยวี่ยไม่อาจหลบหนีอย่างเสียหน้า

ฉินหยุนมองทางจีหลางพร้อมขมวดคิ้ว “เหตุใดพวกเจ้าไม่เสนอหน้าเข้ามาพร้อมกันเสียเล่า?”

ทั้งร่างกายจีหลางปรากฏขนยาวปกคลุม สภาพร่างกายของเขาราวกับหมาป่าขนดก ด้วยรูปลักษณ์ชวนขนลุกนี้ทำเอาหลายคนรู้สึกนึกรังเกียจ

“ไม่ได้คิดลงรักกับสตรี เหตุใดพวกเราจึงต้องโจมตีร่วมกันด้วยเล่า?” จีหลางแสยะยิ้มโฉดชั่ว “ฉินหยุน เจ้าคล้ายมีความสามารถไม่น้อยที่เอาชนะฮัวซือเยวี่ยมาได้!”

“จีหลาง ก่อนหน้านี้เจ้าก็ร่วมมือโจมตีข้า เป็นข้ากำลังหาตัวเจ้าอยู่พอดี!” ฉินหยุนยิ้มบางตอบกลับ

“แล้วจำได้หรือไม่ว่าล่าสุดข้าตบตีเจ้าจนมีสภาพเช่นไร? ดูเหมือนคงประทับฝังแน่นในใจเจ้าน่าดูเลยนี่!” จีหลางหัวเราะดัง น้ำเสียงนี้สร้างความหงุดหงิดแก่ทุกผู้คนที่ได้รับฟัง

ฉินหยุนเพียงยิ้มตอบ “อย่างนั้นแล้ว ให้ข้าฝากความประทับใจฝังแน่นแก่เจ้ากลับคืนเสียบ้าง!”

จีหลางพลันหัวเราะอย่างเดียดฉันท์ “ฉินหยุนเอ๋ย จะบอกว่าตัวเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้?”

“แล้วอะไรที่เจ้าคิดว่าไม่ได้?” ฉินหยุนขมวดคิ้ว “ข้าเพิ่งจัดการฮัวซือเยวี่ยไปก็ใช่ กระนั้นก็ยังมีแรงเหลือเฟือให้จัดการเจ้า! หรือเจ้าจะบอกว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าฮัวซือเยวี่ย?”

ฮัวซือเยวี่ยถูกฉินหยุนเหยียบเอาไว้จนไม่อาจเผ่นหนีไปไหน เขาคำรามร้องเกรี้ยวกราด “ฉินหยุน ข้าจะให้เจ้าต้องตายด้วยสภาพน่าสังเวช! และย่อมไม่ใช่ที่เขตแดนจินตภาพแห่งนี้! ข้าจะไปสังหารเจ้าที่โลกภายนอก!”

ฉินหยุนตบหน้าฮัวซือเยวี่ยรุนแรงก่อนจะยิ้มกล่าว “สวะเช่นเจ้าหาได้คู่ควรปรากฏตัวต่อหน้าข้าด้วยซ้ำ! ข้าคิดอยากให้เหลียวจิงเหมิงได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงเจ้านัก อยากรู้ว่าถึงตอนนั้นเจ้าจะยังอวดดีเช่นนี้ได้อีกหรือไม่!”

“เจ้า... ข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น!” โทสะที่สุมอัดภายในใจฮัวซือเยวี่ยแทบไม่อาจรุนแรงกว่านี้ เป็นเขาคำรามร้องออกอย่างสติแทบหลุด

“เหอะ หากเจ้ามีความกล้า เช่นนั้นจงออกไปจากเขตแดนจินตภาพเสีย!” ฉินหยุนตบที่ใบหน้าฮัวซือเยวี่ยอีกครั้งหนึ่ง

จีหลางพลันแทรกคำ “ฉินหยุน ข้าจะให้โอกาสแก่เจ้า จงคุกเข่าอ้อนวอนข้า แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่อีกสักชั่วครู่!”

“ใช่แล้ว จงคุกเข่า จากนั้นจงคลานใต้หว่างขาข้าไปเสีย แล้วจะยอมละเว้นให้สักชั่วครู่!”

กล่าวคำจบ จีหลางค่อยถ่างขากว้างเล็กน้อยก่อนจะยิ้มโฉดชั่ว “จงรีบตัดสินใจ หากช้ากว่านี้ ข้าอาจเปลี่ยนใจ เมื่อนั้นเจ้าเกิดนึกเสียใจก็สายเกินไปแล้ว!”

ฉินหยุนขมวดคิ้วกล่าวตอบ “นี่สมองเจ้ามีปัญหาอันใดหรือไม่? ตัวเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาแต่ใดกัน? คิดหรือว่าสามารถเอาชนะข้าได้?”

“เหตุใดข้าจึงต้องอาศัยความมั่นใจเพื่อมีชัยชนะเหนือสวะเช่นเจ้า?” จีหลางยิ้มตอบ “ฉินหยุน เจ้าจงหุบปาก เร่งรีบคลุกคลานลอดใต้หว่างขาข้าไป แล้วครั้งนี้ข้าจะละเว้นเจ้าสักคราหนึ่ง!”

ใบหน้าจีหลางเปี่ยมด้วยความสุขสม ราวกับฉินหยุนยอมศิโรราบต่อเขาแล้วก็ไม่ปาน

“เฮ้อ เจ้าควรไปรักษาอาการป่วยทางจิตเสียบ้าง เหตุใดจึงเอาแต่ทำให้ผู้คนนึกรังเกียจไปทั่วได้เพียงนี้?” ฉินหยุนกล่าวคำจบ หลิงหยุนเอ๋อจึงปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงรุนแรงออกมา

แรงโน้มถ่วงปรากฏอย่างกะทันหันเข้าสะกดที่ร่างจีหลาง

จีหลางที่ไม่ทันระวัง เข่าพลันต้องแบกรับน้ำหนักมหาศาลจนคุกเข่ากับพื้น

ฉินหยุนก้าวไปสองก้าวก็ถึงตรงหน้าจีหลาง หมัดดุดันของเขาไม่คิดรีรอ ต่อยเข้าที่หน้าท้องจีหลางอย่างไร้ปรานี

จีหลางกรีดร้องไม่หยุด เลือดต้องหลั่งกระอักออกเป็นสาย สร้างความตื่นตะลึงแก่เทียนเหยาเหล่ยและคณะเป็นล้นพ้น

ฝูงชนต่างฮือฮาเมื่อได้เห็นจีหลางกลับกลายต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าให้แก่ฉินหยุน

พวกเขาต่างคิด ว่าฉินหยุนสมควรไร้ซึ่งพลังต่อสู้ในศึกถัดไปแล้ว!

กระนั้นเวลานี้ ฉินหยุนกลับยังสามารถทำร้ายจีหลางจนสาหัสด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว

ฉินหยุนเร่งรีบคว้าร่างจีหลางและฮัวซือเยวี่ยขึ้นมาก่อนจะออกวิ่ง

ในเมื่อจีหลางปรากฏตัวขึ้น เทียนเหยาเหล่ย หยางเฉิงหลง และหลงควงหังย่อมต้องอยู่ใกล้เคียงอย่างแน่นอน

ฉู่ปาจงและเซียฉู่เฟิง ทั้งสองที่พ่ายแพ้ไปก่อนหน้า ก็กลับเข้ามายังเขตแดนจินตภาพแล้วเช่นกัน

หากพวกเขาเหล่านั้นร่วมมือกัน ฉินหยุนก็ยากต้านรับเอาไว้ได้

ดังนั้นเขาจึงคว้าร่างฮัวซือเยวี่ยและจีหลางที่บาดเจ็บหนัก ทำการเผ่นหนีออกให้พ้นระยะของเมือง

ได้เห็นเรื่องราว เทียนเหยาเหล่ย หยางเฉิงหลง รวมถึงหลงควงหังต่างเร่งรีบไล่ตาม

กระทั่งว่าแบกคนถึงสอง ความเร็วฉินหยุนหาได้เชื่องช้าลงไม่ เพียงไม่นาน เขาก็ทิ้งห่างผู้ไล่ตามไว้ไกลห่าง

ทั้งฮัวซือเยวี่ยและจีหลางต่างบาดเจ็บสาหัส ในระยะเวลาอันสั้น พวกเขาไม่มีทางฟื้นฟูสภาพขึ้นมาได้

ที่พวกเขายังไม่ยอมจากไป ก็เพราะไม่คิดเสียหนึ่งพันแต้ม

หากต้องสูญเสียหนึ่งพันแต้มที่ตรงนี้ พวกเขาอาจถูกเขี่ยพ้นจากสิบอันดับแรก

พวกเขาไม่ใช่ฉินหยุน คิดได้รับแต้มจำนวนมหาศาลในระยะเวลาอันสั้น สำหรับพวกเขาถือเป็นเรื่องยากเย็น หากร่วงหล่นจากสิบอันดับแรกเมื่อใด พวกเขาก็จำเป็นต้องใช้เวลาไม่น้อยเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปอีกครั้ง

เพื่อสิทธิ์เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ พวกเขาจะไม่มีวันยอมสูญเสียหนึ่งพันแต้มนี้อย่างเด็ดขาด

ฉินหยุนนำจีหลางและฮัวซือเยวี่ยเข้าสู่ส่วนลึกในภูเขา ก่อนจะเข้าถ้ำลึกแห่งหนึ่งไปหลบซ่อน

ถ้ำแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาใช้ซ่อนตัว

เมื่อเข้ามาแล้ว เขาค่อยนำร่างฮัวซือเยวี่ยและจีหลางใส่ในกรงที่สร้างขึ้น พวกมันสร้างขึ้นจากกระดูกมังกร

“ฉินหยุน นี่เจ้าคิดทำอะไร?” จีหลางคำรามร้อง

“ฉินหยุน ไอ้ตัวบัดซบ อย่าได้คิดว่าเจ้าจะมีชีวิตยืนยาว!” ฮัวซือเยวี่ยตะโกนดัง

ฉินหยุนเพียงยิ้มบางตอบกลับ “ข้าคิดทรมานพวกเจ้าจนถึงจุดที่ไม่อาจทนได้อีก เช่นนั้น พวกเจ้าจะได้เหลือแต่ทางเลือกไปให้พ้นจากเขตแดนจินตภาพ!”

กล่าวคำจบ เขาจึงคว้ากรงทั้งสองไว้ ก่อนจะปล่อยคลื่นพลังสายฟ้าอสนีบาตสีดำที่รุนแรงออกมา

สายฟ้าอสนีบาตถูกถ่ายเทเข้าใส่ภายในกรงขังต่อเนื่อง พวกมันเข้ากระตุกร่างฮัวซือเยวี่ยและจีหลางอย่างเหี้ยมโหด

“อ๊าก!”

ทั้งฮัวซือเยวี่ยและจีหลางต่างกรีดร้อง

“มาดูกันว่าพวกเจ้าจะทนได้สักเท่าใด!” ฉินหยุนหัวเราะดัง “ข้าย่อมไม่สังหาร ลงมือไปก็ได้แต้มน้อยนิด แต่หากบีบบังคับให้พวกเจ้าออกไปจากเขตแดนจินตภาพ จึงเป็นพวกเจ้าสูญเสียแต้มนับพัน! นั่นถึงเป็นผลประโยชน์ใหญ่ที่ข้าจะได้รับ!”

ฉินหยุนเคยถูกฮัวซือเยวี่ยสังหารอย่างไร้ซึ่งเหตุผลไปครั้งหนึ่ง เป็นเขาต้องอดกลั้นโทสะที่สั่งสมไว้นานนับ

ครานี้ เขาได้เวลาล้างแค้นแล้ว!

ศิษย์ฝ่ายตระกูลใหญ่ดังเช่นจีหลาง ฉินหยุนย่อมเกลียดชังเป็นทุนเดิม

ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเผยความเมตตาใด เพียงแต่ลงมือทรมานอย่างต่อเนื่อง

ทั้งอัคคีและอสนีบาตต่างไหลเวียนทั่วกรงสลับกันโจมตี เป็นผลให้ฮัวซือเยวี่ยและจีหลางรู้สึกเพียงแต่ความเจ็บปวดเกินใดเทียบเปรียบ

แม้เป็นเขตแดนจินตภาพ แต่หากถูกทรมาน ความเจ็บปวดนั้นทัดเทียมของจริง

บุคคลแรกที่ไม่อาจทานทนได้เป็นจีหลาง ยังไม่ทันถึงหนึ่งชั่วยาม อีกฝ่ายก็ไปพ้นจากเขตแดนจินตภาพแล้ว

“ฉินหยุน ข้า... ฮัวซือเยวี่ยผู้นี้ขอสาบานว่าจะสังหารเจ้าให้จงได้!” น้ำเสียงของฮัวซือเยวี่ยอัดแน่นด้วยความคับแค้นขณะคำรามร้องเสียงต่ำ “ที่ภายนอก เจ้าจงรอรับความตาย!”

กล่าวประโยคทิ้งท้ายเสร็จ ฮัวซือเยวี่ยจึงออกไปจากเขตแดนจินตภาพ!

ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปาก “สองตัวหน้าโง่ หากเลือกที่จะออกจากเขตจินตภาพแต่แรก ข้าคงไม่ทรมานพวกเจ้าได้นานเพียงนี้หรอก! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

หากฮัวซือเยวี่ยและจีหลางเลือกจากไปแต่แรก พวกเขาคงไม่ต้องเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้

ทว่าด้วยเวลายืดเยื้อ ไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียหนึ่งพันแต้ม พวกเขายังต้องถูกฉินหยุนทรมานอยู่นาน

ไม่นานหลังฮัวซือเยวี่ยจากไป ร่างเพรียวบางงดงามค่อยเดินเข้ามาในถ้ำ

บุคคลที่มาถึงเป็นหญิงสาวในชุดขาว หลงเฉียวเฟิงนั่นเอง

“ข้าได้เห็นเองกับตาแล้ว ว่าฮัวซือเยวี่ยและจีหลางสูญเสียหนึ่งพันแต้ม ถูกเขี่ยพ้นจากสิบอันดับแรกเป็นที่เรียบร้อย!” หลงเฉียวเฟิงหัวเราะดัง “เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!”

“น่าเสียดายที่เจ้าไม่อาจเห็นสภาพน่าสังเวชของฮัวซือเยวี่ยและจีหลาง!” ฉินหยุนหัวเราะตอบ

“ใช่ น่าเสียดายนัก กระนั้นข้าก็ยังยินดีเมื่อได้เห็นไอ้ตัวบัดซบจีหลางนั่นสูญเสียหนึ่งพันแต้ม!” หลงเฉียวเฟิงยิ้มหวาน “พวกมันหวงแหนหนึ่งพันแต้มนั้นมากนัก หากไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดเกินจินตนาการ พวกมันคงไม่มีทางออกไปพ้นจากเขตแดนจินตภาพ”

ฉินหยุนนอนลงบนเตียงหินก่อนจะกล่าว “ข้ามีเพียงหนึ่งพันห้าร้อยแต้ม อย่างน้อยก็ต้องการสองพันแต้มถึงจะขึ้นสู่สิบอันดับแรกได้!”

“อย่าได้กังวลไปแล้ว เจ้าย่อมต้องก้าวสู่สิบอันดับแรกได้ก่อนงานประลองยุทธ์แน่นอน!” หลงเฉียวเฟิงกล่าว

“เฉียวเฟิง ฮัวซือเยวี่ยกับจีหลางต่างมีกองกำลัง พวกมันจะสังหารคนของตัวเองเพื่อได้รับแต้มมหาศาลหรือไม่?” ฉินหยุนลุกพรวดขึ้นจากเตียงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล

“ไม่ได้ ผู้ที่เข้าร่วมกองกำลังต้องลงนามสัญญาร่วมกัน พวกมันไม่อาจสังหารคนในกองกำลังเดียวกันได้ หากทำ เช่นนั้นสังหารหนึ่งคนจะกลายเป็นสูญเสียหนึ่งร้อยแต้ม!” หลงเฉียวเฟิงส่ายศีรษะ “อย่าได้กังวลไป พวกมันไม่มีทางได้รับแต้มมาโดยง่ายอย่างแน่นอน!”

“แล้วหากเจ้าให้ข้าสังหารทั้งกองกำลังของเจ้าก็คงไม่ดีนักใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“คนของกองกำลังข้ามีแต่สายสืบจากเทียนเหยาเหล่ยและพรรคพวกทั้งนั้น หากไม่ใช่ความจริงที่ข้ามีไพ่ตายเก็บซ่อนเอาไว้ และเป็นพวกมันที่ช่วยให้ข้าได้รับแต้มมา ข้าคงไม่มีทางก้าวขึ้นสู่สิบอันดับแรกได้เป็นแน่” หลงเฉียวเฟิงแค่นเสียง “พวกมันเหล่านั้น เป็นข้าคิดอยากสั่งสอนบทเรียนสักครั้งมานานแล้ว!”

ฉินหยุนกล่าว “ก่อนอื่นอย่าเพิ่งให้กองกำลังเจ้าเคลื่อนไหว ตอนนี้เลือกกองกำลังใดเป็นเป้าหมายถัดไปดี?”

“หลงควงหัง! ข้าเกลียดชังไอ้ตัวบัดซบนี่มานานแล้ว!” หลงเฉียวเฟิงตอบอย่างรวดเร็ว “ข้ารู้จักมันดีเสมือนอยู่หลังมือข้า วิญญาณยุทธ์ของมันเป็นมังกรแคระระดับทองม่วง ทั้งยังครอบครองสายเลือดมังกร”

“ได้ หลังข้าได้พักฟื้น เมื่อนั้นค่อยไปทำลายกองกำลังของมัน!” ฉินหยุนตอบรับ

หลงควงหังเป็นศิษย์ของตระกูลหลง ทั้งยังอยู่ลำดับที่สี่ของเทียบอันดับยุทธ์เต๋า พละกำลังอีกฝ่ายไม่มีทางอ่อนด้อย

เมื่อศิษย์นอกและศิษย์หลักต่างได้ทราบ ว่าฮัวซือเยวี่ยผู้นั้นพ่ายแพ้ต่อฉินหยุน พวกเขายิ่งสับสนและหวาดกลัว

นอกจากนี้ ทั้งฮัวซือเยวี่ยและจีหลาง ยังร่วงหล่นพ้นจากสิบอันดับแรกกันเรียบร้อยแล้ว

ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของฉินหยุน!

แม้ว่าฉินหยุนเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ กระนั้นเขาก็ยังเป็นศิษย์นอก ยังไม่มีการแต่งตั้งเป็นศิษย์หลักอย่างเป็นทางการ

นี่เป็นเรื่องที่หลายคนต่างถอนหายใจต่อกัน ฉินหยุนเพียงเพิ่งเข้าร่วมนครเซียนยุทธ์ภัณฑ์ เขากลับสามารถเลื่อนระดับพลังได้ในอึดใจ!

ฉินหยุนอายุราวยี่สิบช่วงต้น ก็ได้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณแล้ว รวมถึงพรสวรรค์ทางวิถีจารึกยังสูงส่ง

ครานี้ผู้คนค่อยสงสัย ว่าตัวเขาเป็นอาจารย์จารึกระดับใดแล้ว

ตามปกติ อาจารย์จารึกทุกผู้คนสามารถเข้ารับเหรียญตราเพื่อยืนยันตัวตนและระดับของตนเอง

ฉินหยุนไม่มีเหรียญตรา ทว่าระดับของอักขระที่เขาแกะสลักนั้นสูงล้ำ

เป็นเขาไม่เคยเข้ารับการทดสอบอาจารย์จารึกลึกล้ำของตำหนักจารึกเทวะมาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดทราบว่าความสามารถของเขามีเพียงใด

หลายคนต่างไปยังตำหนักจารึกเทวะ เพื่อสอบถามถึงเรื่องราว ทว่าก็หาได้มีผู้ใดพบเจอเบาะแสข้องเกี่ยวกับฉินหยุน เรื่องนี้ยิ่งสร้างความสงสัยแก่ผู้คนมากขึ้น

ฉินหยุนเคยมีข้อพิพาทกับตำหนักจารึกเทวะ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเข้ารับการทดสอบอีกต่อไป

อีกทางหนึ่ง เขามีสัมพันธ์อันดีกับมู่เฟิง ดังนั้นเขาจึงสามารถได้รับผลประโยชน์มากมายแม้ไม่มีเหรียญตราจารึก

และวันนี้เอง เรื่องราวใหญ่โตได้บังเกิดขึ้น ผู้นำตระกูลหลงถูกสังหาร ศีรษะอีกฝ่ายถูกตัดออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

เรื่องนี้ทำเอาทั่วทั้งแคว้นมหาดวงดาวสั่นสะเทือน!

ค่าหัวที่ฉินหยุนฝากฝังเกาะจันทราปีศาจประกาศ ขณะนี้มีบุคคลลงมือได้สำเร็จ พวกเขาสามารถปลิดปลงเอาหัวของผู้นำตระกูลหลงแห่งแคว้นมหาดวงดาวมาได้!

นี่หมายความถึง บุคคลผู้ซึ่งสังหารผู้นำตระกูลหลง ไม่ช้าจะมุ่งหน้ามายังนครเซียนยุทธ์ภัณฑ์ เพื่อรับรางวัลเป็นโทเทมวานรทองคำของฉินหยุน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด