บทที่1 ลอยอยู่บนท้องฟ้า?
ในช่วงเวลาหนึ่ง วันใดสักวันหนึ่ง เดือนใดสักเดือนหนึ่ง ปีไหนสักปีหนึ่ง
โลกข้างล่างยังคงเป็นเหมือนเดิมตลอดเวลา สายลมพัดแผ่วเบา กลุ่มเมฆบางๆลอยกระจายไปทั่วท้องฟ้า พื้นดินสุดสายตาที่เขาสามารถจะมองเห็นได้
กาเว่นกวาดสายตามองไปทั่วพร้อมครุ่นคิดกับตัวเองเงียบๆ....เพราะมันเป็นทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้
เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาถูกแขวนอยู่บนท้องฟ้ามานานแค่ไหน ผ่านไปกี่วันกี่คืนแล้ว เขาไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองเป็นยังไง
นี่นับว่าเป็นการมาเกิดใหม่ที่ต่างโลกหรือการถูกส่งมาต่างโลกด้วยงั้นหรือ?
จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่เปิดใจกับการไป"ต่างโลก" ไม่ใช่ว่าเขาเข้าใจสัจธรรมของโลกแต่อย่างใด แต่ชาติก่อนของเขาตอนที่เขานั่งอยู่บนเครื่องบินที่กำลังตกทำให้เขาเข้าใจคำพูดที่ว่าชีวิตนั้นไม่แน่นอน
เขาลอยอยู่บนท้องฟ้านานแค่ไหนคงมีแต่พระเจ้าที่รู้
เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ นอกจากการมองเห็นเขาเสียความสามารถทุกอย่าง เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นจิตวิญญาน ศพหรือสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่าง? สิ่งเดียวที่เขารู้เขาอาจจะไม่ได้มาที่นี่ในฐานะมนุษย์ธรรมดา
เขามั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเขาสามารถจำเรื่องที่ผ่านสายตาทุกอย่างได้ชัดเจน และมีเวลาครุ่นคิดสิ่งต่างๆมากมาย ความทรงจำของเขานั้นเหนือกว่าคนทั่วไปธรรมดามากนัก
และ...คนธรรมดาคงตายไปตั้งแต่อายุไม่กี่ปีแล้ว
กาเว่นอดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตในโลกก่อนหน้า....เสียงกรีดร้อง เสียงเตือนภัย โลกที่หมุนติ้วด้านนอกหน้าต่างเครื่องบิน คนที่อยู่ข้างๆเอาหน้ากากออกซิเจนมาใส่ไม่สำเร็จ เสียงของเครื่องบินที่ดิ่งลงกลางอากาศ
ทุกอย่างยังคงแจ่มชัดราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ที่น่าตกใจคือเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงฟ้าผ่าและพบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่รอบๆดาวเคราะห์อันแปลกประหลาดนี้ ราวกับพระเจ้าที่กำลังเฝ้ามองโลกล่าง บางที....ถ้าเขาหันไปดูด้านหลังอาจจะเห็นแสงอันเปล่งประกายส่องออกมาจากตัวเขาก็ได้
อาเขาอยากหันหลังกลับไปดูจริงๆ...
อย่างไรก็ตามมันเป็นได้แค่ความต้องการ เขาไม่สามารถหันซ้ายหันขวาได้ แต่สามารถซูมภาพตรงหน้าเข้าออกได้ หรือเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้ หลังจากการค้นพบนี้เขามีความสุขมาก เขาสามารถซูมดูสิ่งที่เขาต้องการบนพื้นดินได้
เขาพบว่าตัวเองนั้นมีความอดทนอันน่าเหลือเชื่อมาก...
เขาเฝ้ามองเหล่าฝูงลิงจนถึงวันที่พวกมันสามารถลุกยืนได้
จากนั้นหลายล้านปีเขาเห็นมนุษย์คนแรกค้นพบไฟ
มันถูกจุดประกายจากหิน
ไฟก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายตามมา
หลังจากไฟกองแรกถูกจุดขึ้นเขารู้สึกว่าทุกอย่างถูกทำให้เร็วขึ้น เกิดสิ่งต่างๆมากมายขึ้นราวกับเขากดปุ่มเร่งขณะดูวิดีโอ เขาเห็นเหล่ามนุษย์สร้างหมู่บ้านขึ้นครั้งแรก จากนั้นก็กลายเป็นเมืองเล็กๆ เขาเห็นมนุษย์สามารถใช้พลังอันน่าเหลือเชื่อซึ่งน่าจะเป็นเวทมนตร์เพื่อขยายดินแดนของตัวเอง แต่ก่อนที่เขาจะเห็นทุกอย่างชัดเจนอาณาจักรหนึ่งได้กลายเป็นซากปรักหักพังครั้งแล้วครั้งเล่า เหล่ามนุษย์สร้างอาณาจักรขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความรวดเร็ว...
มนุษย์เริ่มแย่งที่อยู่กับเผ่าพันธุ์อื่น อาณาจักรและความเชื่ออันหลากหลาย รวมถึงสงครามที่เกิดขึ้นจากความเชื่อในเทพเจ้าที่ต่างกัน
กระบวนการเหล่านี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลมากมายจนกาเว่นไม่สามารถประมวลผลได้ เขาเห็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมังกรโผล่มา แต่เขาไม่รู้ว่าพวกมันวิวัฒนาการหรือเกิดขึ้นมาจากอะไร
เขาเห็นกองทัพและเปลวไฟแห่งสงครามกลืนกินไปทั่วทวีป แต่อารยธรรมใหม่ได้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา
เมื่อไรไม่รู้ที่การเฝ้ามองอย่างสม่ำเสมอของเขากลายเป็นการดูเป็นครั้งคราว ทุกสองสามปี เป็นทุกสิบปี เมื่อเขาเชื่อมโยงภาพต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้เขาอดตะลึงกับความเร็วในการพัฒนาของเหล่ามนุษย์ไม่ได้
ความคิดของเขาจะหยุดลงเมื่อเขาพักการสังเกตุ
ตอนนี้เขาเริ่มการสังเกตุอีกครั้ง ความคิดไหลไปเรื่อยๆ
แต่เขาไม่ได้สังเกตุเห็นความผิดปกติกับตัวเองแม้แต่น้อย
เขาเห็นภาพอาณาจักรหนึ่งแต่ในชั่วพริบตาอาณาจักรนั้นได้ล่มสลายลง
กาเว่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากภาพหนึ่งที่จะปรากฎในใจเขาทุกๆสองสามปี วิ่งผ่านสายตาเขาอย่างรวดเร็ว แค่ชั่วความคิดหนึ่งเวลาผ่านไปเป็นสิบปี ทุกอย่างถูกเร่ง
ภาพในสายตาของเขาราวกับไสลด์ที่เรียงต่อกันและเลื่อนไปด้วยความรวดเร็วจนเขาดูไม่ทันและไม่สามารถทำความเข้าใจได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำๆภาพที่เขาเห็นในหนึ่งวินาทีก็ชะลอลงเรื่อยๆกลายเป็นหนึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อหนึ่งพันปี
สถานการณ์ไม่ได้ดีไปกว่าแต่ก่อนแม้แต่น้อย
เขาต้องการหลุดพ้น หลุดพ้นจากเรื่องบ้าบอนี้ หลุดพ้น....
เขาต้องหาวิธีหนีออกไปจากสถานการณ์นี้ให้ได้ ต่อให้เขาจะต้องกลับไปที่เครื่องบินที่กำลังตกก็ตาม เขาไม่ต้องการตายด้วยวิธีแปลกๆเช่นนี้!
กาเว่นรู้สึกความคิดเริ่มมึนงง จิตใจของเขากลายเป็นหมอกล่องลอง ภาพที่ผ่านสายตาของเขาค่อยๆช้าลง ความคิดของเขาค่อยๆช้าลงราวกับกำลังจะพังทลายหรือถูกทำให้หยุดนิ่งตลอดไป
ทันใดนั้นเองเสียงที่เขาไม่รู้จักก็ดังขึ้น
"แหล่งพลังงานเสียหาย การกู้คืนระบบประมวลผลล้มเหลว"
"เริ่มต้นลำดับการหลบหนี"
จากนั้นภาพในสายตาของเขาได้หายไป ความมืดเข้ามากลืนกิน
แต่ความคิดของเขาไม่ได้ถูกหยุด
มันเป็นครั้งแรกที่แม้เขาจะหลับตา ความคิดของเขาก็ยังไหลต่อไปเรื่อยๆ
เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในความมืดมานานแค่ไหน เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังกลิ้งอยู่ในที่แคบๆเย็นๆ แขนและขาของเขากลับมามีความรู้สึกจางๆอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังสับสนเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเบาๆ เสียงที่แสดงถึงความกังวลและเต็มไปด้วยความกลัว
"อย่า...อย่าพึ่งฆ่าข้า! ข้าไม่ได้ทำอะไรกับบรรพบุรุษของพวกเจ้าทั้งนั้น เสียงนั่นดังมาจากด้านในโลศพ รีบไปดูเร็วเข้าฝาโลงกำลังจะเปิดออกแล้ว!"