บทที่ 2 ฟื้นคืน
ประตูหินขนาดใหญ่ถูกปิดลงด้วยคาถาโบราณ เวทมนตร์ถูกใช้ใส่ประตูและกำแพงเพื่อผนึกไม่ให้สิ่งมีชีวิตจากด้านนอกเข้ามา
ด้านนอกสามารถได้ยินเสียงของเหล่าผู้คนที่กรีดร้อง เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดอันน่ากลัว แต่ทั้งหมดถูกทำให้เงียบลงโดยประตูหินขนาดใหญ่ แม้ทุกคนจะรู้ดีว่ามันสามารถช่วยพวกเขาได้เพียงชั่วคราว รีเบคก้ายังคงรู้สึกราวกับได้ปลดภาระอันหนักอึ้งลงจากบ่า คงดีถ้านรกด้านนอกเป็นเพียงฝันร้าย
ยังไงก็ตาม รีเบคก้ารีบส่ายหัวตัวเองเพื่อขับไล่ความอ่อนแอให้ออกไปจากจิตใจของนาง ประตูหินไม่สามารถปกป้องพวกนางได้นานนัก นางไม่สามารถวางใจได้
อัศวินตระกูลเซซิล ไบรอน เคิร์ก กล่าวจากด้านหลัง "นายหญิงประตูถูกปิดแล้ว พวกสัตว์อสูรคงเข้ามาไม่ได้ในเร็วๆนี้"
รีเบคก้าหันไปมองอัศวินที่จงรักภักดีต่อนาง เกราะเหล็กของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งการสู้รบ รอยไหม้จางๆ ปรากฎให้เห็นอยู่บนนั้นเช่นกัน เป็นเพราะป้าเฮอร์ตี้ที่ใช่เวทย์ไฟร์บอลใส่สัตว์อสูรที่กำลังจะพรากชีวิตของอัศวินระดับกลางที่รับใช้ตระกูลมากว่ายี่สิบปีคนนี้ไป ทำให้เขารอดชีวิตมาได้
"เจ้าทำดีแล้วไบรอน" รีเบคก้าก้มหน้าลงเพื่อปิดบังความเหนื่อยล้าในดวงตาของนาง "ตอนนี้พวกเราอย่างน้อยก็สามารถพักได้"
จากนั้นรีเบคก้าก็หันไปมองคนรอบๆเพื่อตรวจสอบจำนวนคนที่เหลืออยู่ ทหารสามคนถือคบเพลิงอยู่ในมือเดินตรวจตราอยู่รอบๆ ท่านป้าเฮอร์ตี้ร่ายไฟร์บอลเพื่อตรวจสอบกำแพงตรงสุดโถงหิน และเบตตี้เมดตัวน้อยที่จับกระทะเดินตามอยู่ด้านหลังทหารด้วยท่าทีงุ่นง่าน
รวมถึงตัวรีเบคก้าและอัศวินไบรอน นางเกรงว่าพวกนางทั้งเจ็ดคนคือกลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอด มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอดสำหรับคนที่อยู่ด้านบน
หลังจากตรวจสอบสถาพทุกคนรีเบคก้าหันไปให้ความสนใจกับโถงหิน
มันเป็นสถานที่โบราณ โถงทางเดินเต็มไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุมเกาะหนา มุมหนึ่งของห้องโถงมีของเก่าแก่หลายชิ้นวางอยู่ แม้ว่าพวกมันจะเก่า ความงดงามของพวกมันในอดีตก็ยังคงส่องประกาย ผนังโถงหินถูกตกแต่งด้วยจิตกรรมฝาผนัง แม้จะเสียหายบางส่วน แต่ก็ยังคงน่าชื่นชม
เฮอร์ตี้ เซซิล พิจารณาภาพจิตกรรมฝาผนังด้วยความจริงจังเป็นเวลานาน เปรียบเทียบกับการตกแต่งของดินแดนทางเหนือที่ทันสมัยและสวยงาม ห้องโถงนี้ถูกตกแต่งด้วยความเรียบง่ายและสูงส่งให้บรรยากาศช่วงเวลาของ "ราชวงศ์แรก" ภาพบนฝาผนังเป็นร่างของวีรบุรษ วัฒนธรรม ความเชื่อ เทพเจ้า ในฐานะผู้รอบรู้ นางได้ประโยชน์จากการศึกษาภาพเหล่านี้เป็นอย่างดี
ขณะที่นางมองภาพเหล่านั้น นางอดไม่ได้ที่จะเอาขวามือกุมไว้ที่หน้าอกและพูดออกมาเบาๆ "ขอให้ท่านบรรพรุษโปรดยกโทษให้พวกเราด้วย..."
"ป้าเฮอร์ตี้" รีเบคก้าเดินไปที่ด้านข้างเฮอร์ตี้ด้วยใบหน้ากังวลเล็กน้อย "ที่นี่คือ..."
"ที่นี่คือสถานที่พักผ่อนของท่านบรรพบุรุษ สุสานตระกูลเซซิล" เฮอร์ตี้กล่าวด้วยความเคารพ "อย่าทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินพวกท่าน"
รีเบคก้ากลืนคำพูดพร้อมหันไปมองรอบๆ "ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ที่นี่นานแล้ว..."
"ตั้งแต่มาร์ควิสกรัมแมนขโมยสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไปจากที่นี่และเข้าร่วมกับการจลาจลกลางเมืองจนเกือบจะทำให้ตระกูลเซซิลพังพินาศ สถานที่แห่งนี้ก็ถูกปิดผนึกไว้ทันที พวกเราในฐานะลูกหลานตระกูลเซซิลรู้วิธีในการเปิดที่นี่ แต่ด้วยกฎของตระกูลห้ามไม่ให้ใครเข้ามาที่นี่ ถ้าไม่มีเรื่องถึงตายจริงๆ"
"ความจริงพวกเราก็เกือบจะไม่รอดอยู่แล้ว..."รีเบคก้าถอนหายใจ "ท่านบรรพบุรุษจะยกโทษให้พวกเราไหม?"
เฮอร์ตี้ยิ้มอย่างขมขื่น นางเองก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เช่นกัน สายตาของนางยังคงมองไปที่ผนังเพื่อหากลไกเปิดสุสาน
ไม่นานนางก็หาเสาที่แตกต่างออกไปเจอ นางเอามือกดไปที่ส่วนบนของเสาต้นนั้นเบาๆ
ประตูหินที่นำไปสู่ด้านในสุสานสั่นสะเทือนเล็กน้อยก่อนจะเกิดเสียงดังขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อแผ่นหินเลื่อนขึ้นรีเบคก้าได้ยินเสียงแปลกๆจากภายใน เป็นเสียงของอาวุธที่หล่นลงพร้อมกับเสียงตกใจ "อ๊ะ?!"
"มีใครอยู่ด้านใน?!" เฮอร์ตี้ได้สติพร้อมกับตะโกนสั่งทันที "ไบรอน!"
โดยไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติมเหล่าอัศวินดึงดาบออกมาและพุ่งเข้าไปด้านในทันที
หลังจากที่รีเบคก้าหายตกใจนางก็ตามเข้าไปเช่นกันแต่นางก็ไม่ลืมหันไปพูดกับเมดสาว "เบ็ตตี้! หาที่หลบ!"
ขณะที่นางวิ่งเข้าด้านใน นางเห็นไบรอนเหวี่ยงดาบใส่ร่างเล็กและบางที่มีความว่องไวเป็นอย่างมาก
ร่างเล็กพุ่งไปรอบๆอัศวิน บางครั้งก็ราวกับร่างนั้นหายเข้าไปในกลีบเมฆและหายเข้าไปในบริเวณที่เป็นเงามืด เท้าที่ว่องไวของร่างนั้นทำให้รีเบคก้าตกตะลึงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามไบรอนใช้เวลาไม่นานในการต่อสู้กับผู้ลักลอบเข้าสุสาน พร้อมกับทหารอีกทั้งสามคนที่ล้อมรอบและเฮอร์ตี้ที่ปิดกั้นทางออกไว้ด้วยเวทย์ไฟร์บอลลูกใหญ่ ร่างเล็กก็สูญเสียเส้นทางการหลบหนีทั้งหมดและล้มลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว
ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อให้รีเบคก้าสามารถมองเห็นใบหน้าผู้บุกรุกได้อย่างชัดเจน เป็นเด็กสาวที่ดูอายุไม่มาก ผมของนางสั้นเล็กน้อย บนตัวมีเกราะหนังเก่า ผิวของนางเป็นประกายแม้ว่าใบหน้าของนางจะเปรอะเปื้อนก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดความงดงามของนางได้แม้แตน้อย โดยเฉพาะจุดที่โดดเด่นที่สุดของนางคือหูแหลมแต่ไม่เท่าพวกเอล์ฟ บ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์ของนางเป็นอย่างดี 'พวกครึ่งเอล์ฟ'
แต่รีเบคก้าไม่สามารถบอกได้ว่าอีกครึ่งของนางคือเผ่าพันธุ์อะไร อาจเป็นมนุษย์หรืออสูรก็ได้
เมื่อเด็กสาวครึ่งเอล์ฟล้มลงบนพื้น ไบรอนตรงเข้าไปเอาดาบจ่อคอของนางทันที ทหารอีกสามคนก็ย่นระยะเข้าไปเช่นกันพร้อมกับดาบในมือเพื่อป้องกันการหลบหนี
"เจ้าเป็นใคร! กล้าแอบเข้ามาในสุสานของตระกูลเซซิลได้ยังไง?!" เฮอร์ตี้เดินเข้าไปพร้อมกับความโกรธที่ไม่สามารถปิดบังได้ สำหรับผู้ที่เป็นลูกหลานเช่นนาง ความจริงที่ว่าสถานที่หลับพักผ่อนของบรรพบุรุษถูกรบกวนและทำลายโดยพวกขุดสุสานมันก็เพียงพอที่จะทำให้นางแทบจะเป็นบ้าแล้ว ถ้าข้านี้หลุดออกไปชื่อเสียงของตระกูลเซซิลคงย่อยยับ
รีเบคก้าเหลือบมองครึ่งเอล์ฟ แม้นางจะสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน การที่มีผู้บุรุกสุสานต้องห้ามของบรรพบุรุษมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางโกรธเช่นกัน
เสียงของเด็กสาวครึ่งเอล์ฟสั่นเครือ "เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน ข้ายังไม่ได้ขโมยอะไรทั้งนั้น!"
ดาบของไบรอนกดลงไปที่คอของนางแรงขึ้น "กล้าดียังไง!"
ทันใดนั้นเสียงแปลกๆบางอย่างดังก้องมาจากกลางโลงศพเหล็กสีดำที่ตั้งอยู่กลางสุสาน ทุกคนที่ยืนอยู่เงียบเสียงของในทันที
จากนั้นรีเบคก้าเป็นคนแรกที่ได้สติ นางเสกลูกไฟขนาดใหญ่เหนือไม้เท้าของนางทันทีเพื่อกดดันเด็กสาวครึ่งเอล์ฟ "เจ้าทำอะไรกับบรรพบุรุษของข้า!"
ตอนนี้ดูเหมือนเด็กสาวครึ่งเอล์ฟกำลังจะร้องไห้ "อย่า...อย่าพึ่งฆ่าข้า! ข้าไม่ได้ทำอะไรกับบรรพบุรุษของพวกเจ้าทั้งนั้น เสียงนั่นดังมาจากด้านในโลศพ รีบไปดูเร็วเข้าฝาโลงกำลังจะเปิดออกแล้ว!"
ประกอบกับเสียงที่ดังมาจากฝาของโลงศพที่สั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
"ท่านบรรพบุรุษ!" หน้าของเฮอร์ตี้ถอดสี นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวที่งดงามและสูงศักดิ์สูญเสียความเยือกเย็น "โปรดพักผ่อนอย่างสงบ! ผู้ที่รบกวนการพักผ่อนของท่านจะต้องถูกทำโทษ..."
"โอ้ย หยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วรีบไปดูโลงศพของบรรพบุษเจ้าเสียที!"เด็กสาวเอล์ฟตะโกนเสียงดัง
ทหารทั้งสามคนมองหน้ากัน แม้แต่ไบรอนก็ตกตะลึง อย่างไรก็ตามรีเบคก้าเป็นคนแรกที่ได้สติ นางพุ่งไปที่โลงศพสีดำอย่างรวดเร็วขณะที่ฝาโลงถูกเลื่อนไปด้านข้างทันที
เมื่อเห็นแบบนี้รีเบคก้าเอาไม้เท้าเวทมนตร์ของนางทุบลงไปทันทีโดยไม่ลังเล "ท่านบรรพบุรุษโปรดพักผ่อนอย่างสงบ!"
มือที่ยื่นออกมาหดกลับไปในทันที ในเวลาเดียวกันเสียงอันเจ็บปวดก็ดังออกมา "โอ้ย! ใครกันตีมือข้า!"
ใบหน้าของรีเบคก้าซีดขาว นางหันไปมองไบรอนและป้าเฮอร์ตี้ด้วยความงุนงง ทุกคนต่างอ้าปากค้าง
นางมองไปที่ไม้เท้าในมือ นางรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา "ท่านป้าข้าลบหลู่ท่านบรรพบุรษ..."
"รีเบคก้า! ออกมาจากตรงนั้น!"
รีเบคก้าผงะไปทันที "ท่านป้า?"
"บางที่นี่อาจจะเป็นการฟื้นคืนชีพของคนตาย!" ใบหน้าของเฮอร์ตี้ซีดขาวราวกับคนตาย "หรือบางทีพวกอสูรอาจจะทำให้ศพบรรพบุรุษของเรามีมลทิน!"
ความเป็นไปได้นี้ทำให้รีเบคก้าเหงื่อแตกเต็มหลัง จากนั้นนางก็กระโดดลงมาจากแท่นที่วางโลงศพทันทีและซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มทหาร
ฝาของโลงสั่นไหวอีกครั้ง ครั้งนี้ผู้ที่อยู่ในโลงศพใช้พลังเต็มที่เพื่อทำให้ฝาโลงเปิดออกมา ฝาโลงกระเด็นขึ้นไปบนอากาศ
จากนั้นชายที่ดูสง่างาม ไว้ผมสีน้ำตาลสั้นและแต่งตัวราวกับขุนนางโบราณก็ลุกขึ้นนั่ง
เด็กหญิงครึ่งเอล์ฟหันไปมองฉากนี้และถอนหายใจออกมาด้วยความช่วยไม่ได้ "ดูเหมือนบรรพบุรุษของพวกเจ้าจะได้ฟื้นคืนจากความตายแล้ว"