ตอนที่แล้วบทที่ 121 บทสวดขั้นที่สองของศาสตร์นิรนาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 123 อัมพาตไปครึ่งท่อน

บทที่ 122 หลบหนีออกจากที่แห่งนี้


ศาสตร์นิรนามขั้นที่สองเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง เจียงอี้คุ้นเคยกับพลังของแก่นแท้พลังสีดำเป็นอย่างดี และในตอนนี้บทสวดของศาสตร์นิรนามในขั้นที่สองก็ตกอยู่ในมือของเขาแล้ว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาดีใจจนเนื้อเต้นได้อย่างไร?

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ความเจ็บปวดภายในใจของเจียงอี้ก็จางหายไป เขาลุกขึ้นยืนและเช็ดเหงื่อที่ชโลมใบหน้า

เจียงอี้หลับตาลงและเริ่มท่องบทสวดของศาสตร์นิรนามอย่างเงียบๆโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขามีลางสังหรณ์ว่าเมื่อทำความเข้าใจบทสวดทั้งหมดแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาอาจจะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด

หลังจากที่ที่ดำดิ่งสู่ห้วงสมาธิเป็นเวลาสามชั่วโมง เจียงอี้ก็ต้องลืมตาขึ้นมาด้วยความผิดหวัง เขาเข้าใจบทสวดแล้วแต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยยกระดับการบ่มเพาะพลังของเขาแต่อย่างใด ไม่แม้แต่จะช่วยเพิ่มความเร็วหรือพลังให้กับแก่นแท้พลังสีดำ ราวกับว่ามันเป็นเพียงบทสวดทั่วไปก็เท่านั้น

อย่างศาสตร์วรยุทธวารีตระกูลเจียงเองก็มีสามขั้น เมื่อฝึกฝนถึงขั้นที่สองจะทำให้ความเร็วของผู้ฝึกเพิ่มขึ้นสองเท่า หากฝึกถึงขั้นที่สามก็จะช่วยเพิ่มพละกำลังเป็นสองเท่าและยังเพิ่มความเร็วให้อีกสองเท่า

“ไม่ต้องคิดให้มากความ ลองดูก็สิ้นเรื่อง!”

เจียงอี้ตัดสินใจด้วยความเด็ดเดี่ยว เขานั่งสมาธิและเริ่มหมุนเวียนศาสตร์นิรนามเพื่อสกัดกลั่นแก่นแท้พลังสีดำ แต่เมื่อยิ่งฝึกฝนก็ต้องยิ่งพบกับความผิดหวัง เมื่อความเร็วในการบ่มเพาะแก่นแท้พลังสีดำไม่ได้แตกต่างกับก่อนหน้านี้เลยแม้แต่นิดเดียว ประสิทธิภาพของมันเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม

มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!

หลังจากที่เจียงอี้บ่มเพาะแก่นแท้พลังสีดำได้ครบสิบเส้นแล้ว เขาก็ไม่ได้หยุดพักเฉกเช่นปกติ เนื่องจากกำลังตกตะลึงเมื่อสังเกตเห็นว่ามีเค้าลางของแก่นแท้พลังสีดำเส้นที่สิบเอ็ดปรากฏขึ้นมา!

แปด, เก้า, สิบ, สิบเอ็ด! มันมีสิบเอ็ดเส้นจริงๆด้วย! เป็นไปได้ไหมว่าศาสตร์นิรนามขั้นที่สองคือการเพิ่มขีดจำกัดของจำนวนแก่นแท้พลังสีดำ?

หัวใจของเจียงอี้ถึงกับสั่นไหว จากนั้นเขาก็ทำการบ่มเพาะแก่นแท้พลังสีดำอย่างต่อเนื่อง ทีละเส้นๆ ในเวลานี้แก่นแท้พลังสีดำได้พรั่งพรูอยู่เต็มตันเทียนของเขาแล้ว!

แก่นแท้พลังสีดำคือพลังอันน่าอัศจรรย์ เพียงแค่ผสานมันเส้นเดียวกับแก่นแท้พลังสีน้ำเงินก็ทำให้พลังเพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่า คงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่ามันจะทรงพลังขนาดไหนหากปลดปล่อยแก่นแท้พลังสีดำทั้งหมดออกมาโจมตี

เวลาได้ผ่านพ้นไป จำนวนของแก่นแท้พลังในตอนนี้มีอยู่หลายสิบเส้น แต่ความเร็วของมันยังไม่เป็นที่นาพอใจ เจียงอี้ก็ใช้เม็ดยาระดับพิภพเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับการฝึกและเริ่มทำการบ่มเพาะอีกครั้ง

การฝึกฝนอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ช่วยให้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังเพิ่มขึ้นห้าเท่า เมื่อรวมกับการใช้เม็ดยาระดับพิภพทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเจียงอี้พุ่งทะยานราวกับพยัคฆ์ติดปีก เพียงแค่เวลาไม่นาน แก่นแท้พลังสีดำของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายร้อยเส้นแล้ว

ห้าร้อย!

เจ็ดร้อย!

เก้าร้อย!

หนึ่งพัน!

หลังจากที่ครบหนึ่งพันแล้ว เจียงอี้ก็ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้อีกต่อไป ตอนนี้ดวงตาของเขาแฝงไว้ด้วยความปรารถนาและจิตสังหาร

“เจียงนี่หลิว เจ้าควรจะภาวนาไม่ให้ข้าหลุดออกไปได้ มิฉะนั้นข้าจะสังหารหน่วยองครักษ์เกราะโลหิตบัดซบที่เจ้าพามาทั้งหมด!”

ด้วยจำนวนของแก่นแท้พลังสีดำที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาลทำให้เจียงอี้รู้สึกมั่นใจอย่างมาก ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ของเขาจะทรงพลังขนาดไหนหากปลดปล่อยแก่นแท้พลังสีดำทั้งหมด? แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจที่จะจินตนาการได้ แต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถใช้มันบดขยี้จอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ได้อย่างไม่มีปัญหา!

เมื่อใช้ร่วมกับเจตจำนงแห่งการสังหาร เจียงอี้ก็เชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถเข่นฆ่าเหล่าองครักษ์ที่เจียงนี่หลิวนำมาได้ทั้งหมด

แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น… เขาก็ควรที่จะหาวิธีออกจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน

“เฮ้อ ก่อนอื่นก็ต้องหาทางออกให้ได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องตายอยู่ที่นี่แน่ๆ!”

เจียงอี้ส่ายหัวอย่างจนใจ จากนั้นก็หันไปสนใจไข่มุกสีแดงแทน ไข่มุกเม็ดนี้ลึกลับเกินไป มันสามารถดูดซับแก่นแท้พลังสีดำและช่วยให้เขาปลุกศาสตร์นิรนามขั้นที่สองขึ้นมาได้ ตอนนี้มันยังคงอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆในขณะที่เปล่งแสงสีแดงซึ่งเผยให้เห็นลวดลายของมังกรที่กำลังเคลื่อนไหว

ในเวลานี้เจียงอี้รู้สึกลังเล เขาเสียเวลาหลายชั่วโมงไปในสะสมแก่นแท้พลังสีดำทั้งหนึ่งพันเส้น หากว่าเขาสัมผัสกับไข่มุกสีแดงอีกครั้ง เขาจะไม่ถูกดูดแก่นแท้พลังสีดำไปจนเกลี้ยงหรือ?

“ไม่สนใจแล้ว!”

เจียงอี้กัดฟันแน่นและใช้มือจับไข่มุกสีแดง ไม่นานนักเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะดูเหมือนว่าเจ้าไข่มุกเม็ดนี้จะไม่ต้องการแก่นแท้พลังสีดำจากเขาอีกต่อไป

“มันใช้ทำอะไรได้บ้าง?”

เจียงอี้ตั้งคำถามขึ้นมาในใจขณะที่ลูบคลำไข่มุกเพื่อทำการตรวจสอบ เขารู้สึกประหลาดใจกับลวดลายมังกรที่กำลังเวียนว่ายอยู่ในไข่มุกและสัมผัสได้ถึงพันธสัญญาครอบครองจากมัน แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันใช้อย่างไร

หลังจากที่พึมพำกันตัวเองอยู่ชั่วครู่ เจียงอี้ก็โคจรแก่นแท้พลังจำนวนหนึ่งมาไว้ที่ฝ่ามือจากนั้นก็ใช้มือประกบไข่มุกสีแดง เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาถูกไข่มุกแย่งชิงแก่นแท้พลังสีดำไป ดังนั้นหากให้มันสัมผัสกับแก่นแท้พลังสีดำอีกครั้ง บางทีมันอาจจะมีปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง

เป็นไปตามคาด!

เมื่อแก่นแท้พลังสีดำสัมผัสกับไข่มุก มันก็เปล่งแสงออกมาซึ่งทำให้วิญญาณของเจียงอี้สั่นไหว ในขณะเดียวกัน… ก็ดูเหมือนว่าเขากับไข่มุกเม็ดนี้จะถูกเชื่อมโยงด้วยเลือดเนื้อราวกับว่ามันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาแล้ว

“เป็นพลังที่ลึกลับยิ่งนัก! มันกลายเป็นของข้าแล้วหรือ?”

เจียงอี้อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง มีบางตำนานที่กล่าวว่าสิ่งประดิษฐ์ชั้นสูงจะมีความสามารถในการสื่อสารกับเจ้าของผ่านกระแสจิต แต่ในตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าไข่มุกเม็ดนี้เป็นวัตถุชนิดใด อย่างไรก็ตามการที่มันสามารถสร้างพันธะกับเขาได้ก็หมายความว่ามันจะต้องอยู่ในระดับสวรรค์เป็นอย่างน้อย

เจียงอี้เพ่งสมาธิไปที่ไข่มุก แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าทัศนวิสัยกำลังพร่ามัว จากนั้นไม่นานฉากตรงหน้าก็เปลี่ยนไป มันกลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งทอดยาวออกไปหลายร้อยลูกบาศก์เมตร มีเพียงความว่างเปล่าแต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีเศษหินสีแดงโรยรายอยู่ด้านล่าง

เมื่อเห็นฉากดังกล่าว เจียงอี้ก็ตื่นตกใจ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยทำให้ทัศนวิสัยตรงหน้าหายไป เขาหันไปมองรอบๆด้วยความสับสนจนในที่สุดก็จับจ้องมาที่ไข่มุกในมือพร้อมกับพึมพำ “มีมิติอันแปลกประหลาดอยู่ในไข่มุก?”

เจียงอี้เพ่งสมาธิอีกครั้ง จากนั้นเขาก็มองเห็นมิติสีแดงพร้อมทั้งเศษหินสีแดงจำนวนมาก

“หรือว่าจะเป็นวัตถุที่เหมือนกับแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ?”

เจียงอี้หวนรำลึกถึงแหวนที่ถูกครอบครองโดยอาจารย์จ้าวและเจียงนี่หลิว เฉียนว่านก้วนเคยกล่าวว่ามันคือแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณซึ่งมีมิติพิเศษอยู่ภายใน สามารถใช้บรรจุของจำนวนมากได้

ไข่มุกเม็ดนี้เองก็มีมิติอันแปลกประหลาดอยู่ภายในซึ่งมีเพียงความว่างเปล่าและเศษหินบางส่วนเท่านั้น

“ลองดูอีกครั้ง!”

เจียงอี้เพ่งจิตเข้าไปในไม่ขุกสีแดงอีกครั้ง เขายังคงมองเห็นพื้นที่อันกว้างขวางพร้อมทั้งเศษหินสีแดง

ครื้นนนน!

ไข่มุกเปล่งแสงก่อนที่เศษหินสีแดงจะปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศและอยู่ตรงหน้าของเจียงอี้ มันแผ่ความร้อยอันผิดปกติออกมา พริบตาเดียวห้วงอากาศโดยรอบก็เกิดการบิดเบี้ยวราวกับว่ากำลังจะลุกไหม้

“อะไรกัน?!”

เจียงอี้รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายกำลังถูกแผดเผา เขาจ้องมองไปยังเศษหินสีแดงด้วยความกลัว แต่ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ไข่มุกในมือก็ปลดปล่อยไอเย็นออกมาและทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขากลับเป็นปกติ

ตึก!

เศษหินสีแดงร่วงหล่นลงพื้นและมันยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเจียงอี้ พริบตาเดียวที่เศษหินสัมผัสกับพื้น เปลวเพลิงที่อยู่รอบๆตัวมันก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวและเริ่มเผาไหม้จนกลายเป็นรูเล็กๆบนพื้นอย่างรวดเร็ว!

ที่นี่คือที่ไหน?

มันคือสุสานของตัวตนระดับราชันสวรรค์เชียวนะ! แม้เจียงอี้จะไม่ทราบว่าวัสดุที่ใช้ในการสร้างพื้นจะเป็นหินชนิดใด แต่เขาก็มั่นใจว่าผนังทั้งสี่ด้านและพื้นจะต้องแข็งแรงทนทานมาก เพราะก่อนหน้านี้เองเขาก็เคยทดลองโจมตีมันมาแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงการหลอมให้เป็นรูเช่นนี้!

แต่ในขณะนี้ เศษหินสีแดงกำลังหลอมละลายพื้นได้อย่างง่ายดาย หรือว่าเปลวไฟที่ถูกปล่อยออกมาจากหินนี่จะสามารถมองข้ามข้อจำกัดของพื้นในห้องนี้ได้?

“แผดเผาและหลอมละลายพื้น?”

ทันใดนั้นหัวใจของเจียงอี้ก็สั่นสะท้าน ดวงตาของเขาเผยให้เห็นประกายแสงแห่งความหวังอีกครั้ง หากเศษหินสีแดงสามารถแผดเผาพื้นได้จริง นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า… เขาจะสามารถใช้มันในการสร้างหลุมภายในสุสานเพื่อหลบหนีออกไปได้หรอกหรือ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด