ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0591
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0593

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0592


ตอนที่ 592 : เคล็ดวิชาดาบอสูรสังหารเซียน

เซียฉู่เฟิงสภาพคล้ายคลุ้มคลั่ง พลังเต๋าแรกเริ่มกำลังปะทุออกจากร่าง ทั้งกายคล้ายสภาพเป็นก้อนพลังงาน

ตู้ม!

ทันทีเมื่อทะยานร่างเข้ามา เซียฉู่เฟิงปลดปล่อยหมัดออกพร้อมเสียงดังสนั่น ราวกับมันพร้อมจะทำลายทั้งพื้นแผ่นดินและสรวงสวรรค์

คลื่นพลังงานปรากฏรอบตัวฉินหยุนก่อนจะปกคลุมเอาไว้

“นี่เป็นพลังดาบล้างสวรรค์!” ฮัวซือเยวี่ยหัวเราะดัง “ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว!”

ฉินหยุนเองก็รับรู้ผ่านทางร่างกาย ประหนึ่งมีดเฉือนหั่นร่าง กระนั้นกลับไร้บาดแผล เพราะพลังงานเหล่านั้นไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา

“ไอ้สวะ!”

ฉินหยุนพบเห็นหมัดของเซียฉู่เฟิงทะยานเข้าหา เขาจึงปลดปล่อยหมัดตอบโต้

ตึง! ตู้ม!

เสียงดังสนั่นอากาศบังเกิด สายลมกระโชกรุนแรงพัดผ่านสารทิศ

เซียฉู่เฟิงร้องออกด้วยสภาพชวนสังเวช หมัดของเขาแตกสลายเพราะแรงระเบิดจากหมัดของฉินหยุน

“ขอบคุณที่ส่งมอบแต้มให้แก่ข้าอีกครั้งหนึ่ง!”

ฉินหยุนแค่นเสียง ต่อยหมัดอีกครั้ง พลังสั่นไหวรุนแรงปลดปล่อยจากตัวหมัด มันมาพร้อมสายฟ้าอสนีบาตเข้าประทับลงที่ร่างอีกฝ่าย

“หัวหน้า...” เซียฉู่เฟิงร้องตะโกนดัง

ฮัวซือเยวี่ยคิดก้าวเข้ามาช่วยเหลือ ทว่าเป็นเขาไม่ทันได้คาดคิด สายฟ้าอสนีบาตที่ผ่าลงมานั้นรุนแรงชวนสะพรึงเกินไป

มันปะทะกับร่างของเซียฉู่เฟิง ทั้งร่างกลายเป็นดำไหม้พร้อมร่องรอยการถูกสายฟ้าอสนีบาตฟาดฟันบนร่าง

เซียฉู่เฟิง รองผู้นำกองกำลัง ได้ถูกฉินหยุนลงมือสังหารอีกครั้งหนึ่งแล้ว!

“ไม่ใช่สวะผู้นี้บอกว่าข้าใช้เล่ห์กลต่อมันหรือ? ครานี้ข้าหาได้ลอบโจมตีมันแต่อย่างใดไม่!” ฉินหยุนมองฮัวซือเยวี่ยและฉู่ปาจงที่มีโทสะ “พวกเจ้าคนใดคิดเสนอหน้าออกมาก่อน หรือคิดโจมตีพร้อมกันดีเล่า?”

ได้เห็นกำลังเหนือล้ำของฉินหยุน ผู้คนต่างได้ตระหนัก ว่าพลังนี้หาได้ใช่สิ่งลวงหลอกไม่ เป็นเขาทรงพลังชวนสะพรึงอย่างแท้จริง

ผู้คนในเมืองกายแข็งทื่อ ก่อนหน้าพวกเขาเป็นประจักษ์พยานถึงกำลังของฉินหยุนกับตา ครานี้ได้เห็นฉินหยุนเผยพลังอำนาจแกร่งกล้า ยิ่งสร้างความตื่นตะลึงแก่พวกเขาอีกครั้งหนึ่ง

“หัวหน้า ให้ข้าลงมือ!” ฉู่ปาจงมองที่ฉินหยุนพร้อมเผยเสียงเย็น “มันผู้นี้ยังเยาว์และอวดดีจนเกินไป ให้ข้าสั่งสอนบทเรียนแก่มัน!”

ฉู่ปาจงทะยานร่างเคลื่อนถึงตรงหน้าฉินหยุน สายตาของเขาอัดแน่นด้วยความโหดเหี้ยมและมาดมั่น

แม้เขาได้เป็นประจักษ์พยานว่าฉินหยุนสังหารเซียฉู่เฟิง กระนั้นเขายังไม่มีทีท่าหวาดเกรงต่อฉินหยุนแต่อย่างใด

ฉินหยุนกลับลงมาที่พื้น อดไม่ได้ที่จะเผยเสียงหัวเราะออกยามได้ยินคำกล่าวของฉู่ปาจง “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร? คิดหรือว่าตัวเจ้าคู่ควรจะสอนสั่งบทเรียนแก่ข้าได้?”

“ฉินหยุน เจ้าก็ได้แต่อาศัยพึ่งพายันต์เพื่อกวาดล้างกองกำลังพวกเรา เรื่องนี้หาได้มีอันใดให้เจ้าสมควรใช้อวดโอ่ไม่!” ฉู่ปาจงตะคอกกลับ “ข้ายอมรับ พรสวรรค์ทางวิถีจารึกของเจ้าสูงล้ำ นั่นก็เพราะเพียงเจ้าโชคดี จึงได้รับจารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง แต่ในสถานที่แห่งนี้ เจ้าก็มีแต่อ่อนด้อยกว่าพวกเรา!”

ฉู่ปาจงมองทางฮัวซือเยวี่ยที่ด้านหลัง เขายังคงกล่าวกับฉินหยุนต่อ “ผู้นำกองกำลังพวกเรา ฮัวซือเยวี่ยนั้นไม่ใช่ใครที่เจ้าสามารถเอาตัวตนไปทัดเทียมได้ คนเช่นเจ้าหาได้ควรค่าให้เขาต้องลงมือไม่!”

“ฮัวซือเยวี่ยแข็งแกร่งเพียงนั้น?” ฉินหยุนกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มหยอกล้อ

“หัวหน้ากองกำลังครอบครองร่างลึกล้ำ ด้วยเหตุผลนี้ เขาก็เหนือล้ำกว่าเจ้าไม่รู้กี่ขุมแล้ว! ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงโทเทมบนร่าง รวมถึงมรดกสายเลือด ทั้งหมดล้วนเป็นตัวตนชั้นแนวหน้าของสำนักเซียน!”

“แม้พลังของร่างลึกล้ำไม่อาจเผยในเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธ์ภัณฑ์ แต่เพียงแค่เขาลงมือสิบกระบวนท่าก็มีชัยชนะเหนือตัวเจ้าได้แล้ว!”

ฉู่ปาจงกล่าวออกอย่างมาดมั่น ดวงตานั้นเผยความเดียดฉันท์มองที่ฉินหยุนอย่างไม่อาจปิดได้มิด

หลายคนต่างทราบ ว่าฮัวซือเยวี่ยครอบครองสองแก่นเต๋าและร่างลึกล้ำ กระนั้นที่พวกเขาไม่ทราบ คืออีกฝ่ายมีโทเทมในครอบครองด้วย!

แน่นอนว่าฉินหยุนย่อมมีโทเทม อีกทั้งเขายังสามารถแกะสลักอักขระโทเทม

“ฉินหยุน ข้าขอเตือนเจ้าให้อยู่ห่างจากศิษย์น้องเหลียว!” ใบหน้าฮัวซือเยวี่ยเผยความอหังการกล่าวคำ “เจ้า... เป็นเจ้าไม่คู่ควรกับศิษย์น้องเหลียว! เจ้ามีแต่จะทำให้นางมีมลทิน!”

“หัวหน้าและศิษย์น้องเหลียวนับเป็นคู่ที่เหมาะสมต่อกัน ตระกูลของทั้งสองฝ่ายต่างมีสถานะทางสังคมทัดเทียมกัน กล่าวได้ว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างสมบูรณ์ในหอพิทักษ์กฎ ผู้คนต่างทราบเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี!”

“สำหรับเจ้า ฉินหยุน ตัวบัดซบเช่นเจ้าที่เอาแต่สร้างปัญหา เป็นเจ้ายั่วยุหุบเขาเซียนโอสถ รวมถึงขุนเขาเซียนอัคคีคราม กระทั่งมีเรื่องกับสามในห้าตระกูลใหญ่!”

“ตัวบัดซบเช่นเจ้าไม่คู่ควรได้เข้าใกล้ศิษย์น้องเหลียว! มีแต่หัวหน้าจึงคู่ควรกับนาง! นางย่อมต้องเป็นของหัวหน้า!”

“กบในโคลนตมเช่นเจ้า หากคิดพบเจอศิษย์น้องเหลียวอีกครั้ง ข้าจะตัดขาเจ้าทิ้งจนไม่อาจมีโอกาสเดินได้อีก!”

ฉู่ปาจงตั้งใจเอ่ยคำเสียงดัง เพื่อที่จะได้ให้ทุกผู้คนในเมืองได้ยินเสียงของตนกันถ้วนหน้า

“เช่นกัน เจ้าคิดว่าตนเองเป็นอะไร? เป็นข้าคิดว่าสวะเช่นเจ้าหาได้มีอันใดดีไม่! ตัวตนไร้ค่าเช่นเจ้า นอกจากทำให้นครเซียนยุทธภัณฑ์สิ้นเปลืองทรัพยากรแล้วยังจะทำอื่นใดได้อีก?”

ฉินหยุนแค่นเสียงตอบกลับ “เป็นข้าช่วยเหลือนครเซียนยุทธภัณฑ์รักษาอุปกรณ์เซียนไว้ได้ รวมถึงกระดูกสัตว์สวรรค์ที่ล้ำค่าอีกหลายแสนจิน หันมองกลับไปที่ตัวเจ้า มีอันใดเป็นชิ้นอันนำเสนอเป็นความดีความชอบได้?”

“เจ้ากล่าวหาว่าข้าสร้างปัญหา แล้วตัวเจ้าเล่า? ครั้งพวกเราถูกกลุ่มศิษย์หุบเขาเซียนโอสถ รวมถึงขุนเขาเซียนอัคคีครามรังแก พวกเรานครเซียนยุทธภัณฑ์ควรทำได้แค่ยอมรับการถูกเหยียดหยามอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าก็แค่สวะขลาดเขลาหาได้มีความกล้าลุกขึ้นต่อต้าน!”

“ได้เห็นบุคคลอวดดีเช่นเจ้าที่นครเซียนยุทธ์ภัณฑ์เช่นนี้ ข้าคิดอยากเห็นนัก เมื่อใดเจ้าพบผู้อื่นของหุบเขาเซียนโอสถ รวมถึงขุนเขาเซียนอัคคีครามที่ภายนอก เจ้าจะเข้าไปคุกเข่าเลียเท้าพวกมันหรือไม่!”

“เศษสวะขลาดเขลาเช่นพวกเจ้างั้นหรือที่คิดกล้าสั่งสอนบทเรียนแก่ข้า?”

คำกล่าวของฉินหยุน ทำเอาบรรดาศิษย์ที่รับชมอยู่บนกำแพงเมืองต่างอุทานร้องชื่นชม

ฮัวซือเยวี่ยและฉู่ปาจงยิ่งเผยสีหน้าน่าเกลียด

“เหตุผลว่าทำไมข้ายั่วยุผู้อื่นจนมีศัตรู นั่นก็เพราะพวกมันคิดฉกชิงสิ่งของไปจากข้า ดังนั้นข้าย่อมต้องตอบโต้เพื่อรักษาตนเองเอาไว้!”

“กับขยะเปียกเช่นพวกเจ้า ให้ข้าเดา หุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีครามคงไม่แม้จะชายตามอง เพราะในสายตาของบรรดาผู้อาวุโสกว่า พวกเจ้ามันไม่ต่างอะไรกับหนูโสโครกในท่อระบายน้ำของนครเซียนยุทธภัณฑ์!”

“ฉินหยุน จงหุบปากเสีย!”

ฉู่ปาจงเผยความพิโรธ เขาดึงดาบออกพร้อมทะยานร่างในพริบตาไปถึงตรงหน้าฉินหยุน จากนั้นดาบจึงฟาดฟันนับสิบครั้งรัวใส่ฉินหยุน

การโจมตีอย่างกะทันหันทั้งรวดเร็วและรุนแรง พลังงานดาบที่ปรากฏขึ้นแทบทำพื้นดินสั่นสะเทือน ราวกับผืนดินและท้องฟ้าถูกดูดกลืนเข้าพร้อมกัน มันเกิดเป็นเสียงคำรามร้องดุร้ายเข้าปกคลุมร่างฉินหยุนจากทั่วทิศ

ฉินหยุนในเวลานี้ กลายเป็นถูกพลังงานดาบนับไม่ถ้วนปิดล้อมเอาไว้จากทั่วทิศทางแล้ว!

พลังงานดาบโหมซัด ฉู่ปาจงโจมตีออกอีกครั้งหนึ่ง ปลายดาบเล็งไปที่หัวของฉินหยุน

ร่างกายฉินหยุนถูกกดทับด้วยคลื่นพลังงานดาบ กระนั้น เขายังสามารถปลดปล่อยพลังสั่นไหวออกมาสลายพลังงานดาบได้

เวลาเดียวกันนี้เอง ฉู่ปาจงได้เข้าถึงตัวซึ่งหน้า

ฉินหยุนหลบเลี่ยงดาบ ฝ่ามือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีดำพร้อมลุกโชนด้วยอัคคีเพลิงสีดำ

เป็นเขาใช้งานหมัดอ่อนอัคคี!

หมัดเกิดการระเบิดเข้าปะทะกับตัวดาบของฉู่ปาจง เกิดขึ้นเป็นเสียงดังสนั่นลั่นทั่ว!

ฉู่ปาจงเพียงรู้สึก ว่าดาบนี้ร้อนแรงเดือดพล่าน ทั้งยังมีพลังสั่นไหวชวนสะพรึงโหมซัดเข้าใส่

เขาเร่งรีบใช้พลังเต๋าแรกเริ่มแข็งแกร่ง คว้าจับกระชับด้ามดาบเอาไว้แน่น กระดูกวิญญาณเริ่มถ่ายเทพลังใส่ตัวดาบ เพื่อเข้าสะกดข่มพลังของฉินหยุนเอาไว้

หมัดของฉินหยุนสร้างความตื่นตะลึงแก่ฉู่ปาจงได้ไม่น้อย!

เป็นเขาไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะครอบครองพลังดิบเถื่อนโหดร้ายได้เพียงนี้

กระนั้น ด้วยเพราะเป็นชายวัยกลางคน ฉู่ปาจงย่อมมีประสบการณ์การต่อสู้มากล้น เวลานี้เขาเลือกปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา

ดาบยาวในมือฉู่ปาจงเผยออกซึ่งออร่าสีดำ สภาพร่างกายตอนนี้คล้ายคลุ้มคลั่ง

“นั่น! เป็นพลังวิญญาณยุทธ์อสูรทมิฬของฉู่ปาจง!”

“วิญญาณยุทธ์อสูรทมิฬ ทำให้ลุงฉู่สามารถกลายสภาพเป็นอสูรร้าย พลังมีแต่เพิ่มพูนอย่างมหาศาล”

“ได้ยินว่าฉู่ปาจงมาจากแดนอสูรอ้างว้าง ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง!”

“เพราะเขาสามารถควบคุมตนเองจากร่างอสูร หอพิทักษ์กฎจึงยอมรับเขาเป็นศิษย์!”

ผู้คนต่างได้เห็น ว่าร่างของฉู่ปาจงกำลังลอยฟุ้งด้วยพลังงานสีดำ ทั้งร่างกายเต้นตุบตับ แปรสภาพกลับกลายเป็นสีดำ ผู้คนต่างร้องอุทานยามได้เห็น

ฉินหยุนต่อยหมัดเข้าใส่ดาบที่พุ่งปะทะเข้ามาอย่างรุนแรง เขาเองก็รู้สึกได้ ถึงพลังอสูรดิบเถื่อนที่รุกล้ำเข้าสู่ตัวแขนจนเกิดความเจ็บปวด

เขาทำได้เพียงแต่ต้องถอยออกห่าง!

เป็นเขาสามารถใช้งานมือเปล่า เข้าปะทะกับอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันของฉู่ปาจงได้ พลังที่เผยออกนี้กล่าวได้ว่าชวนตื่นตะลึง!

ฉู่ปาจงกลายเป็นมีสภาวะคลุ้มคลั่ง ขณะที่ฉินหยุนยังคงสงบ นี่เป็นการเผยชัดเจนแล้วว่าผู้ใดแข็งแกร่งกว่า

ฮัวซือเยวี่ยขมวดคิ้วมองฉินหยุน ตัวเขายังต้องลอบตระหนกไม่ต่างกับผู้อื่น แน่นอนว่า เขาทราบดีว่าฉินหยุนไม่อ่อนแอ

“ฉินหยุน เจ้าทำลายกองกำลังพวกเรา ข้าจะให้เจ้าต้องประสบโชคชะตาเลวร้ายกว่าความตาย!”

ฉู่ปาจงคำรามร้องเสียงดัง ดาบยาวในมือพลันปกคลุมด้วยกล้ามเนื้อสีดำ ก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นดาบอสูรที่สร้างขึ้นจากเลือดเนื้อสีดำสนิท

ได้เห็นรูปลักษณ์ตัวดาบ ฮัวซือเยวี่ยจึงหัวเราะดังสนั่น “นี่เป็นเคล็ดวิชาดาบอสูรสังหารเซียนของเหล่าฉู่ ฉินหยุน เจ้าย่อมจบสิ้นแน่แล้ว!”

นี่เป็นเคล็ดวิชาอสูรที่มีชื่อเสียง กล่าวกันว่ามันสามารถทำให้เลือดเนื้อเจ้าของร่าง เชื่อมโยงกันกับตัวดาบ เกิดขึ้นเป็นดาบอสูรสังหารเซียนที่แกร่งกล้า

ฉู่ปาจงสับฟันดาบออก พลังรุนแรงของดาบอสูรส่งเสียงอสูรคำรามร้องดังสนั่น ที่ตัวดาบ มันปรากฏเป็นรูปลักษณ์อสูรร้ายกำลังดิ้นพล่าน

พลังอสูรที่อัดแน่นเกิดขึ้นเป็นคลื่นพลังงานสีดำพัดผ่านสายลมฟุ้งกระจาย นำพามาซึ่งกลิ่นเหม็นเน่าจนทำผู้คนรู้สึกทั้งอยากอาเจียนและหวาดกลัว

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหยุนได้เผชิญหน้ากับวิญญาณยุทธ์เช่นนี้

ดาบอสูรร้ายกาจของฉู่ปาจงสับฟันออก ผ่าเอาพื้นแผ่นดินรอบกายฉินหยุนเป็นเศษซาก

“ไอ้อสูรร้าย!”

ฉินหยุนคำราม ใช้งานพลังของความสามารถเทวะแผ่นดินไหว

ตั้งแต่ที่เข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ พลังของความสามารถเทวะแผ่นดินไหวจึงยิ่งรุนแรงและโหดเหี้ยมมากขึ้น

ฉินหยุนควบคุมพลังของความสามารถเทวะ ปะทุมันออกจากภายในร่างพร้อมส่งถ่ายสู่แขน

แขนฉินหยุนสั่นสะเทือนเล็กน้อยก่อนจะปรากฏพลังงานสีดำหลุดลอย หมัดของเขาต่อยออกพร้อมเสียงระเบิดดังกึกก้องเข้าปะทะกับดาบอสูรใหญ่ยักษ์

ตู้ม!

ฉินหยุนปลดปล่อยพลังสั่นไหวตามติด ราวกับมันเป็นมังกรพิโรธที่เคลื่อนผ่านท้องทะเล พลังสั่นไหวเข้าปกคลุมพื้นที่พร้อมฉีกกระชากเอาสวรรค์และพื้นโลกออกให้พ้นจากกัน และศูนย์กลางพลัง มันเข้าปะทะที่ตัวดาบอสูร!

เลือดเนื้ออันชั่วร้ายจากดาบอสูรกลับกลายเป็นถูกฉีกกระชาก ก่อนมันจะแตกกระจายทั่วสารทิศ ตัวดาบขณะนี้แตกออกเป็นสองท่อน!

“ไอ้อสูรร้าย จงรับความตาย!”

ฉินหยุนก้าวเท้าสืบเข้าหาพร้อมพลังสั่นไหว หมัดดุดันปล่อยเข้าปะทะซึ่งหน้าพร้อมพลังที่สามารถฉีกกระชากแผ่นดินออกเป็นเสี่ยง

“อ๊าก!”

ฉู่ปาจงเผยเสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังขึ้น ร่างของเขาถูกหมัดทะลวงจนทะลุสู่อีกด้าน

พลังสั่นไหวของฉินหยุนไม่หยุดเพียงเท่านี้ มันกระจายตัวพร้อมปะทุออกจากภายในร่างของฉู่ปาจง

ตู้ม!

พลังสั่นไหวที่ควบแน่นอย่างดุดันเกิดระเบิดออก ฉีกกระชากร่างกายทุกสัดส่วนของฉู่ปาจงกลายเป็นชิ้นเนื้อสลายหายเป็นหมอกสีดำ

ผู้คนต่างมองฉินหยุนด้วยสีหน้าเย็นเยียบพร้อมอาการตื่นตะลึงภายใน พร้อมกันนี้ พวกเขายังเผยความนับถือต่ออีกฝ่าย

ลำดับแรก ฉินหยุนสังหารรองหัวหน้าเซียฉู่เฟิง จากนั้นจึงสังหารกุนซือผู้แข็งแกร่ง เป็นเขาสังหารทั้งสองคนนั้นด้วยมือเปล่า!

เมื่อครู่ ผู้คนต่างเห็นชัดกับตา ว่าฉินหยุนยังไม่ได้นำอาวุธใดออกมาใช้ ก็สังหารฉู่ปาจงที่ใช้งานอาวุธได้แล้ว

จากที่เห็น มันมากพอที่จะบ่งบอก ว่าฉินหยุนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด!

ฮัวซือเยวี่ยมองที่ฉินหยุนด้วยสีหน้าทั้งเย็นเยือกและดุร้าย

“ฮัวซือเยวี่ย นี่ข้าทำเจ้ารอนานเกินไปหรือไม่? เอาเถอะ ถือว่าได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!” ฉินหยุนเอ่ยคำเชื่องช้าทว่าหนาวเหน็บจับใจทุกผู้คนที่ได้รับฟัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด