ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0590 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0592 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0591 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 591 : ห้วงเวลาแห่งการล้างแค้น

ภูเขาน้ำแข็งใหญ่ยักษ์ กลับกลายเป็นเศษซากเพราะการระเบิดอย่างรุนแรง มวลน้ำแข็งปริมาณมหาศาลกำลังร่วงหล่นสู่พื้น

ภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง อัคคีเพลิงยังคงลุกโชนจากรอยแยก พวกมันเริ่มหลอมละลายน้ำแข็ง

อัคคีเพลิงที่ปะทุออกจากยันต์ลึกล้ำชวนสะพรึงยิ่ง แรงระเบิดที่เกิดขึ้นเหนือล้ำขนาดสามารถทำลายภูเขาน้ำแข็งใหญ่ยักษ์ได้ในพริบตา

ถ้ำภายในภูเขาน้ำแข็งกลับกลายเป็นถูกกลบฝัง

และเพราะการระเบิดรุนแรงรวมกับอัคคีเพลิงลุกโชน ถ้ำภายในสายยาวจึงถูกทำลายไปด้วย

ผู้คนภายในนั้น ย่อมต้องถูกแรงระเบิดสังหารพร้อมเศษซากภูเขาบดขยี้จนถึงแก่ความตาย

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

แรงระเบิดของยันต์ลึกล้ำที่ฉินหยุนแปะไว้ภายในภูเขาน้ำแข็งยังคงปะทุออกต่อเนื่อง จนทั้งภูเขาน้ำแข็งแทบมีสภาพกลายเป็นภูเขาไฟ!

หลงเฉียวเฟิงรับชมอยู่ไกลออกไป นางถึงขั้นแตกตื่นขนาดพูดกล่าวไม่ออก!

กระทั่งตัวฉินหยุนเอง ยังพบว่ายันต์ลึกล้ำเหล่านี้ทรงอำนาจเกินกว่าที่คิด

“การผสานระหว่างอักขระดวงดาวและอักขระลึกล้ำ สร้างขึ้นเป็นยันต์ลึกล้ำ ถึงกับทำให้แข็งแกร่งได้เพียงนี้!” ฉินหยุนยังคงตระหนกตกใจต่ออำนาจทำลายล้าง

“ย่อมเป็นเช่นนั้น! เจ้าครอบครองจารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง เมื่อใดเจ้าแกะสลักอักขระธาตุไฟ ความแม่นยำจึงสูงล้ำ นี่จึงเป็นการเพิ่มพลังแก่มันอย่างมหาศาล! นอกจากนี้ อักขระดวงดาวของเจ้าหาได้ใช่อักขระดวงดาวทั่วไปไม่!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

อักขระดวงดาว และอักขระจันทราที่ฉินหยุนครอบครอง พวกมันคือสมบัติล้ำค่าที่สุดของประตูจารึก พวกมันคืออักขระต้องห้ามตั้งแต่ครั้งโบราณกาล

กองกำลังฮัวเทียนถูกทำลายอย่างราบคาบ!

แต้มของฉินหยุนพุ่งทะยานอีกกว่าเก้าร้อยในพริบตา ตอนนี้ มันเกินกว่าหนึ่งพันห้าร้อยเข้าไปแล้ว

ฮัวซือเยวี่ยออกไปค้นหาฉินหยุนอยู่ทั่วสารทิศนอกเมือง

เป็นเขาไม่อาจหาตัวฉินหยุนได้พบ ดังนั้นจึงได้แต่ต้องกลับเมืองไปพัก

แต่ขณะกลับสู่เมือง เขาพลันได้เห็นคนของกองกำลังฮัวเทียนทั้งหมดปรากฏตัวในเขตเมือง

เขตเมืองเวลานี้อัดแน่นด้วยศิษย์จำนวนมาก กองกำลังฮัวเทียนซึ่งถูกทำลายล้าง เมื่อคิดเข้าสู่เขตแดนจินตภาพอีกครั้ง ย่อมต้องปรากฏตัวที่เขตเมือง

การปรากฏตัวจำนวนมหาศาลเพียงนี้ ส่วนใหญ่มันหมายความถึงทั้งกองกำลังถูกทำลาย

“พวกเจ้า... เหตุใดจึงมาที่นี่?” แม้ฮัวซือเยวี่ยคาดเดาคำตอบได้ภายในใจ กระนั้นก็ยากที่จะเชื่อจนต้องถามออก

“พวกเราถูกกวาดล้าง!” ชายวัยกลางคนในชุดขาวเผยสีหน้ากราดเกรี้ยว เขาคือกุนซือของกองกำลัง ฉู่ปาจง

“พวกเราโดนกองกำลังชุดดำลงมืออย่างนั้นหรือ?”

ฮัวซือเยวี่ยพลันนึกถึงกองกำลังชวนขนลุกดังกล่าว เพราะทั่วทั้งเขตแดนจินตภาพ มีแต่กองกำลังดังกล่าวจึงมีอำนาจพอสร้างเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ได้

“เป็นฉินหยุน! ดูมัน ตอนนี้มีแต้มถึงหนึ่งพันห้าร้อย!” ฉู่ปาจงกราดเกรี้ยว

ได้ยินคำฉู่ปาจง ศิษย์ใกล้เคียงต่างหลับตาลง เพื่อรับชมเทียบอันดับยุทธ์เต๋า

แต้มของฉินหยุนอยู่ที่หนึ่งพันห้าร้อย ตอนนี้เขาอยู่ลำดับที่เจ็ดสิบ

เรื่องนี้ทำเอาทั่วทั้งเขตเมืองฮือฮา!

กองกำลังฮัวเทียนแข็งแกร่งและทรงอำนาจ กระนั้นฉินหยุนเพียงลำพังกลับกวาดล้างได้จนสิ้น

“นี่มันทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้! กระทั่งเป็นข้า ก็ไม่อาจกวาดล้างพวกเจ้าในคราวเดียวพร้อมกันเช่นนี้ได้!”

ฮัวซือเยวี่ยกำหมัดแน่น หน้าผากแทบเผยเส้นเลือดดำเต้นตุบตับปรากฏ ออร่ารุนแรงกำลังทะลักล้นจากกายเขา

“มันใช้ยันต์ลึกล้ำ! ข้าเดาว่ามันลักลอบเข้ามาในฐานพวกเรา จากนั้นจึงติดตั้งยันต์ลึกล้ำเอาไว้ทั่ว” ฉู่ปาจงยิ่งมีโทสะ “ตัวบัดซบผู้นี้เป็นอาจารย์จารึก ตอนนี้มันก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ย่อมสามารถสร้างยันต์ลึกล้ำได้!”

ฝูงชนพอได้ยิน พวกเขายิ่งรู้สึกหวาดกลัวจนถึงก้นบึ้งหัวใจ

คิดแลกเปลี่ยนยันต์ลึกล้ำ ก็จำเป็นต้องใช้แต้มหลายร้อยต่อแผ่น

เพราะฉินหยุนทราบวิธีการสร้างยันต์ เขาจึงสร้างพวกมันจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถทำลายทั้งกองกำลังด้วยตนเองได้

“ฉินหยุน ไอ้สวะชั้นต่ำ มันถึงขั้นกล้ายั่วยุข้า!” ฮัวซือเยวี่ยยิ่งมายิ่งมีโทสะขณะคำรามเสียงดังสนั่น “ฉินหยุน ข้าจะทำให้ชีวิตเจ้าเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”

ฉินหยุนกำลังยินดี เพราะได้กวาดล้างกองกำลังของฮัวซือเยวี่ยจนหมดสิ้น ทั้งเขาและหลงเฉียวเฟิงกำลังมุ่งหน้าออกไปจากพื้นที่น้ำแข็งและหิมะ

“ให้ข้าไปพบจีหลางดีหรือไม่?” หลงเฉียวเฟิงเอ่ยถาม

“จีหลาง? กองกำลังมันจะให้แต้มแก่ข้าเท่าใด?” ฉินหยุนคิดอยากเพิ่มแต้มโดยเร็วที่สุด

“น่าจะราวห้าถึงหกร้อย แต่พวกเราต้องกวาดล้างทั้งกองกำลัง นับจากนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีก” หลงเฉียวเฟิงกล่าว “หลังจากที่กองกำลังฮัวเทียนถูกกวาดล้าง กองกำลังอื่นย่อมตรวจตราเข้มงวด เป็นไปได้ว่าทุกกองกำลังจะไปรวมตัวกันอยู่ที่เดียวด้วยซ้ำ!”

“อย่างนั้นกลับเมืองก่อนแล้วกัน” ฉินหยุนกล่าว “ฮัวซือเยวี่ยสมควรอยู่ที่นั่น ข้าจะได้สอนบทเรียนแก่มันสักคราหนึ่ง!”

“สมกับเป็นเจ้านัก!” หลงเฉียวเฟิงคาดหวัง ว่าฉินหยุนจะกวาดล้างกองกำลังของจีหลางจนสิ้น เป็นนางเกลียดชังหน้าโง่ผู้นั้นจนถึงทรวง

ในเขตเมือง หลายคนต่างมารวมตัวกัน

พวกเขาที่เพิ่งมาถึง กำลังหารือกันเรื่องที่ฉินหยุนกวาดล้างกองกำลังฮัวเทียน

ชั่วเวลานี้ คนของกองกำลังฮัวเทียนต่างอยู่ที่ด้านนอกอาคารขายยันต์เพื่อประท้วง

หัวข้อการประท้วง คือฉินหยุนทำลายความสมดุลของเขตแดนจินตภาพ นี่เป็นเพราะหากผู้ใดทราบวิธีการสร้างยันต์ เช่นนั้นย่อมมียันต์จำนวนมากในครอบครองโดยไม่ต้องใช้แต้มแลกเปลี่ยน

สำหรับศิษย์อื่นที่ไม่ทราบวิธีการสร้างยันต์ เรื่องนี้ถือเป็นหายนะครั้งร้ายแรง

ท่ามกลางบรรดาศิษย์ทั้งหมดที่นี่ มีแต่ฉินหยุนที่ทราบวิธีการสร้างยันต์!

ผู้ใต้บัญชาส่วนใหญ่ของฮัวซือเยวี่ย ต่างเป็นศิษย์ของหอพิทักษ์กฎ พวกเขาย่อมไปทักท้วงถึงเรื่องนี้ในโลกภายนอกด้วย

โดยเฉพาะฮัวซือเยวี่ย เขามุ่งตรงไปพบอาจารย์ของตน ก่อนจะไปพบแม่เฒ่าหม่า

ในหอพิทักษ์กฎ ผู้อาวุโสชุดดำหลายคนต่างหารือถึงเรื่องนี้กันอยู่

“ท่านยายหม่า เรื่องราวเกิดขึ้นถึงเพียงนี้แล้ว ท่านต้องห้ามปรามฉินหยุน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขตแดนจินตภาพมีแต่จะปั่นป่วนด้วยฝีมือของเขา!” ฮัวซือเยวี่ยทักท้วงเสียงแข็ง

“ในเขตแดนจินตภาพ ยันต์และอาวุธคงอยู่มาโดยตลอด ตราบเท่าที่มีความสามารถ ย่อมสร้างมันขึ้นได้ อย่างไรแล้ว พวกเราต่างสามารถเรียนรู้หนทางจารึกแห่งเต๋ากันได้ ดังนั้นจึงไม่เคยมีข้อห้าม”

แม่เฒ่าหม่ากล่าวต่อ “หอพิทักษ์กฎของเราทำได้แต่มองข้ามเรื่องนี้ พวกเราไม่อาจจำกัดความสามารถผู้ที่สามารถสร้างยันต์ได้!”

ฮัวซือเยวี่ยขมวดคิ้ว “อย่างนั้นแล้ว... กรณีนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะห้ามฉินหยุนเข้าสู่เขตแดนจินตภาพ?”

“ตราบเท่าที่เป็นศิษย์นอกของนครเซียนยุทธ์ภัณฑ์หรือสูงกว่านั้น ย่อมมีสิทธิ์การเข้าร่วมเขตแดนจินตภาพ หากเจ้าคิดอยากห้ามฉินหยุน เช่นนั้นเจ้าต้องไปพบท่านจ้าวสำนัก!” แม่เฒ่าหม่ากล่าว “เจ้าลองไปพูดคุยกับท่านจ้าวสำนักดูได้!”

อาจารย์ของฮัวซือเยวี่ยคือผู้อาวุโสราชันยุทธ์ เขาเร่งรีบกล่าวคำ “ท่านยายหม่า ท่านทราบดีถึงเรื่องราว ตราบเท่าที่ฉินหยุนอยู่ที่นั่น ศิษย์พวกเราทั้งหมดมีแต่จะตกเป็นเป้า!”

ฮัวซือเยวี่ยเสริมคำ “ท่านยายหม่า หากไม่ห้ามปรามฉินหยุน พวกเราคงได้แต่ต้องหลบเลี่ยงศิษย์ผู้อื่นในการเข้าเขตแดนจินตภาพ นี่ก็เพื่อไม่ให้ฉินหยุนได้รับแต้มเพิ่มขึ้น!”

“พวกเจ้ากำลังทำข้าลำบากใจ!” แม่เฒ่าหม่าถอนหายใจ “หากมีศิษย์ไม่เพียงพอ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่อาจดำเนินการต่อ ผู้คนจะยากต่อการได้รับแต้ม!”

“ท่านยายหม่า กองกำลังฮัวเทียนของข้าต่างเป็นศิษย์ของหอพิทักษ์กฎ ท่านไม่คิดเกื้อหนุนพวกเรา แต่เลือกที่จะเกื้อหนุนแก่สวะเช่นฉินหยุนอย่างนั้นหรือ?” ฮัวซือเยวี่ยเริ่มมีโทสะ

สีหน้าแม่เฒ่าหม่าดำมืด “เด็กน้อย เจ้าจงเคารพข้าให้มากกว่านี้! ฉินหยุนหรือสวะ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาสร้างความดีความชอบเอาไว้มากมายเพียงใด?”

“เช่นกัน ด้วยฐานะหนึ่งในห้าสุดยอดผู้พิทักษ์แห่งหอพิทักษ์กฎ หากข้าช่วยเหลือศิษย์ของหอพิทักษ์กฎ อย่างนั้นผู้อื่นจะพูดกล่าวถึงข้าอย่างไร? เอาเถอะ นับจากวันนี้ ข้าขอขับไล่เจ้าออกไปให้พ้นจากหอพิทักษ์กฎเสีย!”

อาจารย์ของฮัวซือเยวี่ยกลายเป็นร้อนใจเร่งรีบผลักหลังฮัวซือเยวี่ยให้โค้งคำนับ “เร่งรีบขออภัยต่อท่านยายหม่า!”

ฮัวซือเยวี่ยพอได้ทราบ ว่าแม่เฒ่าหม่าคิดขับไล่ตนออกจากหอพิทักษ์กฎ เขายิ่งเป็นกังวลพร้อมเร่งร้อนโค้งศีรษะขออภัย

หอพิทักษ์กฎดูแลบุคคลของตนอย่างดีเยี่ยม และการเข้าร่วมถือเป็นเรื่องยากเย็น

หากฮัวซือเยวี่ยถูกขับไล่ ไม่เพียงแต่สูญเสียการดูแลที่เคยมี แต่ยังจะกลายเป็นที่ขบขัน

“หากพวกเจ้าคิดอยากจัดการฉินหยุน ที่สมควรทำคือร่วมมือกัน ใช้สิ่งที่มีในมือทั้งหมดเพื่อจับตัวเขาเอาไว้ จากนั้นจึงทรมานเขา บีบบังคับให้ออกไปพ้นจากเขตแดนจินตภาพจนต้องสูญเสียแต้ม” แม่เฒ่าหม่าแค่นเสียงดัง “นี่จึงเป็นวิธีการที่ผู้แข็งแกร่งสมควรกระทำ! แต่ตัวเจ้า เพียงแต่ทราบวิธีการร้องขออาจารย์ของตนให้มาพบข้า! มองครั้งเดียวก็ทราบ ว่าเจ้าเป็นตัวตนเศษเดนไร้ค่าเพียงใด!”

“ฉินหยุนถูกสะกดข่มโดยฝ่ายตระกูลใหญ่ เป็นเขายอมเสียสละแต้มต้นเองนับพัน กระนั้นเขากลับไม่เคยร้องทุกข์ต่อข้าว่าผู้อื่นทำอย่างไรต่อตนเอง กลับกัน เป็นเขาตั้งมั่นในการฝึกฝน ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ จากนั้นจึงมุ่งหน้าตรงล้างแค้นกองกำลังใหญ่ที่มีเรื่องกับเขาด้วยตนเอง!”

ฮัวซือเยวี่ยกำหมัดแน่น ปากไม่อาจกล่าวคำใดได้ นี่ก็เพราะในสายตาของแม่เฒ่าหม่า ตัวเขายังห่างไกลกับฉินหยุนนัก

“ท่านยายหม่า ข้าย่อมทำให้ท่านได้เห็น ว่าฉินหยุนผู้นั้นอ่อนด้อยกว่าข้าเพียงใด!” กล่าวคำจบ ฮัวซือเยวี่ยจึงจากไปพร้อมโทสะสุมอัดแน่น

ศิษย์ส่วนใหญ่ต่างประทับใจในตัวฉินหยุน เพราะฉินหยุนประสบความสำเร็จในเขตแดนจินตภาพ

ด้วยฉินหยุนถูกฝ่ายตระกูลใหญ่รังแก ผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้เขาต้องสูญเสียหนึ่งพันแต้ม ท้ายที่สุดแล้ว เขาเลือกยืนหยัดขึ้นมา พร้อมเข้ากวาดล้างกองกำลังฮัวเทียนที่แข็งแกร่งอย่างราบคาบ

ในสถานที่แห่งนี้ ศิษย์หลายคนถูกรังแกโดยศิษย์ฝ่ายตระกูลใหญ่อยู่บ่อยครั้ง

เพราะด้วยกำลังของพวกเขาไม่เพียงพอ ในสายตาของศิษย์ฝ่ายตระกูลใหญ่ พวกเขาจึงเป็นเพียงแต้มเคลื่อนที่พร้อมให้ถูกรังแก

ฉินหยุนกลับถึงเมือง นอกจากนี้ยังมาด้วยท่วงท่าองอาจ มือถือกระบี่ ยืนหยัดอยู่ที่นอกประตูเมือง

ทันทีที่ฮัวซือเยวี่ยกลับเข้าสู่เขตแดนจินตภาพ เขาจึงได้ทราบ ว่าฉินหยุนอยู่ที่นอกประตูเมือง จึงเร่งรีบพุ่งทะยานร่างไป

“ฉินหยุน ข้าหาตัวเจ้าไปทั่วทุกที่ ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะเสนอหน้าออกมาเอง! ตั้งแต่เจ้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ คล้ายจะอวดดีขึ้นไม่น้อย!”

ฮัวซือเยวี่ยสวมใส่ชุดสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาเผยความดำมืดและเคร่งเครียด ดวงตาของเขาสุมอัดแน่นด้วยโทสะและจิตสังหาร

“ข้าหรืออวดดี? แม้ข้าทำลายกองกำลังฮัวเทียนเจ้าไป ข้ารู้สึกว่านั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก กองกำลังสวะของเจ้าถูกทำลายโดยไม่แม้จะได้เห็นตัวข้าด้วยซ้ำ แทบไม่ทำข้าเปลืองแรงแต่อย่างใด” ฉินหยุนส่ายศีรษะพลางยิ้มแสยะ

“เจ้าก็ดีแต่อาศัยยันต์ลึกล้ำ! หากเจ้าไม่ใช้ยันต์ลึกล้ำ คิดหรือว่าจะเอาชนะกุนซือของข้าได้!” ฮัวซือเยวี่ยเผยเสียงเย็น

“อย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนรองผู้นำที่ข้าสังหารไป จะเลวร้ายกว่ากุนซือเจ้าอย่างนั้นสินะ ช่างเป็นตัวตนไร้ประโยชน์นัก ทว่ากลับได้เป็นถึงรองผู้นำ กองกำลังเจ้าช่างน่าสมเพชเสียจริง!”

เซียฉู่เฟิงเป็นรองผู้นำกองกำลังฮัวเทียน ก่อนหน้านี้ เขาถูกฉินหยุนเรียกหาเป็นหลานชายพร้อมถูกสังหาร ครานี้ได้ฟังคำกล่าว เขายิ่งมีโทสะ

กุนซือฉู่ปาจงย่อมอยู่ใกล้เคียง สีหน้าของเขาอัดแน่นด้วยเจตนาคิดสังหาร

ฉินหยุนเผยยิ้ม “พวกเจ้าสามคนคิดรุมข้าหรือ? เช่นนั้นจงเข้ามา!”

“พวกเจ้าจงถอย ให้ข้าจัดการมันเอง!” ฮัวซือเยวี่ยเผยเสียงเย็นเยือก

“หัวหน้า ให้ข้าลงมือเอง! ข้าเพียงตั้งระวังยันต์ลึกล้ำของมันก็พอ! ชายผู้นี้แทบไม่จำเป็นต้องใช้ยันต์ลึกล้ำยังมีชัยเหนือแม่นางหลงเฉียวเฟิงได้ กระนั้นก่อนหน้านี้ไม่นาน มีคนเห็นเขาโดนหลงเฉียวเฟิงไล่ต้อนโจมตี!”

ฉู่ปาจงยิ้มเย็น เป็นเขามั่นใจอย่างยิ่ง

“ใช่แล้ว ที่ข้าพ่ายแพ้ต่อฉินหยุนก็เพราะมันลอบโจมตี!” เซียฉู่เฟิงตะโกนกล่าว

“หลานชายเอ๋ย ข้าหาได้ลอบโจมตีไม่! เป็นเจ้าโป้ปด และการโป้ปดถือเป็นเรื่องไม่ดี!” ฉินหยุนกล่าวย้ำเตือนอีกฝ่ายเสียงดัง

“ฉินหยุน ให้ข้าบดขยี้เจ้าจนถึงแก่ความตายเสีย!” เซียฉู่เฟิงคำรามร้องก่อนทะยานร่างเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด