ตอนที่แล้วตอนที่ 19: ลุ่ยลุ่ย เจ้าหัวขโมย! [ฟรี 02 พ.ค. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21: ตำนานเป็นได้แค่ตำนาน [ฟรี 09 พ.ค. 63]

ตอนที่ 20: แผนละเอียด แบ่งผลประโยชน์ [ฟรี 03 พ.ค. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 20: แผนละเอียด แบ่งผลประโยชน์

ยวินหยางมองชายที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง เขาเป็นชายร่างยักษ์ บึกบึนกำยำ จากความยาวของเตียงที่นอนอยู่ สามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าเขาจะต้องเป็นมนุษย์องอาจผู้มีพละกำลังมหาศาลอย่างแน่นอน ยวินหยางทำการตรวจสอบ อดที่จะถอนหายใจยาวไม่ได้ ต่อให้รอดมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีความหมายใด ๆ

อย่างน้อยกระดูกห้าท่อนแตกละเอียด อวัยวะภายในส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย ตันเถียนแตกสลาย เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บจากแรงมหาศาลโดยตัดสินจากรอยยุบในกะโหลก แผ่นหลังมีรอยขีดข่วนมากมาย แต่ละรอยลึกไปถึงกระดูก ยิ่งไปกว่านั้น มีบาดแผลจากดาบสองแห่งที่แทงหน้าอกทะลุไปถึงหลัง

“เขาหาทางประคองสติได้ทั้งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนไปล้มตอนมาถึงเมืองเทียนถัง…” ยวินหยางขมวดคิ้ว “นี่ทำให้เขาเป็นยอดฝีมือ อยู่ในระดับเทียบเท่ากับเหล่าเหมย หรืออาจจะสูงกว่า”

ขณะวางมือบนชีพจรของชายผู้หมดสติ เขาเรียกแผ่วเบา “ลุ่ยลุ่ย!”

ตอนนี้เอง อากาศชีวิตบริสุทธิ์พุ่งออกจากดอกบัวแห่งโชคชะตาอนันต์ผ่านมือของเขาเข้าสู่ร่างกายของชายคนนี้ หลังจากการไหลในครั้งแรก ลุ่ยลุ่ยตัดการลำเลียง คล้ายการหยุดสุราที่กำลังทะลักออกมา ขณะแกว่งไกวเล็กน้อย มันยืนกรานที่จะปฏิเสธการให้มากกว่านี้ถึงแม้ยวินหยางจะโน้มน้าวก็ตาม เขาแทบจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายบอกว่า “พอ พอแล้วจริง ๆ …”

“ไม่ใช่แค่หัวขโมยอย่างเดียว เจ้ายังตระหนี่ถี่เหนียวอีก!” ยวินหยางกล่าวอย่างรังเกียจ

ต้องยอมรับว่าอากาศแห่งพลังชีวิตที่ไหลมาจากลุ่ยลุ่ยมีศักยภาพยิ่ง ถึงแม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยว แต่ยวินหยางสามารถสัมผัสได้ว่าการหายใจอันยากลำบากของชายคนนี้ดีขึ้นขณะชีพจรเต้นปกติ ผิวซีดกลับมาดีขึ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นกัน

ขณะรอให้ชายคนนี้กลับมามีสติ ยวินหยางทำการฝึกฝน ลิงพันมายาและลูกแมวห้าตัวล้อมรอบเขาขณะออกท่าทาง ลิงหนึ่งตัว แมวอสนีหนึ่งตัวและสัตว์ร้ายวิเศษทารกระดับที่สี่หรือมากกว่าเบียดเสียดเข้าหากัน มองดูแล้วเหมือนกับครอบครัวที่เป็นปึกแผ่นกลมเกลียวในโลกใบนี้

เวลาผ่านไปสักพักจนกระทั่งชายคนนั้นถามด้วยเสียงอ่อนแรงว่า “ที่นี่… ที่ไหน?”

ยวินหยางหยุดการฝึกฝนขณะมองมา ชายคนนั้นได้สติแล้วขณะดวงตาลืมขึ้น สายตาขยับไปมาอย่างยากลำบากขณะมองรอบข้าง

“นี่คือบ้านของข้า เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พักผ่อนเถอะ เจ้าเพิ่งได้สติเอง” ยวินหยางตอบ

“ขอบ… คุณ!” ชายคนนั้นตอบ

“อย่าห่วงไปเลย” ยวินหยางยืนขึ้น “ข้าแค่แสดงความใจดีเล็กน้อยเท่านั้น วางใจเถอะ”

จากนั้นเขาออกจากห้องไป ถึงแม้จะรู้ว่าคนคนนี้สามารถเป็นยอดฝีมือได้ แต่ยวินหยางไม่เต็มใจที่จะคลายความระวังก่อนจะรู้ได้ว่าชื่อกับภูมิหลังของบุคคลลึกลับผู้นี้คืออะไร

ภายใต้กันสาดดอกไม้ ยวินหยางยกถ้วยชาขึ้นจิบช้า ๆ

เหล่าเหมยกำลังฝึกฝนในห้องด้านข้าง สามารถรู้สึกได้ถึงลมปราณวิเศษที่อบอวลในอากาศเป็นคลื่นแผ่วเบา ดวงอาทิตย์ลอยต่ำในท้องฟ้ายามสายัณห์ บอลแสงสว่างที่กำลังตกลงย้อมดินแดนให้เป็นสีชาดสดใส สายลมพัดพากลิ่นหอมสดชื่นมา เงาผอมเพรียวของจี้หลิงปรากฏขึ้นที่ด้านข้างยวินหยาง นางมองเขาอย่างสงสัย “เจ้ามาที่นี่เพื่อครุ่นคิดเสมอหรือ?”

ยวินหยางตอบว่า “ใช่ เพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะมาหายังไงล่ะ”

จี้หลิงหัวเราะเบา ๆ หลังจากเจออีกฝ่ายตอบอย่างมุทะลุเข้าไป “ถ้าเจ้าอ้างว่ากำลังดูข้ารับใช้ชายฝึกฝนอยู่ยังนับว่ารับได้อยู่ดี ทำไมต้องอ้างว่าข้าจะมาหาเจ้าด้วย? ให้ตายเถอะ นายน้อยยวิน เจ้าต้องขัดเกลาทักษะการโกหกหน่อยนะ”

ยวินหยางยังคงหนักแน่นขณะถามว่า “ถ้าเจ้าไม่ได้มาหาข้า แล้วทำไมถึงมาที่นี่ในเวลาแบบนี้ล่ะ?”

จี้หลิงกระทืบเท้าด้วยฉุนเฉียว “ก็ได้! ข้ามาหาเจ้านั่นแหละ”

คิ้วของยวินหยางยกขึ้น “มีอะไรล่ะ?”

จี้หลิงขมวดคิ้วด้วยความสับสนขณะกล่าวว่า “มีหลายสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ”

ยวินหยางตอบว่า “แย้งมาได้เลยถ้าข้าพูดผิด แต่มันไม่จริงหรือที่มีสามปริศนาที่เจ้าไม่สามารถเข้าใจได้?”

จี้หลิงตอบอย่างไม่เชื่อว่า “โห? เจ้ารู้ว่าข้าไม่เข้าใจเรื่องไหนงั้นหรือ?”

ยวินหยางเม้มริมฝีปากก่อนตอบว่า “ข้อแรก เจ้ากำลังสงสัยว่าทำไมข้าถึงสร้างความขัดแย้งกับซีเหมินวั่นไต้ ด้วยการตัดสินอันแม่นยำ ประสบการณ์และปัญญาของข้าแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไม่รู้ว่าเขาคือใครก่อนจะแนะนำตัวเอง เช่นนั้นทำไมข้ายังตัดสินใจหาเรื่องเขาอีกล่ะ?”

ถึงจะเป็นเช่นนั้น จี้หลิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ถูกต้องเลย! เจ้าไม่น่าใช่คนหน้าด้านแบบนั้น”

ยวินหยางยิ้มอย่างรู้ทันก่อนกล่าวต่อว่า “ข้อสอง เจ้ากำลังสงสัยว่าทำไมข้าไม่ถอยต่อให้ซีเหมินวั่นไต้ประกาศตัวตนแล้วและถึงขั้นทำให้เรื่องเหลวไหลเข้าไปใหญ่ด้วยการหยิบยกรางวัลขึ้นมาอ้างเพื่อทำให้ครอบครัวซีเหมินขุ่นเคือง”

จี้หลิงทึ่งมากยิ่งขึ้น “ใช่ ใช่!”

“ข้อสุดท้าย เห็นได้ชัดว่าข้าไม่มีสัตว์ร้ายวิเศษทารกระดับที่เก้า แต่ข้าบอกกับซีเหมินวั่นไต้ว่ามีทำการเดิมพัน ผลที่ได้ ผู้คนมากมายคิดว่าข้าครอบครองสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้า คนพวกนี้บางส่วนอันตรายด้วย ที่พักยวินและข้าอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่มากเพราะเป็นใจกลางน้ำวนใหญ่ เจ้าต้องสงสัยแน่ว่าทำไมข้าถึงทำแบบนั้น”

น้ำเสียงของยวินหยางสงบนิ่งขณะร่ายสิ่งที่รู้จากจิตใจของจี้หลิงให้ฟัง

“คนเหล่านี้ผู้คิดว่าข้ามีสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าจะต้องคิดหาทางแย่งมันไปจากข้าในขณะที่ความสามารถของข้าตกต่ำยิ่งจนไม่มีทางสามารถพยายามสู้กับพวกเขาได้ ข้าอาจจะทำให้ทั้งครอบครัวตกอยู่ในอันตราย เจ้าอยากรู้ว่าทำไมข้าถึงทำแบบนั้น” ยวินหยางกล่าวพร้อมเผยยิ้มออกมา ภายใต้แสงสาดส่องของดวงจันทร์ รอยยิ้มขอเขาถึงกับดูไร้มลทินราวแสงจันทร์

จี้หลิงตกตะลึง “ใช่เลย! เจ้ารู้ทุกอย่าง ถึงอย่างนั้นยังจะพุ่งเข้าไปชนอีก! เจ้าจะปกป้องตัวเองจากแปดครอบครัวอันดับต้น ๆ ยังไง? เจ้าเป็นคนบ้าที่รนหาที่ตายงั้นหรือ?”

ยวินหยางเพียงยิ้มและยังคงเงียบ

“ทำไม ทำไมเจ้าถึงทำแบบนั้น?” จี้หลิงงงงวยมากยิ่งขึ้น นางคิดเสมอว่ายวินหยางทำไปเพราะมีแรงจูงใจพื้นฐาน ทว่า ถึงแม้จะเค้นสมองจนถึงจุดที่ไม่รู้สึกตัวแล้ว นางยังไม่สามารถหาเหตุผลที่มาขับเคลื่อนการกระทำของยวินหยางได้ เขาวางแผนที่จะเคลื่อนไหวหลังจากจบการเดิมพันครั้งนั้นอย่างไร ศักดิ์ศรีพ่ายให้กับความสงสัยที่ท่วมท้น นางมาที่นี่เพื่อตามหาสิ่งที่อยากรู้ ใครจะรู้ล่ะว่าชายคนนี้จะคาดเดาเอาไว้แล้ว นางมีความคิดครึ่งหนึ่งที่อยากจะตบรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้านั่น!

“ถ้าข้าสู้ไม่ไหวก็ยังมีเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ?” ยวินหยางยิ้ม

“ข้าไม่สน!” ดวงตาของจี้หลิงหรี่จาดูอันตราย “หยุดพูดจาอ้อมค้อมได้แล้ว พูดความจริงมา”

“เจ้าอยากรู้จริง ๆ หรือ?” ในที่สุดยวินหยางหันมาส่งสายตาคมปลาบให้

“อยาก!” จี้หลิงตะโกนอย่างขุ่นเคือง

“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไม่บอกเจ้า…” ยวินหยางตัดบทอย่างสุภาพ

“เจ้า!” ในที่สุดจี้หลิงระเบิดลง ส่งม้านั่งหินให้ลอยไปด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว “โอ๊ย! เจ้าอยากให้ข้าอกแตกตายหรือไง!”

ยวินหยางหัวเราะเสียงดังกับคำตอบของนาง สำหรับจี้หลิง มันคือเสียงหัวเราะสะใจกับความอับอายของนาง

แต่ลึก ๆ แล้ว ยวินหยางรู้สึกจนใจเช่นกัน ถูกต้องแล้วที่มันเป็นความความตั้งใจของเขาในการเล่นงานครอบครัวซีเหมินและกระจายข่าวลือเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าออกไป

ทว่า แรงจูงใจที่แท้จริงของเขายังถูกปิดตายเอาไว้ในตอนนี้

“ถ้าข้าอยากจะชนกับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เท่าหอคอยสี่ฤดู ข้าต้องเริ่มจากวางแผนให้รอบคอบเสียก่อน” ยวินหยางไม่หวั่นไหวกับความเชื่อนี้ นับตั้งแต่เขาทราบถึงตัวตนของหอคอยสี่ฤดูที่ทำให้ผู้น้อยแปดร้อยคนกับพี่น้องแปดคนตายจากแผนการของอีกฝ่าย ยวินหยางตัดสินใจได้ถึงการกระทำก้าวต่อไป

การเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องที่ดี

ต่อให้เก้าใหญ่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาปลดปล่อยพลังยิ่งใหญ่ พวกเขายังไม่ใช่ศัตรูที่ควรค่ากับหอคอยสี่ฤดู ถ้าทั้งจักรวรรดิยวี่ถังร่วมมือกันพยายามโจมตีหอคอยสี่ฤดู ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะถอนรากถอนโคนองค์กรลึกลับนี้ ขณะปกคลุมด้วยความลึกลับซับซ้อน ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของหอคอยสี่ฤดู

นับจากนั้นมา ยวินหยางวางแผนการ

“ตัวตนของข้าในฐานะเมฆายิ่งใหญ่ไม่เคยถูกเปิดเผย ทว่า ชีวิตของข้าในฐานะยวินหยางสงบสุขดี ดังนั้น ข้าจะเริ่มจากสร้างสถานการณ์อันตรายให้ตัวเองก่อน”

“ถ้าข้าตายในคลื่นพายุลูกนี้ก็ต้องเป็นไปตามนั้น”

“ทว่า ถ้าข้าสามารถปรากฏตัวโดยไร้รอยขีดข่วนได้ ข้าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกอย่าง ‘สัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้า’ สี่คำนี้เพียงอย่างเดียวก็ดึงดูดครอบครัวมีอิทธิพลจำนวนมากให้มารุมทำร้ายได้แล้ว จากนั้นข้าจะสามารถประยุกต์ใช้สถานการณ์เหล่านี้เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์!”

“ขึ้นอยู่กับข้าว่าจะใช้พวกมันได้ดีแค่ไหน”

ยวินหยางยิ้มอย่างมีนัย

“การเดินบนเชือกไต่เป็นสิ่งที่มากเกินไป!”

ในคืนเดียวกัน นายน้อยเจ็ดคนรวมตัวในลานบ้านของยวินหยาง พวกเขาทุกคนเผยความยินดีในดวงตา ความกระตือรือร้นมาจากใจจริง ทุกคนต่างรู้ดีว่ายวินหยางกำลังยินดีกับโชคลาภที่เพิ่งได้รับมา

“พี่น้องเอ๋ย ข้าเรียกพวกเจ้าทุกคนมาที่นี่เพื่อทำข้อตกลงกัน” ยวินหยางยิ้มขณะยกกุณโฑขึ้น “ก่อนจะคุยอะไรกันต่อ มาดื่มเพื่ออนาคตอันสดใสกันเถอะ!”

“ชนแก้ว!” นายน้อยทั้งเจ็ดคนแผดเสียงพร้อมกันก่อนดื่มเข้าไปรวดเดียว

“อย่างที่ทุกคนทราบ ข้าเพิ่งได้ยาเม็ดวิเศษระดับที่เจ็ดสองเม็ด หินวิเศษห้าร้อยก้อนและคริสตัลวิเศษสามสิบก้อน” ยวินหยางนับพวกมันทีละอย่าง “ข้าอยากเก็บหินวิเศษเหล่านั้นเอาไว้สามร้อยก้อน ดังนั้นย่อมอยากใช้บริการจากพี่น้องเพื่อทำการแลกเปลี่ยนกับหินอีกสองร้อยก้อนที่เหลือ ข้ายังอยากเก็บคริสตัลวิเศษเอาไว้ยี่สิบก้อน นั่นหมายความว่าต้องการให้พวกเจ้าช่วยเหลือด้วยสิบก้อนที่เหลือ”

ดวงตาของนายน้อยเจ็ดคนทอประกายด้วยความโล�

ลาภลอยอะไรอย่างนี้!

“ทั้งหมดนี้ ข้าเพียงต้องการสามล้านตำลึงทองเท่านั้น ผลประโยชน์ที่เหลือจากการขาย เออ ข้าแนะนำว่าให้แบ่งกับพี่น้องเจ็ดคนที่อยู่ที่นี่” ยวินหยางยิ้มเหี้ยม “ถึงอย่างไร เรื่องที่จะแพร่งพรายในสิ่งที่พวกเจ้าทำในอดีต มันถึงเวลาที่ข้าจะต้องตัดขาดมันทิ้งแล้วล่ะ”

เขาไม่คิดมากที่จะพูดจาให้ดูดี ความเถรตรงนั้นมากพอจะทำให้ดวงตาของนายน้อยทอประกายสดใสมากยิ่งขึ้น

มันมีค่าที่จะกำจัดสิ่งเหล่านี้ทิ้งไปต่อให้ไม่หาทางขายพวกมันก็ตาม!

ยาเม็ดวิเศษระดับที่เจ็ดสองก้อนเพียงอย่างเดียวมีมูลค่าหลายล้านตำลึงทองแล้ว แถมนั่นเป็นราคาประเมินขั้นต่ำด้วย หินวิเศษสองร้อยก้อนสามารถแลกเป็นหนึ่งหมื่นตำลึงทองต่อหนึ่งก้อนได้ เรื่องนี้ใคร ๆ ก็รู้ ส่วนคริสตัลวิเศษสิบก้อนที่เหลือ ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้จากการขายมันยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่!

ยวินหยางมอบโอกาสให้พวกเขาได้รับยี่สิบล้านตำลึงทองต่อคน แถมนั่นเป็นการประมาณการณ์เท่านั้น! ทว่า เมื่อความประหลาดใจแรกผ่านไป พวกเขาเริ่มเกาศีรษะด้วยความสับสน

หลายปีมานี้ที่ได้รู้จักอีกฝ่าย ยวินหยางไม่เคยใจกว้างเช่นนี้ ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจ?

“นายน้อยยวิน เจ้าทำแบบนี้ทำไม?” นายน้อยหลิงเปิดปากถาม “ทำแบบนี้เจ้าเท่ากับเสียประโยชน์เลยนะ!”

“ไม่ถูก พวกเราล้วนได้ประโยชน์จากสิ่งนี้” ยวินหยางยิ้มอบอุ่น “มันน่าแปลกหรือที่ข้าอยากมอบบางสิ่งคืนให้หลังจากเคยพรากหลายสิ่งจากพวกเจ้าไปในอดีต? ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์หรอก แน่นอน นอกจากนี้ มันมากพอสำหรับข้าแล้วหากครอบครัวพวกเจ้าสามารถช่วยข้าเมื่อต้องการได้ พวกเจ้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่?”

นายน้อยเจ็ดคนมองหน้ากัน พวกเขาทุกคนรู้ว่าความคิดของอีกฝ่ายคืออะไรก่อนพยักหน้าพร้อมเพรียง “ตกลง!”

ถึงแม้พวกเขาล้วนรู้ว่านายน้อยยวินจะไม่มีทางเสียผลประโยชน์จากข้อตกลง แต่ข้อตกลงนี้ยังล่อตาล่อใจอยู่ดี เขาเพียงขอความช่วยเหลือจากครอบครัวด้วยการแลกกับส่วนแบ่งชิ้นใหญ่นี้!

ต่อให้ยวินหยางขอให้ช่วยอะไรในอนาคตที่มากยิ่งกว่าส่วนที่ได้รับในวันนี้ พวกเขาย่อมรักษาคำพูดและเกียรติเพื่อช่วยเมื่อเวลานั้นมาถึง

ยวินหยางยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ง่ายมาก” ยวินหยางอธิบาย “สามล้านตำลึงทองนี้ มีสองวิธีที่พวกเจ้าจะตอบแทนได้ ข้อแรก พวกเจ้าสามารถจ่ายส่วนหนึ่งได้ จากนั้นส่วนที่เหลือค่อยจ่ายหลังจากขายของได้แล้ว วิธีที่สองง่ายยิ่งกว่า พวกเจ้าทั้งเจ็ดครอบครัวร่วมทุนกันจ่ายเต็มให้ค่า ส่วนของที่ขายกับมูลค่าที่ได้นั้น มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอีกแล้ว!”

นายน้อยเจ็ดคนมองหน้ากันอีกครั้ง คำแนะนำของยวินหยางมีความหมายแอบแฝงแน่นอน ความหมายแรกคือเขาจะเป็นคนกำกับดูแล ส่วนข้อสอง เขาจะปล่อยให้จัดการทั้งหมด

ใครจะเต็มใจให้คนอื่นมาจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวล่ะ?

“พวกเราเลือกข้อสอง!” นายน้อยหม่ากระโดด “นายน้อยยวิน พวกเราจะส่งทองมาให้เจ้าภายในคืนนี้!”

“เยี่ยม!”

เจ็ดครอบครัวนี้แบ่งทรัพยากรกันย่อมไม่ใช่สิ่งที่ยวินหยางกังวล ความรับผิดชอบเดียวของเขาคือการมอบของให้ สำหรับคืนนี้ นายน้อยทั้งเจ็ดคนมีเรื่องร้อนให้ถกกันแล้ว แต่ละคนจะต้องโต้เถียงไปมาก่อนจับมือด้วยความไม่เต็มใจในตอนท้าย จากนั้นพวกเขาฝืนระบายยิ้มให้ยวินหยางก่อนกลับบ้านเพื่อเตรียมตำลึงทอง

อารักขาครอบครัวเหล่านี้เรียงแถวอยู่หน้าที่พักยวินแล้ว พวกเขาไม่กล้าแตะต้องมณีล้ำค่าในกระเป๋าขณะเดินกลับบ้านโดยไร้การคุ้มกัน ต่อให้โลกสงบสุข แต่นายน้อยทั้งเจ็ดคนจะไม่สามารถหักห้ามความตื่นเต้นไปได้ ความมั่งคั่งครั้งใหญ่นี้มันช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ

ก่อนถึงเวลาเที่ยงคืน สามล้านตำลึงทองถูกส่งมาให้ยวินหยาง พวกมันล้วนเป็นทองจริง ไม่มีธนบัตรที่ยวินหยางย่อมปฏิเสธที่จะรับไว้แม้แต่ใบเดียว

ตำลึงทองส่งประกายวิบวาบกองโตออกมาจนทำให้หลังบ้านของที่พักยวินเจิดจ้าเป็นประกายด้วยความมั่งคั่ง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด