ตอนที่แล้วGE408 ยกระดับ แส้อัสนีปลิดชีพ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE410 สามการทดสอบ [ฟรี]

GE409 โลกอัสนีทองคำดำชั้นสูง [ฟรี]


ดวงจิตอัสนีไร้ดัดแปลงขั้นสูงกว่า 10 ตนคำรามลั่น ปลดปล่อยแรงกดดันที่รุนแรง

หากไม่เพราะหนิงฝานมีทะเลสติที่แข็งแกร่ง ป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เขายังได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

หนิงฝานเร่งโคจรวิชาดาราทมิฬและกระตุ้นดาราทั้ง 99 ดวงในร่าง เร่งการรักษาทะเลสติด้วยความเร็วที่น่าตระหนก

เมื่อสิ้นเสียงคำรามและแรงกดดัน ประตูทางเข้าโลกอัสนีทองคำดำก็หายไป

พวกมันคิดว่าผู้ที่ลอบเข้ามาคงถอยไปแล้ว เพราะประตูทางเข้าได้หายไป ดังนั้นบรรยากาศโดยรอบจึงกลับมาสงบอีกครั้ง มีเพียงเสียงอัสนีแลบลั่นบนท้องนภา

หนิงฝานสังเกตุรอบข้าง ใต้เท้าของเขาพื้นดินเป็นสีดำ บนท้องนภามีเมฆดำทมึนปกคลุม

อัสนีสีดำที่กำเนิดมาจากเมฆดำทมึนเหล่านั้น ทรงพลังมากพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง

ไกลออกไป หนิงฝานสังเกตุเห็นบริเวณที่มีอัสนีหนาแน่น ภายในอัสนีเหล่านั้นมีอสูรไร้ดัดแปลงขั้นสูงที่ทรงพลังถึง 14 ตนเฝ้าอยู่

บนร่างของพวกมันมีอัสนีที่เชื่อมต่อกับท้องนภา ล่ามตรวนจำกัดการเคลื่อนไหว ไม่ให้พวกมันออกไปไกลเกินหมื่นลี้

“ใครกันที่ทรงพลังถึงขนาดที่ล่ามอสูรทั้ง 14 ตนนั้นไว้ป้องกันประตูบานนั้นได้!” หนิงฝานจ้องมองอสูรเหล่านั้น

“นอกจากท่านพ่อแล้ว ใครกันที่ทรงพลังขนาดนี้?” นางกล่าวอย่างแผ่วเบา จากน้ำเสียงแล้ว นางไม่ได้บาดเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย

หนิงฝานขมวดคิ้ว นางทรงพลังกว่าที่เขาคาดไว้มาก

ไกลออกมาจากประตูบานนั้นหมื่นลี้ คือสถานที่ปลอดภัย เพราะอสูรเฝ้าประตูเหล่านั้นไม่อาจออกมาได้

สัมผัสเทพของอสูรไร้ดัดแปลงปกคลุมพื้นที่รัศมี 500,000 ลี้

ยามนี้ หนิงฝานและหงยี่อยู่ห่างพวกมันนับล้านลี้

ทั้งสองแอบเข้าประตูในอีกเส้นทาง มุ่งไปยังสถานที่ที่มีต้นไผ่อัสนีทองคำดำเติบโต

ปลายต้นไผ่แต่ละต้นมีอัสนีทองคำดำแปลบปลาบ แต่ในหมู่พวกมัน มีต้นไผ่ขนาดยักษ์อยู่ต้นหนึ่ง ใจกลางของมันมีอัสนีที่ทรงพลังจนทำให้หนิงฝานที่อยู่ห่างจากมันได้รับผลกระทบ

“ต้นไผ่อัสนีทองคำดำ!” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยน

ไผ่ต้นนั้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางล้านจ้าง ดูผิวเผินราวกับเป็นภูเขาขนาดใหญ่

อัสนีที่ฟาดผ่าลงบนไผ่ต้นนั้น รุนแรงจนให้ความรู้สึกที่เป็นอันตรายกับหนิงฝาน เพียงแต่ไผ่ต้นนั้นยังไม่มีใบไผ่ มีเพียงข่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่สร้างไว้ ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะนำพาไปที่ใด

หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพสำรวจ ภายในไผ่ต้นนั้นมีกลิ่นอายที่ทรงพลังอยู่นับหมื่น

กลิ่นอายของพวกมันคล้ายอสูรเฝ้าประตู 14 ตน แต่ละตนมีกลิ่นอายเหนือล้ำยิ่งกว่าขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม

แต่ในจำนวนกลิ่นอายเหล่านั้น กลิ่นอายที่ทำให้หนิงฝานกังวลมากที่สุดคือกลิ่นอายในขอบเขตไร้แบ่งแยก

หนิงฝานขมวดคิ้ว หากเข้าไปใกล้ที่นั่นมากเกินไป อาจเป็นอันตรายร้ายแรง

“ใบไผ่อัสนีทองคำดำไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ?” หนิงฝานกล่าวถามหงยี่

“อืม… ที่นี่เป็นแค่โลกอัสนีทองคำดำระดับล่าง… ใบไผ่อัสนีทองคำดำจะอยู่เหนือเมฆพวกนั้น”

“เหนือเมฆพวกนั้น?” หนิงฝานเงยหน้ามอง นอกจากเมฆนั่นจะให้กำเนิดอัสนีที่น่ากลัวแล้ว ดูท่ามันจะหนามากด้วย

นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแล้ว อาจไม่มีผู้ใดฝ่าขึ้นไปบนโลกเบื้องบนได้

“วางใจเถอะ ข้าไม่ให้เจ้าผ่านเข้าไปในเมฆตรงๆหรอก ข้าจะพาเจ้าไปยังไผ่ต้นนั้น แล้วใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายขึ้นไป ข้าเชื่อว่าเจ้าจะเอาใบไผ่อัสนีทองคำดำมาให้ข้าได้”

“ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย...” หนิงฝานพยักหน้า หากมีข่ายอาคมเคลื่อนย้ายก็จะขึ้นไปบนนั้นได้อย่างปลอดภัย

แต่ภายในใจของหนิงฝานกลับรู้สึกสงสัยอย่างบอกไม่ถูก

นางทรงพลังถึงขนาดที่ขึ้นไปข้างบนได้ด้วยตนเอง นางทำทุกอย่างได้ด้วยตนเอง เขาไม่เห็นว่ามีสิ่งใดที่นางจำเป็นต้องขอให้เขาช่วย

เมื่อเห็นว่าหนิงฝานสงสัย นางขมวดคิ้วพลางกล่าวถาม “เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอว่าร่างของข้าที่เจ้าเห็นเป็นแค่ดวงจิต?”

“ร่างของดวงจิต?” หนิงฝานตกตะลึง เขาเร่งใช้เนตรฟู่ลี่มองนาง

ภาพที่เห็นคือร่างกายของนางไม่ใช่กายเนื้อของมนุษย์ แต่เป็นกายที่ก่อตัวขึ้นจากดวงจิต คล้ายคลึงกับในกรณีของหลั่วโยว่

เดิมทีหนิงฝานไม่ได้สงสัยในตัวนาง และไม่ได้อยากรู้เรื่องของนางขนาดนั้น เลยไม่ทันสังเกตุว่านางไม่ใช่มนุษย์จริงๆ

ดวงจิตจะมีพลังเทียบเท่าเดิมต่อให้กายเนื้อจะถูกทำลาย ซึ่งดวงจิตนี้จะสามารถฟื้นฟูกายเนื้อขึ้นได้อีกครั้ง เรียกว่าการเกิดใหม่… แต่หากดวงจิตถูกทำลาย ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นจะไม่มีโอกาสได้เกิดใหม่อีก

ร่างของดวงจิตนั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งตามระดับพลังก็จริง แต่มันก็เปราะบางมากกว่ากายเนื้อ

โลกอัสนีทองคำดำชั้นสูงคือสถานที่อันตราย ดังนั้นหงยี่ที่ไม่มีกายเนื้อจึงไม่กล้าขึ้นไปเสี่ยงอันตรายบนนั้น

“ถ้าเกิดข้าไม่ได้พบเจ้า ข้าก็คงต้องใช้ใบอัสนีทองคำทั้งหมดฟื้นฟูดวงจิต เมื่อระดับพลังฟื้นคืนขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง ข้าถึงจะเข้ามาที่นี่อีกครั้ง จัดการกับอสูรไร้ดัดแปลงขั้นสูงพวกนั้น เปลี่ยนให้พวกมันเป็นทาสแล้วให้พวกมันไปเอาใบไผ่อัสนีทองคำดำมาแทน… แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะทำได้สำเร็จ โชคดีที่เจ้ามาได้ทันเวลา เพราะถึงแม้ระดับพลังเจ้าไม่ได้สูง แต่เจ้ามีวิชามากมาย ย่อมเป็นประโยชน์กว่าทาส” นางกล่าวในสิ่งที่นางคิด

นางเปิดเผยเจตนาของตนอย่างชัดเจน ว่าต้องการให้หนิงฝานไปเสี่ยงแทนนาง

หนิงฝานขบคิด นางไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงใดๆ นางเพียงต้องการใบไผ่อัสนีทองคำดำเท่านั้น

การที่นางกล่าวว่าฟื้นพลัง แสดงว่านางเป็นเหมือนหลั่วโยว่ที่ดวงจิตได้รับความเสียหายร้ายแรง

หากนางฟื้นคืนพลังในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงหรือสูงสุด แรงกดดันของนางต้องน่าตระหนกมากกว่านี้แน่

หนิงฝานหันมองใจกลางของไผ่ยักษ์ต้นนั้นพลางขมวดคิ้ว สิ่งที่ทำให้เขาขมวดคิ้วไม่ใช่อสูรที่อยู่ในนั้น แต่เป็นข่ายอาคมเคลื่อนย้าย

แม้จะมีข่ายอาคมนำพาเขาไปยังข้างบนเมฆนั่นได้ แต่ที่นั่นจะมีอันตรายขนาดไหนเขาก็ไม่ทราบ ขนาดหงยี่ยังไม่กล้าไป ตัวเขาหรือจะรอด?

แต่ในเมื่อเขารับปากนางไปแล้ว จะให้กลับคำคงไม่ได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าข้างบนมีอะไรรออยู่ และลักษณะของใบไผ่อัสนีทองคำดำเป็นยังไง เก็บยากหรือเปล่า

แล้วถ้าเกิดเขาทำสำเร็จ จะรู้ได้ยังไงว่านางจะไม่หักหลัง

“ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับข้างบนนั่นบ้าง ข้าอยากได้ทุกสิ่งที่ท่านรู้ อยากรู้ว่าข้างบนนั่นมีอันตรายอะไรบ้าง”

“นี่คือสิ่งที่ข้ารู้ทั้งหมด... แต่เท่าที่ข้าคิด ร่างกายของเจ้าทรงพลัง เจ้ามีโอกาส 9 ใน 10 ที่จะรอดกลับมา ไม่ว่าจะมีอันตรายอะไรรออยู่ เจ้าก็ต้องเอาใบไผ่กลับมาให้ได้... ถึงใบไผ่ 7 ใบจะมากเกินไป แต่ข้าก็ต้องการมันจริงๆ”

นางยื่นแผ่นหยกที่สลักความทรงจำของนางลงไปให้หนิงฝาน

เมื่อเขารับมา เขาแผ่สัมผัสเทพดูเนื้อหาภายในอย่างละเอียด ก่อนที่ความกังวลใจจะลดลง

ที่นั่นไม่ได้อันตรายอย่างที่เขาาคิด และดูเหมือนนางจะดูแคลนเขาเกินไป เพราะตอนนี้เขามั่นใจว่าจะไม่เอาชีวิตไปทิ้งในนั้น

วิธีการเก็บใบไผ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

เหนือก้อนเมฆขึ้นไปมีหอคอยอยู่แห่งหนึ่ง ภายในนั้นคือที่อยู่ของใบอัสนีทองคำดำ และมีดวงจิตอัสนีถูกผนึกเอาไว้

หอคอยแห่งนั้นมีอยู่ด้วยกัน 100 ชั้น ในช่วงชั้นที่ 1 ถึง 10 จะมีใบไผ่อยู่ชั้นละ 1 ใบ ดวงจิตอัสนีในแต่ละชั้นก็จะทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ

ดวงจิตอัสนีในชั้นที่ 6 จะเป็นดวงจิตอัสนีไร้ดัดแปลง นั่นหมายความว่า หนิงฝานต้องขึ้นไปให้ถึงชั้น 7 และสังหารดวงจิตอัสนีในนั้นเพื่อชิงใบไผ่มาให้ได้

สิ่งที่หนิงฝานต้องระวังคือ ดวงจิตอัสนีเหล่านั้นสามารถจู่โจมดวงจิตได้โดยตรง ดังนั้นเขาต้องหาวิธีที่จะป้องกันดวงจิตของตน นี่คือเหตุผลที่หงยี่เป็นกังวลและไม่กล้าขึ้นไปข้างบนนั้นด้วยตัวเอง

นอกจากแต่ละชั้นที่มีดวงจิตอัสนีที่ต้องฝ่าแล้ว ก่อนจะเข้าสู่หอคอยยังมีการทดสอบอยู่ 3 อย่าง เป็นการทดสอบจิตใจและความรู้แจ้งในเต๋าของผู้ที่เข้าจะเข้าสู่หอคอย

หากหงยี่ให้ทาสเป็นผู้เข้าไปเอาใบไผ่ พวกมันคงผ่านด่านที่ว่าไม่ได้ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่นางต้องให้หนิงฝานไปแทน

แม้นางจะดูแคลนวิชาหลอมสร้างอาวุธของหนิงฝาน แต่นางชื่นชมในความแข็งแกร่งของเขา เพราะผู้ที่ต้านแรงกดดันของนางได้นั้น ในโลกพิรุณมีไม่มากนัก

หากหนิงฝานทำได้ ตัวเขาก็จะมีค่าสำหรับนางมากกว่าคนในตระกูลซัว

ก่อนจะขึ้นไป นางได้มอบวิชาบางอย่างให้หนิงฝานเพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาชีวิตรอด

“ทำความเข้าใจวิชาที่ข้าให้ มันจะช่วยให้เจ้ามีโอกาสรอดมากขึ้น” นางสลักวิชาบางอย่างลงในแผ่นหยกแล้วยื่นให้หนิงฝาน

“นี่มัน...” หนิงฝานรับแผ่นหยกมา เมื่อแผ่สัมผัสเทพเข้าไปภายใน เขากลับต้องขมวดคิ้ว

“เกราะปฐมอัสนี!”

ปฐมอัสนีคือการสร้างอัสนีขึ้นจากดวงจิต เป็นเกราะอัสนีที่คุ้มกันดวงจิตโดยตรง ทรงพลังยิ่งกว่าสมบัติปกป้องดวงจิต เป็นวิชาที่เหมาะเอาไว้รับมือกับดวงจิตอัสนีเหล่านั้น

หากใช้วิชานี้ได้ หนิงฝานก็มีโอกาสในการรักษาชีวิตมากขึ้น

เกราะปฐมอัสนีไม่ได้ป้องกันเพียงดวงจิต แต่ยังเสริมการป้องกันร่างกายด้วย

หากฝึกฝนวิชานี้จนบรรลุขั้นสูงสุด เขาจะสามารถต้านรับการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้

“ขอบคุณสำหรับวิชา มันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ข้าได้มาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องที่ข้ากังวล… ท่านรับปากได้หรือเปล่าว่าหากเสร็จเรื่องนี้ไปแล้ว ท่านจะไม่หักหลังข้า เพราะถึงท่านจะให้ใบไผ่ทองคำกับข้า แต่หากตระกูลซัวยังตามล่าข้า ลำพังข้าคงไม่อาจรับมือได้”

“รับปาก? ฮึ่ม! เจ้าอยากให้ข้าสาบานกับเจ้าเหรอ!” แววตานางแปรเปลี่ยนเย็นชา

“ถ้าทำได้ก็ยิ่งดี” หนิงฝานไม่ได้กลัวนาง

แววตานางคืนสู่ความสงบ หากเป็นคนทั่วไปขอให้นางทำเช่นนี้ นางคงสังหารคนผู้นั้นไปแล้ว

แต่หนิงฝานไม่ใช่คนเหล่านั้น เขามีค่าสำหรับนาง โดยเฉพาะฝุ่นทรายสีม่วงเหล่านั้น

“ก็ได้… ข้าจะสาบานว่าจะไม่ทรยศเจ้า แต่เจ้าเองก็ต้องสาบานด้วยเหมือนกัน!”

“สาบาน?” หนิงฝานงุนงง

“เจ้าต้องสาบานว่าหากข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย ตราบใดที่เรื่องนั้นไม่เกินความสามารถเจ้า เจ้าต้องช่วยข้าหนนึง!”

“ท่านเป็นถึงคุณหนูแห่งตระกูลซัว ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ข้าช่วยเลย...”

หนิงฝานทำท่าจะปฏิเสธ นางจึงกล่าวขัด “วางใจเถอะ! เรื่องที่ข้าจะขอให้เจ้าช่วย ไม่ได้อันตรายอะไรหรอก ข้าแค่อยากจะขอให้เจ้าใช้ฝุ่นทรายสีม่วงทองของเจ้าทำลายผนึกก็แค่นั้น แล้วข้าก็ไม่ให้เจ้าช่วยอย่างสูญเปล่าแน่นอน!”

“แค่ทำลายผนึก ทั้งยังได้สิ่งตอบแทน เรื่องเล็กๆแค่นี้เจ้าไม่ควรปฏิเสธ”

หนิงฝานขมวดคิ้ว สตรีนางนี้ก็เหมือนเขา นางไม่ยอมเสียเปรียบใคร

ถ้าหากเขาไม่สาบาน นางก็จะไม่สาบาน เพราะนางไม่อยากเสียเปรียบก็เท่านั้น

หนิงฝานรู้ว่านางต้องการใช้ประโยชน์จากดรรชนีหมอกเมฆาม่วงของเขามาก ดังนั้นเมื่อเขายังเป็นฝ่ายได้ประโยชน์อยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ

หนิงฝานและนางกล่าวคำสาบานต่อกัน ยามนี้ทั้งสองมีพันธะผูกพันธ์กันแล้ว

แววตาที่นางจ้องมองหนิงฝานเปลี่ยนไป แม้จะยังเย็นชาแต่ก็ดีกว่าเดิมมาก

“เด็กน้อย ตอนนี้เจ้าได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว! ถึงคราวที่เราต้องลงมือ… ที่ใจกลางของต้นไผ่ยักษ์มีดวงจิตอัสนีไร้ดัดแปลงอยู่ 4 ตน ข้าจะจัดการ 3 ส่วนเจ้าจัดการ 1!”

ถ้าเกิดจะขึ้นไปข้างบนก็ต้องสังหารผู้คุ้มกันเสียก่อน

นางคิดว่าหนิงฝานและทาสไร้ดัดแปลงทั้ง 3 น่าจะสังหารดวงจิตอัสนีไร้ดัดแปลงได้ แต่หากจะให้หนิงฝานสังหารมันเพียงลำพัง น่าจะยากเกินไป

“ย่อมได้...” หนิงฝานนำทาสไร้ดัดแปลง 3 ตนออกมา พร้อมจะเข้าจู่โจม

“ลงมือได้!” นางดีดตัวพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า ข้ามผ่านระยะทาง 100,000 ลี้ในชั่วพริบ ปลดปล่อยแรงกดดันที่รุนแรงจนทำให้ดวงจิตอัสนีที่อยู่ภายในนั้นแตกตื่น

อสูรอัสนีร่างยักษ์ปรากฏตัว เปล่งเสียงคำรามดังสนั่น จนทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

แม้พวกมันจะหวาดกลัว แต่พวกมันจะไม่ยอมให้ใครขึ้นไปข้างบนนั้นได้เด็ดขาด!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด