ตอนที่แล้วบทที่ 163 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (6) [25-04-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 165 - วิกฤติซ้ำซ้อน (1) [29-04-2020]

บทที่ 164 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (7) [27-04-2020]


บทที่ 164 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (7)

"ไพก้ารูปลักษณ์นั่นมันอะไรนะ?"

[รูปลักษณ์ของฉัน? ฉันทำไม... กรี๊ดดด! เมื่อไหร่กันที่ผนึกถูกปลด]

เมื่อเห็นไพก้าร้องออกมา ฉันก็คิดย้อนกลับไปในตอนที่เราทำพันธะสัญญากัน ไพก้าได้บอกว่ารอยสักเล็กๆบนแก้วของเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับแก่นวิญญาณของฉฉัน ยังไงก็ตามเมื่ฉันได้ทำพันธะสัญญากับเธอรอยสักที่ปรากฏบนหลังของเธอมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นรูปทรงของเรขาคณิตเท่านั้น ในเวลานั้นฉันคิดเพียงแค่ว่ามันแตกต่างกันไปสำหรับธาตุที่คลั่ง แต่ว่า....

"เธอ...เธอหลอกหรอ?"

"หลอกลวง?... ชะ ใช่"

ฉันได้บอกว่าภูติธาตุไม่สามารถจะโกหกได้ แต่ว่าทั้งหมดนั่นมันเรื่องโกหกทั้งเพ เดี๋ยวนะ พอมาคิดดูคนที่บอกเรื่องนั้นกับฉันก็ภูติธาตุนี่น่า เจ้าพวกคนหลอกคน

[แต่ฉันคิดว่านายจะเกลียดฉันถ้ารู้ว่าร่างที่แท้จริงของฉันเป็นมังกร]

"อา..."

[นายเกลียดฉันหรอ? อือ? เกลียดฉันสินะ?]

"แน่นอนสิว่าไม่เลย ไม่ว่าตัวจริงของเธอจะเป็นยังไง เธอก็ยังคงเป็นธาตุที่มีค่าของฉัน เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอก"

ไพก้าได้มองมาอย่างโล่งอกในขณะที่เธอกอดแขนของฉัน มันดูเหมือนว่าจะเป็นการแสดงออกถึงความรักของเธอ ในความจริงแล้วเธอดูคล้ายกับงูมากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสองอันบนหัวของเธอและเกล็ดนั่น ฉันคงไม่สามารถจะบอกได้

ภูติธาตุลงผู้ที่กำลังดูพวกเราอยู่ได้ทำหน้าแปลกๆ

[เกลียด.... นายเอาเธอไปจากฉัน แต่นายอยู่ด้วยกันกับเหล่าภูติธาตุ]

"ฉันไม่ใช่คนที่พรากเพซิน่าไปจากนายนะ!"

[ไม่ยกโทษให้หรอก มนุษย์ทุกคนมันก็เหมือนๆกัน มนุษย์ที่พรากเพซิน่าไปจากฉัน พวกนั้นทั้งหมดสมควรตาย]

มันแย่ลงไปอีกแล้ว ฉันได้รีบเรียกธาเลเรียออกมาและบินขึ้นไป ในเวลาเดียวกันริยูก็ได้เข้ามาในร่างกายของฉันเพราะเธอไม่สามารถจะบินได้เมื่อมีรูปธรรม ในทันทีจากนั้นฉันก็รู้สึกว่าร่างกายเย็นขึ้น แต่ยังไงก็ตามฉันก็ยังรู้สึกได้ว่าตัวฉันเองแข็งแกร่งขึ้น

[ว้าว ฉันกลายเป็นหนึ่งเดียวกับชินล่ะ!]

"อ่า ใช่แล้ว... แน่นอนเลย ฉันรู้สึกแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น"

ฉันค่อนข้างจะหลีกเลี่ยงคำพูดของริยูและโฟกัสไปที่ข้างหน้า มันเแป็นรูปธรรมของริยู

[ฉันสามารถเป็นรูปธรรมในรูปแบบมนุษย์ได้ไหม?]

"แบบไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน"

[อู อะ โอเคร]

ในไม่ช้ามังกรดำก็ได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ด้วยร่างกายที่ยาวประมาณ 15 เมตรเธอดูเหมือนกับมังกรจากตำนานตะวันออกจริงๆ เขาทั้งสองข้างของเธอกำลังส่งประกายสายฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่องและเกล็ดสีดำของเธอก็ยังเต็มไปด้วยพลังสายฟ้า

เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ที่น่ากลัวของไพก้า ฉันได้เบิกตากว้างขึ้น ปริมาณมานาที่เธอได้ใช้ไปในตอนนี้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ริยูก็ยังใช้มานาที่มากขึ้นหลังจากปลดผนึก แต่ว่าก็ไม่ถึงกับระดับนี้

ไพก้านั้นยังไม่ได้ถูกเปิดผนึกโดยสมบูรณ์ จริงๆแล้วเธอเป็นอะไรกันแน่นะ? ฉันได้กลืนคำถามนี้ลงไปและรีบหยิบมานาโพชั่นระดับสูงสุดออกมาพร้อมดื่มมันลงไป แม้ว่าฉันจะอยากรู้ แต่ว่านั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

[ตายซะ... ตายยย!]

[ไม่มีปัญหา ฉันจะอัดนายจนกว่านายจะเกือบตาย!]

มันดูเหมือนว่าไพก้าจะไม่พอใจกับการอยู่ในร่างมังกร ในขณะที่ไพก้าตะโกนออกมาและพุ่งเข้าไปใส่ภูติธาตุลม เขาได้พยายามที่จะโจมตีเธอออกไปด้วยลม แต่ไพก้าได้ส่งเสียงหึและยิงสายฟ้าออกมาจากปาก สายฟ้าของเธอได้จัดการพลังงามลมผสมกับน้ำแข็งไปอย่างง่ายดายและะพุ่งเข้าไปต่อหาเขา ไพก้าได้ตะโกนออกมา

[ลองแสดงรูปธรรมสิ!]

[เธอคิดว่าฉันทำไม่ได้หรอ!? แต่ว่าถ้าฉันทำ...!]

[ถ้านายจะดื้นรั้นและปฏิเสธนายท่านที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก นายก็ควรจะเดิมพันมันด้วยชีวิต]

ไพก้ากำลังปล่อยแรงกดดันที่เหนือกว่าอกมา สายฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ถูกยิงออกมาจากร่างกายของเธอได้กลายเป็นหอกที่พุ่งเข้าไปหาภูติธาตุลม และเขาก็ทำได้เพียงแต่หนีเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเป็นอันตรายกับพวกเรามากในชั้นสอง แต่ในตอนนี้เราก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย

ฉันจะชนะได้ไหมถ้าฉันเป็นคนที่ต่อสู้? เธอแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันนะ!? ไม่สิ ฉันไม่สามารถจะยืนอยู่ตรงนี้และปล่อยให้ไพก้าทำทุกอย่างได้

"ไปกันเถอะก่อนที่ไพก้าจะฆ่าเขา"

[อือ!]

ฉันได้ถีบอากาศและพุ่งออกไปด้วยพลังของธาเลเรียและพลังของธาตุ ในมือของฉันคือหอกโกลาหล

"ถ้านายไม่ต้องการจะคุย ฉันก็จะทำมันในแบบที่นายต้องการเอง"

[อู... ไม่นะ ไม่!!!!!!]

[นายท่านเขาเป็นร่างรูปธรรมแล้ว]

การปรากฏกลายของเขาได้ใหญ่โตยิ่งขึ้น หอกของฉันที่แทงออกไปได้ถือจับด้วยมือของภูติธาตุ

[นี่....นี่คือเหตุผลที่ฉันเกลียดมัน!]

เสียงของผู้หญิงได้ดังออกมา ในเวลาเดียวกัน กำแพงลมขนาดยักษ์ได้ถูกผลักมาทางฉัน ฉันได้สร้างเพลิงโกลาหลและผลักมันออกไปจากมือของภูติธาตุ ฉันได้ป้องกันกำแพงลมและพึมพัมด้วยความตกใข

"นาย... ฉันเข้าใจแล้ว"

ภูติธาตุที่ปฏิเสธการสร้างรูปธรรม ภูติธาตุนั้นอาจจะมีเหตุผลหลายอย่างที่ไม่ต้องการสร้างรูปธรรมขึ้น ฉันคิดว่าภูติธาตุที่เป็นอิสระปฏิเสธที่จะเป็นรูปธรรมเพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการเสียพลังธาตุ นั่นมันคือสิ่งที่ฉันได้คิดเอาไว้

แต่ว่านั่นมันไม่ใช่ในกรณีของเขา มันเห็นได้ชัดเจนเลยจากรูปลักษณ์ของเขา

หูที่ยาวและใบหน้าที่กระจ่างใส รูปร่างที่สมส่วนซึ่งมันค่อนข้างจะยั่วยวน นี้เป็นลักษณ์ของเอลฟ์เพศหญิง พลังธาตุและมานาอันไร้ขอบเขต เขามีมานาที่ธาตุไม่อาจจะมีได้

"นายได้ทำการฟิวชั่น"

[ใช่ ใช่ ใชแล้ว เป็นเพราะแกเจ้ามนุษย์! เจ้าหลอกฉันด้วยคำพูดที่ว่ามันจะเอาชนะเดม่อนลอร์ดได้!]

มันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาคลั่ง ตลอดประวัติศาสตร์การฟิวชั่นของภูติธาตุกับผู้ใช้ธาตุนั้นมีแต่เรื่องที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมเท่านั้น การฟิวชั่นเป็นเวทย์ชั่วร้าย ซึ่งแตกต่างไปอย่างสมบูรณ์กับการให้ภูติธาตุเข้ามาสถิตในร่างด้วยสปิริตออร่าเหมือนอย่างที่ฉันทำ

มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เอลฟ์จะทำในสิ่งนี้อย่างที่เขาเพิ่งบอกออกมา มนุษย์นั้นจะต้องมีส่วนร่วมด้วย น่ารำคาญอะไรแบบนี้ ในตอนนี้ธาตุที่ไร้เดียงสากำลังบาดเจ็บ มนุษย์ได้ซ้ำเติมให้เหมือนกับเขาต้องตาย มันไม่มีใครที่จะมาระบายความโกรธของฉันได้ในตอนนี้

[ในตอนนี้นายรู้ใช่ไหม? นายรู้ไหม?]

[ทำไมนายต้องมาคลั่งกับนายท่านของฉัน! เขานั่นไร้เดียงสา เจ้าโง่]

เหตุผลที่ทำให้เขามีรูปร่างหน้าตาเป็นผู้ชายก็อาจจะเพื่อไม่ให้จิตสำนึกของเขากลับไปในรูปลักษณ์นั่น การฟิวชั่นของธาตุและผู้ใช้ธาตุนั้นเพียงเรื่องที่น่าสยดสยอง ใครก็ตามที่ทำแบบนั้นจะไม่สามารถมีเพศที่ต่างกันในพวกเรา ในฐานะนั่นมันจะมีเพียงแต่ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น

[เพซิน่าตายในความเจ็บปวด! ฉันเกลียดมนุษย์ ฉันเกลียดมนุษย์ที่สุด]

"อึก"

ถึงแม้ว่ามันจะไม่เสถียรแต่ว่าการฟิวชั่นของผู้ใช้ธาตุและธาตุนั่นจะทรงพลังจริงๆ พลังลมนั่นได้เหนือกว่าพลังสายฟ้าของไพก้าในทันทีและผลักเธอกลับมา ยังไงก็ตามฉันได้กัดฟันแน่นและพุ่งไปหาเขา... ไม่สิ เธอ

"นานแค่ไหนที่นายวางแผนที่จะทรมานเธอ!?"

[ฉันไม่ได้ทรมานเพซิน่า"

"ถ้างั้นก็จำชื่อของนายไว้และปล่อยเธอไป]

ฉันได้เหวี่ยงหอกออกไป ลูกศรลมที่ถูกยิงมาทางฉันได้ถูกเผาไปทั้งหมด ในขณะนั้นฉันก็บินเข้าไปหาเธอต่อ

[ไม่ ฉันไม่ต้องการที่จะเสียเธอไปตลอดกาล!]

"นายกำลังจะทรมานเธอไปตลอดกาลด้วยเหตุผลที่งี่เง่าแบบนี้ชาราน่า!?"

ถึงแม้ว่าฉันจะพูดมันออกไป แต่ฉันก็อดที่จะตกใจไม่ได้ มันเหมือนกับธาตุนั่นชื่อ...ชาราน่า

[อ่า อ๊าาาาาา]

เธอได้กรีดร้องออกมา และเธอก็ได้เริ่มส่องแสงออกมา จากนั้นฉันก็จำได้ว่าฉันได้ยินชื่อเธอมายังไง ใช่แล้วในความฝันที่ฉันตื่นขึ้นมาเป็นผู้ใช้พลัง ฉันไม่ได้อยู่เพียงแค่กับไพก้าและริยู ชาราน่าก็อยู่ที่นั่นด้วย

"พระเจ้า แบบนี้เคียร่าเป็นประโยชน์จริงๆ..."

เมื่อฉันได้ต่อสู้กับริยู ฉันก็แทบจะจะจำชื่อของเธอไม่ได้เลยแม้ว่าจะสู้กับเธอ ฉันไม่สามารถจะจำความฝันทั้งหมดนั่นได้ ฉันได้เข้าไปหาเธอด้วยความรู้สึกแปลกๆ

[อ่า ฮีาาาาา ชารา ชาราน่า....]

"ชาราน่า!"

ในวินาทีที่ฉันตะโกนชื่อของเธอได้มีบางสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดเอาไว้เกิดขึ้น

[เพซิน่า หยุดกันเถอะ คนๆนี้ไม่ใช่ศัตรูของคุณ... เขาเป็นเจ้านายคนใหม่ของฉัน]

เสียงใหม่ได้ดังขึ้นมา เธอได้เรียกฉันว่าเจ้านาย ในตอนนั้นเองฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันได้ทำความผิดพลาดอย่างมาก คคนที่ฉันเจอไม่ใช่ชาราน่า ฉันควรจะตระหนักได้เมื่อเธอโจมตีผู้ทำพันธะสัญญา

เธอคือเพซิน่าผู้ที่แกล้งทำตัวเป็นชาราน่า

[เพซิน่า ตอนนึ้คุณสามารถจะกลับไปได้แล้ว ดูสิคนพวกนี้มาช่วยพวกเราได้]

[ชาราน่า เธอเชื่อใจมนุษย์หรอ? ฉันไม่สามารถจะทำมันได้]

[เพซิน่า ฉันไม่ต้องการจะเห็นคุณเจ็บปวดนะ... เขาพูดถูก พวกเราควรจะถอยในตอนที่เรายังทำได้]

เมื่อเห็นเสียงสองเสียงกำลังพูดในร่างๆเดียวมันทำให้ฉันรู้สึกทึ่ง ฉันได้มองพวกเธออย่างเงียบๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะชาราน่าพูดออกมา เพวิน่าได้ฟังอย่างวงบมากๆ

[ชาราน่า.... มันจะโอเคกับเธอนะ?]

[เขาเป็นคนที่ดี ดูสิเขามีธาตุตั้งสองตนที่สามารถจะแสดงรูปธรรมได้]

สายตาของเธอได้จ้องลงมาที่ฉัน จากภายในร่างกายของเอลฟ์ ฉันสามารถรู้ถึงได้ถึงสายตาของชาราน่า

[แต่ว่าเจ้านั่นเป็นมนุษย์ เหมือนกับมนุษย์ที่ทรมานฉันและชาราน่านะ!]

"ฉันไม่ได้มีงานอดิเรกที่จะทรมานธาตุของฉัน ไม่ใช่ว่ามันเห็นได้ชัดเลยหรอกหรอ?"

[แต่ ฉัน....]

[เพซิน่า หยุดทำร้ายตัวเองเธอและพักได้แล้ว โอเคนะ?]

คำพูดของชาราน่าได้ทำให้เพซิน่าเงียบลงไป แม้ว่าเพื่อนๆของฉันจะกำลังต่อสู้อยู่รอบๆพื้นที่ แต่ว่าที่นี่ที่ๆเราอยู่เงียบมาแม้แต่เสียงลมก็ยังเบาไปเมื่อเราได้รอคำตอบของเธอ

ในที่สุดเพซิน่าก็เปิดปาก

[ฉัน...]

[ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้วเพซิน่า]

[ถ้าชาร่าน่า...โอเคกับมัน...]

[มันสำหรับเพซิน่าและฉัน]

[โอเค...]

ด้วยเสียงนั้นเธอได้เอื้อมมือมาหาฉัน ในขณะที่ไพก้าม้วนตัวและมองดูพวกเรา ฉันได้จับมือของเธอ

[ฉันจะเชื่อใจนายเป็นครั้งสุดท้ายมนุษย์]

"ไว้ใจฉันได้เลยเพซิน่า"

[โอเค ตอนนี้ฉันจะพักแล้ว....]

เพซิน่าได้ปิดตาอย่างช้าๆในขณะที่เธอล้มลงในอ้อมกอดของฉัน เป็นที่แน่นอนแล้วว่าการฟิวชั่นได้ถูกคลายและร่างกายของเธอได้ล้มลงเนื่องจากการเสียวิญญาณ ด้วยศพของเพซิน่าในแขนของฉัน ฉันได้มองไปรอบๆ ที่นั่นฉันได้เห็นภูติธาตุ ไม่ใช่ภูติธาตุที่ดูเหมือนกับเด็กชายหรือดูเหมือนเอลฟ์ แต่เป็นภูติธาตุที่สวยงามในชุดที่ถักทอด้วยลม

ในที่สุดฉันก็เข้าใจ เหตุผลที่ชาราน่า ไม่สิเพซิน่าอยู่ในร่างของเด็กชายก็เพื่อป้องกันไม่ใช่ชาราน่าออกมา ในตอนนี้เธอได้ถูกปลดปล่อยจากเพซิน่าแล้ว ชาราน่าได้กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

เธอดูเหมือนกับเด็กสาวที่มีชีวิตชีวาในช่วงวัยรุนซึ่งผมยาวสีเขียวของเธอได้ถูกมัดออกมาสองข้าง

[ฉันชาราน่า ขอบคุณที่หยุดเพซิน่านะ]

"ฉันคังชิน ยินดีที่ได้พบนะ นอกจากนี้...มันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าฉันจะเป็นผู้รับช่วงต่อทำพันธะสัญญากับเธอ"

อย่างแรกเลย ฉันได้ใส่เพซิน่าลงไปในช่องเก็บของ ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะเผาศพของเธอหรือฝัง แต่ว่าการปล่อยร่างกายของเธอไว้นอกโล่งมันจะทำให้เกิดความเสียหายได้ ชาราน่าได้บินมาหาฉันและพูดออกมา

[เพื่อละลึกถึงการเดินทางของเพซิน่า ฉันต้องการที่จะร้องหายและหลับทั้งคืนในอ้อมกอดของนายท่าน ฉันสามารถจะทำได้หลังจากเก็บกวาดสถานที่นี้ใช่ไหม?]

"ชะ ใช่แล้ว"

[ถ้างั้นก่อนอื่นเรามาทำสัญญากันให้เสร็จก่อนสิเจ้านาย]

ด้วยแบบนั้น ชาราน่าได้บินมาทางฉันและจูบที่ริมฝีปากของฉัน เธอนั่นรวดเร็วอย่างที่คิดเอาไว้กับภูติธาตุลมเลย ด้วยความรู้สึกสายลมเย็นๆได้พัดบนริมฝีปากของฉัน ฉันได้ลืมตาขึ้นในขณะที่ไพก้ากรีดร้องออกมา

[อ๊ากกกกกกกกกกกก!]

ในเวลานั้นก็ได้มีเสียงดังขึ้นในหูของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ยินมันมานานแล้ว

[คุณได้ทำพันธะสัญญากับภูติธาตุลมชาราน่า ความสัมพันธ์กับธาตุลมของคุณได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล]

[รายชื่อภูติธาตุในพันธะสัญญา

1.ไพก้า - ภูติธาตุสายฟ้า แสดงรูปธรรม ผนึกขั้นแรกถูกปลด การตื่นครั้งที่สอง

2.ริยู - ภูติธาตุน้ำแข็ง แสดงรูปธรรม ผนึกถูกปลด การตื่นครั้งที่สอง

3.ชาราน่า - ภูติธาตุลม แสดงรูปธรรม ผนึกถูกปลด การตื่นครั้งที่สอง]

ด้วยความรู้สึกถึงพลังใหม่ที่ไหลผ่านร่างกายของฉัน ฉันรู้สึกได้เลยว่าพันธะสัญญาระหว่างฉันกับชาราน่าได้ถูกสร้างขึ้น ในเวลาเดียวกันชาราน่าก็ได้ดูดมานาของฉันไปและเริ่มแสดงรูปธรรม เธอได้สูงและโตขึ้น ผมของเธอได้ยาวขึ้นและกระพือในอากาศเพราะลมที่พักรอบๆตัวเธอ

ใช่แล้ว นี่เป็นเรื่องปกติเมื่อถูกปลดผนึก ริยูกับไพก้าก็มีรูปร่างที่เปลื่ยนไปในแบบของตนเช่นกัน ริยูได้กลายเป็นเด็กสาวจากหมาป่าและไพก้าก็ได้กลายเป็นมังกรจากเด็กหญิง

[ว้าว ผนึกได้ถูกปลดในทันทีหลังจากที่พวกเราทำพันธะสัญญากัน! พวกเราอาจจะเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยนายท่าน]

ชาราน้าได้มองไปที่ร่างกายของเธอด้วยสายตาที่เบิกกว้าง จากนั้นก็เข้ามากอดฉันอย่างตื่นเต้น อืมม ทำไมความใกล้ชิดของฉันกับภูติธาตุถึงเพิ่มขึ้นในทันทีหลังจากที่ทำพันธะสัญญานะ?

ในขณะนั้นไพก้าก็ได้มองมาที่ชาราน่าเหมือนกับต้องการจะกินเธอ ฉันได้ดันชาราน่าออกไปเล็กน้อยและตอบกลับไป

"ความสัมพันธ์กับธาตุลมของฉันมันเกือบจะถึงขีดสุดแล้ว"

มันได้รับการเสริมขึ้นจากหลายๆอย่างด้วยกัน ดังนั้นจึงทำให้ผนึกของชาราน่าได้ถูกปลดในวินาทีที่เราได้ทำพันธะสัญญากัน ในกรณีนี้ชาราน่าจะไม่การเป็นภูติธาตุที่คลั่งอีกแล้ว เมื่อทำธุระเสร็จ ฉันก็ได้หันไปดูว่าคนอื่นๆกำลังทำอะไรกันอยู่

[เขาแพ้!?]

"อา มันกำลังเปิด"

"มันแข็งและก็หนาวมาก"

"ถ้านายเสร็จธุระแล้วก็รีบๆมาช่วยพวกเราสิ"

[วิญญาณน้ำแข็ง จับพวกนั้น!]

"รูเดีย กันมันที"

"ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่ารูเดีย โอ มิทารัสได้โปรดโอบกอดวิญญาณชั่วร้ายด้วยความรักของท่าน"

[แม่มดน้ำแข็งรับนี้ไปซะ]

"แม่!"

"เพลิงสีชาด"

ผู้ที่โจมตีระยะประชิดทั้งหมดต่างก็สู้กับเกราะยักษ์ในขณะที่หลบหลีกค้อนที่ทุบออกมา ผู้โจมตีระยะไกลได้ทำลายกองทัพลูกน้องที่เกราะยักษ์สร้างออกมาอย่างไม่สิ้นสุด ในขณะนั้นก็ยังโจมตีเกราะยักษ์

"ฮ่าาาาห์ ทลายสวรรค์!"

[ฮึ่ม]

หอกของพ่อได้ปะทะเข้ากับค้อนของเกราะยักษ์ เสียงได้ดังสนั่นออกมา ในขณะเดียวกันแรส มิเชลก็ได้พุ่งเข้าใส่เกราะยักษ์และโจมตีลงไปที่เท้ามันด้วยดาบของเขา

"ฮ่าห์"

[ก๊าซซซซ]

"ฟู่ ตอนนี้แหละ"

"โจมตีและก็วิ่ง เงา"

"ฉันรู้แล้ว คุณลุง"

[เจ้าพยายามจะทำร้ายข้า แต่ว่ามันไร้ประโยชน์]

"แม่"

"กำลังมาแล้ว"

เพลิงยักษ์ได้อยู่เหนือของเกราะยักษ์ เพลิงยักษ์นั้นได้มาอย่างช้าๆแต่ว่าจะทำลายร่างกายของมันอย่างแน่นอน เกราะยักษ์ได้คำรามออกมาและอัญเชิญเหล่าลูกน้องออกมาอีกซึ่งถูกละลายลงไปด้วยคลื่นจากมือของไอน่า เพลิงของฮวาหยาและน้ำแข็งของไอน่ามีส่วนสำคัญในการต่อสู้นี้

"ไพก้าไปกันเถอะ"

[ไว้ใจได้เลยนายท่าน]

ฉันได้สร้างเพลิงโกลาหลอีกครั้งและถามกับชาราน่า

"ชาราน่า อะไรคือสิ่งที่เธอมั่นใจที่สุด"

[นายท่านฉันสามารถจะทำให้ทุกๆสิ่งแข็งแกร่งขึนได้ น้ำแข็งที่หนาวเย็นขึ้น สายฟ้าที่เร็วขึ้น สายฟ้าที่ร้อนแรงขึ้น]

"เยี่ยมเลย ฉันขอโทษนะที่ถามเธอเมื่อเธอเพิ่งจะแสดงรูปธรรม แต่ว่าเธอสามารถช่วยเราได้ไหม?"

[ด้วยความยินดี!]

ร่างกายของชาราน่าดูเหมือนจะกระจายไปในอากาศ ในเวลาต่อมาเพลิงโกลาหัลก็เริ่มพุ่งแรงขึ้นราวกับจะทะลุเพดาน พลังของเพลิงโกลาหลเพิ่มขึ้นเกือบจะสองเท่าในทันที นี้มันเป็นพลังที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งทำให้ทุกๆคนหันมาสนใจที่ฉัน

[เจ้าภูติธาตุถ้างั้นเจ้าเลือกที่จะอยู่ข้างมนุษย์สินะ แม้ว่าท่านลอร์ดจะให้โอกาสแก่เจ้า!]

[คุณปีศาจ ฉันเกลียดปีศาจมากยิ่งกว่าที่ฉันเกลียดมนุษย์ซะอีกนะ ไปกันเถอะนายท่าน!]

ฉันได้ใส่มานาทั้งหมดของฉันลงไปในหอก ชุดเกราะยักษ์ก็ได้ส่งลูกน้องมันมาหาฉัน แต่ว่าไพก้าก็ได้หยุดพวกมันเอาไว้อย่างง่ายดาย ในขณะที่มันกำลังสนใจฉัน พรรคพวกของฉันก็โจมตีอย่างรุนแรง

"ไพก้า"

[อือ]

ถ้าหากที่นี่มีฉันเพียงคนเดียว ฉันก็จะใช้เสียงคำรามสีชาด แต่ว่ามันเป็นทักษะที่จะโจมตีทุกๆคนไม่ว่าจะมิตรหรือศัตรู ดังนั้นการโจมตีที่แข็งแกร่งอย่างถัดมาก็คือเพลิงโกลาหล

[ฉันจะละลายเกราะไขมันของนายเอง]

ในขณะที่ไพก้าและฉันกำลังพุ่งเข้าไปหาเขา ไพก้าก็ได้เปิดปากของเธอกว้างขึ้นและเร่งความเร็ว เธอได้หลบค้อนที่เหวี่ยงลงมาและกัดคอขของมันในทันทีหลังจากนั้นก็ปล่อยพลังสายฟ้าจำนวนมากออกไป ซึ่งทำให้ทั้งห้องถูกย้อมจนกลายเป็นสีทอง

[ก๊าซซซซซซซซซ]

"ตอนนี้โจมตีเลย"

ด้วยช่องว่างที่ไพก้าสร้างขึ้น ทุกๆคนก็ได้ใช้การโจมตีออกไป พ่อได้ใช้คลื่นกระแทกทำตายน้ำแข็งที่สร้างร่างกายของมัน เยอึนและคนอื่นๆที่เหลือได้ทิ้งรอยไว้บนร่างกายของมันด้วยการโจมตีที่รวดเร็ว และแรส มิเชลได้ขยายรอยร้าวนั้นด้วยเทคนิคดาบที่เหนือชั้นของเขา

[แช่แข็ง]

แม้ว่าจะโดนการโจมตีสุดแรงของไพก้า มันก็ยังคงน่ากลัวอยู่ ดวงตาของมันได้ส่องประกายและอากาศก็ได้หนาวขึ้นในทันที ยังไงก็ตามพวกเรามีวิธีจะจัดการกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

"นั่นมันไม่ได้ผลกับพวกเราหรอก"

ตามมาด้วยเสียงตะโกนที่ดังของฮวาหยาอากาศได้เริ่มร้อนขึ้น น้ำแข็งที่พยายามจะก่อตัวขึ้นได้ละเหยไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากไอน้ำที่เต็มทั้งห้องโถงนี้ เมื่ออากาศได้ร้อนขึ้น เกราะยักษ์ก็ได้คำรามออกมา

[ก๊าซซซซซซซซ]

จากนั้นฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะเคลื่อนไหว ระหว่างไอน้ำที่หนาแน่นในอากาศ ฉันได้มุ่งเข้าไปหาเกราะยักษ์ มันดูเหมือนว่ามันจะมองเห็นฉันได้ชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ในหมอก ในขณะที่มันกระพริบตาก็ส่งหมัดเข้ามาบี้ฉัน

[ข้าเห็นเจ้า เจ้ามนุษย์ขี้ขลาด]

"ฉันคิดไว้แล้วว่าแกจะพูดแบบนั้น ดังนั้นฉันจึงเตรียมสิ่งนี้ไว้ให้แกเลยนะ ชาโดวบิ้ง"

ในวินาทีต่อมาฉันก็ได้มาอยู่ข้างหลังของมัน ด้วยการใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ทำให้ฉันได้มีเวลามากขึ้นและเพิ่มพลังให้กับออร่าความโกลาหลและออร่าฮีโรอิคไปที่ปลายหอก จากนั้นฉันก็ได้แทงออกไปข้างหน้า

[ติดคริติคอล]

หอกของฉันได้แทงทะลุคอของเกราะยักษ์อย่างง่ายดายซึ่งมันได้อ่อนแอลงไปด้วยการโจมตีร่วมกันของไอน่าและฮวาหยา เพลิงได้ขยายขนาดใหญ่ขึ้น การเสริมพลังของชาราน่าได้ทำให้เพลิงนั้นไม่สามารถจะเมินเฉยได้และในที่สุดก็ได้เผาและแยกคอมันออกไป

[ก๊าซซซซซซซ แก จะ เจ้ามนุษย์ขี้ขลาด!]

"มันอยู่ที่ผลลัพธ์ตอนจบนะเจ้าโง่"

ในขณะที่ฉันเหวี่ยงหอกและสะบัดเพลิงโกลาหล ฉันก็ได้พึมพัมออกมาเหมือนกับเป็นคนในเมืองหนาว ฉันได้รู้สึกแย่มากๆถ้าฉันพูดกับตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีเสียงดังขึ้นในหูของพวกเราทุกคน

[คุณได้เอาชนะบอสมอนสเตอร์เหตุการดันเจี้ยน 'ปีศาจระดับสูงโพเทสร่า']

[ทอง 4,000,000 จะถูกแบ่งออกไปสู่สมาชิกปาตี้อย่างเท่าเทียม คุณได้รับ 500,000 ทอง]

ในขณะที่สมาชิกปาตี้คนอื่นๆกำลังมองอยู่ ฉันได้ทำท่าทางเท่ๆอยู่บนร่างกายของโพเทสร่าที่กำลังสั่น ฉันรู้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะพูด มันอาจจะเทำไมฉันถึงต้องทำเท่หรือเพลิงของฉันมันโกง แต่ว่าเนื่องจากว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่แต่แรกในการมีส่วนร่วม มันก็คงจะไม่เป็นใน

ฉันได้ตะโกนภายในใจและพูดกับคนอื่นๆ

"เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ"

การเดินทางทั้งระยะสั้นและระยะยาวในครั้งนี้ของพวกเราได้สิ้นสุดลงแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด