ตอนที่แล้วตอนที่ 24 หมวกแดงไม่จำเป็นต้องเป็นหนูน้อย อาจจะหมายถึงมาริโอก็ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 คิลบิล!!!

ตอนที่ 25 ความสามารถของฉันก็ต้องยอมตามฉันสิ...


สี่วันต่อมา เซี่ยงไฮ้ สวนจิงอัน

เด็กชายร่างท้วมพุ่งเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ อาหารกับน้ำทั้งหลายถูกคนอื่นหยิบไปหมดแล้ว แต่เด็กชายก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาวิ่งหลังร้านแล้วเข้าไปในห้องพักพนักงาน เจอกล่องบิสกิตสามกล่องกับน้ำดื่มอีกแพ็คหนี่ง

ถึงจะเหลือคนอยู่ไม่มาก แต่อาหารก็ยังมีวันหมดอายุ ตอนนี้เหลืออาหารอยู่ไม่กี่อย่างที่ยังกินได้ พอเจอน้ำกับอาหาร เขาก็วิ่งกลับไปหาเด็กชายร่างผอมสูง

เด็กชายที่ดูเหมือนไม้ไผ้ที่พร้อมจะลู่ไปกับลมกระดกน้ำอึกใหญ่ “อา รอดตายแล้ว จ้าวเจียง นายบอกว่าอาหารเริ่มหายากแล้ว เราเองก็ไปจากเซี่ยงไฮ้กันเถอะ ที่นี่มีคนอยู่มากเกินไป ถ้ายังกินอย่างนี้กันอยู่ ต่อไปจะไม่มีอาหารเหลือแล้ว”

เด็กชายตัวอ้วนกัดคุกกี้สองชิ้นในคำเดียว แก้มเขาพอง “ผมจะกินให้น้อย… ให้น้อยกว่านาย”

เด็กชายตัวสูงหน้าแดง “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”

“ผมรู้” เด็กชายกลืนบิสกิต “ผมไม่ได้หิวทุกวัน นายเป็นผู้เล่นสำรองร่างกายอ่อนแอกว่าผม ผมรู้สึกว่าตัวเองกินน้อยลงทุกวันนะ แต่ก็ไม่ได้หิวเลย นายเองก็เริ่มกินน้อยลงเหมือนกัน บางทีอาจจะเหมือนที่ชานชานบอก ร่างกายเราแข็งแรงขึ้นตั้งแต่โลกออนไลน์มา แล้วเราก็เริ่มได้พลังงานจากทางอื่นที่ไม่ใช่การกิน…อา เธอพูดแบบนั้นรึเปล่านะ?”

เด็กหนุ่มตัวผอมบิดตัว “ฉันจะจำได้ได้ยังไง? เราแยกกันมาตั้งหลายวันแล้วนะ”

เด็กชายตัวอ้วนนึกถึงเรื่องนี้ก็ซึมไปหน่อยๆ “พอเราแข็งแกร่งพอเราก็จะกลับมารวมกันอีกครั้ง! แล้วคราวนี้ก็จะไม่มีใครกล้ามาแหยมกับเราอีก!”

ทั้งสองยัดน้ำกับอาหารใส่กระเป๋า แล้วเริ่มออกเดินทาง

เด็กชายตัวผอมเปลี่ยนเรื่อง “นายบอกว่าได้ยินเรื่องคนที่มีไม้ขีดไฟอันใหญ่โจมตีคนอื่นตอนกลางคืน คิดว่านั่นใช่พี่ถังไหม?”

“อาจจะไม่นะ ทำไมพี่ถังต้องไปลอบโจมตีคนอื่นด้วยล่ะ? เขาเป็นคนดีแล้วก็แข็งแกร่ง ไม่มีความจำเป็นเลย”

“อืม คงไม่ใช่พี่ถังจริงๆ”

ทั้งสองจากไปแล้วมุ่งหน้าไปทางตะวันตก

‘คนที่มีไม้ขีดไฟอันใหญ่’ ที่ว่า อยู่ที่ชั้นสองของร้านเครื่องเพชรแถวย่านหนานจิง

ร้านนั้นหันไปทางทิศเหนือ ทำให้แสงที่ส่องมาจากทางใต้ไม่ได้ทำให้ร้านสว่างขึ้น ชายไม้ขีดไฟพิงตัวกับกำแพง ขยับมือน้อยๆ มองคนที่อยู่ชั้นล่าง

ถ้ามองดีๆ ก็จะเห็นว่ามีกล้องส่องทางไกลหน้าตาแปลกๆ อยู่ในมือเขา กระจกที่เป็นสองตาถูกดึงออก จุดที่เชื่อมส่วนกระบอกเลนส์เข้าด้วยกันถูกหักทิ้ง มีทรงกระบอกขนาดใกล้เคียงกันเชื่อมทั้งสองกระบอกเข้าด้วยกันจนดูเหมือนตัว Z มีกระจกแบนๆ วางอยู่ที่สองมุมของตัวZ นั้น กลายเป็นกล้องโทรทัศน์สะท้อนแสงอย่างง่าย

ชายไม้ขีดไฟเล็งปลายด้านหนึ่งของตัว Z ไปที่ทางเท้าของถนน อีกด้านหนึ่งหันเข้าหาตัวเอง เขสจ้องทุกคนที่เดินผ่านบันไดตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง

ในช่วงค่ำมีชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงสวมชุดหนัง เดินคาบบุหรี่มาตามถนน

ชายไม้ขีดไฟวางกล้องส่องทางไกลลง หยิบกระเป๋าแล้วรีบวิ่งลงบันไดตามชายคนนั้นไป

ถังโม่ซ่อนตัวในความมืด สายตาจับจ้องชายคนนั้น เขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก ตอนที่เขาเปิดตาขึ้นมีแสงสว่างวูบหนึ่ง แล้วในสายตาเขาก็มีตัวอักษรสามตัวลอยอยู่เหนือหัวผู้ชายคนนั้น

[ผู้ลักลอบ]

ถังโม่กัดริมฝีปากแล้วเดินตามชายคนนั้นไปเงียบๆ

พอกลางคืนมาถึง ชายในชุดหนังก็ซุกมือไว้ในกระเป๋า เตะประตูร้านค้าหนึ่งจนเปิด มีผู้หญิงวัยกลางคนนอนอยู่ในนั้น พอประตูเปิดเธอก็ถอยตัวจนชนตู้เก็บของ

“มองอะไรห๊ะ? ไสหัวไปซะ!”

ผู้หญิงเปิดปากจะพูดแต่ผู้ชายคนนั้นก็ยกขาขึ้นเตะท้องของเธอก่อน เธอร้องด้วยความเจ็บปวดแล้ววิ่งออกจากร้านไป ไม่แม้กระทั่งจะหยุดหยิบกระเป๋า

ชายในเสื้อหนังสือยิ้มร้าย แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงที่ผู้หญิงคนนั้นใช้นอนจนถึงก่อนหน้านี้

เข็มนาฬิากาขยับเดิน ชายในเสื้อแจ็คเก็ตหนังปิดตา แล้วสักพักหนึ่งก็เริ่มกรน

ในความมืดมิด เงาร่างผอมขยับผ่านประตูร้านเข้ามา แล้ววินาทีถัดมาไม้ขีดไฟอันใหญ่ก็กระแทกเข้าที่ขาขวาของชายคนนั้น

กร๊อบ

มีเสียงกระดูกแตก แล้วผู้ชายคนนั้นก็ร้องโหยหวน

ถังโม่ไม่ให้เวลาอีกฝ่ายหายใจ ไม้ขีดไฟเล็งที่ช่วงท้อง ต้นขา และบั้นท้าย การเล็งที่ส่วนที่มีเนื้อเยอะจะทำให้มั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ตาย ร่างอีกฝ่ายค่อนข้างกำยำ อวัยวะภายในน่าจะปลอดภัยดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

“ฉันจะฆ่าแก!”

ตึง

โต๊ะใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าถังโม่

ถังโม่เหวี่ยงไม้ขีดไฟเข้ากับโต๊ะนั้น มันหักแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ ถังโม่เร่งโจมตีขึ้นอีก ส่วนชายคนนั้นที่เห็นว่าความสามารถของตนถูกไม้ขีดไฟยักษ์ทำลายไปแล้วก็ต้องร้องไห้ขอความเมตตา

ถังโม่โน้มตัวลงไปหยิบแจ็คเก็ตหนัง “นี่ของผม เข้าใจไหม?”

ชายคนนั้นรีบถอดแจ็คเก็ตออก เขากอดอกแล้วพนักหน้าถี่ๆ “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว! เอาไป เอาไปเลย!”

แสงสีขาวพุ่งวาบผ่านนัยน์ตาของถังโม่ แล้วเขาก็หมุนตัวจากไปพร้อมแจ็คเก็ตหนังตัวนั้น

พอเขาออกไป ผู้หญิงวัยกลางคนที่โดนไล่ไปก่อนหน้านี้ก็แอบกลับมาเงียบๆ เธอมองชายร่างใหญ่ที่ถูกถังโม่ทำร้ายแล้วโยนออกมานอกร้าน เธอเตะเขาย้ำลงไปอีกสองสามรอบแล้วจากไปพร้อมกระเป๋าของตัวเอง

ถังโม่เดินเข้าไปในซอยซอยหนึ่ง โยนแจ็คเก็ตหนังทิ้งแล้วเปิดหนังสือความสามารถ

[ความสามารถ: ตีฉันสิ ตีฉัน]

[เจ้าของ: จ้าวหลงเฟิง(ผู้ลักลอบ)]

[ประเภท: สี่มิติ]

[ฟังก์ชัน: ใช้วัตถุที่อยู่รอบตัวเป็นโล่ ใช้ 0 วินาทีในการเคลื่อนย้าย]

[ระดับ: เลเวล1]

[ข้อจำกัด: วัตถุที่ใช้จะต้องสามารถขยับได้ ไม่สามารถใช้วัตถุที่อยู่ห่างไปเกิน10เมตรได้ ระยะคูลดาวน์คือห้านาที]

[Note จ้าวหลงเฟิง: ตีฉันสิ ตีฉัน!

ถังโม่: ฉันจะฆ่าเจ้าเต่านี่ให้ตายเลยคอยดู!]

[คู่มือการใช้งานเวอร์ชันถังโม่: ขนาดของวัตถุที่ใช้เป็นโล่ห้ามเกิน 0.5 ตารางเมตร วัตถุที่ใช้ต้องอยู่ในระยะสามเมตร ระยะคูลดาวน์อยู่ที่ 10 นาที…นี่ ฆ่าถังโม่สิเจ้าเอลฟ์น้อย!]

ถังโม่เริ่มชินชาคำพูดถูกๆ จากหนังสือความสามารถ เขาทำใจไว้แล้วตั้งแต่วินาทีที่เปิดมันขึ้นมา ยังไงมันก็เป็นของเขา แม้บางครั้งมันจะพูดจาเสียสีให้ต้องแสบๆ คันๆ ไปบ้างก็ตาม

ตอนแรกถังโม่มั่นใจว่าตัวเองรับได้ทุกอย่างแล้ว แต่พอเห็น’เจ้าเอลฟ์น้อย’ เขาก็อดรู้สึกหนังตากระตุกไม่ได้ เขากระแทกหนังสือปิด ข่มกลั้นความรู้สึกอยากเขวี้ยงมันทิ้ง

ความสามารถของเขามันก็ควรเห็นดีเห็นงามกับเขาสิ…

กับผีน่ะสิ! นี่มันไม่ได้ยอมตามเขาเลยสักนิด

ถังโม่กัดฟัน เดินเข้าไปในบ้านหลังใกล้ๆ รอให้กลางคืนผ่านพ้นไป

จากวันที่หอคอยประกาศว่าเหลืออีก10วันให้เตรียมตัวโจมตีหอคอย ถังโม่ก็เริ่มซุ่มโจมตีอยู่แถวถนนหนานจิง

จากความสามารถหกอันของเขามีแค่การพ่นไฟกับลมเท่านั้นที่ใช้โจมตีได้ เขายังต้องการความสามารถอีกมาก

ความสามารถของคนอื่นอาจจะดูไม่มีประโยชน์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีข้อจำกัดในการใช้งานอะไร ความสามารถของถังโม่ใช้ได้แค่วันละครั้ง ถ้าต้องสู้กับคู่ต่สู้ที่แข็งแกร่งเป็นเวลานานๆ ก็แทบไร้ประโยชน์ ยิ่งตอนนี้เขากำลังจะเริ่มเกมโจมตีหอคอยด้วยแล้ว

ตลอดสี่วันที่ผ่านมาถังโม่ใช้ความสามารถของเฉียวเฟยเฟยเพื่อมองหาผู้ลักลอบตามท้องถนน

ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ปลุกความสามารถของตนแล้วคือผู้เล่นอย่างเป็นทางการกับผู้ลักลอบ ดูภายนอกแล้งพวกเขาแทบจะไม่ต่างอะไรกันเลย ถังโม่เจอคนที่มีพลังพิเศษต่างๆ กันมากมาย นอกจากแจ็คที่องค์กรแอทแทคที่ ‘ดูแข็งแกร่งมากพอจะมีพลัง’ แล้ว ช่องว่างระหว่างผู้เล่นอย่างเป็นทางการกับผู้เล่นสำรองก็น้อยมากๆ

การมองหาผู้ลักลอบเลยง่ายกว่ามาก

ผู้ลักลอบเป็นฆาตกรตั้งแต่ก่อนที่เกมจะเริ่มอย่างเป็นทางการ

ฆาตกรบางคนซ่อนเร้นตัวตนเอาไว้ และดูไม่ต่างอะไรจากคนปกติ แต่ฆาตกรบางคนก็หน้าตาโหดเหี้ยม เหมือนมีวิญญาณร้ายลอยอยู่ตรงหน้าผาก ความสามารถของถังโม่ใช้ได้แค่วันละครั้งเขาเลยจะใช้มันอย่างเสียเปล่าไม่ได้ เขาจะเลือกใช้มันเช็คคนที่มั่นใจเกิน90%ว่าเป็นผู้ลักลอบเท่านั้น

ผู้ลักลอบมีความสามารถที่ต่างกันไปถังโม่เลยไม่กล้าประมาท เขาจะเฝ้าสังเกตการณ์คนเหล่านั้นก่อนจะโจมตีจากข้างหลัง สุดท้ายเขาก็จะกินแล้วไม่จ่ายเงิน คัดลอกพลังของอีกฝ่ายมา

ถังโม่ทิ้งตัวลงบนเตียงของบ้านหลังนั้น แล้วคิดถึงสถานที่ที่จะไปหาผู้ลักลอบในวันพรุ่งนี้

ถังโม่เลือกถนนหนานจิงเพราะมีร้านค้าที่ผู้เล่นมากมายเข้าออกตลอดทั้งวัน เลยง่ายกับการหาผู้ลักลอบ โชคร้ายที่การลอบโจมตีคนอื่นตลอดสี่วันนี้ทำให้ชื่อเสียงของ ‘ผู้ชายที่มีไม้ขีดไฟ’ ขจรไปไกล ทำให้คนที่มาหาทรัพยากรแถวถนนหนานจิงลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ถังโม่ลูบคางครุ่นคิน

“มีซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ไม่ไกล ลองไปซุ่มอยู่แถวนั้นแล้วกัน”

กลางดึกที่ไม่ใช่เวลาเล่นเกมแบบนี้ ทั้งจีนเงียบสนิท

เช้าวันถัดมาถีงโม่รีบย้ายตัวเองจากถนนหนานจิงไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ

สามวันถัดมา ที่ห้างสรรพสินค้าในผู่ตง

ชายชาวต่างชาติท่าทางแข็งแรงก้าวออกมาจากโรงจอดรถ สีหน้าเขาดุดันและทุกย่างก้าวก็ทำให้พื้นสั่น ผู้เล่นคนอื่นจงใจหลบเลี่ยงเขาตอนที่เขาเดินไปมา ชายผมบลอนด์ท่าทางแข็งแรงขยี้หัวตัวเองแล้วเดินไปทางทิศตะวันออก

พอออกมาจากห้างแล้ว ถังโม่ที่นั่งรอมาชั่วโมงหนึ่งได้ก็เปิดตา

เขารอให้แจ็คเดินพ้นไปสามนาทีถึงได้เดินตามไปเงียบๆ

แอบตามอยู่20นาทีถังโม่ก็เห็นแจ็คเดินเข้าไปในโรงงาน เขาผ่านอาคารเก่าของโรงงานเข้าไปในรั้วเหล็ก แต่ตอนที่กำล้งจะพ้นโรงงานเขาก็หยุดยืนที่ฝาท่อหน้าประตู แจ็คเหยียบมันแล้วร่างทั้งร่างเขาก็หายไป

ถีงโม่เดินตามไปดูฝาท่อขึ้นสนิมนั้น ไม่ลังเลที่จะเหยียบตามลงไป

เสียงเด็กดังขึ้นในหัวเขาทันที

“ดิ๊งด่อง! เกมส่วนตัวแบบซิงเกิ้ลเพลเยอร์ ‘คิลบิล’ ถูกทริกเกอร์แล้ว เวลา11นาฬิกา26นาที วันที่30 พฤศจิกายน 2017 ผู้เล่น ถังโม่ เข้าสู่เกมโดยสวัสดิภาพ”

“กำลังโหลดแซนด์บ็อกซ์…”

“โหลดข้อมูลสำเร็จ…”

ถังโม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังร่วงหล่น การร่วงนั้นเกิดขึ้นกะทันหันจนถังโม่ตอบสนองไม่ทันไปแวบหนึ่ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้สติแตกแบบคราวก่อนที่เจอคุณลุงตุ่น ถังโม่กางแขน วางมือทั้งสองข้างลงบนท่อเพื่อทรงตัว

พอหล่นมาสักพักถังโม่ก็ถึงพื้น

เขาถูกล้อมด้วยความมืด ถังโม่หยิบไฟฉายออกมาจากกระเป๋าแล้วฉายไปรอบตัว ถ้ำนี้เหมือนถ้ำของคุณลุงตุ่นเปี๊ยบ ดินนั้นชื้นและแฉะกว่าถ้ำของเจ้าตุ่น รอยเท้าของถังโม่ถูกทิ้งเป็นรอยที่มองเห็นชัดทุกย่างก้าว ถ้ำนี้ไม่ใช้ถ้ำปิด ที่ด้านหนึ่งของถ้ำมีอุโมงค์มืดๆ ที่ทอดยาวไปไกลจนไฟฉายส่องไม่ถึง

ถังโม่เงี่ยหูฟังเสียงรอบตัว ขณะเดียวกันก็เดินสำรวจรอบถ้ำนั้น แล้วกลับไปที่ทางเดิน

ทางเดินที่เป็นท่อยาวสูงสัก180เซนติเมตร ถังโม่ต้องก้มตัวลงนิดๆ เพื่อจะเดินผ่านโดยที่ไม่มีดินเปียกๆ โดนผม พอมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรอยู่ถ้ำนั้น เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเข้าไปตามทางเดิน

ยิ่งเขาเดินไปไกลเท่าไหร่ดินรอบตัวก็ยิ่งชื้นขึ้น ถังโม่รวบรวมสติ ฟังทุกการเคลื่อนไหวรอบตัว

จู่ๆ เสียงวิ่งรีบๆ ก็ดังขึ้นจากส่วนลึกของอุโมงค์ ถังโม่หรี่ตา เขากดปิดไฟฉายแล้วแนบตัวกับผนังทางเดิน

ดินมันเปียกเฉอะแฉะ รองเท้าของถังโม่เปื้อนโคลนไปหมด แต่ก็เพราะความเปียกทำให้เขาจับมันได้ง่าย เขาไม่ได้สนว่าตัวเองจะเลอะแค่ไหนตอนที่ฝังตัวเองลงไปในกำแพง โคลนอาบทั้งร่างจนถังโม่กลายเป็นส่วนหนึ่งของกำแพง

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ถังโม่กลั้นหายใจ พยายามลบตัวตนออกไปให้หมด

เขาไม่เห็นสิ่งที่วิ่งมา แต่เขาจะไม่เผชิญหน้ากับมันตรงๆ แน่

น่าเสียดายที่แม้ถังโม่จะปิดไฟฉายแถมยังฝังร่างตัวเองในโคลน ฝีเท้าที่ทำท่าจะวิ่งเลยไปก็ยังหันกลับมาหาเขาถูกอยู่ดี

ถังโม่ตัวเกร็งตอนที่เสียงฝีเท้านั้นหยุดตรงหน้า เขาเม้มปากมือขวาเตรียมจะหยิบไม้ขีดไฟมาโจมตีแล้ว

เสียงเซอร์ไพรส์ดังขึ้นแทน “พระเจ้าช่วย นายคือเพื่อนร่วมงานคนใหม่ที่ถูกส่งมาทำงานนี้ใช่ไหม?”

แสงจางๆ ส่องหน้าถังโม่

เป็นชายหนุ่มชาวต่างชาติที่มีผมสีแดง เขาใส่ชุดยูนิฟอร์มสีแดงขาว (แบบเดียวกับที่คุณลุงแมคโดนัลด์สวมเลย ต่างกันแค่อันนั้นเป็นลายทางแนวตั้ง ส่วนตัวนี้เป็นลายทางแนวนอน) ตะเกียงน้ำมันก๊าดโบราณอยู่ในมืออีกฝ่าย ตลอดทางที่เขาวิ่งมามันไม่มีแสงจากตะเกียงนี่แน่ๆ แต่จู่ๆ เขาก็ดึงมันออกมาจากอากาศแล้วชูให้ถังโม่ดู

พอได้ยินที่เขาพูด ถังโม่ก็เลิกพยายามดึงไม้ขีดไฟออกจากข้อมือ เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยพยักหน้า

“พระเจ้า นายรู้ไหมว่าบิลเป็นบ้าไปแล้ว! เห็นแผลบนตัวฉันไป? เพราะบิลนั่นแหล่ะ”

“คุณ…”

ถังโม่ยังไม่ได้พูดอะไรต่อตอนที่เสียงกรีดแหลมประหลาดดังมาจากส่วนลึกของทางเดินนี้ เสียงนั้นคล้ายงูแต่ก็ต่างออกไป เหมือนมีเสียงอะไรสักอย่างกระแทกกับผนังถ้ำ

ตึง ตึง!

อุโมงค์ที่ถูกอะไรบางอย่างกระแทกสั่นเหมือนเกิดแผ่นดินไหว ร่างของถังโม่กับชายหัวแดงโยกไหว จนต้องพยุงกำแพงเพื่อจะลุกกลับขึ้นมา

ชายหัวแดงมีสีหน้าสยดสยอง “นั่นมันเสียงสัตว์ประหลาดนั่นนี่! บ้าแล้ว มันบ้าไปแล้ว!” ชายผู้หวาดกลัวก้าวถอยหลังสามก้าว แทบจะนั่งลงไปบนพื้นโคลนตรงๆ ตอนนั้นเขาก็รีบยัดตะเกียงน้ำมันก๊าดใส่มือถังโม่ “เพื่อน ตอนนี้ถึงตานายทำงานแล้ว นายอยู่ที่นี่นะ ฉันจะออกไปตามหาอื่นอื่น” ชายหัวแดงพูดทิ้งไว้แล้ววิ่งจากไป

“ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นซะ อย่าให้สัตว์ประหลาดนั่นหลุดไปได้ล่ะ! ฉันจะกลับมา เดี๋ยวฉันกลับมา!”

เขาพูดแบบนั้นนะ แต่ร่างที่แสนซื่อสัตย์วิ่งนำไปไกลแล้ว

ถังโม่ถือตะเกียงน้ำมันก๊าดไว้ในมือ ระงับความอยากจะโกนไล่หลังอีกฝ่าย

เสียงเด็กแหลมสูงดังขึ้นในหัว

“ดิ๊งด่อง! ภารกิจหลักถูกทริกเกอร์แล้ว ฆ่าบิลใน20นาที!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด