ตอนที่แล้วตอนที่ 16 อะไรคือโมโม่? ว่าแต่คุณมีค่าBในหัวใจไหม?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 18 ผู้เล่นสำรองคืออะไร? ผมวาดวงกลมสาปคุณแล้ว!

ตอนที่ 17 โมโม่~


สมองถังโม่หมุนอย่างรวดเร็ว เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่คุยด้วยไม่ใช่ไข่หรือไก่งวง บางทีอาจเป็นสัตว์ประหลาดของหอคอย แต่ที่ดูเป็นไปได้มากกว่า…

“คุณเป็นมนุษย์?”

ผู้ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง “ใช่ ฉันเป็นมนุษย์ นายก็เป็นมนุษย์?”

ถังโม่ตอบ “ใช่”

รถจอดอยู่ที่ข้างทาง แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องประกาย ไข่ไก่งวงส่องแสงสีทอง ตัวอักษรผลุบๆ โผล่ๆ ให้ถังโม่เห็นแค่บางตัวเลยอ่านไม่ออก แต่เขากังวลกับคู่สนทนามากกว่า

เขาไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง แล้วตัดสินใจแสดงความจริงใจออกไป “ตอนนี้ผมถือไข่สีขาวอยู่ในมือ แล้วก็มีเสียงของคุณดังออกมา คุณเป็นมนุษย์ที่โดนขังอยู่ในไข่หรือว่ายังไง?”

เสียงของผู้ชายคนนั้นเรียบนิ่ง “ฉันไม่ได้โดนขังอยู่ในไข่ ฉันถือไข่อยู่ในมือ แล้วเสียงของนายก็ดังออกมา” เขาเสริมว่า “มันเป็นไข่ไก่งวง”

ถังโม่หยุดคิด “คุณน่าจะเป็นคนจีนเหมือนกัน เพิ่งออกมาจากหอคอยใช่ไหม? ผมได้ไข่นี้มาจากสัตว์ประหลาดในหอคอย เป็นไข่ไก่งวงเหมือนกัน”

“ฉันก็ได้ไข่นี่มาจากสัตว์ประหลาดของหอคอยเหมือนกัน”

ทั้งสองเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าไข่ไก่งวงในเมือพวกเขานั้นทำงานคล้ายโทรศัพท์ ทำให้พวกเขาติดต่อสื่อสารกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอได้

พอเป็นแบบนั้นแล้ว ถังโม่ก็นึกอยากรู้ว่าเจ้าไก่งวงสามารถส่งสัญญาณได้ไกลแค่ไหน

“คุณอยู่ที่ไหนน่ะ?”

“นายอยู่เมืองอะไร?”

ประโยคคล้ายๆ กันจากปากทั้งคู่ทำทั้งสองเงียบไป

อีกฝ่ายตอบมาก่อน “ฉันอยู่ปักกิ่ง”

ปักกิ่ง?

ปักกิ่งอยู่ห่างจากเซี่ยงไฮ้เป็นพันกิโล ไข่ไก่งวงเชื่อมกันเหมือนโทรศัพท์มือถือจริงๆ เหรอ?

“ผมอยู่เซี่ยงไฮ้”

ถังโม่ก้มมองไข่ในมือ พอจะเดาอะไรได้ลางๆ ไข่ในมือของเขาเหมือนจะได้รับความเสียหาย ถังโม่ไม่คิดว่าการขว้างปาของเขาจะทำให้ไข่นี่ได้รับความเสียหายได้ ตอนเคาะกับพวงมาลัยยังมีแต่พวงมาลัยที่แตก วัตถุอะไรก็ตามจากหอคอยดำไม่น่าบอบบางขนาดนั้น

โอกาสที่ไข่มันเสียหายเพราะเขามีไม่ถึง 20% ขณะที่โอกาสที่ไข่มันจะเสียหายอยู่แล้วอยู่ที่ 80%

[ระดับ: หายาก]

นี่มันอุปกรณ์ระดับหายากเลยนะ

ถ้าหอคอยดำกำลังเล่นเกมอยู่จริงๆ ก็คงเข้าใจได้ที่มันจะแจกอุปกรณ์ให้ผู้เล่น ของระดับหายากมีค่าเสมอไม่ว่าจะในเกมไหนๆ ถังโม่ไม่รู้ว่าเจ้าไข่นี่ทำอะไรได้ แต่เขาน่าจะถามจากผู้เล่นชาวปักกิ่งคนนี้ได้

อุปกรณ์ระดับหายากไม่น่ามีบทบาทแค่การเป็นโทรศัพท์ เทคโนโลยีของมนุษย์ไปไกลถึงการสื่อสารทั่วโลกมาตั้งนานแล้ว ไม่มีเหตุผลเลยที่หอคอยลึกลับแบบนั้นจะทำอะไรแค่นี้ จากการที่ไข่นี่หน้าตาเหมือนกันทั้งสองฝั่ง ก็คงต้องเดาว่ามันน่าจะมีเอฟเฟกต์เหมือนๆ กัน

ถังโม่ระมัดระวังคำพูด “ตอนที่ผมเล่นเกมโจมตีหอคอย ตุ่นยักษ์ก็ให้ไข่นี่มาเป็นรางวัล แต่ไข่มันแข็งมาก ผมลองเอาไปเคาะกับพวกมาลัย หินหรือของแข็งๆ อย่างอื่น แต่กลายเป็นว่าพวงมาลัยของผมแตก ส่วนไข่ไม่แม้แต่จะร้าว”

เขาพยายามจะพูดทุกสิ่งที่ตัวเองรู้ เผื่อว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกไว้ใจพอจะเผยข้อมูลอื่นๆ ออกมา

“..เจ้าตุ่นที่เป็นคนให้มาบอกว่ามนุษย์ฟักไข่ฟองนี้ไม่ได้ ตอนแรกผมนึกว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ได้มันมา ไม่คิดว่าคุณเองก็จะมีเหมือนกัน แต่ผมไม่คิดว่าไข่นี้จะเอาไว้ใช้แค่คุยกับคนอื่นอย่างเดียว ที่ฝั่งคุณมีคำใบ้อะไรบ้างไหม?”

อีกฝ่ายตอบเสียงเฉียบ “ไม่มี”

ถังโม่ “…”

อย่ามาตอแหล!

ไม่ใช่ว่านี่มันจะเกินไปหน่อยเหรอ?

คนปกติเวลาคุยกันคงจะให้ความรู้สึกเป็นมิตรกว่านี้ ไม่ใช่ว่าตอนนี้หมอนั่นควรจะเริ่มเปิดเผยข้อมูลที่ตัวเองมีรึไง?

ถังโม่เงียบอยู่นานแล้วลองใหม่ “แล้วคุณติดต่อผมได้ยังไง? ผมได้ยินเสียงคุณก่อนถึงได้ตอบกลับ”

ถังโม่ปลงไปแล้ว ไม่ได้คาดหวังอะไรจากอีกฝ่ายมากนัก

“ตอนกำลังสำรวจมันมีตัวอักษรสองสามบรรทัดโผล่ขึ้นมา พอลองเคาะไปสามรอบมันก็มีแสงสีทองออกมา” อีกฝ่ายยอมคายข้อมูล “ตอนที่ฉันพูดมันก็จะกะพริบตาม”

ถังโม่นึกได้ว่าตัวเองก็เคาะไข่ฟองนี้ไปสามครั้งเหมือนกันตอนที่เสียงของผู้ชายคนนี้ดังขึ้นและแสงสีทองหายไป

ถังโม่ถาม “แล้วคุณรู้วิธีวางสายไหม?”

“ขอลองก่อน”

ทั้งสองฝ่ายตัดการสนทนาไป แล้วสักประมาณสิบวินาทีถัดมาเสียงผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นอีกรอบ “ฉันลองถือมันด้วยสองมือแล้วสายก็ตัดไป”

เคาะไข่สามครั้งเพื่อโทรออกแล้วก็วางสายด้วยการถือไว้ในมือทั้งสองข้าง?

ถังโม่แนะนำ “งั้นคุณลองตัดสายก่อน เดี๋ยวผมจะลองบ้าง”

“ดี”

ถังโม่ลองบ้าง และพบว่าเขาเองก็สามารถเปิดปิดสายตอนไหนก็ได้เหมือนกัน พอลองกันไปสักพัก พวกเขาก็พบว่าไม่ว่าจะเป็นใคร แค่เคาะไข่ก็สามารถเปิดได้ แต่ถ้าคนใดคนหนึ่งถือไข่ไว้ได้สองมือ สายก็จะถูกวางไป

พวกเขาเหมือนจะมีความเข้าใจร่วมกันแปลกๆ ระหว่างการทดลองนั้น ไม่มีใครพูดอะไรไร้สาระ แล้วก็พูดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดที่จะทำได้

มีความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในหัวใจถังโม่ เจ้าของไข่อีกฟองทำงานเข้ากับเขาได้ดีเหมือนเคยร่วมงานกันมาก่อน ทำให้ความประทับใจที่มีต่ออีกฝ่ายกระเตื้องขึ้นมาหน่อย น่าเสียดาย ความประทับใจแรกคงจะดีกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายให้ความร่วมมือมากกว่านี้หน่อย

ผู้ชายคนนี้ไม่เคยหลุดข้อมูลสำคัญอะไรมาเลย เขาปกปิดบางสิ่งไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถังโม่รู้ดีว่าอีกฝ่ายปิดอะไรบางอน่างไว้ไปพร้อมๆ กับล้วงข้อมูลที่เขามี

ตอนนี้พวกเขาก็พูดทุกสิ่งที่จะพูดได้ไปแล้ว ไม่มีใครอยากจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว คงจะไร้ความหมายถ้าจะคุยกันต่อ อย่างเช่นถังโม่ไม่กล้าพูดออกไปว่าไข่ของเขามีความเสียหาย ไม่อย่างนั้นเขาคงเสียเปรียบ แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ให้ข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ แล้วยังระวังตัวแจกับถังโม่ที่เป็นคนแปลกหน้า

เสียงเขานุ่มน่าฟังไม่น้อย “นายมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือเปล่า?”

“มีอีกคำถามหนึ่ง”

“อะไรล่ะ?”

“คำแรกที่คุณพูดไม่ใช่คำว่าฮัลโหล คุณพูดว่า…โมโม่?”

จู่ๆ ความเงียบก็ปกคลุมบรรยากาศ ถังโม่รู้สึกว่ามีบางอย่างปิดปกติ แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองพลาดตรงไหน ตอนที่มีเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังมาจากไข่ไก่งวง เหมือนอีกฝ่ายจะยิ้มเป็นครั้งแรกตั้งแต่คุยกันมา “นี่นายไม่รู้กระทั่งว่าไข่นี่เรียกว่าอะไร?”

ถังโม่ “…”

คำบางคำเก็บไว้ในใจก็พอไหมล่ะ! ช่วยรักษาหน้ากันหน่อยไม่ได้เหรอ?

ถังโม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จงใจยกระดับการป้องกันตัวไว้สูง เหมือนที่อีกฝ่ายรู้ว่าถังโม่ขาดข้อมูลไปหลายอย่าง แต่พอพูดออกมาแล้ว… ก็รู้สึกเหมือนมีร่องรอยจางๆ ในหัวใจ ที่ทำให้คนที่ทำตัวห่างเหินกันมาตลอดเหมือนจะสนิทกันขึ้นนิดหน่อย

อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ศัตรู

“ไข่นี่ชื่อว่าโมโม่น่ะ พอฉันเห็นมันสว่างก็เลยเผลอตะโกนว่าโมโม่”

“ผมชื่อโม่นะ แล้วคุณล่ะ?

“…” อีกฝ่ายนิ่งไป เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าเขาเรียกถังโม่ด้วยชื่อที่ดูสนิทสนมกันเกินเหตุ “ฉันชื่อฟู่”

“แค่นั้นแหรอ?”

“ใช่ ลาก่อน”

“ลาก่อน”

พอบทสนทนาจบลงเขาก็ใส่ไข่ไก่งวงกลับเข้ากระเป๋า แล้วแตะนิ้วกับพวงมาลัยอย่างใจเย็น

อย่างแรก เจ้าไข่นี่ชื่อโมโม่

น่าจะไม่เกี่ยวกับชื่อของเขา มันก็แค่บังเอิญชื่อนี้พอดี

ข้อสอง คุณฟู่จากปักกิ่งเป็นคนฉลาดแถมยังระวังตัวแจ โอกาสที่จะได้ข้อมูลจากอีกฝ่ายนั้นน้อยมาก บางทีนี่อาจจะเป็นการสนทนาครั้งแรกและครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ ทั้งคู่รู้ดีว่าคนที่อยู่อีกฟากของไข่นี้ไม่ใช่พวกหัวอ่อนโง่เง่า เพราะแบบนั้นก็คงไม่มีเหตุผลให้ต้องติดต่อกันอีก

อุปกรณ์หายากในมือไม่ต่างอะไรกับเผือกร้อนสำหรับถังโม่ เขาอยากใช้มัน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเอาไว้ทำอะไรกันแน่ แถมยังไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้เสียหายถึงระดับที่ไม่สามารถใช้งานได้เลยหรือเปล่า

จะให้ไปหลอกถามข้อมูลจากผู้ชายคนนั้น…

ถังโม่รู้สึกสิ้นหวัง นอกเสียจากว่าจะมีอุบัติเหตุร้ายแรงอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายต้องแบ่งปันข้อมูลกับเขาแล้ว ก็คงจะไม่มีทางที่ผู้ชายคนนั้นจะบอกอะไรเขาหรอก

แต่ถ้าเป็นถังโม่เขาก็คงทำเหมือนกัน ไม่มีใครอยากเแบ่งปันข้อมูลของอุปกรณ์ระดับหายากกับคนแปลกหน้าหรอก มีอุปกรณ์แบบนี้อยู่ในมือเขาคงเลือกจะซ่อนมันเอาไว้ ใช้มันเป็นไพ่ตายที่จะนำมาซึ่งชัยชนะของตน ไม่ใจดีหรือโง่พอจะเป็นฝ่ายเปิดเผยข้อมูลก่อนหรอก

ถังโม่ถอนหายใจแล้วขับรถตามหาโรงเรียนมัธยมชีเปย

รถขับไปที่ตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ มีรถมากมายชนะกันระเนระนาดบนถนน ตัวเลือกขับรถต่อไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด ถังโม่ทิ้งรถ แล้วเริ่มออกเดิน เขาขยับตัวไปตามขอบมุมถนน แอบซ่อนตัวเป็นระยะ

สี่วันแล้วหลังจากโลกออนไลน์ เซี่ยงไฮ้แทบกลายเป็นเมืองร้าง

ฟ้ามืดแล้ว แต่ร้านค้าตามสองข้างทางยังมีไฟอยู่ ถังโม่เดินผ่านร้าน KFC ยังมีซอสมะเขือเทศกับมันฝรั่งทอดเหี่ยวๆ วางอยู่บนโต๊ะ แต่ไม่มีใครอยู่ในร้าน

ยิ่งเข้าไปในตัวเมืองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

ที่นี่มีคนอยู่ไม่น้อย ตอนที่เขาเดินผ่านหัวมุมหนึ่งเขาเห็นเด็กสาวในชุดกีฬากำลังกวาดขนมหลากชนิดกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากร้านสะดวกซื้อ ไม่ได้ดูแปลกใจนักที่เห็นถังโม่ เธอแค่มองเขาอย่างระแวดระวังแล้วหันไปหาน้ำและอาหารในร้านสะดวกซื้อต่อ

ถีงโม่หิ้วกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยไฟฉาย อาหาร และน้ำ

เขาเห็นคนกำลังขนอาหารอยู่ตลอดทาง เห็นคนกลุ่มเล็กๆ จ้องอย่างระแวงใส่ใครก็ตามที่เดิมไปใกล้ คนส่วนใหญ่ตัวเปื้อนเลือดที่แห้งกรัง บางคนก็บาดเจ็บ พวกเขานอนเรียงรายอยู่ตามถนน แขนขาหักและร้องด้วยความเจ็บปวด

ยังเหลือคนอยู่ไม่น้อยในเมืองหลังเกมโจมตีหอคอย

ถังโม่กะด้วยสายตาได้ว่ามีคนราวๆ สี่คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร ค่ำแล้ว และคนส่วนใหญ่ก็กำลังกินอาหาร แต่หลังการพัฒนาทางกาย ความต้องการอาหารของถังโม่ก็ลดไปมาก เขาไม่ได้กินมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่ก็ยังไม่หิวแเลย

โรงเรียนมัธยมชีเปยค่อนข้างมีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้แต่ถังโม่ไม่รู้จัก แแทนที่จะเดินไปถามคนตามถนนเขาเลือกจะเดินไปที่แผงขายหนังสือพิมพ์ร้าง คุ้ยหาแผนที่ละเอียดของเมืองเซี่ยงไฮ้

“ย่านจิงอัน…ชีเปย…ตรงนี้สินะ”

ถังโม่คว้ากระเป๋าแล้วเริ่มเดินต่อ

แล้วจู่ๆ เสียงประกาศสดใสของเด็กก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ดิ๊งด่อง! สหรัฐอเมริกาเขต 3 ผู้เล่นอย่างเป็นทางการ ริชาร์ด เวลส์ ได้เปิดชั้นแรกของหอคอยสำเร็จแล้ว ในสามนาที ผู้เล่นทุกเขตในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มต้นโจมตีหอคอย!”

ถังโม่ชะงัก เช่นเดียวกับคนสองคนที่กำลังกินอาหารอยู่แถวนั้น พวกเขาเงยหน้ามองหอคอยที่อยู่ไกลออกไป ถังโม่หันไปมองนาฬิกาที่แผงหนังสือ

『19:18 』

“หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็นคือเวลาเล่นเกม เวลาเล่นในจีนจบลงแล้ว แต่ในอเมริกา…เวลาต่างกับจีน13 ชั่วโมง  เวลาเล่นเกมคำนวณตามเวลาท้องถิ่นเหรอ? แต่มันประกาศเป็นสากล..”

ถังโม่เดินต่อ

การประกาศครั้งนี้ไม่เหมือนรอบที่ผู้ลักลอบ ฟู่เหวินตั๋ว เปิดหอคอยดำ มันประกาศแค่ครั้งเดียวแล้วก็หยุดไปแทนที่จะประกาศสามครั้งเหมือนตอนนั้น

ครั้งนี้เป็นผู้เล่นชาวอเมริกาที่ต้องโจมตีหอคอย ไม่ใช่ชาวจีน ถังโม่เดินผ่านชายวันกลางคนที่เลือดออกมากและน่าจะตายในไม่ช้า “ไป ไปแล้วก็ตาย…ตาย…”

ห้าทุ่มแล้วกว่าถังโม่จะมาถึงจิงอัน รถบนถนนพังยับ เขาเลยต้องปีนข้ามมันไป ทำให้การเดินทางช้าลงไปมาก แถมยังเขายังเดินหลงทิศอีก แต่ตอนที่มาถึงย่านจิงอันก็มีเสียงเด็กดังก้องในความมืด

“ดิ๊งด่อง! สหรัฐอเมริกาเขต 2 ผู้เล่นอย่างเป็นทางการ แมรี่ ฟัน เดอร์ซาร์ เคลียร์ชั้น 1ของหอคอยได้สำเร็จ!”

ถังโม่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ไม่ใช่คนที่เปิดเกมโจมตีงั้นเหรอ?

“ดิ๊งด่อง! 19 พฤศจิกายน 2017 ผู้เล่นสองคนของโลกได้เคลียร์ชั้นหนึ่งของหอคอยแล้ว ผู้เล่นที่เหลืออีก 416.23 ล้านคน ได้โปรดพยายามโจมตีหอคอย”

ถังโม่ก้าวช้าลงตอนที่มองเงาวูบไหวในอากาศ

เขาจำได้ว่ามีคนเกิน 490ล้านคนล็อคอินเข้ามาเมื่อวานนี้ ตอนนี้…หายไป80ล้านคน? เพราะจีนกับสหรัฐอเมริกาโจมตีหอคอยหรือมีอย่างอื่นที่ทำให้ผู้เล่นตายได้กันนะ?

คน80ล้านคนตายเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?

ถังโม่เดินต่อด้วยสีหน้ามืดหม่น แสงไฟข้างถนนกะพริบเป็นจังหวะ ถังโม่หยิบไฟฉายขึ้นมาส่องดูแผนที่ ไม่ได้พูดอะไรขณะเดินผ่านไปสามบล็อค แล้วมาหยุดที่ทางแยก ถังโม่เห็นป้ายจราจรเตือนเข้าเขตโรงเรียน แล้วก็รู้ตัวว่าตัวเองใกล้ถึงแล้ว

กริ๊ก

ถังโม่เหยียบลงบนเศษแก้ว เขาก้มไปเห็นเศษแก้วบนพื้น พอเงยหน้าก็เห็นไฟข้างถนนเหนือหัวเขาที่แตกด้วยเหตุผลบางอย่าง เศษกระจกเลยร่วงอยู่ที่พื้น

นี่เป็นแค่ไฟอันแรกที่แตกเท่านั้น

ถังโม่มองถนนที่นำไปสู่รั้วโรงเรียน

มีเสาไฟแค่สองต้นที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืด พื้นเต็มไปด้วยเศษกระจก เสียงลมหนาวยามค่ำคืนพัดผ่านต้นไม้ที่สองข้างถนน เงาของต้นไม้ขยับวูบไหวเหมือนมีชีวิต ถังโม่เดินเหยียบเศษแก้วพวกนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย

สายลมเย็นๆ พัดเสื้อแจ็คเก็ต สายตาเขาสงบนิ่งเหมือนไม่เห็นความผิดปกติใด

ถังโม่ยกเท้าขึ้น ขยับไปทางซ้ายสองก้าว แล้วมองกลับไปที่จุดที่จะวางเท้าตอนแรก เห็นตะปูตัวใหญ่เกือบเท่าข้อนิ้ว ถ้าเขาเหยียบลงไป ฝ่าเท้าคงถูกตะปูทิ่มเป็นแผลไปแล้ว

ถังโม่เงยหน้ามองรอบตัวอย่างระมัดระวัง

เขาอยู่ห่างจากรั้วโรงเรียนราวร้อยเมตร

ใกล้เช้าแล้ว เลยยังไม่มีใครอยู่แถวนั้น ถังโม่ขยับไปข้างหน้า ตะปูประหลาดนั่นโผล่ขึ้นมาจากอากาศอีกสองสามครั้ง ครั้งหนึ่งลอยให้เขาให้เห็นต่อหน้าต่อตา ถ้าเขาไม่ระวังตัวตะปูคงจะทิ่มตาเขาไปแล้ว โชคดีที่เขาตอบสนองไวพอจะหนีไปได้

เหตุการณ์ประหลาดนั่นจะเกิดก็ต่อเมื่อเขาเข้าใกล้โรงเรียน ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากรั้วสิบกว่าเมตร ถ้าเขาอยากจะกลับไปที่ทางแยกเขาต้องเดินย้อนไปตั้งแปดสิบเมตรได้

ถังโม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจเข้าไปสำรวจในโรงเรียน

มีเสียงตะโกนออกมาทันที “อย่าเข้ามานะ!”

เสียงเด็กแหลมสูง ยังไม่แตกหนุ่มเลยด้วยซ้ำ

ถังโม่ถามกลับ “เธอเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้เหรอ?”

“อย่าเข้ามานะ คุณ…คุณเป็นใคร?”

“ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร ผมมาตามหานักเรียนคนนึง เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนผม”

ตะปูที่ลอยอยู่หน้าถังโม่หล่นไปกองกับพื้น ไม่ขวางทางอีก เขาขยับเข้าไปจับรั้วโรงเรียนไว้ แล้วมองผ่านรูของประตูรั้ว แต่ก็ไม่เห็นใครแม้กระทั่งเด็กผู้ชายที่เขาด้วยเมื่อครู่

ถังโม่ขมวดคิ้ง “เธออยู่ที่ไหนน่ะ?”

เด็กชายถามอย่างลังเล “คุณ…คุณไม่ใช่คนไม่ดี?”

“ไม่ใช่ นี่เธอไปเจอกับอะไรเข้าล่ะ? อยากให้ผมช่วยอะไรไหม? ผมมีน้ำกับอาหารอยู่”

“ผม… ผมอยู่ในห้องยามที่ติดกับรั้ว วางอาหารกับน้ำไว้หน้าประตู อย่าเข้ามานะ…”

ถังโม่หยิบขวดน้ำกับบิสกิตถุงหนึ่งจากกระเป๋าเอาไปวางหน้าห้องยาม เขาค่อยๆ เดินกลับไปแล้วหยุดที่ครึ่งทาง

เด็กชายถาม “คุณ… ทำไมถึงไม่เข้ามาล่ะ?”

ถังโม่ยิ้ม พวกเขาเลยตกอยู่ในความเงียบเพราะเด็กชายก็เลือกจะไม่พูด ถังโม่เงียบกริบตอนที่เดินเบาๆ เข้าไปใกล้ห้องยาม แล้วเร่งฝีเท้า หลบให้พ้นประตู แล้วกระแทกหน้าต่างเข้าไปแทน

เศษกระจกหล่นลงพื้น ตอนที่ถังโม่กำลังจะเดินต่อ พื้นใต้เท้าก็ยวบลงเป็นหลุมลึกเจ็ดหรือแปดเมตร ที่ก้นหลุมมีมีดปักให้ส่วนคมชี้ขึ้นมา

“ครูฮะ เขารู้แล้ว! ครูฮะ ช่วยผมด้วย!”

เศษแก้วธรรมดาไม่สามารถบาดผิวถังโม่ได้ ความเร็วและการตอบสนองของเขาก็เกินขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว เด็กชายแก้มย้วยกรีดร้อง แล้วหันหลังวิ่งหนี แต่ถังโม่เร็วกว่าเขา เลยคว้าแขนของเด็กชายตัวอ้วนแล้วดึงเข้าหาตัว

“อย่าขยับนะ! คุณเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่?” เสียงกระวนกระวายของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น

ถังโม่หันมองผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เขาดูเหมือนเพิ่งตื่นนอน ผมยุ่งแถมหน้าก็มีรอยกด แต่ก็ยังออกแรงวิ่งมาทางนี้

ถังโม่ถาม “คุณนั่นแหล่ะพยายามทำอะไรกันแน่? จะฆ่าผมรึไง?”

อีกฝ่ายรีบตอบ “วางเขาลงก่อนเถอะ อย่าทำร้ายเขาเลย จะเอาอะไรก็เอาไปเถอะ”

ถังโม่รู้สึกว่ามีอย่างผิดปกติ แต่ยังไม่ทันได้ถามก็ได้ยินเสียงดังขึ้นก่อน “ถังโม่? ในที่สุดก็มา! เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว ปล่อยก่อนเถอะ คุณหลี่ เขาไม่ใช่คนไม่ดีนะ นี่ถังโม่ไง คนที่ผมเล่าให้คุณฟังน่ะ ที่เขาตั้งใจจะมาที่นี่แต่เราพลัดหลงกันซะก่อน ผมก็เลยมาที่โรงเรียนเผื่อว่าจะเจอเขา”

ถังโม่มองคนที่เพิ่งมาใหม่

“หลี่เหวิน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด