ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0578 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0580 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0579 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 579 : บุกเข้าถ้ำเสือ

ฉินหยุนไม่ทราบเรื่องราว กระนั้นเขาก็ยังระแวดระวังตัวอยู่ตลอด

“เสี่ยวหยุน เจ้าต้องระวังตัว เจ้าไม่อาจถูกสังหาร!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “หากเจ้าคิดอยากขึ้นสู่สิบอันดับแรก ก็จำเป็นต้องหาเหยื่อให้มากขึ้น!”

“เขตแดนจินตภาพกว้างใหญ่ ข้าจะหาคนมากมายเหล่านั้นได้อย่างไร?” ฉินหยุนเคลื่อนที่ช้าภายในป่า

“ในเขตแดนจินตภาพสมควรต้องมีเมืองซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัย เจ้าไปยังบริเวณรอบนอกของเมืองนั่นแล้วคอยหาโอกาสเอา!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะตอบ “จับตัวพวกมัน สังหารผู้ใดก็ตามที่ก้าวพ้นจากเมือง นี่จึงค่อยเป็นเรื่องน่าสนุกขึ้นมาบ้าง!”

จุดประสงค์ในการเข้าสู่เขตแดนจินตภาพแห่งนี้ ก็เพื่อการสังหารผู้อื่นและคว้าเอาแต้มมา ความตายที่นี่ไม่ส่งผลใดต่อโลกจริง ดังนั้นฉินหยุนจึงกำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองที่ซึ่งเป็นสถานที่ปลอดภัย

สองวันเต็ม เขาต้องเดินทางอย่างระแวดระวัง ได้พบเจอสัตว์ดุร้ายไปก็ไม่น้อย กระนั้นพวกมันทั้งหมดถูกสังหารได้ง่ายดาย

“อีกไม่นานฟ้าก็มืดแล้ว! ตราบเท่าที่ฟ้ามืด เมื่อนั้นเราจะเคลื่อนที่เร็วได้!” ฉินหยุนหยุดค้างกลางอากาศ รับชมดวงตะวันที่เริ่มหม่นแสงที่ขอบฟ้า

ระหว่างกลางวัน เขาได้แต่ต้องเคลื่อนที่ช้าภายในป่า

มีแต่ตอนที่ฟ้ามืด เขาจึงกล้าโบยบินผ่านอากาศ

ด้วยพละกำลังของเขาตอนนี้ หากเผชิญหน้ากับกลุ่มขนาดใหญ่ ความตายย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง

“เจี้ยนหมางเร็วเกินไปแล้ว!” ฉินหยุนหลับตา ทำการตรวจสอบอันดับ เจี้ยนหมางได้รับไปสี่แต้มแล้ว

ตัวเขายังมีเพียงสามแต้มเท่านั้น

แน่นอนว่า สามแต้มนี้ก็สร้างความตื่นตะลึงได้มากแล้ว

ก่อนหน้านี้ ผู้คนต่างได้เห็นว่าแต้มของเขาติดลบ แต่แล้วครานี้กลับกลายเป็นสามแต้ม มันหมายความถึงเขาลงมือสังหารขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณไป

ผู้ซึ่งเพิ่งเข้ามายังเขตแดนจินตภาพ ล้วนถูกถอดเขี้ยวเล็บออกไปไม่น้อย ทุกสัดส่วนกล่าวได้ว่าอ่อนแอลงเด่นชัด ดังนั้นคิดจัดการขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ไม่มีทางเป็นเรื่องง่ายดาย

“มีคนกำลังมา!”

ฉับพลันฉินหยุนรับรู้ถึงออร่า จึงเร่งรีบทะยานร่างลงสู่ป่าเบื้องล่าง

ที่กลางอากาศ มีคนกลุ่มหนึ่งทะยานร่างมุ่งหน้ามา

“ไม่ผิดแน่ เมื่อครู่มีคนบินอยู่แถวนี้!” ชายวัยกลางคนกลางอากาศกล่าวคำเสียงดัง

“ร่องรอยมีคนเดียว เป็นฉินหยุนหรือ?”

“สมควรต้องใช่แน่แล้ว ไม่ช้าพวกเราต้องหาตัวมันเจอ!”

“หากสังหารมันได้ ค่อยนำไปคุยโวได้ครั้งใหญ่ ฮ่าฮ่า!”

อีกฝ่าย เป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณกลุ่มเล็ก

“ข่าวคร่าวกระจายเร็วเกินไป พวกมันถึงกับทราบว่าเราอยู่ที่นี่เร็วเพียงนี้!” ฉินหยุนสบถออก กระนั้นเขาหาได้กังวลใดไม่

เพราะเมื่อใดที่ฟ้ามืด เมื่อนั้นจะเป็นโลกที่เขาปกครอง

ขณะรอตะวันลับฟ้า พื้นดินพลันสั่นไหวเล็กน้อยเกิดเสียงดังแต่ไกล

“อะไรเคลื่อนที่เข้ามา?” ฉินหยุนเร่งรีบหยุดชะงัก

“คนขี่ม้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวขึ้น “สมควรเป็นคนกลุ่มใหญ่กำลังขี่ม้าห้อตะบึงมาทางด้านนี้แล้ว!”

“พวกสารเลวก่อนหน้านี้งั้นหรือ? คิดไล่ล่าเราอีกครั้ง? เพราะอะไรพวกมันคิดอยากสังหารเรา? พวกมันต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ สังหารเราไปก็ได้แต้มเพียงหนึ่ง!” ฉินหยุนเผยความขุ่นแค้น “หรือเพราะต้องการนำไปคุยโว?”

ฉินหยุนคือผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า คิดสังหารเขากล่าวได้ว่าไม่คุ้มค่า

กลุ่มคนจำนวนมากออกค้นหาตัวเขา มีแต่ทำให้เสียเวลาที่มีโดยเปล่า กระทั่งว่าลงมือสังหารได้สำเร็จ ก็ได้เพียงหนึ่งแต้มที่แทบไร้ความหมาย

กลุ่มคนขี่ม้าเป็นเช่นนั้นจริง ทั้งหมดก็เพื่อค้นหาตัวเขา

ฟ้ามืด ฉินหยุนซ่อนตัวในความมืด กำลังทะยานร่างผ่านยอดไม้ไปด้วยความระแวดระวัง

กลุ่มคนที่ขี่ม้าเหล่านั้นแข็งแกร่ง พวกเขากำลังเข้ามาใกล้ทีละน้อย

“นี่สมควรเป็นชายป่าแล้ว อีกไม่นานก็จะออกไปพ้น!” ฉินหยุนสำรวจมองทิศทางของกลุ่มคน ขณะนี้เกิดความยินดี ทว่าก็ยังไปต่อด้วยความระแวดระวังเช่นเดิม

กลุ่มคนขี่ม้ามีกันกว่าสิบ เป็นพวกเขาที่ลงมือสังหารฉินหยุนไปก่อนหน้านี้

“กลุ่มปาหลงของพวกเราเป็นฝ่ายแรกที่มาถึงก่อน พวกเราต้องจับกุมตัวฉินหยุนให้ได้!”

“เพียงแค่จับมันมาทรมานสักหน่อยก็พอ อย่าได้เร่งรีบสังหารมัน ไม่เช่นนั้นมันจะมีโอกาสได้แก้ตัวใหม่!”

“วิธีการชั่วร้ายไปบ้าง แต่ทำข้าชอบใจไม่น้อย!”

“พวกเราจะนำตัวฉินหยุนกลับ ใส่ตัวมันไว้ในกรงขัง มันจะไม่มีทางออกมาเพื่อล่าหาแต้ม เมื่อนั้นเท่ากับว่ามันจะไม่มีโอกาสได้ก้าวสู่สิบอันดับแรก”

กลุ่มคนพูดคุยกันเสียงเบา กระนั้นออร่าหาได้เก็บซ่อน พวกเขาต่างเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่ง

ฉินหยุนที่ได้รับฟัง เขายิ่งโกรธแค้น

หากเขาถูกจับตัวขังในกรง เท่ากับว่าเขาจะไม่อาจออกไปจากเขตแดนจินตภาพ จำเป็นต้องนอนหลับไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง

หากคิดอยากออกจากเขตแดนจินตภาพ ก็จำเป็นต้องหาสถานที่ปลอดภัยไร้ซึ่งศัตรูอยู่ในละแวกใกล้เคียง หากออกระหว่างการต่อสู้ เท่ากับว่าต้องสูญเสียหนึ่งพันแต้ม

นี่ก็เพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้ผู้ใดหลบหนีระหว่างการศึก

หากถูกจับตัวขังในกรง ขณะที่ผู้อื่นเฝ้ามองนอกกรงอยู่ตลอด เท่ากับพวกเขาไม่อาจตื่นขึ้นเพื่ออกไปจากเขตแดนจินตภาพ มีแต่ต้องหลับในโลงเพื่อรอคอยหาโอกาส

หากคิดตื่น เท่ากับต้องสูญเสียหนึ่งพันแต้ม!

ดังนั้นการจับตัวไปขัง จึงถือเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยม

“กลุ่มปาหลงสมควรเป็นตระกูลหลงแล้ว! พวกมันคิดอยากหาเรื่องต่อเราในที่นี้อย่างนั้นหรือ? สมกับเป็นกลุ่มคนโฉดชั่ว!” ฉินหยุนสบถอยู่ภายใน แต่ในฉับพลัน เขาเกิดนึกแผนการบางอย่างขึ้นได้

เขาปรากฏตัวรวดเร็ว แสร้งทำท่าคิดหลบหนี

กลุ่มคนวัยกลางคนย่อมพบตัวเขาโดยทันที จากนั้นจึงไล่ตามอย่างแทบไม่คิดชีวิต

เพียงไม่นาน ฉินหยุนจึงถูกปิดล้อม

“เจ้าคือฉินหยุนอย่างนั้นสินะ? ฮ่าฮ่า เจ้าถูกพวกเราจับกุมตัวได้แล้ว!” ชายวัยกลางคน นำเอาเชือกออกมาเส้นหนึ่งพันธนาการฉินหยุนเอาไว้

กลุ่มคนวัยกลางคนเหล่านี้ ต่างนำเอาเชือกของตนเองออกมารัดพันร่างของฉินหยุนกันถ้วนหน้า

ฉินหยุนสามารถใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงในเขตแดนจินตภาพ ดังนั้นเชือกเหล่านี้ไม่อาจจับกุมเขาได้แต่อย่างใด

“พี่ใหญ่ พวกเราจับตัวฉินหยุนได้แล้ว!” ชายวัยกลางคนส่งเสียงร้องเรียกผ่านไข่มุกสื่อสารเผยความตื่นเต้นยินดี

“ดี นำมันกลับมาให้เร็ว!” อีกฝ่ายหัวเราะดังผ่านทางไข่มุกสื่อสาร

เขาถูกพันธนาการร่างเอาไว้ พร้อมถูกกลุ่มคนนำตัวไป

พอรุ่งสาง เขาจึงค่อยถูกนำตัวไปเบื้องใต้ภูเขาลูกหนึ่ง

ที่แห่งนี้เป็นถ้ำ เป็นฐานทัพของกลุ่มปาหลง

ฉินหยุนถูกนำตัวเข้ามา พร้อมคุมขังเอาไว้ในห้องหินที่ส่วนลึกสุดของถ้ำ

ภายในห้องหิน มันมีกรงที่สร้างขึ้นจากกระดูกสัตว์

ฉินหยุนถูกขังในกรงดังกล่าว

ด้านนอกกรง จะมีคนจำนวนหนึ่งคอยเฝ้ายามเอาไว้

คนเฝ้ายามเหล่านี้เพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า พวกเขาทำหน้าที่เฝ้ายามเพื่อป้องกันไม่ให้ฉินหยุนหนีไปจากเขตแดนจินตภาพ

กลุ่มปาหลงจับตัวฉินหยุนได้ ย่อมแพร่กระจายข่าวนี้ไปทั่วทุกแห่งหน

ฉินหยุนถูกขังในกรงอยู่หลายวัน ทั้งยังได้พบหัวหน้าทั้งหลายคนของกลุ่มปาหลง

รวมถึงคนของกลุ่มอื่นที่มาหยามเหยียดฉินหยุนถึงที่

“ฉินหยุน ข้าเป็นศิษย์รุ่นเยาว์แห่งตระกูลหยาง! ไม่คิดว่าเจ้าจะเข้ามาที่นี่จนมีสภาพนี้ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นเจ้าต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกนานนับ หากไม่คิดเสียดายหนึ่งพันแต้ม จงออกไปจากเขตแดนจินตภาพแห่งนี้เสีย!”

“กลุ่มปาหลงช่างยอดเยี่ยมนัก ถึงขั้นจับเป็นฉินหยุนกลับมาได้!”

“หากสังหารมัน ก็ได้เพียงแค่แต้มหนึ่ง คิดผายลมยังไม่คู่ควรกับหนึ่งแต้มนั่น!”

“ถูกต้อง ดีที่สุดคือจับมันขังเอาไว้เช่นนี้ มันจะได้ไม่ออกไปสร้างปัญหาไต่อันดับขึ้น รวมทั้งจะไม่มีทางได้รับแต้มเพื่อนำไปแลกเป็นวิชายุทธ์หรืออาวุธอื่นใด”

“เขตแดนจินภาพมีความสำคัญยิ่งในนครเซียนยุทธภัณฑ์ พวกเราจะได้รับความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนผ่านทางเขตแดนจินตภาพ ในเมื่อมันถูกขังเอาไว้เช่นตอนนี้ ก็ไม่มีทางส่งเสริมความแข็งแกร่งตนเองในเขตแดนจินตภาพได้อีกต่อไป”

ผู้นำของหลายกลุ่มล้วนหัวเราะดังสนั่น

พวกเขาเป็นคนของฝ่ายตระกูลใหญ่ จับตัวฉินหยุนเอาไว้ได้ มีแต่ทำให้พวกเขาเกิดความยินดี

“เอาสิ แน่จริงจงออกมา สังหารผู้คน แล้วเร่งรีบไต่อันดับขึ้นเป็นสิบอันดับแรกให้ได้สิ!” ชายวัยกลางคนหัวเราะดังสนั่น

แม้ว่าพวกเขาเป็นผู้นำของกลุ่มคน กระนั้นก็ไม่อาจเทียบเคียงสิบอันดับแรกได้

คิดก้าวสู่สิบอันดับแรก มันไม่ใช่เรื่องง่าย

พวกเขาพอจากไป ก็ยังเหลือคนไว้จำนวนหนึ่งคอยจับตาดูฉินหยุน

ฉินหยุนปลดปล่อยพลังจิตออกไป ยิ่งมายิ่งสัมผัสผู้คนด้านนอกได้มากขึ้น เขาคิดว่านี่สมควรได้เวลาลงมือแล้ว

พอฟ้ามืด หลายคนในกลุ่มปาหลงต่างมารวมตัวกัน

กลุ่มคนที่เฝ้าระวังฉินหยุนเอาไว้ ต่างมีการสับเปลี่ยนกันมาเฝ้ายาม พวกเขาจะต้องจับตาดูเอาไว้โดยตลอด

ผู้คนล้วนทราบ ว่าฉินหยุนเพียงเพิ่งเข้ามาในเขตแดนจินตภาพไม่นาน เมื่อจับตัวอีกฝ่ายได้ พวกเขาก็หาได้พบเห็นว่ามีอันใดติดตัวไม่

เดิมฉินหยุนมีกระเป๋ามิติเก็บของ แต่หลังผ่านการขัดเกลา เขาจึงซ่อนมันเอาไว้ในร่างกายจนไม่อาจถูกพบเห็น

ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่ทราบว่าเขามีอะไรติดตัวไว้บ้าง!

กลางดึก เมื่อคนเฝ้ายามทั้งห้าของฉินหยุนหย่อนความระวัง เขาจึงปล่อยมีดบินจำนวนหนึ่งออกมา ใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม ส่งมีดบินเหล่านั้นทะยานออกเพื่อลงมือ

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

มีดบินทะลวงผ่านศีรษะของคนทั้งห้า เป็นการสังหารในพริบตา!

ถึงตอนนี้ เขาค่อยใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงออกจากกรงขัง

เพียงอึดใจ เขาถึงกับได้รับมาสิบแต้ม!

“พวกคนที่ตาย ไม่ช้าจะกลับเข้ามาในเขตแดนจินตภาพอีกครั้ง ช่วงเวลานี้พวกมันจะยังไม่อาจปรากฏตัวเข้ามาที่นี่ได้ ก่อนพวกมันส่งต่อข่าวคราว ต้องสังหารพวกมันให้ได้มากที่สุด!”

ฉินหยุนทะลุผ่านประตูหินออกจากห้องหินสู่ภายนอก

ทันทีเมื่อออกมา เขาจึงได้พบว่ามันเป็นห้องโถงกว้าง หลายคนต่างรวมตัวกันที่นี่ รับฟังชายวัยกลางคนอธิบายถึงภูมิความรู้ทางวิทยายุทธ์

ฉินหยุนที่ร่างพ้นจากประตู เขาเร่งรีบควบคุมมีดบินให้บินต่ำ จากนั้นจึงนำกระบี่ออกมา เป้าหมายของเขาคือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า เป็นเขาเลือกใช้วิชาวายุสังหาร

ในห้องโถง มีศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าเกือบร้อยคนรวมตัวกันอยู่

ฉินหยุนเร่งรีบทะยานร่างออก เข้าสับฟันกระบี่ด้วยวิชาวายุสังหารทั้งหกกระบวนท่า

พลังกระบี่ชวนสะพรึง มันทะลักออกเปรียบดังคลื่นโหมซัดเข้าใส่กลุ่มศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

พลังกระบี่เคลื่อนไหวดังคลื่นที่กราดเกรี้ยว เข้าบดขยี้ผู้อื่นคนแล้วคนเล่า เพียงเวลาไม่นาน กลุ่มคนขนาดใหญ่จึงถูกสังหารทิ้งในการลงมือแค่คราวเดียว

มีดบินทั้งห้าเล่ม ฉินหยุนควบคุมพวกมัน แทงทะลุทะลวงผ่านศีรษะของหลายผู้คน เป็นการสังหารในพริบตาทั้งสิ้น

ชายวัยกลางคนผู้ที่บรรยายเรื่องราว เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ขณะเขาคิดต้านทานรับมือ ลำคอกลับถูกแทงทะลุด้วยมีดบินสองเล่ม เป็นความตายในชั่วพริบตาดังเช่นผู้อื่นอย่างไม่อาจหลีกหนีได้พ้น

ในห้องโถงกว้างใหญ่ บรรดาศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ากว่าร้อยชีวิต เป็นฉินหยุนลงมือสังหารทั้งสิ้น ร่างกายพวกเขาเริ่มเลือนหายกันไปทีละคน

บรรดาศิษย์ที่ถูกสังหาร ต่างตื่นขึ้นในโลงด้วยทั้งความเจ็บปวดและหวาดกลัว

ผู้คนในกลุ่มปาหลงไม่คาดคิด ว่าฉินหยุน ผู้ซึ่งถูกจับตัวคุมขังเอาไว้ จะหนีหายออกมาพร้อมเข้าทำลายพวกเขาอย่างสิ้นซากเพียงนี้!

การลงมือครั้งนี้กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่ มันสร้างความตื่นตะลึงแก่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณนับสิบคนในที่นี้

พวกเขาต่างเร่งรีบพุ่งทะยานมายังที่นี่

ฉินหยุนแม้สัมผัสถึงออร่าแข็งแกร่งได้ กระนั้นเขาหาได้เกิดความกังวลใดขึ้นไม่ เป็นเขายังคงความสงบเยือกเย็น ด้วยอาวุธในมือตอนนี้ เขาหาได้อ่อนแอดังเช่นก่อนหน้านี้ไม่

“วางใจเถอะ พวกมันอย่างไรแล้วก็ไม่มีทางสังหารเจ้าได้!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด