ตอนที่แล้วบทที่ 150 - สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (8)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 152 - หอกโกลาหลสีชาด (2) [03-04-2020]

บทที่ 151 - หอกโกลาหลสีชาด (1) [01-04-2020]


บทที่ 151 - หอกโกลาหลสีชาด (1)

เมื่อพวกเราได้เคลียร์ดันเจี้ยนที่เหลืออยู่ในเกาหลีเสร็จหมดมันก็เป็นเวลา 11 โมงแล้ว เหตุการการจู่โจมไม่ได้เกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว ตามที่ฮวาหยาได้บอกมาโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นี้มันไม่ได้สูงนัก แม้อย่างนั้นมันก็ดีแล้วที่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่ว่าฉันก็อยากจะให้มีสักครั้งเพื่อที่เราจะได้แสดงพลังของเราออกไปให้คนได้เห็นอย่างชัดเจน

ในตอนนี้พวกเราอยู่ในเครื่องบินส่วนตัวของฮวาหยา แม้ว่ามันจะเร็วกว่ามากหากขี่ล็อทเต้ แต่ว่าเราจำเป็นจะต้องพักผ่อนหลังจากเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนทั้ง 4 แห่งติดต่อกัน ใช่แล้วตอนนี้มันเป็นเวลาสำหรับนอนมัก

พวกเราได้สัญญากันไว้ว่าจะขายมอนสเตอร์ที่เราได้รับจากดันเจี้ยนระดับ A หรือต่ำกว่าในราคาที่ถูก มันก็เหมือนกันในกรณีของดันเจี้ยนที่สูงกว่าแต่ว่าพวกเราจะขายมันแค่บางส่วนเท่านั้น ฉันไม่มีธุระอะไรกับซากศพพวกนั้น ยังไงก็ตามรางวัลจากเหตุการดันเจี้ยนนั้นน่าพอใจมาก

อย่างแรกเลยแหวนเลือดต้องสาป แม้ว่าค่าสเตตัสมันจะไม่ได้แย่่เลย แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือผลที่จะมีโอกาส 2% ในการขโมยมานาของศัตรู 10% มาเพิ่มให้ฉัน และโอกาสอีก 1% ที่จะใช้พลังชีวิตของฉัน 5% เพื่อทำให้ศัตรูติดสถานะปนเปื้อนเลือด ในช่วงระหว่างการเคลียร์ดันเจี้ยนอีกสามแห่งนั้นฉันรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ผลขโมยมานาได้ถูกใช้งาน แต่ว่าโชคก็ไม่ดีนักที่สถานะเลือดปนเปื้อนไม่เคยติดแม้แต่ครั้งเดียว ฉันอยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไง

รางวัลที่สองก็คืออิลิกเซอร์ครึ่งชีวิตที่ฉันได้รับมาจากดันเจี้ยนระดับ S อิลิกเซอร์อันนี้สามารถจะฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาได้ 50% และลบล้างสถานะต่างๆทั้งหมด ฉันนั้นมีชีวิตสำรองอยู่หลายอันแล้ว แต่ว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไรถ้าหากจะมีสำรองไปอี่กอย่าง

รางวัลอันที่สามก็คือดาบสงครามที่ฉันได้รับจากดันเจี้ยนระดับ S แห่งที่สอง ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเกี่ยวกับมันมาก เพราะมันก็คืออาการของหอกกลืนกิน

เนื่องจากว่าพวกเราต่างก็ได้รับของมามากมายเมื่อพวกเราได้เคลียร์เหตุการดันเจี้ยนระดับ S+ ก็ทำให้เรายิ้มจนแก้มปริ ดันเจี้ยนนี้มันน่าทึ่งจริงๆ มอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในดันเจี้ยนจะเป็นมนุษย์ต่างดาวและบอสก็จะเป็นกลุ่มนักล่า 10 คน พวกมันต่างก็ใช้อาวุธที่ต่างกันออก หรือก็คือมันมีรางวัลให้กับพวกเราอย่างมากมาย เนื่องจากว่ามันเป็นดันเจี้ยนระดับ S+ มันจึงมีค่ามากๆ

รางวัลที่ฉันได้รับก็คือ....

[ผู้ล่าสมบูรณ์แบบ (อีปิค)

ความทนทาน - 360/360

ความต้องการอุปกรณ์ - ความแข็งแรง +150 ความคล่องแคล่ว +150 พลังเวทย์ +150 ความเชี่ยวชาญหน้าไม้ระดับกลาง

ผลสเตตัส - ความแข็งแรง +10 ความคล่องแคล่ว +15 พลังเวทย์ +15 เพิมพลังลมให้กับการโจมตีด้วยลูกศร ความเร็วโจมตี +20% ลูกศรจะถูกรีโหลดโดดอัตโนมัติ สามารถสร้างศรมานาได้ด้วยการใช้มานา 10

ทักษะ - ศรล่องหน: ลูกศรของคุณจะกลายเป็นล่องหน และเสียงและแรงดันของพวกมันจะหายไป เพิ่มโบนัส 30% ให้พลังโจมตีและความเร็ว]

มันเป็นหน้าไม้ที่ทำให้สมาชิกในปาตี้ทุกคนต้องอิจฉาฉัน มันเป็นสิ่งเดียวที่ดรอปออกมาและมีระดับเป็นอีปิค แม้ว่ามันจะเป็นไอเทมระดับอีปิค แต่มันก็ไม่ได้มีลักษณะที่ฉูดฉาดนัก มันทำมาจากโลหะบางอย่างสีดำและดูหยาบก้าน แต่ว่ามันไม่สามารถจะซ่อนกลิ่นอายของความสูงส่งได้เลย

ฉันได้ตระหนักในตอนที่ฮวาหยาได้สวมใส่ลูกแก้มของเธอ มันดูเหมือนว่าหน้าไม้อันนี้ก็น่าจะถือเป็นอาวุธย่อย เพียงแค่ฉันแขวนมันไว้ที่เอวสเตตัสของฉันก็จะถูกเพิ่มขึ้น ความแข็งแรง ความคล่องแคล่ว พลังเวทย์ได้ถูกเพิ่มขึ้นมาอย่างละ 15 ฉันอยากจะจูบหน้าไม้นี้จริงๆเลย

"ฉันเสร็จสิ้นการตรวจไอเทมแล้ว ดังนั้นฉันควรจะทำอะไรในตอนนี้ดีนะ...?"

'ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันลืมอะไรบางอย่างไป... มันคืออะไรนะ?'

ฉันได้เอียงหัวและมองไปรอบๆซึ่งมันค่อนข้างจะเงียบมาก ทุกๆคนต่างก็พักผ่อนกัในแบบของเธอเอง จากนั้นฉันก็มองไปเห็นวอร์คเกอร์

เขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมาและกำลังยุ่งอยู่กับการตัดและจัดเรียงเศษผ้าที่เขาได้รับมาจากความป่าแห่งพิโรธ ฉันได้กระพริบตามองวอร์คเกอร์และพยายามคิดว่าเขากำลังทำอะไร จากนั้นฉันก็นึกได้ถึงบางอย่าง

"วอร์คเกอร์แล้วยุยล่ะ?"

"วันนี้เป็นวันหยุดของโรงเรียน"

วอร์คเกอร์ดูจะมีความสุขมากๆ

"ฉันได้รับโทรศัพท์โทรมาบอกว่าฉันไม่ต้องไปคุ้มกันเธอในวันนี้"

"....สายเข้าหรอ?"

"จากแม่นายสิ! อย่าได้เอาคอของนายมาชี้ที่ใครสิ!"

"โทษที นายทำท่าทางให้มันน่าเจ้าใจผิดเอง ฮ่าๆ"

"นายนี่มันรักน้องสาวนายแบบนี้ได้ยังไง...!"

"นายกำลังพูดอะไร พี่ชายมุกคนก็จะต้องรักน้องสาวสิ"

ฉันได้เพ่นหน้าอกและประกาศออกไปอย่างภูมิใจ วอร์คเกอร์ได้มองมาที่ฉันด้วยท่าทางเหมือนกับกบที่โดนรถสิบล้อทับ

"ฉันควรจะแสดงตัวอย่างสินะ ลองไปดูบริทแมนสิว่าเขาปฏิบัติกับน้องสาวยังไง..."

"เขามีน้องสาวด้วยหรอ? ฉันไม่อยากจะเจอเธอเลย"

"ฉันรู้สิ่งที่นายกังวล แต่ว่าเธอนั้นต่างจากสิ่งที่นายคิด"

"ไม่ ฉันเข้าใจ เธอเป็นคนที่ดีซึ่งแตกต่างจากพี่ชายของเธอ ใช่ไหมล่ะ? นั่นมันมักจะเป็นเรื่องปกติในนิยายนี่นา น่าเสียดาย...."

"โทษนะ แต่ว่านายพูดผิดแบบสุดๆเลยล่ะสิ่งที่ฉันหมายถึงก็คือเธอไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างบริทแมน"

วอร์คเกอร์ได้บ่นออกมาและพูดขึ้น เสียงของเขาได้สูงขึ้นไปเล็กน้อย

"โซฟีนั่นไม่ได้พยายามแสดงตัวแบบบริทแมน เธอได้เข้าใจในตำแหน่งของเธอเป็นอยางดีและมันค่อนข้างจะเหมาะสมกับอายุของเธอ นอกจากนี้เธอก็ยังมีพรสวรรค์ในการบริหารที่สูงยิ่งกว่าพี่ชายของเธอ คนส่วนใหญ่ในกลุ่มบริษัทบริแมนได้เห็นพ้องกันว่าคนที่ควรเป็นคนนำกลุ่มควรจะเป็นโซฟีไม่ใช่โจชัว

"....โอ้?"

ทำไมฉันถึงรู้สึกดีกับสิ่งนี้? ฉันได้ยิ้มและถามออกไป

"นายชอบเธอใช่ไหม?"

"....อย่าพูดให้ขำสิ ฉันบอกนายไปแล้ว ฉันได้โตขึ้นมาด้วยกันกับบริทแมน เธอเลยกลายเป็นน้องสาวของฉันไปตามธรรมชาติ ไม่เหมือนกับบริทแมน เธอไม่ได้คิดว่าฉันเป็นคนรับใช้... ไม่สิ บางทีเธออาจจะรู้แต่ว่าเธอไม่ได้ปฏิบัติแบบนั้นด้วยความตั้งใจ นอกจากนี้เธอก็ยังเกลียดวิธีที่บริทแมนสั่งคนรอบๆตัว"

วอร์คเกอร์ก็ยังแสดงท่าทางเคร่งขรึมออกมา ฉันพูดอะไรผิดไปหรอ? ฉันไม่แน่ใจนัก แต่ว่ามันดูเหมือนว่าวอร์คเกอร์จะไม่ต้องการจอบอะไรฉันอีก เขาได้หันหน้าไปทางอื่นและเดินกลับไปทำสิ่งที่เขาทำอยู่ก่อนหน้านี้ ฉันรู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ แต่ว่าเนื่องจากเขาไม่บอกฉัน ฉันก็ได้แต่ยอมแพ้ไป

หลังจากได้กลับมาเบื่ออีกครั้ง ฉันก็ได้เปิดช่องเก็บของเพื่อที่จะใส่หอกกลืน... เดี๋ยวนะ สิ่งที่ฉันลืมไปคือการพัฒนาหอกของฉัน

มานาของฉันได้เพิ่มจนเต็มสมบูรณ์แล้ว และพวกเราจะไปถึงญี่ปุ่นในอีก 20 นาที ดังนั้นฉันก็น่าจะมีเวลามากพอที่จะฟื้นฟูมานากลับมา

เยี่ยม ฉันได้หยิบหอกออกมาแล้วเริ่มในทันที

"มาเริ่มกันเถอะ"

ฉัรได้เริ่มต้นส่งมานาเข้าไปในหอก ครู่หนึ่งมันก็ได้เริ่มเรืองแสงสีแดงเข้าออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมานาของฉันก็ถูกบรรจุลงไปจนมันเหมือนกับในตอนที่อยู่ในป่าแห่งความพิโรธ

"กะ เกิดอะไรขึ้น!?"

"ว้าว..."

ฉันได้บิดตาลง และจากนั้นก็เปิดตาออกมา หอกได้เปลื่ยนรูปลักษณ์ไป ด้านมันได้...หนาขึ้นเล็กน้อย? ใบมีดหอกได้ยาวและคมขึ้น มันได้การเป็นสีแดงไปอย่างสมบูรณ์ตั้แต่ปลายหอกไปจนถึงด้ามหอกในขณะเดียวกันก็มีรอยสลักแปลกๆอยู่บนมัน

[หอกกลืนกินสีชาดได้พัฒนาสเป็นหอกโกลาหลสีชาด เนื่องจากว่าอาวุธนี้ยังไม่ได้ดูดกลืนอย่างสบบูรณ์จึงเก็บอัตราการเติบโตไว้ อัตกราการเติบโต: 47%]

[หอกโกลาหลสีชาด (ตำนาน)

ความทนทาน - 450/450

พลังโจมตี - 7000

ความต้องการอุปกรณ์ - ความแข็งแรง +150 ความคล่องแคล่ว +150 เทคนิคหอกระดับสูง

ผลสเตตัส - สเตตัสทั้งหมด +10 ความแข็งแรง +25% เพิ่ม 'เพลิงแห่งความโกลาหล' ลงไปในการโจมตีแบบปกติ ด้วยการใส่มานาลงไปและพูดว่า 'เปลื่ยนรูปแบบ' มันจะสามารถเปลื่ยนไปสายรัดคอได้ เมื่อต้องการเปลื่ยนกลับมาเป็นหอกคุณจะต้องใส่มานาลงไปและดึงออกมา

ตำนาน นี้คือเกรดของมันที่พัฒนามาจากอีปิค นอคจากนี้มันยังมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 47% เพราะว่ามันยังไม่สามารถดูดซึมอาวุธได้อย่างสมบูรณ์ในก่อนหน้านี้ มันดูเหมือนว่าดาบศักดิ์สิทธิ์จะน่าทึ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ไมต้องพูดถึงสเตตัสที่มากขนาดนั้นนั้น มันได้พัฒนาไปอย่างมาก]

ฉันได้คว้าหอกขึ้นมาในทันทีหลังจากนั้นร่างกายของฉันก็ได้เอ่อร้นไปด้วยพละกำลัง สเตตัสทั้งหมดได้เพิ่มขึ้นและความแข็งแรงได้เพิ่ม 25% มันรู้สึกเหมือนกับในตอนที่ฉันได้รับชื่อของซุสในตอนแรก ฉันได้บ่นออกมาในขณะที่พยายามยับยั้งพลังที่เอ่อร้นออกมา

"พวกคนทั้งหมดที่อยู่ในชั้นสูงๆมีอาวุธแบบนี้หรอ?"

ไม่ มันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด ฉันสามารถจะบอกได้โดยสัญชาตญาณเลยว่านี้ไม่ใช่อาวุธที่คนจะได้รับเพียงแค่เพราะปีนดันเจี้ยนเป็นเวลานาน ยังไงก็ตามนักสำรวจบนชั้นสูงๆก็น่าจะมีอาวุธระดับตำนานหรือบางทีก็แม้แต่อุปกรณ์ระดับตำนาน

หากไม่มีอาวุธแบบนี้มันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงเลเวลของดันเจี้ยนที่พูดเขาอยู่ไปได้

ทั้งหมดนั้นก็เพื่อที่จะเอาชนะศัตรูของโลกซึ่งมันอาจจะเป็นไปไม่ได้แม้ว่าจะมีอาวุธแบบนี้

"เอาล่ะ ตอนนี้ฉันต้องใจเย็น..."

ฉันได้วางแผนที่จะเก็บหอกของฉัน แต่ว่าฉันก็ได้เปลื่ยนความคิด แม้ว่ามันจะดีถ้าฉันเก็บมันลงช่องเก็บของ แต่ว่าฉันก็จะสูญเสียความแข็งแกร่งที่ฉันได้รับมาจากหอกไป แม้ว่ามันจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ฉันก็ควรจะคิดให้ดี

ฉันจะต้องพกมันติดตัวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันได้มองไปที่ผลเสตตัสของหอกอีกครั้ง เปลื่ยนรูปแบบ....ฉันสามารถเปลื่ยนมันเป็นสายรัดคอได้ ฉันหวังว่าคนจะไม่มองฉันแปลกๆนะ...

ฉันได้จัดการไปอย่างรวดเร็ว ฉันได้ใส่มานาลงไปในหอกและพูดอย่างเงียบๆว่า "เปลื่ยนรูปแบบ" หอกได้เปลื่ยนสายรัดคอสีแดงดำในทันทีซึ่งได้ใส่เข้ามาอย่างฉับพลัน ฉันได้มองไปที่กระตจกก็พบว่าสายรัดนี้มันก็ไม่ได้ดูแย่นะ

ในเวลาเดียวกันฮวาหยาก็ได้มองมาที่ฉัน จากนั้นเธอก็ถามขึ้น

"นั่นสายรัดคอนั่นมันอะไรน่ะ?"

"มันคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความมั่งทั่งทั้งหมดของฉัน"

"...อะไรล่ะนั่น?"

ใบหน้าของฮวาหยาได้เต็มไปด้วยคำถาม ยังไงก็ตามเธอไม่ได้ถามอะไรอีก พร้อมกันนั้นเสียงประกาศจากนักบินก็ดังขึ้น

[พวกเรากำลังจะไปถึงสนามบินคันไซของญี่ปุ่น โปรดตรวจสอบสายเข็มขดให้แน่ใจ]

เมื่อพวกเราลงจอดแล้ว ฉันจะสามารถโชว์มันให้ฮวาหยาดูได้ ฉันได้กลับไปยังที่นั่งด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่นั่งลงไปแล้วมานาของฉันก็ได้ค่อยๆเพิ่มขึ้นมา ฉันรู้สึกว่าร่างกายฉันมันกระหายการต่อสู้

ที่ญี่ปุ่นมีดันเจี้ยนอะไรบ้างนะ? ในขณะที่ดื่มโพชั่นฉันได้คิดถึงดันเจี้ยนที่กำลังรอพวกเราอยู่


สามารถติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ที่เพจนี้เลยครับ > กดเลย <

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด