ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0575 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0577 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0576 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 576 : มังกรกระดูกเป็นของข้า!

ฉินหยุนรับเอาจารึกวิญญาณอัคคีคลั่งมา ภายในใจมีแต่ความยินดี พิจารณามันเรียบร้อย เขาจึงเร่งรีบเก็บมันไป

“ขอบคุณผู้อาวุโสแล้วขอรับ!” ฉินหยุนหัวเราะออก

“ไม่ต้องมากมารยาทไป นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับ!” หยิงเฉิงอวี้ถอนหายใจยาว “บางทีนี่คงเป็นโชคชะตาของข้า! ข้าคิดอยากได้รับอาวุธที่ดี กระนั้นกลับไม่อาจได้รับมันตลอดชั่วชีวิตนี้!”

“บางทีมันอาจไม่สมพงษ์กับท่าน!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

“ฉินหยุน เจ้าต้องรักษาตัวให้ดี ข้ากลับมาหาเจ้าอีกครั้ง!” หยิงเฉิงอวี้มองที่ฉินหยุน เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “สิ่งนั้นเป็นของเจ้า ดังนั้นจงเก็บไว้รอข้ามาทวงมันกลับคืน!”

“ไปกันได้แล้ว!”

หยิงเฉิงอวี้พ่ายแพ้ เขาเร่งรีบจากไปพร้อมศิษย์ทั้งสาม

ในการท้าประลองของหยิงเฉิงอวี้ครั้งนี้ ผู้ที่เก็บเกี่ยวได้มากที่สุดย่อมเป็นฉินหยุน เขาถึงขั้นได้รับจารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง

บรรดาผู้คนจากฝ่ายตระกูลใหญ่ ขณะนี้ริษยาจนแทบคลั่งแล้ว

ราชันยุทธ์ที่แข็งแกร่งแห่งตระกูลหลงก้าวเดินออกมาพร้อมกล่าว “ท่านยายหม่า จารึกวิญญาณที่ฉินหยุนได้รับ สมควรต้องถูกส่งมอบแก่นครเซียนยุทธภัณฑ์ หากไม่ใช่เพราะนครเซียนยุทธภัณฑ์ เขาจะไม่มีโอกาสได้รับมันอย่างเด็ดขาด!”

ฉินหยุนพอได้ยิน เขาจึงเผยเสียงกราดเกรี้ยวตอบโต้ “ฝันไปเถอะ! เจ้าช่างกล้าอวดดีนัก เชื่อหรือไม่ว่าข้ากล้ากล่าว ที่จะใช้จารึกวิญญาณนี้เป็นรางวัลแก่หัวราชันยุทธ์ทั้งหมดของตระกูลหลง?”

“เจ้ากล้า?” ชายชราตระกูลหลงหวาดกลัว เขาตะโกนออกด้วยโทสะเพื่อสะกดข่มอีกฝ่าย

“ผู้ใดว่าข้าไม่กล้า?” ฉินหยุนแค่นเสียงดัง

ชายชราจากตระกูลหลง ขณะนี้ไม่กล้ากล่าวคำอื่นใดอีก

แม่เฒ่าหม่าเอ่ยคำดัง “จารึกวิญญาณนี้เป็นฉินหยุนได้รับมา พวกเราไม่มีสิทธิ์แทรกแซงในเรื่องนี้!”

ถึงตอนนี้เอง ที่ผู้อาวุโสของนครเซียนยุทธภัณฑ์ ผู้ซึ่งไม่มีใครทราบว่าสังกัดตระกูลใดได้กล่าวคำออก “ท่านยายหม่า ฉินหยุนได้รับมังกรกระดูกที่แกร่งกล้าภายในเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ ตามข้อตกลงที่มีแต่เดิม ศิษย์ชั่วคราวที่เข้าสู่ภายในนั้น จะต้องส่งมอบทุกสิ่งอย่างที่ได้รับภายในมา!”

“เจ้าจงหุบปาก!” ฉินหยุนชี้หน้า “ข้าเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ด้วยกำลังของข้าเอง หาได้เข้าผ่านประตูของพวกเจ้าไม่!”

“สิ่งที่ข้าได้รับจากภายในนั้น ย่อมเป็นของข้า หากเจ้าไม่ชอบใจเรื่องนี้ เช่นนั้นจงขับไล่ข้าออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์!”

ฝีมือของฉินหยุนส่องสว่างกระจ่างชัด พรสวรรค์ของเขายังสูงล้ำ และเชี่ยวชาญโทเทมถึงสอง คิดขับไล่เขาออกจากนครเซียนยุทธภัณฑ์จะทำได้อย่างไร?

“ฉินหยุน เจ้าอย่าได้เห็นแก่ตัว! พวกเราเพียงต้องการให้เจ้าส่งมอบมังกรกระดูกนั้นแก่หอพิทักษ์กฎ เพื่อเสริมกำลังของพวกเขาให้มากขึ้น สิ่งนั้นสามารถใช้โดยผู้พิทักษ์มังกรครามแห่งหอพิทักษ์กฎได้เป็นอย่างดี” อีกฝ่ายแค่นเสียงตอบกลับมา

ฉินหยุนครอบครองสิ่งดีล้ำมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงคิดอยากบีบบังคับให้ฉินหยุนต้องส่งมอบพวกมันออกมา

กระทั่งว่าตนเองไม่ได้รับ ให้ฉินหยุนได้สูญเสียก็นับว่าน่าพึงพอใจ

“สารเลวบัดซบนัก ข้าจะให้มังกรกระดูกนั้นแก่เจ้า อยากได้มันนักหรือไม่ใช่?” ฉินหยุนคำรามพร้อมปล่อยมังกรกระดูกออกมา

ทันทีที่มังกรกระดูกปรากฏตัว มันคำรามร้องเสียงดังสนั่นพร้อมทะยานร่างขึ้นกลางอากาศ

ร่างใหญ่โตของมังกรกระดูกม้วนตัวกลางอากาศ เผยเศียรมังกรที่แกร่งกล้ามองลงสู่เบื้องล่าง

ได้เห็นมังกรกระดูกขนาดยักษ์ที่แกร่งกล้า ผู้คนต่างอึ้งทึ่งกันอีกครั้ง ความรู้สึกขณะนี้ ล้วนแตกตื่นสุดขั้วกันถ้วนหน้าแล้ว

หลายคนลอบสบถต่อฉินหยุน อีกฝ่ายถึงขั้นครอบครองสิ่งของดีเลิศมากมายเพียงนี้

บรรดาผู้อาวุโสของฝ่ายตระกูลใหญ่ พวกเขาต่างตะโกนกันคนแล้วคนเล่า เพื่อต้องการให้หอพิทักษ์กฎได้จับตัวมังกรกระดูกนั้นไป

มังกรกระดูกเป็นของฉินหยุน เป็นเขาขัดเกลามันขึ้นมาด้วยตนเอง เขาย่อมไม่มีทางส่งมอบมันให้แก่ผู้ใด

“คิดว่าข้าเอามันไปไม่ได้งั้นรึ?” ชายชราหัวเราะดัง “มาดูกันว่าข้าจะกำราบมังกรกระดูกตัวนี้อย่างไร!”

ชายชราเผยความมั่นใจ ทะยานร่างขึ้นกลางอากาศพร้อมนำเอาอุปกรณ์มิติเก็บของระดับลึกล้ำออกมา

ฉินหยุนเผยยิ้มเย็นเยือก เร่งรีบควบคุมมังกรกระดูกเข้าโจมตีอีกฝ่าย

ร่างใหญ่โตของมังกรกระดูกร่ายรำพลิ้วไหว มันคำรามร้องดุร้ายพร้อมตวัดหางเร็วรี่ ฟาดเข้าใส่ที่ร่างชายชราจนเกิดเสียงดังสนั่น

ตู้ม!

หางที่ฟาดโดน เกิดขึ้นเป็นแรงระเบิดสั่นสะเทือนชวนสะพรึง!

หางที่ตวัดนี้รวดเร็วเกินไป มันถึงขั้นระเบิดพลังงานกลางอากาศได้โดยตรง

“อ๊าก!” ชายชราถูกหางฟาดโจมตีใส่ ร่างนั้นร่วงหล่นกับพื้นรุนแรง

พื้นกระเบื้องหินที่ลานกว้างปริแตกเกิดเป็นหลุมปรากฏ

ชายชราในหลุมเลือดไหลหลั่งท่วม กระดูกในร่างถึงกับแตกสลายเป็นชิ้นส่วน

“เป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ถึงกับกล้าดีคิดยึดครองมังกรกระดูกของข้าอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนแค่นเสียงเหยียดหยามใส่อีกฝ่าย

ผู้คนต่างได้เห็นชายชราบาดเจ็บสาหัส จนต้องสูดอากาศเย็นเยือกเข้าปอดลึก

ฉินหยุนคือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า กระนั้นมังกรที่เขาควบคุม กลับมีขุมพลังแกร่งกล้า ชัดเจนว่าตัวมันไม่ใช่สิ่งธรรมดา

หากเป็นหุ่นเชิดสัตว์ พลังจะถูกจำกัดเอาไว้โดยเจ้าของ

เท่าพวกเขาที่ทราบ คือมังกรกระดูกตัวนี้ฉินหยุนสร้างขึ้น และกำลังเป็นของตัวหุ่นเชิดเอง มันเพียงมีการเชื่อมต่อโดยผ่านพลังจิตของเขาเข้าควบคุมอีกทีหนึ่ง

พลังจิตของฉินหยุนแกร่งกล้า กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณแทบทั้งหมด ดังนั้นมังกรกระดูกที่เขาควบคุมจึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้

ผู้อาวุโสฝ่ายตระกูลใหญ่ เร่งรีบยืนหยัดเผยความเกรี้ยวกราดตะโกนใส่ฉินหยุน “เจ้ามารร้าย ถึงขั้นกล้าทำร้ายผู้อาวุโสในสำนักได้รับบาดเจ็บ เจ้าต้องถูกลงทัณฑ์!”

ฉินหยุนเผยเสียงเย็น “เป็นมันคิดอยากฉกชิงเอามังกรกระดูกไปจากข้า และมังกรกระดูกของข้าเพียงตอบโต้ ใครใช้ให้มันเป็นสวะอ่อนแอเพียงนี้จนไม่อาจฉกชิงได้สำเร็จ เรื่องนี้สมควรกล่าวโทษผู้ใดกันแน่?”

“ได้ เช่นนั้นให้ข้าจับตัวมันเอง!” ผู้อาวุโสยอดยุทธ์เร่งรีบทะยานร่างเข้ามา

มังกรกระดูกเร่งรีบโจมตีใส่ชายชรา แม้ความเร็วการโจมตีมากล้ำ กระนั้นอีกฝ่ายยังสามารถหลบหลีก

ชายชราที่ทะยานร่างเข้ามา นำเอาอุปกรณ์มิติเก็บของมาถือไว้ในมือ เป็นเขาคิดอยากจับตัวมังกรกระดูก ทว่าไม่อาจลงมือได้สำเร็จ

หุ่นเชิดสัตว์ที่แข็งแกร่ง ไม่มีทางถูกจับตัวได้โดยง่าย

แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงตะโกนดัง “พวกเจ้าล้วนหยุด! มังกรกระดูกเป็นของฉินหยุน พวกเราไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวมัน! ฉินหยุนได้ชนะการเดิมพัน นำกระดูกสัตว์สวรรค์กลับสู่นครเซียนยุทธภัณฑ์นับแสนจิน นี่ถือเป็นคุณงามความดีครั้งใหญ่ที่เขาสร้างไว้!”

ทุกผู้คนต่างได้ยินถ้อยคำของแม่เฒ่าหม่า อารมณ์ของนางเวลานี้ไม่คล้ายดีนัก บรรดาผู้คนฝ่ายตระกูลใหญ่ได้แต่ต้องหยุดมือ

พวกเขาคิด ว่าหากบีบบังคับฉินหยุนให้ส่งมังกรกระดูกแก่หอพิทักษ์กฎ แม่เฒ่าหม่าจะไม่มีปากเสียงเข้าแทรกแซง

“เลิกกันที่ตรงนี้ กลับกันได้แล้ว!” ฉู่ปินอวี้ทะยานร่างมา พร้อมตบบ่าฉินหยุนและเผยยิ้มให้

แม่เฒ่าหม่านำตัวเหลียวจิงเหมิงกลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ บรรดาศิษย์อื่นของนครเซียนยุทธภัณฑ์ต่างแยกย้าย

ผู้คนที่มาจากสารทิศยังที่นี่ ต่างไปจากลานกว้างหน้าประตูใหญ่ของพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ด้วยอารมณ์แตกตื่นที่ยังคงประทับฝังในใจแน่น

ฉินหยุนติดตามฉู่ปินอวี้กลับ ขณะนี้มายังเขตสำนักนอกของพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ มันเป็นสวนที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง

ภายในสวนงดงามแห่งนี้ หาได้มีสิ่งปลูกสร้างใดมาก มีบ้านอยู่เพียงสิบหลังเท่านั้น

“จ้าวสำนัก ภายหน้าให้ข้าใช้ชีวิตที่นี่หรือขอรับ?” ฉินหยุนพบว่าสภาพแวดล้อมดีไม่น้อย เขาจึงหัวเราะร่วนออก

“นี่เป็นพื้นที่พักอาศัยของผู้อาวุโสนอก รวมถึงบรรดาอาจารย์ฝึกสอน! ข้าให้เจ้าอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง แล้วจะไปจัดแจงให้อยู่กับเจี้ยนหมางภายหน้า!” ฉู่ปินอวี้เผยยิ้ม “เจ้าหนู อีกเพียงน้อยนิดเจ้าก็พร้อมก้าวสู่อาจารย์จารึกลึกล้ำแล้วใช่หรือไม่?”

“จ้าวสำนัก ท่านช่างโหดร้ายต่อเจี้ยนหลางนัก สมบัติวิเศษบินได้ที่มอบให้แก่เขาหาได้ใช่ของดีไม่” ฉินหยุนนึกขึ้นได้จึงฉวยโอกาสกล่าวคำ

“เรื่องนี้... ในตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือกอื่น! ได้แต่ต้องตอบแทนแก่เขาภายหลังแล้ว!” ฉู่ปินอวี้หัวเราะแห้ง “อย่าได้คิดว่าข้าลำเอียงในเรื่องนี้ไป!”

“ย่อมไม่อยู่แล้ว อย่างมาก ข้าก็เพียงระวังท่านเอาไว้ จะได้ไม่ถูกลวงหลอกอันใดเช่นผู้อื่นอีก!” ฉินหยุนหัวเราะรับ “จ้าวสำนักหอขุนเขาดาบกระบี่ ย่อมเป็นผู้เรียนรู้ความผิดพลาดอยู่แล้ว!”

ฉู่ปินอวี้ได้ขึ้นเป็นจ้าวสำนัก และยังได้เป็นแขกอาวุโสของตำหนักจารึกเทวะเขตตะวันออก และยังได้จับพลัดจับพลูเป็นแขกอาวุโสของนครเซียนยุทธภัณฑ์ เขาย่อมต้องเป็นชายชราที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

“น่าเสียดายนัก หากเจ้ามีชีพจรวิญญาณมากกว่านี้ หอพิทักษ์กฎคงออกหน้ารับตัวเจ้าไปแล้ว!” ฉู่ปินอวี้ถอนหายใจ

“ชีพจรวิญญาณข้าหาได้สามารถทำอะไรด้วยได้ไม่!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก “หอพิทักษ์กฎอยู่ฝั่งกฎเกณฑ์ มันคงเป็นเรื่องอุกอาจเกินไปที่จะให้คนอย่างข้าได้เข้าร่วม!”

“เช่นกัน ข้ายังคิดโดยเสมอว่าหอพิทักษ์กฎออกจะโบราณคร่ำครึ กระนั้นก็ไม่คาดคิด ว่าเจ้าจะได้รับการลดโทษทัณฑ์มาได้!” ฉู่ปินอวี้หัวเราะดัง “เดิมข้าคิด ว่าอย่างดีพวกเขาก็ผ่อนปรนโทษให้สักหนึ่งหรือสองปี!”

ฉินหยุนหัวเราะรับ “จ้าวสำนัก ข้าหาได้ทำเพียงแค่ให้นางละเว้นโทษแก่ข้า!”

“โอ้? นี่เจ้ายังได้สิ่งอื่นมาด้วยงั้นหรือ?” ฉู่ปินอวี้เร่งรีบเอ่ยถาม

“ในคุกใต้ดินแห่งนี้ พอได้เห็นบรรดาคนโฉดชั่วจากฝ่ายตระกูลใหญ่ ข้าจึงให้ท่านยายหม่าสัญญาแก่ข้า เพื่อให้ข้าได้ตบตีพวกมันจนสาแก่ใจ!” ฉินหยุนเผยยิ้มกว้าง “และนางก็ให้สัญญาข้าด้วย!”

“น่าเสียดาย หากเจ้าทราบถึงความสำคัญในการแข่งขัน เจ้าเพียงนั่งยืนกรานกับพื้น คอยเรียกร้องให้มากขึ้นเพื่อให้หอพิทักษ์กฎต้องหลั่งเลือดกันบ้าง!” ฉู่ปินอวี้ถอนหายใจ “โอกาสอันดีงามถึงกับหลุดลอยไป!”

“เฮ้อ... ข้าเองก็คิดว่าเรื่องราวต้องสำคัญ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะสำคัญมากมายเพียงนั้น!” ฉินหยุนพอครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยังโกรธเคืองไม่หาย

“อย่าได้พูดกล่าวต่อไปแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเสีย ข้าจะจัดแจงให้เจ้าไปอยู่ร่วมกับเจี้ยนหมางในวันพรุ่งนี้” ฉู่ปินอวี้กล่าว

เช้าวันถัดมา ฉู่ปินอวี้เข้ามาปลุกฉินหยุน ให้ติดตามตัวเขาผ่านสวนงดงามออกไป

พื้นที่พักอาศัยของศิษย์นอก กล่าวได้ว่าธรรมดาทุกตรง โดยเฉพาะกับศิษย์ที่เพิ่งเข้าร่วม

“ครั้งที่ข้าอยู่หอขุนเขาดาบกระบี่ เดิมข้าคิดทำให้หอกระบี่ได้กลายเป็นหอที่มีอำนาจสูงที่สุด! เป็นข้าไม่คิด ว่าจะมีโอกาสได้เข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ และเป็นศิษย์นอกได้รวดเร็วเพียงนี้” ฉินหยุนกล่าวไปพลางเดินตามฉู่ปินอวี้ “ไม่ทราบแล้วว่าผู้เฒ่าเต๋าฟานเป็นอย่างไรบ้าง!”

“ฉินหยุน เจ้าคว้าโอกาสอันดีงามเอาไว้ได้ ทั้งยังสามารถเข้าร่วมสำนักเซียนอย่างราบลื่น โอกาสนี้กล่าวได้ว่าปรากฏน้อยครั้ง หากไม่มีกำลังเพียงพอ เจ้าย่อมไม่มีทางคว้าเอาไว้ได้!” ฉู่ปินอวี้เผยยิ้ม

บ้านพักของเจี้ยนหมาง เป็นบ้านพักสีน้ำเงินเก่าแก่ ตั้งอยู่พื้นที่ชายขอบร่วมกับบ้านซอมซ่อหลายหลัง สวนนั้นเต็มไปด้วยดินแข็ง ทั้งหญ้ายังขึ้นสูง

เจี้ยนหมางได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ แต่ภายหลังได้รับการรักษา เขาค่อยฟื้นคืนกลับมาดีดังเดิม

เขายังคงสวมใส่ชุดสีดำ เส้นผมตัดสั้น ดวงตาทั้งสองปรากฏแผลเป็นเด่นชัด แม้ไม่อาจสบตากับเขาได้ ออร่าที่ปลดปล่อยออกมาก็ยังชวนผู้คนต้องขนลุก

“เจี้ยนหมาง นี่เจ้าตาบอดจริงงั้นหรือ?” ฉินหยุนเดินเข้ามา พร้อมโบกมือไหววูบตรงหน้าดวงตาที่มืดบอดของอีกฝ่าย

“ข้าไม่มีดวงตา แต่ก็สามารถเห็นเจ้าได้อย่างกระจ่างชัด!” เจี้ยนหมางกล่าวเสียงเย็นขณะยิ้มตอบ

เขาได้สู้เคียงข้างฉินหยุน ดังนั้นย่อมเข้าใจในตัวฉินหยุนขึ้นมาไม่น้อย

“ก็ตามนี้ พวกเจ้าถือว่าอยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว! หลายวันให้หลัง ข้าจะจัดแจงให้พวกเจ้าได้เข้าสู่เขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ เพื่อที่พวกเจ้าจะได้มีส่วนร่วมในเทียบอันดับยุทธ์เต๋า!” ฉู่ปินอวี้กล่าว “ตราบเท่าที่ขึ้นเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดยุทธ์เต๋าในนครเซียนยุทธภัณฑ์ พวกเจ้าจะได้เป็นตัวแทนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ เพื่อเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ที่ใกล้ถึงนี้!”

“อะไรคือเขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์กันขอรับ? แล้วมันอยู่ที่ใดกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ภายในจิตใจเจ้า... มันเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดของนครเซียนยุทธภัณฑ์ ความลับนี้ เป็นสิ่งที่ช่วยให้บรรดาศิษย์สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้!” ฉู่ปินอวี้เผยยิ้มอย่างมีเลศนัย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด