เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0572 [อ่านฟรี]
ตอนที่ 572 : ลดโทษทัณฑ์
แม่เฒ่าหม่า ฉับพลันตะโกนใส่ห้องขังทางด้านหลัง “จงหุบปาก!”
ศิษย์ตระกูลใหญ่ที่เผยเสียงดัง ขณะนี้หดหัวสั่นกลัวสีหน้าซีดเผือด
แม่เฒ่าหม่ามองที่ฉินหยุน ผู้ซึ่งกำลังสงบและผ่อนคลาย นางถามเสียงเย็น “เจ้าต้องการอะไร? ลดโทษสามปีอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นไปไม่ได้! เพราะเจ้าคือผู้มีส่วนร่วมในการต่อสู้กันส่วนตนอย่างเห็นได้ชัด”
“พวกเราหาได้มีเรื่องใดให้พูดคุยกันแล้ว ข้าคิดนอนหลับสักงีบ!” ฉินหยุนนอนเหยียดยาวกับพื้น หันหลังให้แก่แม่เฒ่าพร้อมผิวปากก่อนจะหลับไป
แม่เฒ่าหม่ายิ่งพิโรธ นางคิดอยากจับฉินหยุนขึ้นมาพร้อมตบตีให้สาแก่ใจ
ฉินหยุนมั่นใจ ว่าแม่เฒ่าหม่าต้องการตัวเขาเพื่อให้ชนะการแข่งขันที่สำคัญยิ่ง ไม่เช่นนั้น นางไม่มีทางสะกดข่มโทสะล้นพ้นในกายจนยอมสร้างข้อยกเว้นให้แก่เขา
“ฉินหยุน อย่าได้ใจให้มันมากนัก!” แม่เฒ่าหม่าตะโกนดัง “ครึ่งปี! โทษคุมขังเจ้าจะเหลือเพียงแค่ครึ่งปี เท่านี้เจ้าพอใจได้หรือยัง?”
อย่างไรแล้ว นางก็เป็นผู้พิทักษ์แห่งหอพิทักษ์กฎ และนางเป็นผู้เคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์ทั้งหลายมาโดยตลอด การที่นางยอมยกเว้นลดโทษให้เพียงนี้ กล่าวได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หากฉินหยุนยอมรับ นี่จะถือเป็นการทำลายกฎประการหนึ่ง
บรรดาผู้เฒ่าชราภายในหอพิทักษ์กฎ ย่อมไม่มีทางยอมรับเรื่องราวเช่นนี้ได้
ฉินหยุนยังคงนอนนิ่งกับพื้น หาได้ไหวติงส่งเสียง
เขาไม่คิดอยากอยู่ที่นี่อีกแม้เพียงหนึ่งวัน กล่าวอะไรถึงครึ่งปี
“ท่านยายหม่า รบกวนไปเสาะหาผู้อื่นแล้ว! เพราะข้าเพิ่งรู้ตัวอย่างกะทันหัน ว่าเกิดชอบพอคุกใต้ดินแห่งนี้ขึ้นมา ได้นอนสบายกายสบายใจที่นี่สักสามปีหาได้ใช่เรื่องเลวร้ายไม่!” ฉินหยุนนอนกับพื้น พร้อมเหยียดขาและหาวดัง
ผู้ใดไม่พบเห็น ว่าฉินหยุนตั้งใจทำแบบนี้ ก็เพื่อเรียกหาผลประโยชน์ที่มากกว่า!
แม่เฒ่าหม่าสบถต่อตนเองอยู่ภายใน เป็นนางไม่อาจเขี้ยวลากดินกว่านี้ เป็นนางเผยให้ฉินหยุนได้เห็นสถานการณ์ทางฝั่งของนางอย่างไม่อาจอีกเลี่ยง ดังนั้นผลลัพธ์เช่นตอนนี้จึงดำเนินมาถึงตอนนี้ได้
หากนางเริ่มทำใจสงบและสงวนท่าที บางทีอาจได้รับผลลัพธ์ใดกลับคืนมาบ้าง
แน่นอนว่า วิญญาณเต๋าที่เปรียบดังเซียนเช่นหลิงหยุนเอ๋อในกายฉินหยุน ย่อมไม่ใช่เล่นได้ด้วยง่าย
หลิงหยุนเอ๋อบอกให้ฉินหยุนสะกดใจรั้งรอ
เพราะสถานการณ์ตรงหน้าที่เห็นได้เด่นชัด ตราบเท่าที่อดทน เงื่อนไขที่ฉินหยุนต้องการสุดท้ายก็ต้องได้รับการยอมรับ
แม่เฒ่าหม่ามองที่ฉินหยุน ใบหน้าของนางแทบดำมืดอย่างถึงที่สุด เป็นนางได้ยินถึงวีรกรรมที่ฉินหยุนเคยก่อเอาไว้มาไม่น้อย
วันนี้ นางได้พบฉินหยุนด้วยตนเอง ทำให้นางได้ทราบ ว่าเหตุใดฉินหยุนจึงสร้างปัญหามากมายเหล่านั้นขึ้นได้ ทั้งยังมีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้
“เจ้าต้องการให้เพิกถอนโทษทัณฑ์อย่างนั้นหรือ?” แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงเย็น “ได้ ข้าจะลดโทษทัณฑ์นั้นแก่เจ้า ให้เหลือเพียงสองวัน! เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วหรือไม่ใช่? เช่นนี้ถือว่าเจ้าได้รับโทษไปครบถ้วนแล้ว!”
“แต่เจ้าต้องแสดงหลักฐานผ่านการกระทำ โดยต้องชนะในการแข่งขันจึงค่อยได้รับการยกเว้นโทษทัณฑ์!”
ได้เห็นแม่เฒ่าหม่ายอมโอนอ่อน บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ทั้งประหลาดใจและริษยา
พวกเขาไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ แม่เฒ่าหม่าถึงขั้นยอมตัดสินใจครั้งใหญ่กระทำถึงเพียงนี้!
ฝ่ายตระกูลใหญ่ พวกเขายอมสละศิษย์หลายคนถูกขังคุกร่วมกับฉินหยุน เพื่อคิดหยุดไม่ให้ฉินหยุนได้มีโอกาสเข้าร่วมงานประลองยุทธ์
กระนั้นตอนนี้ แผนการนั้นได้พังไม่เป็นท่าแล้ว
บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ที่นี่ แทบร้องไห้กันออกมาถ้วนหน้า เพราะฉินหยุนจะสามารถออกไปได้โดยที่พวกเขาต้องอยู่ที่นี่
“ข้าสัญญาว่าจะเข้าร่วมการแข่งขัน แต่จะชนะหรือพ่ายแพ้ ข้าก็ต้องได้รับการละเว้นโทษทัณฑ์!” ฉินหยุนกล่าวออก “หากท่านไม่ยอมรับ อย่างนั้นครั้งหน้าข้าจะเรียกร้องเพิ่มขึ้นอีก!”
“ฝันไปเถอะ!” แม่เฒ่าหม่าตะคอกเสียงดัง
“ตามนั้น อย่างนั้นรบกวนท่านกลับไปแล้ว! หากคิดอยากให้ข้าออกไปแข่งขัน ครั้งหน้าค่อยนำเงื่อนไขที่ดีกว่านี้มาด้วย!” ฉินหยุนเผยยิ้มอย่างไม่ยี่หระ
บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ล้วนอยากกรีดร้องออกมา ทั้งยังคิดถามไถ่ต่อแม่เฒ่าหม่าให้ใช้ทัณฑ์ทรมานต่อฉินหยุน กระนั้นพวกเขาไม่กล้าส่งเสียงใด
พวกเขาทราบดี ว่าขณะนี้แม่เฒ่าหม่าอยู่ในห้วงอารมณ์ใด
แต่กระนั้นตอนนี้ต่อหน้าฉินหยุน นางคล้ายอ่อนแอยิ่ง
แม่เฒ่าหม่ากัดฟัน เป็นนางไม่อาจสะกดข่มโทสะภายในใจได้อีกต่อไป
“ได้ อย่างนั้นเจ้าจงอยู่ที่นี่ไปสามปี!” นางคำรามดัง จากนั้นจึงหันกายกลับ
แม่เฒ่าหม่าจากไปแล้ว
คุกใต้ดินค่อยฟื้นคืนจากความเงียบ
บรรดาศิษย์ตระกูลหลงหัวเราะเย้ยหยันเสียงดัง “ฉินหยุนเอ๋ย เจ้าจบสิ้นแล้ว! ถึงขั้นรังควานท่านยายหม่า ภายหน้าอย่าได้คิดว่าจะอยู่รอดในนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้!”
“ฉินหยุน เจ้าตัวโง่งม ถึงขั้นปล่อยมือจากโอกาสอันดียิ่งเพียงนี้ ทั้งยังยั่วยุท่านยายหม่า เป็นเจ้าไม่ทราบว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเพียงใด!” ศิษย์จากตระกูลอื่นล้วนร่วมกันเย้ยหยัน
“ภายหน้าเจ้ามีแต่จะเป็นเป้าของหอพิทักษ์กฎ เมื่อยั่วยุไปเพียงนั้นแล้ว ผลที่ตามมาจะสะพรึงเกินผู้ใดทราบ!”
แต่ขณะบรรดาศิษย์เย้ยหยันกันยังไม่ทำสาแก่ใจ แม่เฒ่าหม่าได้กลับมา
ผู้คนในคุกใต้ดินได้เห็นแม่เฒ่าหม่ากลับมา พวกเขาต่างกายแข็งทื่อจนไม่อาจไหวติง
แม่เฒ่าหม่าจากไปพร้อมโทสะ กระนั้นตอนนี้กลับมา ชัดเจนว่าเพื่อเจรจาต่อรองกับฉินหยุนอีกครั้งหนึ่ง
การแข่งขันครั้งนี้สำคัญเกินไป!
เพราะในบรรดาศิษย์ทั่วทั้งนครเซียนยุทธภัณฑ์ มีแต่ฉินหยุนที่สามารถออกหน้าเพื่อคว้าเอาชัยชนะจากหยิงเฉิงอวี้มาได้
หากนครเซียนยุทธภัณฑ์พ่ายแพ้ มันหมายความถึงต้องส่งมอบอุปกรณ์เซียนออกไป
อุปกรณ์เซียนเป็นวัตถุล้ำค่า ไม่ว่าจะด้วยอะไร พวกเขาไม่อาจยอมรับการสูญเสียมันไปได้ ทั้งยังเป็นการต้องส่งมอบด้วยมือตนเอง!
“ฉินหยุน ตราบเท่าที่เจ้าเข้าร่วมการแข่งขัน ไม่ว่าชนะหรือพ่ายแพ้ ข้าจะปล่อยตัวเจ้า!” น้ำเสียงของแม่เฒ่าหม่าหมองหม่น หาได้คุกคามดังเช่นก่อนหน้านี้ไม่
“ข้าพูดกล่าวเงื่อนไขออกไปแล้ว!” ฉินหยุนเผยยิ้มขณะยันกายลุกนั่งจากพื้น พร้อมทำการปัดฝุ่นออกจากร่างกายตนเอง
“อย่าให้มันมากนัก!” แม่เฒ่าหม่าตอบโต้เกรี้ยวกราด
บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ แทบหลั่งเลือดออกจากหัวใจด้วยความคับแค้น
พวกเขาได้ทราบแล้ว ว่าการแข่งขันวิถีจารึกครั้งนี้สำคัญเพียงใด กระทั่งแม่เฒ่าหม่าจากหอพิทักษ์กฎยังยอมอ่อนข้อให้เพียงนี้ได้
“ข้าคิดอยากทุบตีพวกมันสักคราหนึ่ง!” ฉินหยุนชี้มือไปยังบรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ในห้องขังฝั่งตรงข้าม พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
“ฉินหยุน เจ้าสวะต่ำช้า อย่าได้คิด ว่าท่านยายหม่าที่ยุติธรรมจะยินยอม ท่านย่อมไม่สัญญาเรื่องไร้สาระนั้นแก่เจ้า!”
“ท่านยายหม่า อย่าได้สัญญาต่อคนโฉดชั่วเช่นฉินหยุนแล้ว”
“คนไร้ยางอายผู้นี้ เจ้าถึงขั้นบังคับให้ท่านยายหม่าต้องตัดสินใจกระทำเรื่องอยุติธรรม!”
“ท่านยายหม่าผู้ทรงธรรมมาโดยตลอด ย่อมมีความยุติธรรมเปี่ยมล้นในหัวใจ ย่อมไม่มีทางให้วายร้ายเช่นฉินหยุนได้ก่อกรรมไร้ยางอายเพียงนั้น!”
บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่โต้เถียงดังสนั่น ราวกับสุนัขที่ถูกเหยียบหางเห่าหอน
แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงเย็น “ฉินหยุน เจ้าไม่อาจลงมือสังหารพวกเขา!”
ได้ยินคำกล่าวของแม่เฒ่าหม่า บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน ขณะนี้ถึงขั้นกรีดร้องออก
แม่เฒ่าหม่ายอมเปิดประตูห้องขังให้แก่ฉินหยุน
ฉินหยุนลูบศีรษะตนเองพลางเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมล้น
จากนั้น แม่เฒ่าหม่าจึงเปิดประตูทางฝั่งศิษย์ตระกูลใหญ่ ใบหน้าของนางเย็นเยือกขณะกล่าวคำต่อศิษย์ของตระกูลใหญ่ “อย่าได้คิดต่อต้าน ให้ฉินหยุนได้ทุบตีเจ้าจนสาแก่ใจ! หากเจ้ากล้าต่อต้าน ข้าจะเพิ่มโทษทัณฑ์เจ้าเป็นสิบปี!”
“ท่านยายหม่า ท่านจะทำอย่างนี้ไม่ได้!” ศิษย์ผู้นั้นกรีดร้อง
“นี่เป็นเขตแดนของข้า ข้าคิดทำอะไร ย่อมได้ทำ เจ้าจะทำอันใดได้? และนี่ก็ถือเป็นการลงทัณฑ์ต่อเจ้า! เป็นพวกเจ้ายั่วยุฉินหยุนให้ลงมือก่อน เป็นพวกเจ้าตั้งใจก่อการให้ได้ผลลัพธ์นี้ออกมา ดังนั้นข้าจึงต้องเพิ่มโทษทัณฑ์แก่พวกเจ้า!” แม่เฒ่าหม่ายิ้มเย็นเยือก “ข้าย่อมทำตามความสมเหตุสมผล หรือข้ากล่าวอันใดผิด?”
ฉินหยุนก้าวเดินสู่ในห้องขัง ต่อยใบหน้าอีกฝ่ายที่เป็นคนของตระกูลหลง เขายิ้มแสยะ “ท่านยายหม่าช่างปราดเปรื่องนัก! ให้ข้าลงทัณฑ์พวกมันเอง!”
ตึง! ตึง!
หมัดของฉินหยุนสลับซ้ายขวา ต่อยรัวเข้าที่ศิษย์ผู้นั้นอย่างไม่ยั้งมือ ศิษย์ตระกูลหลงขณะนี้ได้แต่กรีดร้องราวกับสุกรถูกส่งตัวเข้าห้องเชือด
บรรดาศิษย์ตระกูลอื่น ผู้ซึ่งอยู่ข้างเคียง พวกเขาต่างได้ยินเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายเด่นชัดจนต้องเผยอาการสั่นกลัว
“ฉินหยุน ยั้งมือแต่พอดี อย่าได้ทำพวกมันพิการ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่มีข้ออ้างให้กล่าวได้!” แม่เฒ่าหม่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
“วางใจได้ ข้ามีประสบการณ์จัดการสวะพวกนี้ดี!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
ผ่านไปครู่ ศิษย์ผู้นั้นกลับกลายเป็นมีใบหน้าบวมปูดประหนึ่งหัวสุกรถูกต้มวางไว้กับพื้น ทั้งยังส่งเสียงครวญครางออกมาได้
ฉินหยุนมองที่ห้องขังข้างเคียงพร้อมเผยยิ้ม “ดูดีไม่น้อยเลยจริงไหม? ถึงคราวเจ้าแล้ว!”
ศิษย์ในห้องขังผู้นี้ เป็นคนของตระกูลหยาง
อีกฝ่ายได้เห็นแม่เฒ่าหม่าเปิดประตูด้วยตนเอง ฉับพลันกลับกลายเป็นคุกเข่าอ้อนวอนต่อฉินหยุน “พี่ใหญ่ฉิน! ไม่สิ ท่านลุงฉิน! อย่าได้ตบตีข้าแล้ว เพียงไปห้องขังอื่นแทนได้หรือไม่?”
ฉินหยุนย่อมไม่ฟังคำอีกฝ่าย เมื่อครู่เขาถูกกลุ่มคนเหล่านี้ต่อว่าอย่างไม่มีชิ้นดี
“ครั้งข้าถูกแขวนร่างบนสระเซียนอัคคี เป็นเจ้าที่จุดไฟให้ลุกโชนแก่ข้าอย่างดีเยี่ยม นี่ถือเป็นบุญคุณประการหนึ่ง ข้าย่อมต้องชดใช้คืนกลับ!” ฉินหยุนแสยะยิ้มกว้าง เริ่มทุบตีอีกฝ่ายอย่างไร้ปรานี
พวกเขาหวาดเกรงจนไม่กล้าต่อสู้กลับ เพราะไม่อย่างนั้นโทษทัณฑ์จะเพิ่มขึ้นเป็นสิบปี!
ต้องทราบว่าที่นี่เป็นคุกใต้ดิน ไม่มีผู้ใดนอกจากคนของหอพิทักษ์กฎที่สามารถเข้ามาได้
ดังนั้น เรื่องราวที่นี่ จึงยากที่จะถูกเผยแพร่ออกไป
มีเพียงศิษย์ที่พ้นโทษทัณฑ์สามปี จึงค่อยสามารถบอกเรื่องราวต่อบรรดาผู้อาวุโสของตน
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ศิษย์ตระกูลใหญ่ในห้องขังล้วนถูกฉินหยุนทุบตีจนฟกช้ำดำเขียวกันทั่วถึง
พวกเขาที่ได้เห็นรอยยิ้มของฉินหยุน ต่างเผยความหวาดกลัวออกมาจากใจ
“พวกเจ้า เดิมคิดต้องการขังข้าเอาไว้ที่นี่ถึงสามปี กระนั้นตอนนี้ข้าได้อิสระแล้ว เป็นพวกเจ้าที่ต้องอยู่ต่อที่นี่... ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉินหยุนหัวเราะดังพร้อมติดตามแม่เฒ่าหม่าออกจากคุกใต้ดิน
ฉินหยุนเมื่อจากไปพร้อมแม่เฒ่าหม่า พวกเขาค่อยขึ้นพาหนะเพื่อเดินทาง และนางยังได้มอบชุดใหม่แก่ฉินหยุน
“ใส่ชุดนี้ นี่เป็นชุดของนครเซียนยุทธภัณฑ์เรา!”
ชุดสีน้ำเงินงดงามสรรสร้างขึ้นเป็นอย่างดี ฉินหยุนพอสวมใส่ จัดเส้นผมสักเล็กน้อย เขาจึงกลายเป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณและกำลังวังชา ทำให้เขาทั้งหล่อเหลาและมีประกายความมาดมั่นเผยออก
“นี่เป็นบัตรยืนยันตัวตนเจ้า!” แม่เฒ่าหม่าส่งบัตรหยกให้แก่ฉินหยุน “หยดเลือดเจ้าลงไป!”
เลือดฉินหยุนพอหยดลง เขาจึงเผยยิ้ม “นับจากวันนี้ ข้าเป็นส่วนหนึ่งของนครเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว!”
“เหอะ!” แม่เฒ่าหม่าแค่นเสียง นางไม่ทราบว่าภายหน้า ที่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์จะเกิดเรื่องอันใดที่มีเด็กน้อยผู้นี้ก่อขึ้นอีกบ้าง
ฉินหยุนผิวปากอารมณ์ดี ติดตามแม่เฒ่าหม่าบินทะยานมุ่งหน้าสู่ภายนอกพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
ฉู่ปินอวี้และผู้อื่น พอได้เห็นฉินหยุนยิ้มสบายใจเผยออก พวกเขาต่างโล่งใจ
บรรดาผู้อาวุโสฝ่ายตระกูลใหญ่ ต่างขบกัดฟันแน่นกันถ้วนหน้า
“ท่านยายหม่า ฉินหยุนขัดต่อกฎของสำนักอย่างรุนแรงเพราะลงมือต่อสู้ส่วนตัว! เขาต้องถูกคุมขังถึงสามปี! หลังจบการทดสอบ ขอท่านส่งเขากลับห้องขังตามเดิมด้วยแล้ว!” ชายชราคนหนึ่งอาจหาญก้าวเดินออกปากกล่าวคำ
“ฉินหยุนเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาจารึกระดับสูงล้ำ เขาออกมาเพื่อปกป้องเกียรติของนครเซียนยุทธภัณฑ์ ดังนั้นข้าจึงลดโทษให้แก่เขา โดยเหลือทัณฑ์คุมขังเพียงสองวัน!” แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงเย็นเยือก
ผู้คนต่างทราบ ว่าฉินหยุนถูกขังในคุกใต้ดินมาสามวันได้แล้ว นี่หมายความถึงจบการแข่งขันเมื่อใด เขาจะเป็นอิสระเมื่อนั้น
“ท่านยายหม่า กฎของหอพิทักษ์กฎไม่อาจถูกทำลายได้!” ชายชราเผยความไม่พอใจเร่งร้อนตะโกนกล่าว
“หากพวกเราสูญเสียอุปกรณ์เซียน เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ? ท่านจ้าวสำนักได้ตัดสินใจแล้ว ว่าหากพวกเราต้องสูญเสียอุปกรณ์เซียน อย่างนั้นพวกเราห้าผู้พิทักษ์แห่งหอพิทักษ์กฎจะต้องถูกตัดมือ!” แม่เฒ่าหม่าเผยเสียงเย็น “ทรัพยากรอันมั่งคั่งของนครเซียนยุทธภัณฑ์ พวกเจ้าต่างได้เสวยสุข แต่หากสูญเสียอุปกรณ์เซียน เจ้าจะยินดีร่วมรับผิดชอบกับพวกเราหรือไม่?”