ตอนที่แล้วตอนที่ 12: คำขู่! [ฟรี 05 เม.ย. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14: นั่นไม่ใช่แมวอสนี [ฟรี 12 เม.ย. 63]

ตอนที่ 13: กองกำลังภายนอก คำเตือน และคนช่างจ้อ [ฟรี 11 เม.ย. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 13: กองกำลังภายนอก คำเตือน และคนช่างจ้อ

ข้อตกลงเสร็จสิ้น

ขณะประหลาดใจ จี้หลิงยืนกรานจะใช้เวลาตอนกลางคืน ณ ที่พักยวิน

“บ้านใหญ่โตอะไรอย่างนี้ มีแค่พวกเจ้าสองคนหรือ?” จี้หลิงถาม “ต้องเหงามากแน่ ๆ ! ข้ามั่นใจเลยว่าเจ้าไม่คิดมากหากข้าขอใช้ประโยชน์จากไมตรีจิตของเจ้าในคืนนี้”

“เพราะพวกเราทั้งสองยังไม่แต่งงาน มันออกจะไม่สะดวกสบายไปบ้าง หากแม่นางจี้เช่าห้องที่โรงเตี๊ยมแทนจะเป็นการเหมาะสมกว่า” ยวินหยางกล่าวขณะรักษาตาขวาที่ฟกช้ำดำเขียวอย่างระวัง มันคือราคาของการหยอกล้อไม่หยุดก่อนหน้านี้

“ถ้าเช่นนั้น ข้าเพียงแค่สนทนาเล็กน้อยกับพี่น้องเกี่ยวกับความรักของสัตว์ร้ายวิเศษตนนี้ที่ยอมมาหาเจ้า…”

“ก็ย่อมได้ เจ้าอยากได้ห้องไหนล่ะ?”

ยวินหยางถอนหายใจไม่มีสิ้นสุดขณะกล้ำกลืนฝืนทน

ขณะนั่งตรงข้าม แม่นางหลิงมองดูด้วยดวงตาเบิกกว้างขึ้นขณะเขาโกยอาหารเข้าปาก

“เจ้ากินมากขนาดนี้ได้อย่างไร?” จี้หลิงมองยวินหยางผู้กำลังสูดดมเนื้อสัตว์ร้ายวิเศษกองเล็กอย่างสะอิดสะเอียน ทว่ามารยาทบนโต๊ะอาหารสง่างามมากพอจะเทียบเคียงกับคุณชายอื่น…

นี่นับเป็นสี่สิบ อาจจะห้าสิบจินแล้วหรือเปล่า?

“กินเร็ว ๆ แม่นาง” มือของเหล่าเหมยวูบไหวขณะรีบเสียบชิ้นเนื้อ “อีกเดี๋ยวก็หมดแล้ว”

“…”

จี้หลิงไม่ตอบกลับอะไร

ยวินหยางผู้ไม่สนใจสิ่งใดเกี่ยวกับการแข่งของหญิงสาวเริ่มคิดถึงตัวเอง “การแข่งขันระหว่างนายหญิงเหล่านี้จะต้องน่าสนใจแน่นอน” สายตาของยวินหยางทอประกายเข้ม “ข้ากำลังจะจัดการหอคอยสี่ฤดู แต่ไม่มีเบาะแสว่าจะเริ่มจากตรงไหน… ข้ามีจุดหมาย แต่ไม่มีพละกำลัง ต่อให้มีพละกำลัง ข้ายังขาดเป้าหมายอยู่ดี อาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะเริ่มจากนายหญิงเหล่านี้…”

ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ดวงตาของยวินยวางยิ่งทอประกายมากเท่านั้น

“ข้าสามารถหันหลังกลับได้หากเกิดข้อผิดพลาด แต่ข้าไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่กับที่ได้” ยวินหยางยังคงจมกับความคิด สายตาไกลห่างออกไป “ถ้าเป็นการแข่งขันสัตว์ร้ายวิเศษ นายหญิงที่เข้าร่วมงานนี้อาจจะมีจำนวนมากหรือเปล่า?”

ตรงกันข้าม จี้หลิงรู้สึกยินดีกับตัวเองยิ่ง “ไม่รอดจากข้าหรอก ต่อให้ไล่ข้าไป แต่สุดท้าย เจ้าก็ยังต้องให้ข้าช่วย” นางรู้เล็กน้อยว่ายวินหยางลากเข้ามาเกี่ยวกับแผนการบางอย่าง ยิ่งกว่านั้น นางไม่ใช่คนเดียวที่ติดบ่วงนี้ ไม่ช้า นายหญิงทั้งหมดจากครอบครัวมีอิทธิพลเหล่านี้ผู้ยังมาไม่ถึงก็จะโดนไปด้วย รากฐานของพวกเขาจะสั่นคลอนเมื่อวันนั้นมาถึง

เมื่อเผชิญหน้ากับคำขู่คำโตจากจี้หลิง ยวินหยางทำได้แค่ตัดจบด้วยประโยคเรียบง่ายว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรเกี่ยวกับข้ามันก็ไม่สำคัญ ข้าก็แค่ทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะทำไม่สำเร็จ” ทว่า เขาจะไม่มีวันทำแบบนั้น เพราะถ้าไม่ใช่เพราะจี้หลิง กลุ่มความคิดของยวินหยางจะไม่มีทางมาถึงจุดนี้ได้ ตั้งแต่นางปรากฏตัว เส้นทางกว้างใหญ่ไพศาลพลันถูกวางไว้ตรงหน้ายวินหยาง

นี่คือกองกำลังภายนอกที่แม้แต่ศัตรูของเขาจะไม่เคยได้พบเห็น ทำให้พวกเขาเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง ดูท่านับจากนี้เขาจะต้องวนเวียนอยู่ในเมืองเทียนถังบ่อยขึ้น

“พรุ่งนี้ พวกเราจะไปเลือกสัตว์ร้ายวิเศษด้วยกัน” ยวินหยางกล่าว

“ได้” จี้หลิงยิ้มอย่างมีชัย

เป็นช่วงตกดึก ณ ที่พักของจอมพลชิวเจี้ยนหัน

จอมพลเฒ่าจ้องมองภาพวาดบนกำแพงด้วยความหลงใหล

มันบรรยายถึงสมรภูมิ สีสันแตกต่างกันเก้าเฉดสาดกระเซ็นไปทั่ว ปฐพีแยกออก ฟ้าผ่าดังกึกก้อง สายฟ้าวูบไหว เปลวเพลิงพวยพุ่งสูง คลื่นยักษ์รุนแรงถาโถม สายลมแรงกล้าพัดผ่าน หมู่เมฆเป็นลูกคลื่นปกคลุมสวรรค์

มันคือภาพความกล้าหาญของเก้าใหญ่ ถูกแช่แข็งไว้บนกระดาษชั่วนิรันดร์

“พวกท่านทั้งเก้าคน” ดวงตาของจอมพลเฒ่าชื้นขึ้นมา “ระวังตัวมาตลอด ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”

ภาพวาดไม่ให้คำตอบ นักรบผู้ปิดบังใบหน้าเก้าคนที่ยืนหย่างอาจหาญในสมรภูมิเงียบ

จอมพลเฒ่าถอนหายใจหนัก

โดยไม่มีการกล่าวเตือน เสียงแหลมคมปลาบฉีกผ่านอากาศยามราตรี เสียงดุดันตะโกนจากข้างนอก “ใครอยู่ตรงนั้น?”

เพียงพริบตา ที่พักอันเงียบสงบเข้าสู่ความโกลาหล

สายสีเงินแยกอากาศขณะดาบบินจากนอกกำแพงที่ห่างไปหลายสิบฟุตก่อนกระแทกกับหลังคาของที่พักจอมพลจนเกิดเสียงร้าวดังสนั่น กระเบื้องแตกหักปลิวผ่านท้องฟ้า มีแสงสว่างวูบไหวโชติช่วง ตามด้วยเสียงโครม ที่ทุกคนมองเห็นตอนนี้คือแถบกระดาศกำลังกระพืออย่างบ้าคลั่งขณะตรึงกับกรอบประตู

ด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก มันดังมาจากราตรี “ชิวเจี้ยนหัน! ลืมเรื่องคดีของอู๋เหวินเยียนไปซะ พวกข้าเคารพชื่อเสียงของเจ้า แต่คนฉลาดย่อมรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด ถ้าเจ้าเลือกที่จะดื้อรั้นต่อ แม้แต่ผู้ที่สาบานว่าจะปกป้องเจ้าก็จะไม่สามารถเป็นหลักประกันให้ชีวิตได้!”

ฝนดาบทอประกายในจุดที่เกิดเสียงฮึดฮัดของยาม คมดาบเปล่งแสงกำลังทะยานขึ้นท้องฟ้า เงาสีดำถือมันเอาไว้ บนพื้น ยามจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ตามติด

จากนั้นแสงสว่างทอประกายขณะมีดสั้นกระหน่ำใส่ที่พัก เหล็กกล้าทอประกายสดใสคล้ายอุกกาบาต ด้วยความแตกตื่น ยามตะวัดดาบผ่านอากาศ พยายามปัดป้องเศษเสี้ยวความตาย เมื่อลำแสงจากดาบหายไป มีเพียงหมู่ดาวและดวงจันทร์ที่ปรากฏบนท้องฟ้าราตรี เงาที่เคยอยู่ตรงนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ท่ามกลางความสับสน ชิวเจี้ยนหันยืนขึ้นอย่างสงบอยู่ตรงทางเข้าประตู สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยันขณะแขนไขว้อยู่ด้านหลังอย่างหนักแน่น

“เอามันมาให้ข้า”

แถบกระดาษถูกส่งมาในฝ่ามือที่กางอยู่ของชิวเจี้ยนหัน เมื่อคลี่แถบออก มันเต็มไปด้วยหนึ่งบรรทัดที่เขียนด้วยเลือด

“เก้าใหญ่ตายแล้ว อย่าแสวงหาความอาฆาตพยาบาทหรือการล้างแค้น!”

“แควก!”

ชิวเจี้ยนหันฉีกกระดาษเป็นชิ้น ๆ ขณะส่งเสียงดัง “การล้างแค้นของเก้าใหญ่จะยังอยู่!”

น้ำเสียงของเขาดังก้องทั่วราตรี อากาศสงบนิ่งส่งเสียงหึ่งด้วยแรงจากคำประกาศของเขา

“เหอะ เหอะ เหอะ…”

เสียงน่าขนลุกพูดขึ้นอีกครั้งราวกับมาจากแดนไกล “แสดงว่าเจ้าเลือกเส้นทางของคนโง่เขลา ดูซิว่าจะเป็นยังไงต่อ!” หลังจากนั้น เสียงดังกล่าวจางหายไปกับความมืด

จอมพลเฒ่าชิวคำรามในความมืด ดวงตาเร่าร้อนด้วยความโทสะ “ข้าจะไม่หยุดจนกว่าจะตาย!” จอมพลเฒ่าเกรี้ยวกราดเกินบรรยาย เสียงร้องของเขาปกคลุมทั่วเมืองหลวง

ข้าแค่เริ่มตรวจสอบคนร้ายเพียงไม่กี่คนยังทำให้หงุดหงิดได้เพียงนี้เชียวหรือ? เช่นนั้นใครจะนำความยุติธรรมมาให้กับเก้าใหญ่ที่ตายไปแล้วได้เล่า?

บ้านของยวินหยางอยู่ไม่ไกลจากที่พักของจอมพล เสียงร้องของจอมพลเฒ่า ถูกขยายด้วยร่องรอยของลมปราณวิเศษที่ถูกขัดเกลา สั่นสะเทือนจนทำให้ทั้งเมืองหลวงตื่นขึ้น

ยวินหยางได้ยินทั้งหมด ชัดเจนดุจคริสตัล

เขานั่งลงทันที ลำแสงพิศวงกำลังไหลจากมือขณะพยายามจับร่องรอยคำพูดที่ยังหลงเหลืออยู่ในลมปราณวิเศษก่อนจางหายไปในอากาศอย่างลึกลับ

“ตรวจสอบเหตุการณ์ช่วงค่ำ ณ ที่พักจอมพล!”

เป็นช่วงเช้าตรู่ที่ตลาดสัตว์ร้ายวิเศษ

ยวินหยางเดินเตร็ดเตร่ในชุดสีม่วงเปล่งปลั่งถึงแม้จะไม่เต็มใจมาที่นี่ก็ตาม ความสง่างามตามธรรมชาติของเขาไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ถึงแม้ร้านค้าจะเรียงรายตามท้องถนน แต่ตลาดสัตว์ร้ายวิเศษต่างจากตลาดสัตว์เลี้ยงอย่างสิ้นเชิง ที่นี่ มันสะอาดและปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์จากของเสียหรือกลิ่นตัวสัตว์ สิ่งมีชีวิตที่นำมาขายที่นี่ล้วนมีคุณภาพดี อยู่ระดับที่สองหรือมากกว่า สัตว์ร้ายเหล่านี้เริ่มมีเหตุมีผลทางปัญญา รวมถึงความเกลียดชังต่อสิ่งสกปรกด้วยเช่นกัน จี้หลิงตามหลังยวินหยาง เล่นกับลิงพันมายาที่กำลังนั่งบนไหล่ของเขาอย่างสบายอารมณ์ นางทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ยวินหยางรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายมากกว่านั้น วิธีการที่นางสามารถจี้ใจดำได้อย่างแม่นยำและขู่เขาว่าจะปากโป้งเป็นสัญญาณว่านางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา

ลิงพันมายาว่านอนสอนง่ายเช่นกัน เขาของมันหดกลับเข้าไปในศีรษะขณะที่หางจำนวนมากรวมกันเป็นหนึ่ง ต่อให้ใครมองดูใกล้ ๆ ก็จะคิดว่าคล้ายกับลิงทารกธรรมดา ดวงตาสีชาดมองรอบข้างอย่างสนุกตลอดการเดินทาง แต่ยังคงเกาะไหล่ของยวินหยางถึงแม้จะมีหลายสิ่งดึงดูดความสนใจก็ตาม

“ฟ่อ…”

เสียงฟ่อแปลกประหลาดมาจากทางเข้าร้านแรกที่พวกเขาผ่าน ที่นี่ งูคล้ายรูปปั้นทองคำจำนวนมากขดอยู่ในกรงขณะชูศีรษะที่ถูกคลุมด้วยผ้าขึ้นมา ส่งเสียงฟ่อใส่ยวินหยาง ลำตัวยาวของมันขยับอย่างบ้าคลั่งราวกับพยายามจะออกไป

ขณะตกใจเล็กน้อย ยวินหยางครุ่นคิดถึงความสำคัญของการปกปิดความสามารถโดยกำเนิดเอาไว้ ขณะที่มันเป็นประโยชน์เพื่อให้เขาสามารถดึงดูดสัตว์ร้ายวิเศษได้ แต่มันคงไม่ดีแน่หากเป็นที่สะดุดตาจนถูกเปิดโปงขึ้นมา!

ถึงกระนั้น ดวงตาของจี้หลิงทอประกายทันที

“ข้าตัดสินใจถูกแล้วจริง ๆ!”

ถึงแม้ยวินหยางจะไม่ได้ทำการฝึกฝน แต่เขาไม่สามารถปกปิดกลิ่นแปลกใหม่และบรรยากาศทรงของพลังชีวิตที่ปกคลุมเขาจากสัตว์ร้ายวิเศษเหล่านี้ได้

“งูไหมทองคำ” ยวินหยางพึมพำภายใต้ลมหายใจขณะยังคงเดินผ่านร้านค้า สัตว์ร้ายระดับที่สามเหล่านี้มีพิษยิ่ง แต่ยวินหยางแทบไม่ชะลอเพื่อเหลียวแลพวกมัน เขาทำแบบเดียวกันกับร้านที่สอง จากนั้นก็ร้านที่สาม สิ่งมีชีวิตจะกระตือรือร้นและบ้าคลั่งเมื่อยวินหยางเดินผ่าน

ในใจ เขายังคงตั้งมาตรฐานเอาไว้สูงยามเลือกสัตว์ร้ายวิเศษ มันต้องเชื่อฟังมากกว่าใคร สามารถทำความเข้าใจกับเจ้าของได้ สามารถสอนความสามารถใหม่ให้ได้และยังต้องสามารถแสดงการพึ่งพาเจ้าของใหม่ได้

ทั้งหมดนั้นมีอยู่ในสัตว์ร้ายไม่ต่ำกว่าระดับที่ห้า

นั่นรวมเป็นทั้งหมดห้าเงื่อนไข จำนวนสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่ห้าที่สามารถรองรับเงื่อนไขทั้งหมดได้มีอยู่น้อยนัก สำหรับยวินหยาง มีอีกเงื่อนไขหนึ่ง ถึงแม้จะไม่สลักสำคัญ แต่ความจริงแล้ว มันสำคัญที่สุด

มันต้องสามารถรับการฝึกจากหญิงสาวได้

นี่คือการมาเยือนตลาดครั้งแรกของยวินหยาง เขาย่อมไม่เคยย่างเท้าเข้าสู่สถานที่แบบนี้ เนื้อวิเศษระดับต่ำกว่าที่เขากินเข้าไปมักจะถูกนำมาเตรียมมื้ออาหารอุดมสมบูรณ์โดยเหล่าเหมย ทว่าตอนนี้เขาอยู่ที่นี่ เห็นความครึกครื้นของสถานที่ เป็นพื้นที่มีชีวิตชีวา เนืองแน่นด้วยผู้คนที่เดินไปมา ทุกคนล้วนตื่นเต้น ด้านหน้ามีคนสวมชุดขาวจำนวนหนึ่ง กำลังสนทนาเสียงดังขณะพัดวีแล้วก้าวเดิน

เสียงหัวเราะแทบหลุดออกจากลำคอของยวินหยางเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

อา ใบหน้าอันคุ้นเคย

นายน้อยหม่าและนายน้อยฉินต่างมีข้ารับใช้เดินตามขณะมองรอบข้างอย่างเปิดเผย สายตาของพวกเขากวาดมองทุกหนแห่ง จับจ้องหญิงสาวผู้ผ่านไปมาพร้อมสัตว์ร้ายวิเศษอย่างอาจหาญ

ดวงตาของยวินหยางทอประกายด้วยความสงสัย สัตว์ร้ายทารกที่นายน้อยหม่าอุ้มไว้ในอ้อมแขนนั่นมันอะไร? ดวงตาของมันใสซื่อทอประกายคล้ายกับสนใจรอบข้าง

น่าสนใจจริง

“นี่ สาวน้อย พวกเราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่?” นายน้อยหม่าพยายามจีบบุคคลร่างผอมอ้อนแอนที่เดินไปมา แสร้งทำเป็นครุ่นคิด “เคยพบกันที่ไหนนะ? ขอข้าคิดก่อน…”

หญิงสาวสำลอกกับพื้นด้วยความรังเกียจขณะเดินโซเซไปด้วยความโกรธ

“นี่ เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป! ข้ารู้แล้ว! ทำไมเจ้าถึงไปล่ะ? แหม ผู้หญิงสมัยนี้นี่ ไม่อารมณ์ขันเอาเสียเลย” นายน้อยหม่ามีสีหน้าเบื่อหน่าย

“นี่ แม่นาง การได้พบเจ้าในวันนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ข้าเขียนบทกลอน… นี่ อย่าเพิ่งไป!” นายน้อยฉินจ้องมองหญิงสาวที่ปฏิเสธก่อนกล่าวว่า “ข้าแค่อยากแสดงพรสวรรค์เท่านั้นเอง! เฮ้อ”

ขณะไม่สะทกสะท้าน ชายเจ้าชู้สองคนเพียงยักไหล่ก่อนล่าเหยื่อรายต่อไป

ยวินหยางหุบยิ้ม

พวกมากตัณหา! พวกเจ้าชู้!

“คนช่างจ้อสองคนนั้นน่ารังเกียจสิ้นดี!” คิ้วของจี้หลิงขมวดไปทางเดียวกัน

แม้แต่ตอนที่นางพูด นายน้อยฉินและนายน้อยหม่ามองเห็นนางจากไกล ๆ ถึงแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าจากองศาที่ยืนอยู่ แต่รูปร่างสมส่วนดูดีทำให้สัตว์เดรัจฉานทั้งสองพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เพราะตามืดบอดจากราคะ ทำให้ไม่เห็นยวินหยางที่กำลังยืนอยู่ภายในระยะเอื้อมมือ ขณะนาบตัวทั้งสองข้างของจี้หลิงอย่างไม่ใส่ใจ พวกเขาหายใจดังฟืดฟาด “แม่นาง เจ้าดูคุ้นหน้านัก!”

“อ่ะแฮ่ม” ยวินหยางไออย่างสุขุมเพื่อเป็นการเตือน ถ้าเขาไม่ขัดตอนนี้ จี้หลิงอาจจะชกผู้ชายพวกนี้จนตาย

“นายน้อยยวินหรือ?” นายน้อยหม่าเหมือนกับเห็นผี อีกด้าน นายน้อยฉินผู้ได้ยินเสียงเตือนหันมาด้วยสีหน้าขมขื่น “พี่ยวิน ดูท่าไม่มีที่ไหนที่พวกเราไม่สามารถเจอกันได้เลยนะ”

ยวินหยางเย้ยหยัน “พวกเจ้าสองคนกำลังสนุกอยู่หรือเปล่า?”

นายน้อยหม่าหัวเราะอย่างไม่มั่นใจ “พี่ยวิน เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าใคร! ไม่มีทางที่พวกข้าจะเทียบเจ้าได้หรอก เจ้าต้องตาถึงมากแน่ ๆ ถึงได้เดินกับสาวงามเช่นนี้!”

นายน้อยฉินฉาบด้วยรอยยิ้มเจ็บปวด “ใช่ ใช่ พี่ยวินล้วนโชคดีที่ได้คบหากับเพศตรงข้าม…”

ตอนนี้เองที่จี้หลิงหันศีรษะมา ดวงตามองทั้งนายน้อยฉินและนายน้อยหม่าอย่างเบื่อหน่าย ใบหน้าแข็งทื่อของพวกเขากระตุกขณะถูกสายตาเกรี้ยวกราดจับจ้อง ผู้หญิงคนนี้ครอบครองรูปร่างสง่างามแต่มีใบหน้าบ้าน ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? คำชมที่พวกเขากำลังจะพูดออกมาหายไปทันที เหลือเพียงแต่ความเงียบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด