ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0569 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0571 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0570 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 570 : วิถียุทธ์แห่งเต๋าที่ดุดัน

ฉินหยุนย่อมทราบ ว่าภายในนครเซียนยุทธภัณฑ์ มันมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ตราบเท่าที่ละเมิด ผลที่ตามมาจะร้ายแรง

ณ เวลานี้ บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ลงมือต่อเขาอย่างกะทันหัน ชัดเจนว่าเป็นการละเมิดกฎการปกครองของนครเซียนยุทธภัณฑ์

บรรดาศิษย์ที่มีโทสะ ล้วนเข้าโจมตีใส่ฉินหยุนอย่างดุดัน

ภายในใจฉินหยุนเผาไหม้ด้วยความพิโรธ ขณะนี้เขากำลังถูกรุมโจมตีโดยกลุ่มคน ดังนั้นจึงต้องเร่งรีบตอบโต้

ฝ่ามือจำนวนมหาศาลโจมตีออกระเบิดดังสนั่น เป็นผลให้บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ที่เข้าโจมตี ต่างกระอักเลือดกันถ้วนหน้า

กลุ่มศิษย์ที่คิดเข้าทำร้ายฉินหยุน ภายในกายพวกเขาถูกสอดแทรกด้วยพลังงานจนระเบิดออก กระดูกในกายถูกหักป่นสลายเพราะฝีมือฉินหยุน

“ฉินหยุน บังอาจนัก!”

ด้วยโทสะ กลุ่มศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณหลายคนโหมโจมตีใส่ฉินหยุนอย่างดุดัน

“เป็นพวกเจ้าที่โจมตีข้าก่อน!” ฉินหยุนโทสะเดือดพล่าน เขาถูกโจมตีก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วคนกลุ่มนี้ยังคิดกล่าวโทษเขา

ฉู่ปินอวี้เร่งรีบกลับมา

ฉินหยุนและสองศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณสู้กันหลายกระบวนท่า ก่อนจะถูกฉู่ปินอวี้เข้าห้ามทัพ

พร้อมกันนี้ ชายวัยกลางคนชุดดำสองคนได้ทะยานร่างมา

พวกเขาหันมองทางกลุ่มศิษย์ตระกูลใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ สีหน้ากลับกลายเป็นดำมืด

“ภายในนครเซียนยุทธภัณฑ์ ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการต่อสู้กันส่วนตัว! เจ้าละเมิดกฎของสำนักอย่างร้ายแรงนัก!” ชายวัยกลางคน เผยเสียงเย็นเยือกกล่าวแก่ฉินหยุน

ชายชุดดำทั้งสอง เป็นคนของหอพิทักษ์กฎ

“น้องชายทั้งสอง ศิษย์ของพวกเราเพียงคิดแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับฉินหยุน ผู้ใดกันคาดคิดว่าเขาจะไร้ซึ่งเหตุผลเพียงนี้? ถึงกับป่นกระดูกพวกเขาจนสลายเช่นนั้น!” ผู้อาวุโสจากฝ่ายตระกูลใหญ่ เร่งรีบออกหน้ามากล่าวอธิบาย

“อย่าได้กล่าวแล้ว เรื่องราวที่นี่ พวกเราล้วนเห็นชัดกับตา!” ชายชุดดำกล่าว “พวกเราจะคุมขังเจ้าในคุกใต้ดินของพระราชวังเป็นเวลาสามปี!”

“ผู้อาวุโสทั้งสอง ข้าเพียงป้องกันตนเอง!” ฉินหยุนเร่งรีบกล่าว

“ด้วยพละกำลังของเจ้า คิดหลบหนีโดยไม่สู้เป็นเรื่องง่ายดาย!” ชายชุดดำเผยเสียงเย็น “หากเจ้าหลบหนี ไม่ลงมือโจมตีกลับอันใด เช่นนั้นย่อมไม่มีปัญหาอะไร!”

ฉินหยุนหันสายตามองทางกลุ่มผู้อาวุโสตระกูลใหญ่พร้อมสาปแช่งอยู่ภายใน

กระทั่งฉู่ปินอวี้ยังไม่กล้าต่อต้านหอพิทักษ์กฎ เขาได้แต่รับชมฉินหยุนถูกนำตัวไป

ผู้คนต่างถอนหายใจหนัก ฉินหยุนถูกเผาอยู่เป็นเวลาเจ็ดวันอย่างยากลำบาก ครานี้เขากลับละเมิดกฎจนต้องถูกคุมขังเป็นเวลาสามปี

จองจำทั้งสิ้นสามปี เท่ากับสูญเสียเวลาโดยเปล่าถึงสามปี

ฉินหยุนและบรรดาศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ รวมถึงกลุ่มศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าของตระกูลใหญ่ ต่างถูกนำไปคุมขังในคุกใต้ดิน

พวกเขาแต่ละคนถูกขังเดี่ยว

ที่ตรงข้ามกับห้องขังของฉินหยุน มีศิษย์ของตระกูลใหญ่สองคนถูกคุมขังเอาไว้

ห้องขังค่อนข้างเล็กแคบ เป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเพียงสองเมตร ประตูทำขึ้นจากโลหะพิเศษ ทำให้สามารถมองเห็นภายในได้

“พวกเจ้าถึงขั้นสังเวยศิษย์มากมาย เพียงเพื่อขังคุกข้าสามปีงั้นหรือ!” ฉินหยุนมองห้องขังฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายเป็นชายในชุดเขียว เขาแค่นเสียงดังกล่าวต่ออีกฝ่าย “พวกเจ้าล้วนเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ หายไปสามปี นี่คุ้มหรืออย่างไร?”

“ฉินหยุน เมื่อใดพวกเราออกไป ตระกูลย่อมต้องชดเชยแก่พวกเรา!”

“แล้วเจ้าเล่า? ผู้ใดจะชดเชยให้? หอขุนเขาดาบกระบี่หรือไรกัน?”

ฉินหยุนแค่นเสียงดัง “ข้าย่อมไม่ต้องให้ผู้ใดชดเชย! อยู่ที่นี่ข้าก็ฝึกฝนได้!”

“ลำพังเพียงตัวเจ้า? เจ้าสามารถได้รับพลังเซียนจากเบื้องบนหรือไร? ช่างน่าขัน!” ชายในชุดเขียวแสยะยิ้ม “ฉินหยุนเอ๋ย เจ้าที่ต้องเสียเวลาสามปี ทำให้ต้องพลาดโอกาสการเข้าร่วมงานประลองยุทธ์!”

“เป็นเจ้าไม่ทราบ ว่างานประลองยุทธ์นี้ยากเย็นเพียงใด มันถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ทรงเกียรติที่สุดของแคว้นมหาดวงดาว มันเป็นการรวบรวมบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า และขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณที่มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ!”

“เมื่อใดได้ลำดับที่ดี เจ้าย่อมได้รับมรดกความสามารถเทวะ กระทั่งวิชายุทธ์สวรรค์!”

“ผู้จัดงานคือตำหนักจารึกเทวะ พวกเขาย่อมไม่ให้เจ้าได้เข้าร่วม!”

ฉินหยุนรับฟังคำกล่าวของคนทั้งสอง ยิ่งมาเขายิ่งมีโทสะ

หากเขาคิดหลบหนีจากกรงขังนี้ เรื่องราวไม่ยาก แต่หลังจากหลบหนี เขาจะไม่สามารถเหยียบย่างเข้ามาที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ได้อีก

กรณีเช่นตอนนี้ เขาได้แต่กล่าวโทษที่ตนเองดวงตกแล้ว

และฉินหยุน ย่อมไม่คิดนั่งเฉยในห้องขัง

เขานำกระบี่ออกมา เริ่มทำการฝึกซ้อมวิชากระบี่ในสถานที่เล็กแคบ

เขาคิดอยากใช้เวลาสามปีที่นี่ เพื่อวางแผนเข้าร่วมการแข่งขันกระบี่ และได้เชี่ยวชาญถึงแก่นแท้แห่งกระบี่

สำหรับฉินหยุน เวลาสามปีถือว่ายาวนาน

แผนการดั้งเดิมของเขาถูกขัดขวาง

ที่เขาทำได้ตอนนี้ มีแต่ต้องสร้างรากฐานให้มั่นคง ทำให้ตนเองก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณให้สำเร็จ

ฉินหยุนที่ถูกขังในห้องขังกว่าสามวัน ผู้คนในนครเซียนยุทธภัณฑ์ล้วนได้ทราบเรื่อง

ผู้คนของหุบเขาเซียนโอสถ รวมถึงขุนเขาเซียนอัคคีคราม คิดอยากค้นหาตัวฉินหยุนเพื่อก่อเรื่อง

แต่แล้วพอได้ทราบเรื่อง พวกเขาจึงได้แต่ต้องรอคอยสามปีก่อนจะจากกันไป

งานประลองยุทธ์ จะจัดขึ้นในอีกสิบเดือนให้หลัง

ฉินหยุนที่ไม่อาจเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ ทำเอาหลายผู้คนต่างโล่งอก

เพราะด้วยกำลังของฉินหยุน เขาย่อมมีชัยเหนือขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าทุกผู้คน

หลายสำนักและตระกูล ต่างไม่ต้องการให้ฉินหยุนได้เข้าร่วม

วันนี้ ที่ตรงหน้าประตูนครเซียนยุทธภัณฑ์ ลานกว้างกำลังมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง

เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ

ตำนานเมื่อกาลก่อน จ้าวสำนักคนหนึ่งของนครเซียนยุทธภัณฑ์ และลูกศิษย์ของเขาได้ประลองต่อกัน ตัวจ้าวสำนักได้พ่ายแพ้ต่อศิษย์ ดังนั้นเขาจึงถอนตัวจากตำแหน่งจ้าวสำนัก และปล่อยให้ศิษย์ของตนเองได้ขึ้นเป็นจ้าวสำนักแทน

กระนั้นเขาหาได้ยินดีไม่ ทุกหนึ่งพันปี เขาจะกลับมาเยือนครั้งหนึ่ง

และจะนำกลุ่มศิษย์ที่เหนือล้ำซึ่งผ่านการฝึกฝน เข้าท้าประลองต่อศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์

กล่าวได้ว่าเป็นงานประลองยุทธ์พิเศษ แน่นอนว่าย่อมมีการประลองจารึกด้วย

และนครเซียนยุทธภัณฑ์ที่ต่อสู้มาโดยตลอด ได้รับชัยชนะทุกครั้งโดยไม่ขาด

เมื่อใดนครเซียนยุทธภัณฑ์พ่ายแพ้ พวกเขาจะต้องส่งมอบอุปกรณ์เซียนลับแห่งนครเซียนยุทธภัณฑ์ออกไป

ขณะนี้อดีตจ้าวสำนัก ผู้ซึ่งมาพร้อมกลุ่มศิษย์ของตนเอง ได้มาเยือนที่ประตูหน้าของพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว

ตราบเท่าที่เป็นคนเก่าแก่ของนครเซียนยุทธภัณฑ์ ย่อมทราบเรื่องราวนี้กันเป็นอย่างดี

ทุกครั้งที่มีเรื่อง พวกเขาจะมาที่นี่เพื่อรับชม

เช่นนี้ พวกเขาจะได้เห็น ว่าศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์มีระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ตรงใด

ที่ทางเข้าพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ชายชราชุดดำหลายคนกำลังยืนตั้งแถว

ผู้คนต่างทราบ ว่าพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ผู้พิทักษ์กฎจะสวมใส่ชุดสีดำ

ทว่าเหลียวจิงเหมิงเป็นข้อยกเว้น นางสวมใส่ชุดเรียบง่ายสีขาว ท่าทีเขินอายหลบซ่อนหลังหญิงชรา ทำให้หลายผู้คนได้รับชมในลานกว้างกันอย่างตาค้าง

พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนแปลกหน้า หาได้คุ้นเคยอันใดกับเหลียวจิงเหมิงไม่

เหลียวจิงเหมิงเพียงแค่หวาดกลัวคนแปลกหน้า ในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ บ่อยครั้งนางสามารถพบปะกับบรรดาศิษย์ได้โดยไร้ความหวาดกลัวใด

รุ่นเยาว์ทั้งหลาย วันนี้จะได้พบหน้าอดีตจ้าวสำนักของนครเซียนยุทธภัณฑ์กับตา

อีกฝ่ายเป็นชายชราร่างกำยำ สวมใส่ชุดสีเทาตุ่น เส้นผมสีขาวกำลังพลิ้วไหวตามสายลม

ดวงตาชราลึกเผยแสงคมกล้า กำลังจับจ้องที่เหลียวจิงเหมิง

เขาเผยมือที่ไพร่ไว้ด้านหลังของตนพร้อมยิ้มบาง กล่าวกับเหลียวจิงเหมิงว่า “นี่คือเหลียวจิงเหมิงที่ร่ำลือกัน? ว่าไป เหตุใดจ้าวสำนักพวกเจ้าจึงยังไม่ออกมา?”

“ท่านจ้าวสำนักไม่สะดวกออกมานัก! หยิงเฉิงอวี้ ผ่านไปหนึ่งพันปีท่านยังมาอีกครั้ง เป็นข้าไม่คิดว่าท่านยังมีชีวิตอยู่!” หญิงชราเผยยิ้ม

“เอาชนะพวกเจ้าไม่ได้สักครั้งข้าย่อมยังไม่คิดตาย!” หยิงเฉิงอวี้เผยเสียงหัวเราะออกจากใจ อากาศถึงกับสั่นสะเทือนเพราะพลังงาน นี่เป็นพลังรุนแรงที่เขาเผยออกมาเพียงเศษเสี้ยว

“น่าเสียดายนักที่ไม่ได้พบเจอจ้าวสำนักพวกเจ้า! ข้าคิดอยากเห็นสีหน้ามันตอนพ่ายแพ้นัก!” หยิงเฉิงอวี้ยิ้มกล่าว “ไม่ออกมาก็ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่ข้าชนะ ส่งมอบอุปกรณ์เซียนนั้นแก่ข้าก็พอ!”

“หยิงเฉิงอวี้ มีเรื่องที่ข้าต้องบอกต่อท่าน! อดีตท่านจ้าวสำนักสิ้นชีพไปแล้ว ขณะนี้ท่านจ้าวสำนักเป็นคนใหม่ และเขาไม่ชอบมีส่วนร่วมกับเรื่องราวนี้ ดังนั้นจึงคิดถอยให้แต่แรก” หญิงชราเผยคำกล่าว ทำเอาหลายคนที่นี้ต่างเกิดความกระอักกระอ่วน

ผู้คนที่มารับชมกันในวันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนของสำนักเซียนอื่น รวมถึงสำนักดวงดาว และยังมีผู้เฒ่าชราหลายคนที่คุ้นหน้าตากับอดีตจ้าวสำนักนครเซียนยุทธภัณฑ์

“ไม่นึกเลยว่าอดีตจ้าวสำนักที่แกร่งกล้าผู้นั้นจะสิ้นชีพไปแล้ว!”

“นี่เขาตายได้อย่างไรกัน?” ใบหน้าของหยิงเฉิงอวี้กลายเป็นเศร้าหม่นเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนพร้อมเผยดวงตาเปี่ยมความโศก

“เป็นการเสียชีวิตตามธรรมชาติ!” หญิงชราถอนหายใจเบา

ผู้เฒ่าชราหลายคนใช้ชีวิตมานานหลายปี พอได้ยินคำกล่าวนี้ พวกเขาต่างสั่นกลัวอยู่ภายในหัวใจ

กระทั่งอดีตจ้าวสำนักแห่งนครเซียนยุทธภัณฑ์ที่แกร่งกล้า ยังไม่อาจหนีชะตาความตายจากการชราภาพ

หลายคนฝึกฝนวิชายุทธ์ ไม่ใช่เพียงเพื่อความแข็งแกร่ง แต่ยังเพื่อยืดอายุขัยให้ออกไปนับอนันต์

หยิงเฉิงอวี้มองขึ้นท้องฟ้าพร้อมถอนหายใจยาว “ก็ได้! ในเมื่อเขาสิ้นชีพแล้ว นี่จะถือเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะประลองกับนครเซียนยุทธภัณฑ์!”

หยิงเฉิงอวี้ไม่คิดถอยให้นครเซียนยุทธภัณฑ์ในขณะนี้ เขาเพียงแต่ถอนหายใจออกมาเสียงยาว

เป็นเวลาหลายปี บรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ที่เขาฝึกฝนขึ้น ไม่อาจมีชัยชนะเหนือศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์

กระนั้นครั้งนี้เขามั่นใจ ว่าศิษย์ของตนเองจะสามารถมีชัยเหนือศิษย์รุ่นเยาว์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้

“แล้วเอาอย่างไร? ใช้กฎเกณฑ์เช่นเดิมหรือ?” หญิงชราเอ่ยถาม

“ข้านำศิษย์มาสามคน พวกเขาทั้งสามเชี่ยวชาญแตกต่างกันออกไปสามแขนง! ทำยันต์ ทำอุปกรณ์ และแกะสลักโทเทม!”

หยิงเฉิงอวี้ที่อยู่ในอาการโศก หันมองทางชายหนุ่มหล่อเหลาร่างผอมสูงทั้งสามด้านหลัง

เพราะพวกเขาเป็นอัจฉริยะเยาว์วัย ทั้งสามคนจึงไม่ปิดบังความอหังการในใจจนเผยออกเด่นชัดที่ใบหน้า

“แกะสลักอักขระโทเทม?” หญิงชราจากนครเซียนยุทธภัณฑ์คิ้วขมวด

“ถูกต้องแล้ว! พวกเราไม่เคยเทียบเปรียบด้านนี้กันมาก่อน ครั้งนี้เอาเป็นแบบนี้ก็แล้วกัน! ว่าอะไร ไม่กล้าหรือ?” ใบหน้าเฒ่าชราของหยิงเฉิงอวี้เผยความภาคภูมิ

“พวกเราย่อมกล้า!” หญิงชรายิ้มตอบ “เช่นนั้นเริ่มกันได้! พวกเราจะส่งเพียงคนเดียวเข้าร่วมเมื่อถึงเวลา!”

หยิงเฉิงอวี้มองทางเหลียวจิงเหมิงพร้อมยิ้ม “ข้าได้สืบเสาะมาแล้ว ดูเหมือนคงเป็นแม่เด็กสาวผู้นั้น! ว่าไป ชายนามฉินหยุนเล่า อักขระโทเทมที่เขาแกะสลักกล่าวได้ว่าดีเยี่ยม เหตุใดไม่ให้เขาออกมา?”

“เขากระทำการขัดต่อกฎของพวกเราอย่างร้ายแรง จึงถูกจองจำเป็นเวลาสามปี!” หญิงชราเผยเสียงเย็น

ผู้คนล้วนทราบกันดีแล้ว ว่าฉินหยุนถูกคุมขัง

เรื่องนี้ยิ่งทำหยิงเฉิงอวี้หัวเราะออกยินดี “วิเศษนัก ในเมื่อคิดว่าเด็กสาวคนนั้นเพียงหนึ่งสามารถเอาชนะข้า ก็ให้เป็นเช่นที่เจ้าคิด! นี่คือเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะมาท้าประลอง อุปกรณ์เซียนย่อมตกเป็นของข้า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด