ตอนที่แล้วตอนที่ 5: ความโหดร้ายของโลกจะสิ้นสุดลงเมื่อใด? [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7: “ถึงแม้กฎหมายของราชาจะยอมให้เจ้ามีชีวิต แต่ข้าไม่ยอม” [อ่านฟรี]

ตอนที่ 6: ไม่มีความปรานีภายใต้ดาบของข้า [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 6: ไม่มีความปรานีภายใต้ดาบของข้า

คนสารเลวเหล่านี้กระสันในตัวจวนเอ๋อร์มาตลอด นางขึ้นชื่อเรื่องความงาม แต่ขณะที่หวังจวง ผู้บังคับการและผู้ล้างแค้นแห่งความยุติธรรมมีชีวิตอยู่นั้น ไม่มีใครแม้แต่จะกล้าชำเลืองหางตามองนางด้วยซ้ำ

แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คนสารเลวนั่นจะตายในที่สุด มันเป็นเรื่องที่ดีที่ส่งเปลวเพลิงแห่งความรุ่งโรจน์ในขณะที่อยู่บนสมรภูมิ!

พิธีรำลึกเพื่อคนที่ล่วงลับจบลงแล้วไม่ใช่หรือ? คนร้ายถูกจับมาประหารชีวิตแล้วไม่ใช่หรือ? คนที่สัตย์ซื่อส่วนใหญ่ล้วนกลับบ้านของตัวเอง ไม่เตร็ดเตร่ราวคนเร่ร่อน

อันธพาลเหล่านี้ย่อมไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน

ผู้อาวุโสกราดเกรี้ยว “เจ้าไม่ละอายใจบ้างเลยหรือ? หวังจวงเสียสละตัวเองเพื่อประเทศ แต่ตอนนี้เจ้ากำลังรังควานแม่หม้าย! หวังเป้า บั้นปลายชีวิตของเจ้าไม่มีทางสงบสุขหรอก!

หวังเป้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะเลียริมฝีปาก “เหลาเจี่ย อย่าห่วงเรื่องที่ข้าจะตายยังไงเลย ส่วนหวังจวง ข้าต้องบอกว่าเขาตายก็เหมือนไม่ได้ตาย เหลาเจี่ย ข้าขอเตือนเจ้าหน่อยนะ ข้าจะอัดเจ้าหากยังไม่เปิดทางให้!”

จากนั้นเขาก้าวมาข้างหน้าแล้วลูบหน้าของจวนเอ๋อร์ “จวนเอ๋อร์ บอกข้าสิ ที่รัก เจ้ามีความสุขยังไงถึงได้แต่งงานกับหวังจวงผู้ยากจนคนนั้น? ไม่เพียงแค่เป็นคนอนาถาเท่านั้น ตอนนี้เขาก็ตายไปแล้ว… ถ้าเจ้าแต่งงานกับข้าก่อนหน้านี้ เจ้าจะไม่เป็นแม่หม้ายอย่างวันนี้! หัวใจของข้าเป็นของเจ้ามาตลอด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา…”

จวนเอ๋อร์มองอันธพาลร่างกำยำด้วยความเกลียดชัง กล่าวลอดไรฟันว่า “หวังเป้า เจ้าจะตายอย่างเวทนา!”

หวังเป้าหัวเราะ “ตอนนั้นข้าไม่สามารถทำอะไรกับเจ้าตามใจได้ แต่ตอนนี้… ข้าจะตายอย่างเวทนางั้นหรือ? ถ้าจริง ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างปิติในคืนนี้ก่อนเอง!”

ขณะเขาหัวเราะร่วน เสียงห้าวตัดผ่านความมืดเข้ามา “หวังเป้า ข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนตายอย่างปิติในคืนนี้เอง!” ยวินหยางปรากฏตัวจากเงา เทพอาฆาตในชุดคลุมสีม่วง เขาปรากฏตัวตรงหน้าจวนเอ๋อร์ ขวางทางนางกับสายตาน่ารังเกียจของหวังเป้าเอาไว้ สายตาของเขาเย็นเยือกและโหดเหี้ยม ยวินหยางเดือดดาล ความกระหายเลือดยากจะควบคุม เลือดของนักรบละเลงทั่วสมรภูมิ ชีวิตยอมพลีเพื่อประเทศ ถึงอย่างนั้น ยังมีบางคนที่สามารถพูดถึงคนตายอย่างเสีย ๆ หาย ๆ กับครอบครัวและเครือญาติได้ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นผู้เสียสละแท้ ๆ !

บุคคลที่ใจจืดใจดำเช่นนั้นสมควรถูกกำจัด

หวังเป้าและลูกน้องของเขาสามคนถูกสายตาน่ากลัวของยวินหยางทิ่มแทงขณะเงยหน้าขึ้น กลิ่นอายสังหารของอีกฝ่ายสั่นเทาด้วยพลังที่อัญเชิญมาจากวิญญาณนับพันในโลกใต้พิภพ

อันธพาลสี่คนรู้สึกเหมืนกับถูกขุมนรกจ้องมอง จิตวิญญาณแข็งทื่อด้วยสัมผัสเย็นเยือกของความตาย หนึ่งในชายกลุ่มคนนั้นถึงขั้นกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวออกมา หยดน้ำอุ่น ๆ หยดลงที่ต้นขา เขาเสียการควบคุมกระเพาะปัสสาวะภายใต้สายตาปีศาจของยวินหยาง ทั่วร่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ยวินหยางยืนอย่างเงียบงัน ไม่ปริปากพูด จิตสังหารของเขาเด่นชัดราวกลางวัน

ชายร่างใหญ่สี่คนซีดเผือดขณะก้าวถอยหลัง กลิ่นอายสังหารนั่นก่อตัวขึ้นจากจิตวิญญาณที่เคยต่อสู้ในสงครามนับครั้งไม่ถ้วน มันคือการต่อสู้ที่พวกเขาไม่ใช่สามารถเผชิญหน้าได้ ราวกับหนูกำลังมองจิ้งจอกชั่วร้ายที่รอจะกลืนกินพวกมันเข้าไป

เศษเสี้ยวความตกตะลึงแล่นผ่านกระดูกสันหลังของหวังเป้า เขาอยากหันหลังวิ่งหนีใจจะขาด ทว่า ขาคล้ายกับมีจิตใจเป็นของตัวเอง พวกมันปฏิเสธที่จะขยับ ทำให้ไปไหนไม่ได้ภายใต้การจ้องมองของยวินหยาง

แต่ขณะมองใบหน้ายวินหยางอีกครั้ง บางสิ่งที่ได้เห็นทำให้เขาสงบลง ใบหน้าของยวินหยางซีดเผือด ฝีเท้าไม่มั่นคง เป็นสัญญาณเด่นชัดว่าอีกฝ่ายไม่ป่วยก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกอย่าง เขาดูหนุ่มนัก ความมั่นใจที่หดหายไปเมื่อครู่ของหวังเป้าเริ่มกลับคืนมาก่อนรวบรวมความกล้าถามออกไปว่า “เจ้าว่ายังไงนะ?” ส่วนที่มีเหตุผลของเขากรีดร้องด้วยความไม่อยากเชื่อขณะถามออกไป หลงเหลือเพียงความรู้สึกบางส่วนเท่านั้นหลังจากหาทางพูดแบบนั้นออกไปได้

ยวินหยางยิ้มเยาะเมื่อได้ยินคำถามของหวังเป้า เขายกแขนขึ้น ฝ่ามือที่มองไม่เห็นฟาดใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย

“เพี้ยะ!”

เกิดเสียงดังกึกก้องจากการฟาดจนทำให้ร่างกายขนาดใหญ่ของหวังเป้าหมุนกลางอากาศหลายครั้งก่อนกระแทกกับพื้นดังตุบไกลออกไปหลายเมตร

ขณะคุกเข่า หวังเป้ากระอักเลือด ตามมาด้วยของเหลวสีแดงเข้มที่พรั่งพรูออกมาและฟันที่หักหลายซี่

สิ่งที่คล้ายกับการตบหน้าธรรมดากลับทำให้ชายคนนี้ผู้มีน้ำหนักเกือบ 200 จินกระเด็นไปไกลหายเมตรได้

ยวินหยางสาวเท้ามายืนอยู่หน้าของหวังเป้า เสียงคมปลายดังชัด จมูกของเขาหักภายใต้น้ำหนักของยวินหยาง

“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นหรือ?” ยวินหยางกดเท้าบนใบหน้าเปื้อนเลือดของหวังเป้ามากขึ้น เสียงดังกร็อบเบา ๆ จากกระดูกร้าวดังขึ้นขณะเขากระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าควรจะทวนซ้ำหรือเปล่า?”

“ไม่… ไม่… โอะ….. อึ่ก” คำพูดของหวังเป้าร้อนรุ่มจนทรมาน เขาไม่สามารถหยุดครางอย่างเจ็บปวดได้ ถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดคมปลาบไม่ยอมให้เขาหมดสติ

เขาอยากร้องขอความเมตตา แต่ขณะทั่วใบหน้าอยู่ใต้เท้าที่เหยียบย่ำของยวินหยาง คำพูดที่ออกมาจึงติดอยู่ในลำคอ

แม้จะดิ้นด้วยความรู้สึกไม่สบาย ส่วนที่แยกออกจากจิตใจของเขาครุ่นคิดอย่างสงสัยว่าชายหนุ่มผู้หยิ่งทะนงคนนี้มาจากไหน สถานการณ์กลับกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

ขณะที่เท้ายังแนวหน้าของหวังเป้า ยวินหยางโบกมือ ส่งสัญญาณให้ชายอีกสามคน “มานี่ซิ!”

เมื่อได้ยินเสียงเรียก อันธพาลแข็งทื่อ ถึงแม้พวกเขาจะล้วนคุ้นเคยกับการก่ออาชญากรรมทั่วเมือง แต่ไม่เคยประสบกับระดับความโหดเหี้ยมที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามาก่อน

ขาของพวกเขาแทบจะยอมแพ้เมื่อได้ยินยวินหยางเรียก หนึ่งในชายกลุ่มนั้นกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวก่อนหันหลังวิ่งหนี

ยวินหยางพ่นลมออกจมูก “กล้าไม่เบา ยังมีความกล้าที่จะหนีงั้นหรือ?”

มือตวัดออกไปอย่างเลือนราง เขาเหวี่ยงเงินชิ้นเล็กเข้าหาอีกฝ่าย มันกระแทกใส่ต้นขาของชายคนนั้นด้วยความเร็วปานสายฟ้า ทุกคนมองดูด้วยความหวาดกลัวขณะชายคนนั้นกองกับพื้น ส่งเสียงครางและบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด หลังจากก้าวได้เพียงสองก้าว ขาของเขาบิดเบี้ยวอย่างผิดรูป กระดูกหลุดออกจากข้อต่อ กลายเป็นองศาตั้งฉากชวนให้เจ็บปวด

โจรสองคนที่เหลืออุทานด้วยความหวาดกลัว ความคิดของพวกเขาเตลิดราวกับผีเสื้อติดกับ ในที่สุดความตายก็มาเยือนพวกเขา… มันมาในร่างปรมาจารย์อย่างนั้นหรือ?

เสียงร้องไม่หยุดหย่อนยังคงดังอยู่ขณะชายที่ต้นขาหักคลานไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย

“พวกเจ้าจะมาหรือไม่มา?” เท้าของยวินหยางยังอยู่บนใบหน้าของหวังเป้าขณะคะยั้นคะยอชายสองคนที่เหลือ “จะเอายังไง? หรือพวกเจ้าอยากให้ข้าเล่นตรงขาเหมือนกันงั้นหรือ?”

โจรสองคนสั่นสะท้านเมื่อมองเงินสองชิ้นที่ปรากฏบนมือของยวินหยาง พวกเขาคุกเข่าทันที “ท่าน… ท่านอัศวิน… ข้าน้อย… ข้าน้อย… ขอความเมตตา…”

“เมตตาหรือ?”

ยวินหยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบของเทพอาฆาต “ถ้าข้าปล่อยพวกเจ้าทั้งสองไป ข้าจะสามารถไปเจอหน้าพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วได้อย่างไร?”

หวังเป้าครางด้วยความเจ็บปวด เสียงของเขากำลังสั่นเครือขณะวิงวอน “ท่านอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ โปรดเมตตาด้วย… พวกข้า พวกข้ามาจากกลุ่มงูเขียว ทุกสิ่ง… ไม่ว่าสิ่งใดสามารถคุยกันได้…”

“กลุ่มงูเขียวหรือ?”

พวกเขามีกลุ่มงั้นหรือ? ดวงตาของยวินหยางทอประกาย “ลุกขึ้น ตามข้ามา! อธิบายมาให้ดี กลุ่มงูเขียวคืออะไร!” เขาหันหลังมาพยักหน้าให้จวนเอ๋อร์ “โปรดกลับบ้านไปก่อน นี่ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าแล้ว”

จวนเอ๋อร์มองเขาด้วยความตกตะลึง สีหน้าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “เจ้า… เจ้าคือ… น้องชายของหวังจวงงั้นหรือ?”

ยวินหยางลังเลสักพักก่อนตอบว่า “คุณผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องกลัวแล้ว จะไม่มีจิตวิญญาณสักดวงกล้าทำร้ายตระกูลนักรบนี้อีกต่อไป”

ขณะจงใจเมินคำถาม ยวินหยางหันหลังแล้วรีบพาอันธพาลทั้งสี่คนไปลานบ้านร้างก่อนโยนลงพื้นแล้วปิดประตู

“กลุ่มงูเขียวหรือ? ใครคือหัวหน้ากลุ่ม? ในนั้นมีกี่คน? ฐานที่มั่นของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงของยวินหยางไม่เปิดโอกาสให้เบี่ยงเบน พวกเขามองออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากโกหกขึ้นมา

หวังเป้าและกลุ่มของเขาตอบคำถามทันทีขณะยังทนรับความเจ็บปวดแสนสาหัส พวกเขามั่นใจว่าหากลังเลที่จะตอบ ปีศาจตนนี้จะสร้างบาดแผลสาหัสมากยิ่งขึ้นแน่นอน

ชายคนนี้ที่กำลังเผชิญหน้ากับพวกเขาคือมารกลับชาติมาเกิด!

รอยยิ้มของยวินหยางเริ่มกว้างขึ้นขณะรวบรวมข้อมูลที่ต้องการ “กลุ่มงูเขียว ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้ามาจากกลุ่มงูเขียวหรือว่าเป็นมกุฎราชกุมาร มีเพียงความตายที่รอคอยเท่านั้นหากกล้าทำร้ายสมาชิกครอบครัวของนักรบ!”

ความตั้งใจของเขาในการพาอันธพาลมาที่ลานบ้านร้างแห่งนี้ง่ายมาก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สร้างปัญหากับจวนเอ๋อร์และเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มงูเขียว ตอนนี้เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว  เอาเถอะ ไม่มีอะไรจะมาหยุดเขาจากสิ่งที่อยากทำยิ่งตั้งแต่สบตากันครั้งแรกแล้ว

ความกระหายเลือดของยวินหยางปลดปล่อยออกมาเต็มที่จนน่ากลัว ดาบที่ฟันออกไปอย่างรวดเร็วลากเส้นสีเงินสุกใสข้ามลานบ้าน

เลือดกระเซ็นทุกหนแห่ง ศีรษะของทั้งสี่คนตกลงพื้นดังตุบ

เสียงของยวินหยางแผ่วเบาและโหดเหี้ยมขณะกระซิบว่า

“ถ้าความโหดร้ายของโลกยังไม่สิ้นสุดลง จะไม่มีความปรานีภายใต้ดาบของข้า”

“พี่น้องในสงครามล้วนแบ่งความเป็นความตายในฐานะพวกพ้อง ในฐานะครอบครัว”

ฆ่าข้าเท่ากับฆ่าพ่อของข้า

ทำให้ข้าอับอายเท่ากับทำให้แม่ของข้าอับอาย

กฎหมายต่อกบฏต่อแผ่นดินจำกัด กฎหมายแพ่งหย่อนยาน

ดาบอยู่ในมือ เครือญาติอยู่ในใจ

“ฆ่าทันที อย่าได้ปรานี!”

“อย่าเสียใจที่กวัดแกว่งดาบ อย่ากระวนกระวายที่ได้ใช้ชีวิตนี้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด