ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2: เลือดสี่ฤดู [อ่านฟรี]

ตอนที่ 1: ชายผู้ถือดาบ บัญชาภราดรภาพ [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 1: ชายผู้ถือดาบ บัญชาภราดรภาพ

“ชายผู้ถือดาบ บัญชาภราดรภาพ!”

ยวินหยางพึมพำ ยกกุณโฑเพื่อฉลองแล้วดื่มสุราสีแดงเข้มดังอึ่ก สายตาเย็นชาและครุ่นคิด

เขานั่งเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน สวมชุดสีม่วง อยู่ใต้หลังคากล้วยไม้ของลานบ้าน สายตาคล้ายกับกำลังมองกันสาดของกล้วยไม้ ถึงอย่างนั้นด้วยความประหลาดใจ เขามองไกลออกไปราวกับกำลังจ้องมองอีกมิติ

หน้าตาของเขาราวรูปแกะสลักละเอียดอ่อน คิ้วโค้งสมบูรณ์ประดับดวงตาสีดำเข้มหนึ่งคู่ จมูกสลักตรงกับริมฝีปากราวกุหลาบตูม

ใบหน้าของเขาคือแผ่นหยกสมบูรณ์แบบ ผมสีดำขลับถูกมัดอย่างขอไปทีบนศีรษะกับผมปกหน้าที่ห้อยลงมาอย่างหละหลวม ขับทั้งสองด้านของใบหน้า ทุกสิ่งของเขาขับออกจากโลกอื่น เป็นสิ่งที่แต่งแต้มด้วยการผูกขาดอย่างเดียวดาย

ความงดงามของเขาเทียบเท่าสาวพรหมจรรย์

ถึงอย่างนั้น 99% ของผู้หญิงในโลกจะไม่มีหน้าตาละเอียดอ่อน

แต่การผสานกันขององค์ประกอบดังกล่าวทำให้เกิดความรู้สึกเย็นชาและห่างเหิน ราวกับเทพเหนือหมู่เมฆที่ไม่ใยดีต่ออารมณ์มนุษย์

ถึงแม้เขาจะค่อนไปทางผอม ใบหน้าซีดเกินไป แต่ส่วนเหล่านั้นกลับช่วยเสริมเสน่ห์ให้

ยวินหยางคล้ายกับกำลังกล่าวซ้ำไปมาอย่างยินดีว่า “ชายผู้ถือดาบ บัญชาภราดรภาพ!”

จากนั้นเขาดื่มอวยพรอีกครั้งราวกับกำลังเชื้อเชิญใครบางคนก่อนเทถ้วยลงไป

ความเศร้าโศกที่ยากจะเข้าใจระบายทั่วใบหน้า ความเจ็บปวดยิ่งฝังลึกอยู่ในดวงตา

ฉับพลัน สายตาของเขาพลันคมปลาบราวเศษแก้ว

สายตาทิ่มแทงก่อตัวขึ้นและหายไปในพริบตา แต่กล้วยไม้หลายดอกตรงหน้าสั่นไหวก่อนร่วงหล่น จากนั้นเหี่ยวเฉาก่อนจะได้สัมผัสพื้นดิน

สายตาของยวินหยางหมองหม่นเล็กน้อย สงสัยว่าอีกนานเท่าไหร่เขาจะสามารถฟื้นคืนรากฐานการฝึกฝนได้ เขามีหลายสิ่งมากเกินไปที่ต้องทำให้เสร็จ ถึงอย่างนั้นไม่มีรากฐานการฝึกฝนหลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว

ฝีเท้ามาจากด้านหลัง

“นายน้อย” ผู้อาวุโสยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยความเคารพ

ยวินหยางไม่หันศีรษะ เพียงถามว่า “มีอะไรหรือ เหล่าเหมย?”

ชายชรายืนตรงอยู่ด้านหลังนายน้อยด้วยความสำรวม ถึงแม้นายน้อยคนนี้จะยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บ รากฐานการฝึกฝนของเขาล้วนหายไปจนไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ศักดิ์ศรีและเกียรติอันน่าเกรงขามยังสามารถสัมผัสได้แม้จะอยู่ในสภาพอ่อนแอก็ตาม

มันคือความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับมาจากที่ใดไม่ทราบ แต่ตัวตนของมันเป็นรูปธรรม

“มีสองเรื่อง” เหล่าเหมยกล่าวสรุป “เรื่องแรก ทหารบุกเข้าไปในบ้านของประมุขฝ่ายตรวจการ อู๋เหวินเยียน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจการโดยไม่มีการแจ้งเตือน ข้ายังได้ยินมาว่าเป็นคำสั่งตรงจากจอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหัน ทุกคนในครอบครัวของอู๋เหวินเยียนถูกจับขณะที่ตัวอู๋เหวินเยียนเองถูกคุมตัว ตอนนี้ถูกคุมขังแล้ว”

ยวินหยางฟังโดยไม่กล่าวอะไร

มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นเพียงการล่มสลายของเจ้าหน้าที่ผู้มีอิทธิพลจากราชสำนัก นี่ไม่มีค่าต่อรายงานส่วนตัวของเหล่าเหมย เขาจึงรู้ว่ายังมีอย่างอื่นอีก

และเหล่าเหมยจะเปิดเผยรายละเอียดให้ทราบ

“พวกเราจับตาดูอู๋เหวินเยียนมาครึ่งปี ข้ารับใช้ผู้นี้มีการตระเตรียมเล็กน้อยระหว่างการบุกจนพบห้องลับภายในห้องลับของอู๋เหวินเยียน เมื่อเจ้าหน้าตรวจค้นเสร็จสิ้น ข้ารับใช้ผู้นี้เข้าไปเก็บกู้สิ่งที่อยู่ในห้องลับด้วยตัวเอง”

ยวินหยางไม่สงสัยแม้แต่น้อยเกี่ยวกับความจริงที่เหล่าเหมยสามารถเข้าพื้นที่ดังกล่าวได้ระหว่างทหารจับกุมเจ้าหน้าที่ราชสำนัก เข้าไปตามหาจนเก็บกู้สิ่งที่อยู่ในห้องลับปลอดภัยและแน่นหนามากที่สุด

เหล่าเหมยกล่าวต่อว่า “มีป้ายประกาศิต จี้หยก โอสถและยาเม็ดสัตว์ร้าย”

ยวินหยางขมวดคิ้ว

เหล่าเหมยกล่าวต่ออย่างรวดเร็วว่า “บนป้ายประกาศิตถูกเขียนไว้ว่า ‘ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีคือวสันต์’ ! บนจี้ ถูกเขียนไว้ว่า ‘วันที่สิบของเดือนแรก’ โอสถคือยาเม็ดฟื้นฟูจากหอยาเม็ดขณะที่ยาเม็ดสัตว์ร้ายคือยาเม็ดวิเศษที่สร้างจากสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่หก เหยี่ยวหัวเขียว”

“อืม… ตอนนี้อู๋เหวินเยียนถูกสงสัยว่าเป็น… พวกขายชาติ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในสงครามเก้าใหญ่ที่ผาเทียนเสวียน” เหล่าเหมยสรุป

ยวินหยางยังเงียบ แต่เหล่าเหมยมองเห็นอาการสั่นสะท้านชัดเจนเมื่อนายน้อยได้ยินคำว่า ‘ผาเทียนเสวียน’

เหล่าเหมยรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ลดลง ไอเย็นเยือกกำลังมาจากใจกลางแผ่ซ่านไปทั่วลานบ้าน กล้วยไม้ตกลงมาโดยปราศจากตัวตนของสายลม ก่อเกิดเป็นฝนกลีบบุปผา

ผ่านไปสักพัก ยวินหยางกล่าวว่า “นำตัวอู๋เหวินเยียนมา ข้าจะถามด้วยตัวเอง!”

ตอนนี้อู๋เหวินเยียนถูกขังในเรือนจำของกระทรวงยุติธรรม เขาจะเดินทางมาหาได้อย่างไร?

ถึงอย่างนั้นเหล่าเหมยสัญญาอย่างไม่ลังเลแล้วกล่าวต่อว่า “นายน้อย ข้าได้ยินมาว่าทหารวางแผนจะแสดงความเคารพต่อเก้าใหญ่ ด้วยการใช้ศีรษะของอู๋เหวินเยียนและคนทรยศ”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘เก้าใหญ่’ ยวินหยางซีดเผือด หัวใจเต้นราวกับถูกแทงด้วยกริช เขากล่าวว่า “ข้ามีวิธี”

เหล่าเหมยตอบว่า “ขอรับ”

“เรื่องที่สองล่ะ?” จากนั้นยวินหยางถาม

“คือว่า… พวกเราไม่เหลือเงินแล้ว” เหล่าเหมยกล่าวอย่างลำบากใจ “พวกเรายังเหลือหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน แต่จากการประเมินของข้าบอกว่าสามารถใช้ได้จนถึงคืนพรุ่งนี้”

ยวินหยางพยักหน้า กล่าวว่า “ข้าเข้าใจ”

“มื้อเที่ยงพร้อมแล้ว”

“เข้าใจแล้ว”

จากนั้นเหล่าเหมยจากไป

เศษเสี้ยวความมุ่งร้ายปรากฏบนสีหน้าของยวินหยาง “ปี! ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีคือวสันต์! วันที่สิบของเดือนแรก… ในที่สุดพวกเจ้าก็ออกมางั้นหรือ?”

รอยยิ้มเจื่อนปรากฏขึ้น

มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ใครก็ตามที่เห็นหวาดกลัว รอยยิ้มเจื่อนนั่นดูชั่วร้ายและโหดเหี้ยม ราวกับมีจิตวิญญาณไม่ไปผุดไปเกิดสิงสถิตอยู่!

โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ร้ายวิเศษ พวกมันส่งกลิ่นหอมมากเกินไปทั่วบริเวณ

มีเนื้ออย่างต่ำ 40 ถึง 50 จิน

ยวินหยางถอนหายใจแล้วเริ่มกิน

เหล่าเหมยเบือนศีรษะหนีพร้อมไอ

นี่คือช่วงเวลาประจำวันที่เขาไม่เต็มใจดูมากที่สุด นายน้อยผู้มักสง่างามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด จัดการเนื้อจำนวนมากเพียงคนเดียว!

ถึงแม้มารยาททานอาหารของเขาจะไร้ที่ติ แต่ยังมี… เนื้ออย่างต่ำ 50 จิน!

ความอยากอาหารต้องมากขนาดนี้ถึงจะกินพวกมันหมดได้?

ความอยากอาหารของนายน้อยเพิ่มขึ้นมหาศาลตั้งแต่กลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บเมื่อหนึ่งปีก่อน

ทุกมื้อของเขาต้องเสิร์ฟด้วยเนื้อของสัตว์ร้ายวิเศษอย่างต่ำหลายสิบจิน เนื้อที่เสิร์ฟแต่ละครั้งจะมีมูลค่า 8 พันตำลึงเงิน

นี่คือสิ่งที่ไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายมหาศาลส่วนอื่น

เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยของเขากันแน่?

เมื่อเขาหมกมุ่นกับความคิด นายน้อยกล่าวว่า “ส่งคำเชิญหาหม่า หลิว จาง ฉินและหลิง ข้าจะจัดงานเลี้ยงคืนนี้ที่ภัตตาคารเมฆาขาว”

มุมปากของเหล่าเหมยสั่นก่อนกล่าวว่า “ขอรับ”

ไม่ช้า ยวินหยางกินเนื้อชิ้นสุดท้ายก่อนกลืนยาเม็ดฟื้นฟูจากหอยาเม็ดอย่างง่ายดาย จากนั้นโยนยาเม็ดวิเศษที่สร้างจากสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เจ็ดเข้าปากด้วยเช่นกัน

มูลค่าจากของสองชิ้นสุดท้ายเพียงอย่างเดียวก็แทบประเมินราคาไม่ได้แล้ว

“ใกล้อิ่มแล้ว” ยวินหยางกล่าว

มุมปากของเหล่าเหมยสั่นเล็กน้อยก่อนจะรุนแรงขึ้น

การเชื้อเชิญทำให้เกิดเสียงโอดครวญอันกราดเกรี้ยวในลานบ้านของนายน้อยทั้งเจ็ดคน!

“ข้าไม่เข้าร่วม!”

“ข้าไม่มีเงิน!”

“ไม่ว่าใครหน้าไหนก็สารเลวทั้งนั้น!”

“เจ้าคนสารเลว งานเลี้ยงอีกแล้วหรือ? โอพระเจ้า… เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

“โอพระเจ้า โอปฐพี โปรดฆ่าเขาด้วยสายฟ้าฟาดทีเถอะ… ผีดูดเลือดตนนี้… เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงทันทีที่ข้ามีเงิน…”

“ท่านพ่อ ขอเงินข้าหน่อย ยวินหยางเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอีกแล้ว…”

“…บัดซบ”

ยวินหยางเดินไปตามทางขณะราตรีมาเยือน

เหล่าเหมยตามติด ฝีเท้าระแวดระวัง

ชุดคลุมยาวของยวินหยางราวกับเปลี่ยนสีภายใต้ลำแสงสายัณห์ ความเย็นเยือกและความเหินห่างในสีดำกับร่องรอยของสีน้ำเงินลึกลับยามที่เดิน ถึงอย่างนั้นคล้ายกับมีแสงริบหรี่ของสีม่วงงดงามเช่นกัน

การเดินทอดน่องบนถนนของเขาสง่างาม ถึงอย่างนั้นเป็นไปอย่างสบาย ๆ

ก้าวของเขาเชื่องช้าขณะบาดแผลภายในที่เกิดจากไฟไหม้กระจายความเจ็บปวดออกในทุกก้าวที่เดิน แต่ริมฝีปากยังคงระบายรอยยิ้ม

ราวกับว่าความเจ็บปวดจากแผลไฟไห้มนี้ทำให้เขาจดจำบางสิ่งได้ ทำให้เขาประทับมันไว้ในใจ ทำแบบนั้นจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมา เหล่าเหมยผู้อยู่ด้านหลังมองเขา รู้สึกได้ว่านายน้อยอยู่คนละโลก

ภัตตาคารเมฆาขาวคือภัตตาคารหรูหราที่สุดในเมืองหลวงของจักรวรรดิยวี่ถัง เมืองเทียนถัง

คนงานของภัตตาคารประหลาดใจ

นายน้อยเจ็ดคนผู้สวมชุดหรูหราอยู่ในโถง พวกเขาทุกคนคือลูกค้าประจำของภัตตาคารเมฆาขาว ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่พวกเขามาโดยปราศจากความยินดีและความภาคภูมิใจ แต่รอบนี้…

นายน้อยเจ็ดคนผู้มีสีหน้าหยิ่งทะนงเหมือนกัน ถอนหายใจขณะสาปแช่ง ความไม่ยินดีปกคลุมบรรยากาศ…

เกิดอะไรขึ้น?

เมื่อคนงานกำลังสงสัย เงาร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูแล้ว

ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อแสงตะเกียงฉายไปที่ใบหน้าของคนคนนั้น

มีเพียงใบหน้าครึ่งส่วนที่ต้องแสงสว่าง ถึงอย่างนั้นก็มากพอที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่นี่

บริกรหญิงบางส่วนก้มศีรษะอย่างเหนียมอาย ดวงตาเปล่งประกลาย หัวใจเต้นแรง แก้มเป็นสีชมพูกุหลาบ

นายน้อยคนนี้… หล่อจริง ๆ ! ถ้าหากข้าสามารถ…

ร่างที่อยู่ตรงประตูนวยนาดเข้ามา ชุดคลุมยาวของเขาชวนขับความสง่างามและลึกลับ สีม่วงเข้มและสีน้ำเงินสับเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา

“ฮ่าฮ่า สหายแสนดีทุกท่านมาแล้ว” ยวินหยางยิ้ม “เชิญ เชิญเข้ามา พวกเราไม่ได้พบกันตั้งนาน ครั้งนี้ต้องดื่มให้หนักเสียหน่อย”

จากนั้นหนึ่งในนายน้อยกล่าวลอดไรฟันว่า “นายน้อยยวิน ไม่จำเป็นต้องดื่มหรอก เข้าเรื่องเลยดีกว่า ครั้งนี้เจ้าต้องการเท่าไหร่?”

ยวินหยางยิ้มขณะเอียงศีรษะ ตอบด้วยท่าทางเป็นมิตรว่า “ทำไมล่ะ นายน้อยหม่า เจ้าไม่ให้เกียรติหรือแม้แต่ความกรุณากับข้าแล้วหรือ? สักจิบหนึ่งก็ไม่ได้งั้นหรือ?”

นายน้อยหม่าซีดเผือด รีบปกป้องตัวเองอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ ไม่ใช่เลย ใครจะกล้าเฉยเมยต่อนายน้อยยวิน? ฮ่าฮ่า…”

ขณะพูด เขายังคงส่งสัญญาณให้คนอื่นทางสายตา

“ใช่ ใช่ ชื่อเสียงของนายน้อยยวินสูงส่งกว่าท้องนภา ดื่ม พวกเราต้องดื่ม” นายน้อยบางส่วนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นฝืนยิ้มพร้อมกับหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขันออกมา

ยวินหยางยิ้มอ่อนโยน “ถ้าเช่นนั้น เชิญ”

“เจ้าก่อนเลย!”

“เชิญ!”

นายน้อยตอบรับด้วยท่าทางกระตือรือร้นเช่นกัน พวกเขาเดินขึ้นบันไดพร้อมเพรียง แต่เมื่อหันกลับไป ใบหน้าของทุกคนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา…

พระเจ้า ดื่มในเวลาแบบนี้งั้นหรือ? คราวที่แล้วไม่เรียกว่างานเลี้ยงที่น่ายินดีได้เลย…

พวกเขาสงสัยว่ากุณโฑสุรานี้จะมีราคาเท่าไหร่…

ทุกคนนั่งประจำตำแหน่ง เหล่าเหมยยืนอยู่ข้างยวินหยาง ใบหน้ามองตรงไม่ขยับ

“เมื่อนานมาแล้ว มีกระต่ายตัวหนึ่ง ตอนนั้น มันเมาจนถึงกับโจมตีหมี…” ยวินหยาง เล่าเรื่องตลกด้วยน้ำเสียงต่ำ เรื่องตลกไม่แม้แต่จะน่าหัวเราะสักนิด แต่นายน้อยทั้งเจ็ดคนแผดเสียงหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลกที่น่าขันที่สุดในโลก

“นายน้อยยวิน นี่เป็นเรื่องตลกที่ดีที่สุดไปเลย… ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะมีชีวิตอยู่เพราะเรื่องตลกนี้ไปอีกครึ่งปี…”

“อา ตลกเป็นบ้าเลย ปวดท้องแล้ว…”

ยวินหยางพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ “ดูเหมือนทุกท่านจะต้อนรับข้าใช่หรือไม่?”

“แน่นอน!” นายน้อยจางพูดอย่างรวดเร็ว “ถ้ามีใครไม่ต้อนรับนายน้อยยวิน คนนั้นมันต้อง… ไม่มีไหวพริบแล้ว!”

นายน้อยคนอื่นทั้งหมดพยักหน้าราวกับไก่จิก “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใครก็ตามที่ไม่ต้อนรับนายน้อยยวินย่อมเป็นพวกสารเลว”

ดวงตาพวกเขาสบกัน ทุกคนคิดว่า “บัดซบ พวกเจ้าทั้งหกคนสารเลวกันหมด! ข้าก็ด้วย… ใครก็ตามที่ต้อนรับคนคนนี้… คนคนนั้นแหละคือพวกสารเลว!”

สุราและอาหารเย็นถูกยกมาเสิร์ฟแล้ว

ยวินหยางไอแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพี่น้องทุกคนอยู่ที่นี่ ยวินหยางมีบางสิ่งที่จะพูด แต่ออกจะน่าอายเช่นกัน…”

นายน้อยหม่าพูด ใกล้จะหลั่งน้ำตาออกมา “นายน้อยยวิน เชิญพูดมาได้เลย”

“ได้ ในเมื่อทุกท่านต้อนรับมากขนาดนี้ เช่นนั้นข้าขอพูดตามตรงก็แล้วกัน” ยวินหยางหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ช่วงนี้ข้าขัดสนตำลึงเงิน ดังนั้นข้าอยาก… หาทางออกจากเรื่องนี้ เป็นไปได้ก็อยากความช่วยเหลือจากทุกท่าน”

สีหน้าของนายน้อยทั้งเจ็ดคนพลันขมขื่น “นายน้อยยวินต้องการเท่าไหร่หรือ?”

ยวินหยางมองจานบนโต๊ะแล้วอุทานออกมา “อาหารวันนี้ไม่ถูกเลย…”

ก่อนกล่าวจบ นายน้อยฉินขัดเขาก่อนแล้ว “แค่อาหารมื้อเดียวเอง จะปล่อยให้นายน้อยยวินมาเลี้ยงพวกเราได้อย่างไร? ให้เกียรติข้าเถอะ!”

ยวินหยางพยักหน้า “นายน้อยฉินนับว่าใจกว้าง หากไม่รับไว้คงเป็นการเสียมารยาท”

ใบหน้าของนายน้อยฉินบูดบึ้ง “โอ้ อย่าคิดมากเลย พวกเราล้วนเป็นพี่น้องกัน”

“อืม ข้าเล่าเรื่องตลกก่อนอาหารถูกยกมา ทุกท่านรู้สึกว่าค่าของความยินดีคงอยู่ได้นานหนึ่งปี” ยวินหยางกล่าว “ครั้งนี้ข้าต้องการไม่มาก 7 ล้านตำลึงเงิน ข้าคิดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเรื่องตลกใหม่จะมา…”

นายน้อยทั้งเจ็ดคนมีใบหน้าซีดเผือด

7 ล้านตำลึงหรือ? 1 ล้านตำลึงต่อคนหรือ?

เรื่องตลกแบบไหนถึงมีค่าเทียบเท่าตำลึงเงินมากขนาดนี้?

นายน้อยหม่ากล่าวพลางขมวดคิ้ว “นายน้อยยวิน ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้านะ แต่ช่วงนี้… ธุรกิจครอบครัวไม่ค่อยดีนัก แต่ละกลุ่มประสบกับความสูญเสีย…”

ก่อนจะทันกล่าวจบ ยวินหยางยิ้มให้เขา “2 ล้านตำลึงเงินจากเจ้าก็แล้วกัน”

“ข้า…” นายน้อยหม่ามีสีหน้าแข็งทื่อ “นี่…”

“2 ล้านตำลึงน้อยเกินไปหรือ?” ยวินหยางกล่าวต่อ “งั้น 3…”

“ไม่เลย ไม่เลย…” นายน้อยหม่าขัดเขาทันที “2 ล้านตำลึงก็พอ นายน้อยยวิน มาฉลองกันเถอะ”

เขาจิบสุราขณะยกกุณโฑขึ้น สุราส่งรสขมเข้าปาก

เขารู้สึกถึงความโง่เขลา 1 ล้านตำลึงก็ดีอยู่แล้ว ทำไมถึงพูดมากอีก?

หกคนที่เหลือมองเขาอย่างเห็นใจ แต่ลึก ๆ กลับดีใจยิ่ง

บัดซบ! พูดมากกว่านี้ไม่ได้หรือไง?

“นายน้อยหม่าเป็นสหายคนหนึ่งที่ข้าชอบ ทั้งตรงไปตรงมาและมีเกียรติ!” ยวินหยางกล่าวชม “ใครจะคิดล่ะว่าสหายแบบนั้นจะให้มากขนาดนี้?”

นายน้อยหม่าดูเหมือนกับเพิ่งกลืนอุจจาระลงไป ขณะที่หกคนที่เหลือมีสีหน้าเพลิดเพลิน

“เช่นนั้น พี่น้อง 6 คนที่เหลือของข้า ไม่คิดว่า 1 ล้านตำลึงมันน้อยเกินไปหน่อยหรือ?” ยวินหยางถามพลางหัวเราะ

“ไม่น้อยเลย ไม่น้อยเลยแม้แต่น้อย” พวกเขากล่าวอย่างฉุนเฉียว

เรื่องตลกวันนี้แพงเหลือเกิน

พวกเขารู้ว่าต้องจ่ายด้วยแขนและขาเพื่อเข้าร่วมในครั้งนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะโหดเหี้ยมกว่าครั้งที่ผ่านมา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด