ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0567 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0569 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0568 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 568 : เผชิญอัคคี

พอได้เห็นเรื่องราว ฉู่ปินอวี้เร่งรีบเข้ามาพร้อมตะโกน “นี่พวกเจ้าจงใจมาหาเรื่องหรือไร?”

อัคคีเพลิงของสระเซียนอัคคี ยามปกติเรียกได้ว่าเป็นไปอย่างสงบ ผู้คนสามารถเสริมพลังใส่เข้าไปได้ และเมื่อนั้น จะทำให้อัคคีเพลิงของสระเซียนอัคคียิ่งร้อนแรง

บุตรหลานตระกูลใหญ่เหล่านี้กว่าสิบคน ร่วมใจกันใส่พลังเข้าไปพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็นการเสริมอัคคีเพลิงของสระเซียนอัคคีให้มากขึ้น

เดิม สระเซียนอัคคีมีเปลวเพลิงที่ไม่เรียกว่าชวนหวาดกลัวจนเกินไปนัก การรับความร้อนจากมันเรียกได้ว่ายังพอทนได้

แต่หากเพิ่มพลังแก่มันขึ้นอย่างกะทันหัน เรื่องราวจะกลายเป็นยากลำบากแล้ว

“ไม่เห็นหรือว่าพวกเรากำลังคิดใช้อัคคีเพลิงของสระเซียนอัคคีทำงาน?”

“มีกฎว่าพวกเราห้ามใช้สระเซียนอัคคีหรือไร?”

“นั่นก็แค่บุคคลที่ถูกลงโทษหรือไม่ใช่? หากด้วยสาเหตุนี้ ทำให้พวกเราไม่อาจใช้งานสระเซียนอัคคี นี่ออกจะเป็นเรื่องไร้เหตุผลจนเกินไปแล้ว!”

ฉู่ปินอวี้ที่ได้ยินคำกล่าวของบรรดาศิษย์ตรงหน้า ใบหน้าของเขาเผยความกราดเกรี้ยวออก

“แล้วพวกเจ้าต้องการทำอะไร?” เขากำหมัดเอาไว้แน่น คิดอยากตบใบหน้าบรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่เหล่านี้เป็นการสั่งสอนสักคราหนึ่ง

“ย่อมเป็นการหลอมอาวุธ!” ชายหนุ่มเผยเสียงหัวเราะดัง พร้อมนำเอาอาวุธของตนใส่เข้าไปในสระเซียนอัคคี

“ฉู่ปินอวี้ ด้วยฐานะเพียงแค่แขกอาวุโส อย่าได้ก้าวล้ำเขตแดน!” ชายในชุดแดงแสยะยิ้ม “เจ้าเพียงแต่รับชมแล้วค่อยเก็บร่างฉินหยุนมันกลับไป เลิกกล่าววาจาไร้สาระได้แล้ว!”

แขกอาวุโสไม่มีสถานะใด กระนั้นพวกเขาก็มีอิสระ

อย่างไรแล้ว ฉู่ปินอวี้ก็กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งยิ่ง

“จงหยุดเดี๋ยวนี้!” ฉู่ปินอวี้เผยเสียงเย็นเยือก

“ว่าอะไร? แค่กล่าวพวกเราก็ต้องทำตามหรือ? หากทำได้ เช่นนั้นจงหยุดพวกเราดู!” ชายหนุ่มเผยเสียงแค่นเหยียดดังออก

ฉู่ปินอวี้โบกมือไหววูบ เกิดเป็นคลื่นอากาศรุนแรง ลอยลิ่วเข้าหากลุ่มศิษย์ตระกูลใหญ่นับสิบคน

ชั่วขณะนี้ สระเซียนอัคคีกลับกลายเป็นอ่อนแรงลงวูบใหญ่

บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่เผยความเกรี้ยวกราด

ฉู่ปินอวี้เพียงจัดการอย่างเบามือ หาได้ทำให้ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

ภายในนครเซียนยุทธภัณฑ์ หากพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ฉู่ปินอวี้จะถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้อาวุโสของฝ่ายตระกูลใหญ่

เพียงไม่นาน ผู้เฒ่าชราหลายคนได้มาถึง

เหล่านี้เป็นบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลใหญ่ รวมถึงผู้อาวุโสของสำนักนอก กล่าวได้ว่าเป็นขั้วอำนาจหนึ่งที่ยิ่งใหญ่

เพียงไม่นาน กลุ่มศิษย์เยาว์วัยกว่าสิบคน จึงเข้ามาเสริมทัพแก่บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่

“ยั้งมือ!” ผู้อาวุโสชุดสีน้ำเงินจากฝ่ายตระกูลใหญ่เผยเสียงเย็น

แม้พละกำลังของผู้อาวุโสเหล่านี้ไม่ยอดเยี่ยมเท่าฉู่ปินอวี้ กระนั้นพวกเขาหาได้หวาดเกรงใดไม่

“ผู้อาวุโสฉู่ เรื่องนี้อย่าได้ก้าวก่ายแล้ว ศิษย์ของพวกเราจำเป็นต้องใช้สระเซียนอัคคี!” ผู้อาวุโสชุดสีน้ำเงิน เผยสายตาจับจ้องที่ฉู่ปินอวี้ พร้อมน้ำเสียงอัดแน่นด้วยความคุกคาม

“เหตุใดพวกเจ้ายังคิดทำเช่นนี้? ลงทัณฑ์ฉินหยุนเจ็ดวันยังไม่พออีกหรือไร?” ฉู่ปินอวี้เผยร่องรอยความเกรี้ยวกราด

บรรดาผู้อาวุโสจากฝ่ายตระกูลใหญ่หาได้ตอบคำ

ณ ตอนนี้ ศิษย์ตระกูลใหญ่กว่าสามสิบคน กำลังร่วมกันใส่พลังงานเข้าสู่สระเซียนอัคคี เพื่อเท่าทวีความร้อนแรงของอัคคีเพลิง

อัคคีเพลิงเผาไหม้รวดเร็ว ความสูงเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย มันแทบสัมผัสถึงหัวไหล่ของฉินหยุนแล้ว และร่างกายส่วนล่าง เวลานี้มันถูกปกคลุมด้วยอัคคีเพลิงจนสิ้น

เปลวเพลิงนี้กล่าวได้ว่าทรงอำนาจ และฉินหยุนได้รับรู้ถึงความร้อนแรงของมันอย่างแท้จริง

เขาได้แต่โคจรพลังทั้งกาย เข้าคุ้มกันตนเองจากการถูกอัคคีเพลิงเผาไหม้

ฉู่ปินอวี้มองที่ฉินหยุนซึ่งถูกแขวนเอาไว้ด้านบน เขาทั้งร้อนใจและมีโทสะ คิดอยากบินขึ้นไปยับยั้งเรื่องราวนี้โดยเร็ว

“หากเจ้าช่วยฉินหยุน เท่ากับมันไม่สำเร็จการถูกลงทัณฑ์ และจะไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์” ผู้อาวุโสชุดสีน้ำเงินเผยเสียงเย็นเยือก

ฉู่ปินอวี้ทราบเจตนาคนเหล่านี้ พวกเขาไม่คิดต้องการให้ฉินหยุนเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์

ฉินหยุนผู้ซึ่งถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ สุดท้ายแล้วไม่อาจทนได้ไหวจนต้องครวญครางออก

“ฉินหยุน เป็นอย่างไรบ้างแล้ว? หากไม่คิดเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ พวกเรายังมีโอกาสหน้า!” ฉู่ปินอวี้มองฉินหยุนที่เจ็บปวดพร้อมเร่งร้อนถาม

“ข้ายังทนได้!” ฉินหยุนกัดฟันแน่น “ข้าไม่คิดให้แผนการของตัวสารเลวเหล่านี้ได้สำเร็จ!”

ฉู่ปินอวี้เผยความนับถือออกจากใจพร้อมพยักหน้า “ดี! อย่างนั้นก็ดำเนินต่อไป!”

บรรดาศิษย์ที่นี่ต่างสบถสาปแช่งกลุ่มศิษย์จากตระกูลใหญ่อยู่ภายใน พวกเขาจำได้แต่ต้องรับชมฉินหยุนถูกทัณฑ์ทรมาน

พวกเขาล้วนเห็นว่าฉินหยุนแข็งแกร่งเพียงใด ทั้งยังมีจิตใจไม่ยอมแพ้ยิ่งกว่าผู้ใด พวกเขาประทับใจฝังแน่น รวมถึงนับถือต่ออีกฝ่าย

ภายใต้การเผาไหม้ร้อนแรง ฉินหยุนยังอดทนได้ พละกำลังนี้กล่าวได้ว่าชวนตื่นตะลึงแล้ว

บรรดาผู้อาวุโสจากขั้วอำนาจตระกูลใหญ่ ต่างคิดว่าฉินหยุนสวมใส่ชุดเกราะ กระนั้นต่างได้เห็นว่าเสื้อผ้าส่วนบนของร่างกายฉินหยุน ขณะนี้พวกมันเป็นเถ้าถ่านหมดสิ้นแล้ว

ทั้งร่างของเขากำลังถูกปกคลุมในอัคคีเพลิง!

ถึงตอนนี้ พวกเขาค่อยพบ ว่าฉินหยุนมีชั้นสีดำอะไรบางอย่างที่ร่างกาย

“อัคคีเพลิงสีดำ!”

“วิญญาณยุทธ์อัคคีสีดำ?”

“เป็นไปได้! อัคคีเพลิงสีดำแกร่งกล้า มันสามารถต้านทานการเผาไหม้ที่ร้อนแรงได้!”

ผู้คนพอได้เห็น พวกเขาต่างทึ่ง

อัคคีเพลิงสีดำที่ฉินหยุนปลดปล่อยออก มันเปรียบดังแพรไหมปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้

สิ่งนี้คืออัคคีเพลิงตะวันทมิฬซึ่งแกร่งกล้าที่สุด ซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาโดยวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬผ่านอักขระเต๋าแห่งชีวิตทั้งเก้า โดยมีหลิงหยุนเอ๋อเป็นผู้ควบคุม

ฉู่ปินอวี้ยิ่งตื่นตระหนก “ฉินหยุน เจ้าจะได้กลายเป็นศิษย์นอกสำนักในไม่ช้าแล้ว ด้วยพละกำลังของเจ้า ย่อมต้องได้รับทรัพยากรอันมหาศาล! คิดก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณอยู่ห่างเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น!”

บรรดาผู้อาวุโสจากฝ่ายตระกูลใหญ่พอได้ยิน สีหน้าพวกเขาแปรเปลี่ยนพร้อมเร่งรีบเข้าไป ร่วมกันผสานพลังเข้าสู่สระเซียนอัคคี

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

ราชันยุทธ์หลายคนร่วมด้วยช่วยกันใส่พลัง อัคคีเพลิงของสระเซียนอัคคียิ่งร้อนแรง ขณะนี้มันสูงขึ้นเกินกว่าสิบเมตรแล้ว!

ณ เวลานี้ ร่างของฉินหยุนไม่อาจมีผู้ใดพบเห็นได้อีก!

“พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ!” ฉินหยุนคำรามตะโกนดัง “จ้าวสำนัก ตาเฒ่าพวกนี้มาจากที่ใด?”

“ตระกูลหยาง ตระกูลหลง และตระกูลเทียน!” ฉู่ปินอวี้ได้เห็นอัคคีเพลิงแรงกล้า อดไม่ได้ที่จะเผยความกังวล “ฉินหยุน คิดถอนตัวที่ตรงนี้หรือไม่?”

บรรดาศิษย์ผู้อื่นต่างรู้สึกเสียใจ พวกเขาทราบว่าฝ่ายตระกูลใหญ่คิดอยากหยุดยั้งฉินหยุน เพื่อไม่ให้มีโอกาสได้เข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์

“จ้าวสำนัก ช่วยข้าติดต่อหาผู้อาวุโสฮูจิงเซียนแห่งเกาะจันทราปีศาจ ข้าจะให้นางประกาศรางวัลค่าหัว!”

“ข้าคิดใช้โทเทมวานรทองคำ แก่หัวของผู้นำทั้งสามตระกูลในแคว้นมหาดวงดาว!”

เสียงกราดเกรี้ยวของฉินหยุนกำลังทำทะเลเพลิงสั่นไหว

ความร้อนที่ลานกว้างร้อนแรง กระนั้นผู้คนกลับสูดลมหายใจเย็นเยือก

ฉินหยุนคิดใช้โทเทมวานรทองคำ เพื่อเป็นค่าหัวแก่ผู้นำของทั้งสามตระกูลอย่างแท้จริงแล้ว

ต้องทราบว่าความต้องการต่อโทเทมสูงล้ำ โดยเฉพาะกับบรรดาอาจารย์จารึกที่แข็งแกร่ง

กระทั่งเป็นอาจารย์จารึกเต๋าระดับสูง พวกเขาก็ยังต้องการอักขระโทเทม

และโทเทมวานรทองคำ มันกล่าวได้ว่าดีเยี่ยม

ย่อมต้องมีอาจารย์จารึกเต๋าหลายต่อหลายคนต้องการครอบครองมัน!

บรรดาศิษย์และผู้อาวุโสของฝ่ายตระกูลใหญ่ พวกเขาสีหน้าแปรเปลี่ยน

“ฉินหยุน เจ้าวางใจ ข้าจะช่วยเจ้าติดต่อผู้อาวุโสจิ้งจอกให้!” ฉู่ปินอวี้คิดอยากให้ฉินหยุนยอมปล่อยวางการถูกลงทัณฑ์ที่ตรงหน้า และปล่อยเรื่องการเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ให้ยืดขยายออกไปก่อน

กระนั้น ฉินหยุนดื้อรั้นอย่างยิ่ง ฝ่ายตระกูลใหญ่ไม่คิดต้องการให้เขาเข้าร่วมเพียงใด เขายิ่งคิดอยากเข้าร่วมเพียงนั้น

“ฉินหยุน ดูเหมือนเจ้าควรต้องยอมปล่อยวางเรื่องเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว! เจ้าหาได้คู่ควรเข้าร่วมแก่พวกเราไม่!” ศิษย์ตระกูลใหญ่ตะโกนดัง

“เจ้าเป็นศัตรูของตระกูลหลงเรา พวกเราย่อมไม่ให้เจ้าได้เข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์!”

“คนของตระกูลหยางเราถูกเจ้าสังหารไปไม่น้อย เมื่อใดเจ้าเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ เมื่อนั้นต้องก่อเรื่องเลวร้ายต่อพวกเราแน่แล้ว!”

“ฉินหยุน เจ้าต้องถูกเผาไหม้เป็นเวลาเจ็ดวัน กระทั่งว่าไม่ตาย ก็ยังต้องบาดเจ็บสาหัส อย่าได้คิดว่าการรักษาจะง่ายดาย!”

บรรดาผู้คนของฝ่ายตระกูลใหญ่เริ่มข่มขู่ฉินหยุน ต้องการให้เขายอมละทิ้งการเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์

“พวกเจ้าล้วนเลิกกล่าววาจาไร้สาระ!” ฉินหยุนคำรามเกรี้ยวกราดตอบโต้ “จ้าวสำนัก ช่วยข้าเรียงนามตาเฒ่าเหล่านี้ด้วย!”

เรียงนามพวกเขาเหล่านี้ หมายความถึงต้องการล่าค่าหัวพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด!

หากเขาใช้โทเทมวานรทองคำเป็นรางวัล เช่นนั้นก็อันตรายยิ่งแล้ว

เรื่องนี้ทำเอาบรรดาผู้อาวุโสถอนพลังตนเองกลับ หากพวกเขายังฝืนลงมือต่อ ฉินหยุนจะตอบโต้พวกเขาอย่างแสนสาหัส

หากเรื่องราวบานปลาย หลายคนจะเข้ามาล่าสังหารพวกเขาที่ง่ายดายกว่า พวกเขาจะยิ่งเผชิญชีวิตที่ยากลำบาก

อัคคีเพลิงพลันอ่อนกำลังลงมหาศาล

ร่างกายท่อนบนของฉินหยุนค่อยมองเห็นได้อีกครั้ง กระนั้นอัคคีเพลิงก็ยังคงร้อนแรง

มีแต่บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ที่ยังคงส่งถ่ายพลังเข้าใส่ เพิ่มความร้อนแรงของอัคคีเพลิงต่อเนื่อง

ถึงตอนนี้ เด็กสาวงดงามผู้หนึ่งพลันปรากฏ ในมือของนางถือขวดเอาไว้ขณะเร่งรีบเดินเข้ามา

เมื่อได้เห็นเด็กสาวใกล้เข้ามา บรรดาชายหนุ่มหลายคนกลายเป็นเกิดความตื่นเต้น

“นั่นไม่ใช่เหลียวจิงเหมิงหรอกหรือ?”

“นางมาทำอะไรที่นี่กัน?”

“ทั้งงดงามและน่ารักยิ่งนัก คิดอยากสัมผัสใบหน้าของนางเสียจริง!”

“นางเปรียบดังเซียนผู้งดงาม ทั้งยังเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ รวมถึงเป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำ! เป็นนางที่เหนือล้ำยิ่งกว่าผู้ใด!”

เมื่อได้เห็นเหลียวจิงเหมิงเข้ามาใกล้ ผู้คนต่างใจระส่ำ

บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่ต่างเผยรอยยิ้ม รับชมเหลียวจิงเหมิงที่เดินเข้ามาใกล้

“น้องสาว เหตุใดจึงขมวดคิ้ว? เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ให้พี่ชายผู้นี้ช่วยดีหรือไม่!”

“บอกออกมาได้เลย ข้ายินดีช่วย!”

“น้องสาว อย่าได้ทุกข์ใจไป มีเรื่องอันใดล้วนบอกกล่าว!”

บุตรหลานตระกูลใหญ่เหล่านี้ล้วนทราบ ว่าเหลียวจิงเหมิงทั้งบริสุทธิ์และใสซื่อ พวกเขาต่างเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าวคำเรียกร้องความสนใจจากนางไม่ขาด

พวกเขาล้วนต้องการจับกุมหัวใจเหลียวจิงเหมิงเอาไว้ เพราะตราบเท่าที่ได้รับเด็กสาวผู้งดงามมากล้นพรสวรรค์ผู้นี้ พวกเขาจะเสพสุขกับนางได้ไม่รู้จบ

“จริงหรือ? ช่วยข้าได้จริงนะ?” เหลียวจิงเหมิงกอดขวดเอาไว้พร้อมเผยยิ้มเร่งรีบกล่าวถาม

“ทุกสิ่งอย่างล้วนบอกมาได้ ให้พวกเราช่วยทำอะไรดี?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

“อัคคีเพลิงนี้รุนแรงเกินไป ช่วยทำให้มันเบาลงได้หรือไม่?” เหลียวจิงเหมิงชี้ไปที่สระเซียนอัคคี ด้วยคิ้วขมวดมุ่น นางเอ่ยถามเสียงเบา

บรรดาศิษย์ตระกูลใหญ่กลับกลายเป็นแข็งทื่อ

เหลียวจิงเหมิงปรากฏตัวที่นี่ แท้จริงก็เพื่อช่วยฉินหยุน

“นี่... พวกเรากำลังหลอมอาวุธ นับเป็นงานสำคัญ พวกเราคงไม่อาจช่วย!” ชายหนุ่มหันมองหน้าผู้อาวุโสตนเอง พลันต้องเร่งรีบกล่าวคำบ่ายเบี่ยง

บรรดาศิษย์ตระกูลอื่นล้วนไม่อาจหยุด เพราะการหยุดยั้งไม่ให้ฉินหยุนเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า

เหลียวจิงเหมิงแค่นเสียงเผยความกราดเกรี้ยว “กลุ่มคนลวงโลก! เห็นได้ชัดว่าช่วยเหลือข้าได้แต่กลับไม่คิดทำ! หากไม่หลอมอาวุธตอนนี้ หลอมภายหน้าไม่ได้หรือไรกัน?”

เป็นนางไม่ทราบ ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เล็งเป้าไปที่ฉินหยุน หาได้ใช่การคิดมาหลอมอุปกรณ์ที่ตรงนี้แต่อย่างใด

“พวกเจ้าล้วนโกหก ข้าไม่คิดพูดคุยด้วยอีก!” เหลียวจิงเหมิงแค่นเสียง นางทะยานร่างเบาบางขึ้นสู่สระเซียนอัคคี

เหลียวจิงเหมิงขึ้นไปที่บนนั้น พร้อมเข้าถึงข้างกายฉินหยุน!

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด