ตอนที่แล้วบทที่ 142 - นักสำรวจคนที่สาม (6)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 144 - สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (2)

บทที่ 143 - สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (1)


บทที่ 143 - สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (1)

อย่างแรกตอนแรกฉันได้ใช้ทักษะต่อสู้ในบียอนมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าทักษะได้เพิ่มประสบการณ์เป็นสองเท่า ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะว่ามีบอสประจำชั้นเป็นจำนวนมากหรือว่ามันเป็นลักษณะพิเศษของบียอนกันแน่ แต่ว่าเมื่อนำไปเทียบกับการที่ฉันใช้ทักษะในที่อื่นๆแล้วมันขึ้นสูงกว่ามาก ตัวอย่างเช่นทักษะชำนาญหน้าไม้ของฉันที่ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นและเมื่อถึงตอนที่ฉันได้เคลียร์ชั้นที่สองของบียอนมันก็ได้กลายมาเป็นระดับกลางเลเวล 6 แล้ว

อย่างที่สองคือเมื่อฉันได้เคลียร์ชั้นบียอน ทักษะที่ฉันได้ใช้เป็นหลักในการเคลียร์ดันเจี้ยนจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลนี้ควบคุมธาตุ สปิริตออร่า และพันธะสัญญาภูติธาตุจึงได้เพิ่มขึ้นมาจนถึงระดับกลางเลเวล 8

แม้ว่าฉันจะต้องการเพิ่มเลเวลลของพวกมันให้มากขึ้น แต่ฉันก็ต้องการที่จะเพิ่มระดับของเทคนิคหอกของฉันซะมากกว่า

เพรูต้าได้บอกกับฉันว่าฉันจะมีคุณสมบัติในการเรียนรู้เทคนิคหอกของเขาเมื่อวงจรเพรูต้าได้กลายเป็นเลเวล 7 และฉันก็ได้เชี่ยวชาญเทคนิคหอกระดับสูง เทคนิคที่ทำให้บาดแผลของผู้บัญชาการปีศาจไม่สามารถจะฟื้นตัวได้ การโจมตีโดยที่ไม่หยุดยั้งโดยการที่มีมานาคืนมาอย่างต่อเนื่อง และรวบไปถึงการโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน สำหรับฉันที่ใช้ชีวิตมานานโดยที่ไม่รู้สึกถึงมานา เขาดูเหมือนกับเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะการต่อสู้ ฉันต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะนี้ ความปรารถนานี้ของฉันมันพอๆกับความปรารถนาของฉันที่จะปืนดันเจี้ยน

ถ้าหากว่าจะมีทักษะที่จะเพิ่มระดับอีกในโอกาสนี้ก็คือทักษะป้องกันวิญญาณ ซึ่งทักษะคำสาปวิญญาณพยาบาทนั้นเป็นการโจมตีทางจิตใจที่แข็งแกร่ง เพียงแค่ได้ป้องกัน ทักษะป้องกันวิญญาณก็จะเพิ่มค่าประสบการณ์ขึ้นไปมากขึ้นเรื่อยๆ ในชั้นที่ 3 นี้เต็มไปด้วยเสียงกรี๊ดร้องของทักษะที่จะเพิ่มพลังให้กับมัน

[กรี๊ดดดดด!]

[ราชีนีวิญญาณได้ใช้คำสาปวิญญาณพยาบาท! ด้วยค่าสเตตัสพลังเวทย์ เสน่ห์และโชคของคุณทำให้สามารถต้านทานความสับสนและความกลัวนี้ได้]

"กินนี่ไปซะ!"

ฉันได้มุ่งเน้นไปที่การไหลของวงจรเพรูต้ามาที่หอกของฉันและแทงไปที่ใบหน้าของราชินีวิญญาณ การโจมตีนี้เป็นพื้นฐานการโจมตีเท็มเพรสซึ่งจะใช้มานา 300 อย่างไรก็ตามเท็มเพรสจะเป็นเทคนิคที่จะปล่อยพลังหมุนวงที่ไม่สามารถควบคุมได้ออกไป หรือก็คือเทคนิคที่ไม่สมบูรณ์ เท็มเพรสที่แท้จริงนั้นจะต่างออกไป พลังหมุนวนจะต้องถูกใช้ออกไปอย่างเป็นธรรมชาติในขณะเดียวกันก็ควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ พูดตามตรงฉันยังไม่รู้เลยว่ามันหมายถึงอะไร

[ก๊าซซซซซซ]

[หยุดใช้ศรพลังวิญญาณได้แล้ว!]

หนึ่งในราชินีวิญญาณได้ยิงศรพลังวิญญาณเข้ามาใส่ฉันจำนวมากในคราวเดียว แม้ว่าฉันจะสามารถหลบมันได้ แต่เพราะว่าศรเหล่านั้นจะเด้งสะท้อนกลับมาและวนไปรอบๆ ฉันจึงจะต้องขยับหลบไปเรื่อยๆแม้ว่าราชินีวิญญาณจะตายไป มันน่ารำคาญมากที่พวกมันไม่สามารถหยุดการโจมตีลงไปแม้ว่าจะตายไปแล้ว

"ริยูแช่แข็งเพียงแค่ปากของราชินีวิญญาณ ไพก้าเมื่อเธอเห็นราชินีวิญญาณอย่างแรกเลยคือช็อตเธอซะ"

[นะ นั่นมันฟังดูน่าสนุกนะ]

[ฉันไม่ชอบที่แบบนี้เลยหน้าอกของผู้หญิงพวกนั้นใหญ่เกินไป]

เนื่องจากว่าฉันไม่สามารถจะปล่อยให้ทักษะผู้ใช้ธาตุของฉันหย่อนยานไป ฉันเลยอัญเชิญภูติธาตุออกมาและให้พวกเธอทำเพียงแต่ป้องกันตัว หากปราศจาคออร์คลอร์ดฉันก็สามารถที่จะยกระดับประสบการณ์ของทักษะของฉันได้อย่างสบายๆ! ฉันไม่คิดว่ามันจะมีโอกาสแบบนี้บ่อยนะ ดังนั้นฉันก็จะต้องทำให้ดีที่สุด อืมม บางทีหมาป่ายักษ์และเวนดิโก้ก็อาจจะเป็นชั้นที่ง่ายเหมือนกัน....

[มีมนุษย์มากเกินไปแล้ว มนุษย์น่ากลัว มนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ....]

"จ้าๆ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันจะให้เธอได้พักเดี๋ยวนี้แหละ"

[มนุษย์ มนุษย์ที่หล่อเหล่า ทำไมถึงไม่มีมนุษย์แบบนี้ในตอนที่ฉันมีชีวิตอยู่!]

"จ้า ฉันก็จะส่งเธอไปด้วยเหมือนกัน"

หลังจากได้สำรวจโครงสร้างของชั้นที่ 3 เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ได้หันหลังกลับไปเพื่อที่จะไม่ให้เส้นทางสุดท้ายปรากกฏออกมา แม้ว่ามันจะมีกับดักที่จะเปลื่ยนพื้นที่ของพวกมัน แต่ฉันมักจะตรวจพบมันได้ด้วยมานาของฉันและทำลายมันทิ้งซะ

รูเดียวยังปกติดีในช่วงสามสัปดาห์แรก แต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็ได้เริ่มโทรมาหาฉันวันละครั้งพร้อมกับร้องไห้และเรียกชื่อนฉัน นอกจากนี้แล้วทุกๆอย่างได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น

จากนั้นหนึ่งเดือนก็ได้ผ่านไปนับตั้งแต่ที่ชั้นเข้ามาในบียอนชั้นที่ 3 มันเป็นช่วงปลายของเดือนมิถุนายน ในขณะเดียวกันก็ได้มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นที่โลกภายนอก มันเป็ฯสิ่งที่เคียร่าได้พยากรณ์เอาไว้

[มันมีถึง 18 แห่งในเกาหลี! ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงปรากฏเป็นจำนวนมากในประเทศเล็กๆนี้]

[แม้ว่ามันจะไม่มีการรับประกันว่าเหตุการการจู่โจมจะแตกออกถ้าพวกเราปล่อยมันเอาไว้เพราะว่าพวกเรากลัวมันแตกถ้าหากจัดการมัน พวกมันก็จะมีเพียงสร้างอันตรายที่มากขึ้นเท่านั้น บางทีโลกอาจจะมีอัตราส่วนของมนุษย์และปีศาจเท่าๆกันก็ได้]

[พวกเราจะต้องเชื่อในผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรี ทุกๆคนตระหนักดีถึงอันอันตรายของเหตุการณ์ดันเจี้ยนในตอนนี้]

[ชิน ไม่ใช่ว่าพวกเราควรจะเคลียร์ดันเจี้ยนให้มากที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้หรอกหรอ?]

[ชะ ใช่แล้ว! เมื่อเหตุการดันเจี้ยนในญี่ปุ่นถูกจัดการ หนูก็จะไปร่วมกับทุกๆคนเหมือนกัน!]

ในเวลานี้เทคนิคหอกของฉันได้อยู่ที่ระดับสูงเลเวล 8 แล้ว ด้วยการเหวี่ยงหอกของฉันมันสามารถจะฆ่าราชินีวิญญาณได้สามตัวในครั้งเดียว ฉันได้บ่นขึ้น

[หลายๆประเทศอาจจะต้องการให้เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับต่ำเปลื่ยนไปเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน]

[...เธอพูดถูก พวกเขาส่วนใหญ่มักจะต้องการแหล่งหินมานาที่สามารถจะควบคุมได้ สำหรับเหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับสสูงหรือสิ่งที่พวกนั้นเรียกว่าเกต พวกนั้นส่วนใหญ่ได้บอกว่าควรจะทำลายก่อน]

[พวกนั้นไม่ได้พูดผิดเลย แต่ว่าพวกเขาใช้มันเป็นข้ออ้างในการซื้อเวลา ด้วยวิธีนี้เหตุการดันเจี้ยนระดับต่ำก็จะเปลื่ยนเป็นพื้นที่ดันเจี้ยนที่พวกเขาสามารถควบคุมได้]

เหตุผลนั้นก็ง่ายๆก็คือเพื่อความมั่งคั่ง

ความจริงแล้วดันเจี้ยนระดับสูงๆนั้นจะมีค่ามากกว่า เพียงแค่มองไปที่ทะเลสาปวินเดอแมร์ในประเทศอังกฤษและหุบเขาแอนเทลโลปในอเมริกาก็สามารถจะเข้าใจได้ หลังจากที่จัดการบอสไปแล้ว อัตราการเจริญเติบโตของมอนสเตอร์ก็จะลดลงไปอย่างมากทำให้พวกเขาได้รับรายได้ที่มั่งคงและปล่อยภัย ปลาทูน่านั้นมีมูลค่าถึง 150 ล้านวอนและไวเวิร์นแต่ละตัวก็มีมูลค่า 250 ล้านวอน

ยังไงก็ตามคุณค่าที่มากมายนี้ก็แลกมาด้วยความยากลำบากในการที่จะเคลียร์มัน จำนวนของผู้ใช้พลังนับไม่ถ้วนได้ก้าวเข้ามาเพื่อที่จะเคลียร์มันและในรังไวเวิร์นได้มีผู้ใช้พลังจำนวนมากได้ตายลงไป ประเทศต่างๆก็คงจะตระได้ได้ว่าดันเจี้ยนที่ถูกจัดอยู่ในระดับสูงจะทำให้เกิดหายนะขึ้นได้เมื่อพวกมันกลายเป็นดันเจี้ยน

[ใช่สิ มีผู้ใช้พลังระดับสูงจำนวนมากได้ถูกส่งไปจัดการดันเจี้ยนระดับ A ไม่ก็ A+ สำหรับเหตุการดันเจี้ยนระดับ S หรือสูงกว่านั้น เหล่าผู้พิทักษ์ได้วางแผนที่จะจัดการมันไปตามลำดับที่ละอันตามคำสั่ง พวกผู้ใช้พลังทั้งหมดได้ถูกส่งออกไป ปีกแห่งเสรีและพวกอิสระต่างก็ยังถูกเรียกมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการการจู่โจมอีกด้วย]

[นั่นมันฟังดูแล้วนย่าจะต้องใช้เวลานานเลยนะ...มันสมบูรณ์แบบมากที่จะทำให้เหตุการดันเจี้ยนที่อยู่ในระดับ B หรือต่ำกว่าถูกเมินไป]

[มีคนจำนวนมากได้พูดว่าดันเจี้ยนระดับต่ำก็ควรจะถูกจัดการเช่นกัน แต่ว่า...พวกนั้นได้เมินไป]

มันดูเหมือนว่ามนุษย์จะยังคงคิดถึงเพียงแต่ประโยชน์จากการเปลื่ยนแปลงที่นำมาโดยดวงจันทร์แฝดเท่านั้น ฉันไม่สามารถจะตำหนิอะไรพวกเขาได้ หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่โลกได้ถูกเปลื่ยนไป อารยธรรมก็ยังคงไม่พังทลายไปเพราะสิ่งที่ดูเหมือนภัยพิบัตินี้ กลับกันด้วยมานาสโตนส์ได้ทำให้เกิดการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโ,ยีขึ้น มันทำให้การปรากฏตัวของมอนสเตอร์มันให้ความรู้สึกว่าเป็น พรของพระเจ้าที่ต้องการจะเปลื่ยนกระบวนการของโลกเท่านั้น สำหรับพวกนั้นแล้วผู้ใช้พลังที่ตายไปก็เป็นเพียงแค่ความเจ็บปวดที่จำเป็นสำหรับการเปลื่ยนแปลง

มันเห็นได้ชัดเลย ตรายใดที่พวกเขานั้นยังไม่ได้รู้เรื่องของดันเจี้ยน ตราบเท่าที่พวกเขานั้นยังไม่รู้เกี่ยกับโลกอื่นๆที่ล่มสลายลงไป มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ตราบเท่าทีชีวิตของพวกเขานั้นยังไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย มนุษย์ทั้งหมดรวมทั้งฉันแล้วก็เป็นเพียงแค่สิ่งจำเป็นที่จะเสียสละเพื่ออนาคตสำหรับพวกเขา สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นก็คือการที่เราเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนก่อนที่เราจะเป็นผู้ใช้พลังของโลก

เพื่อที่จะทำให้พวกเราเข้าใจ จำนวนของนักสสำรวจจะต้องเพิ่มขึ้นในช่วงหลายร้อยปี ในช่วงเวลานั้นเหตุการดันเจี้ยนจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะปรากฏขึ้นและเปลื่ยนเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน เหตุการการจู่โจมจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะแตกออกมาเช่นกันและทำลายอารยธรรมของโลก

เมื่อถึงเวลานั้นมนุษยชาตก็จะได้เข้าใจว่าการเกิดของมอนสเตอร์ไม่ใช่พร

[แม้ว่าถ้าพื้นที่ดันเจี้ยนไม่ได้ปรากฏขึ้นมา มนุษยชาตก็ได้สูญเสียพื้นที่ให้กับมอนสเตอร์มากเกินไปแล้ว]

[ฟิลิปปินส์ มาดากัสการ์ แอฟริกาใต้ สาธารณรัฐโดมินิกัน...]

ทีหลายประเทศได้ถูกทำลายลงไปและถูกเปลื่ยนเป็นทิ้งร้างให้เป็นรังของมอนสเตอร์ ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ยังไม่ได้ตั้งใจที่จะทวงคืนพื้นที่จากมอนสเตอร์และคิดเพียงแต่ารเพิ่มขึ้นของมอนสเตอร์เพื่อที่พวกเขาจะสามารถควบคุมพวกมันได้ เรื่องแบบนี้ไม่สามารถจะปล่อยให้มันดำเนินต่อไปได้ เพราะแบบนี้โลกก็จะเดินหน้าเข้าใกล้สู่การล่มสลาย

[ฮวาหยาถ้าหากว่าเธอมีอะไรที่อยากจะพูดก็พูดมาได้เลย]

ฉันได้แทงหอกของฉันออกไปพายุหมุนได้ถูกสร้างขึ้นในทันทีที่ปลายหอกซึ่งจากนั้นก็ได้พุ่งเข้าไปใส่หัวของราชินีวิญญาณ

[....แต่ว่าฉันไม่ใช่กิลด์มาสเตอร์ชิน]

[ฉันได้สั่งให้เธอจงมั่นใจในตัวเอง ทำตามที่เธอต้องการ]

[ฉันต้องการที่จะเผาเจ้าพวกคนโง่เง่านั้นที่ไร้ความคิดให้เป็นขี้เถ้า]

[สิ่งที่เธอจะต้องทำก่อนหน้านั้นล่ะ]

[ฉันจะต้องกำจัดเหตุการณ์ดันเจี้ยนทั้งหมด....]

ฉันได้เงียบลงไปครู่หนึ่งกับคำพูดของฮวาหยา มันไม่ใช่เพราะว่าราชินีวิญญาณ 12 ตัวที่พุ่งเข้ามาหาฉัน ฉันสามารถจะใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์และจัดการพวกมันทั้งหมดได้

แต่ว่ามันเป็นเพราะว่าฉันคิดเกี่ยวกับเคียร่า ฉันรู้สึกไม่พอใจและรำคาญที่สิ่งที่พวกเรากำลังจะทำคือสิ่งที่เธอต้องการ ยังไงก็ตามเนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับฉันที่จะทำเป้าหมายให้สำเร็จฉันก็จะต้องอดทนกับมัน ถ้าหากว่าฉันยอมแพ้ในเป้าหมายของฉันเพียงเพราะคำว่าลำคาญเล็กน้อย ฉันก็จะต้องเสียใจในภายหลังแน่ๆ

นอกจากนี้เคียร่าก็ไม่ได้ผิดไปทั้งหมด ฉันจะปลอดภัยถ้าหากมีคนที่ช่วยมากขึ้นและถ้าฉันปลอดภัยโลกก็จะปลอดภัยเช่นกัน

เพียงแค่เห็นสถานการณ์ปัจจุบันนี้ แทนที่จะช่วยโลกให้ปลอดภัยมนุษย์กลับทำในสิ่งที่โง่เขลาสเพื่อความโลภของตัวเอง เนื่องจากว่าผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีต่างก็ทำเพื่อความเห็นแก่ตัว เคียร่าจึงได้เสนอให้ฉันนำผู้ใช้พลังของโลกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิดเลย

อย่างที่ฉันพูดไปมันไม่ได้ผิดสักนิด

[....มันน่าจะมีประเทศที่ไม่สามารถจะต่อต้านกับมอนสเตอร์ได้ พวกเขาน่าจะอนุญาติให้คนจากประเทศอื่นสามารถเข้าไปในเกตได้]

[ชิน!]

[ฉันรู้ว่าเธอจะบอกอะไร แต่ว่า... สำหรับตอนนี้พวกเราลองทำตามกฏหมายไปก่อน]

[ขะ...ขอบคุณ!]

[ฉันรู้ว่าอะไรสำคัญฮวาหยาา ฉันก็ยังรูอีกด้วยว่าอะไรที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต ถ้ามันเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้พวกเราก็ควรจะทำมัน ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นอันตรายต่อความแข็งแกร่งของสมาชิกกิลด์เรา แต่ว่าอย่าได้บังคับให้พวกเขามา เพียงแค่พวกเขาสมัครใจเท่านั้น ฉันไม่ต้องการที่จะใช้ตำแหน่งของฉันในการสั่งให้พวกเขาทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ]

[หนูก็จะช่วย ถ้านั่นคือสิ่งที่พี่ฮวาหยาต้องการและสิ่งที่คุณชินแนะนำ หนูก็ยินดีจะช่วย]

[ฉันก็ต้องการจะช่วยเหมือนกัน ฉันอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อไปที่โลก]

[เคลียร์เหตุการดันเจี้ยนก็จะได้ความสำเร็จเหมือนกันสินะ? ฉันก็จะช่วยเหมือนกัน!]

[ถ้ามันเป็นสิ่งที่ชินต้องการฉันก็จะทำ]

[ฉันก็อาจจะช่วยเหมือนกัน...น่ารำคาญจริงๆเลย]

[ไม่วอร์คเกอร์ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันของนาย นายจะต้องอยู่ที่บ้านและให้ความสำคัญกับการปกป้องยุย]

[เวรเอ้ย ในขณะที่พวกนั้นทำในสิ่งที่มันดูเท่ ทำไมฉันจะต้องอยู่บ้านเป็นบอดี้การ์ดด้วย...อะ]

ราชินีวิญญาณได้มารวมตัวกัน กับดักได้ระเบิดออก หมอกพิษได้แพร่กระจ่าย คริสตัลน้ำแข็. แก๊สนอนหลับ ฉันได้จัดการเป่าพวกมันออกไปทั้งหมดด้วยเท็มเพรส จากนั้นก็รวบรวมออร่าของฉันเข้าไปในหอก ออร่าสีขาวซึ่งมันเป็นออร่าของฮีโร่ที่เขาใช้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

[สำหรับในส่วนอื่นๆ ฉันจะไปจัดการเมื่อฉันออกไป เพียงแค่รอซักหนึ่งเดือน]

[โอเค]

[หนูจะรอคุณ คุณชิน]

[ฉันรักชิน ฉันอยากจะเห็นชิน]

[เดี๋ยวก่อนนะ ใครกันที่เพิ่งจะสารภาพรักกับคังชิน? เธอใช้ไอเทมเปลื่ยนเสียงจากร้านขายประจำชั้น ฉันไม่เคยคิดที่จะซื้อมันเลยเพราะมันมีราคาถึง 1.5 ล้านทอง]

[นายแน่ใจได้ยังไงว่านั่นเป็นผู้หญิงวอร์คเกอร์? มีผู้ชายที่อยู่ในกิลด์นี้เหมือนกัน... มันอาจจะเป็น....นาย?]

[เธอต้องการที่จะสู้กับฉันใช่ไหม....อึก!]

มันเป็นไปได้ที่จะหลีกเลี่ยงความสนใจ พวกเรานั้นแข็งแกร่ง พวกเราจะได้รับตำแหน่งที่พิเศษเมื่อเทียบกับผู้ใช้พลังคนอื่นๆ เพราะอย่างนรี้ฉันก็จะต้องทำสิ่งต่างๆในแบบของฉัน

'ฉันไม่ชอบในวิธีการของเธอเคียร่า ผู้คนควรจะต้องเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องฮีโร่งั้นหรอ? นั่นมันผิดแล้ว มันเป็นเพียงแค่วงจรที่ไม่มีวันจะจบลง ยอกขสกยี้ฉันก็ยังเกลียดความคิดที่ว่าคนเราควรจะมีชีวิตหรือตายเพื่อคนอื่น ในฐานะมนุษย์แล้วเราก็ควรจะมีชีวิตอยู่และตายเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง'

ฉันไม่ต้องการที่จะสละคนอื่นๆ เพื่อที่จะให้มันเป็นไปได้นั้น ฮีโร่จะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนอื่นๆ ฉันต้องแข็งแกร่งจนไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาห่วงฉัน โชคดีที่เขายังมีเวลาเหลืออยู่อีกถึง 20 ปีเพื่อพัฒนาตัว

20 ปีมันก็เพียงพอแล้วสำหรับมนุษยชาตที่จะเติบโตขึ้นและดูแลตัวเองได้

"ฮ่าาาาาาห์!"

[ก๊าซซซซซซซซซซ]

[ก๊าาาาาาาา]

ฉันได้แทงหอกที่บรรจุออร่าของฉันออกไป ออร่ามันได้หมุนวนและกลืนราชินีวิญญาณไปจากนั้นก็ระเบิดออก สมบูรณ์แบบ

หนึ่งเดือน ฉันไม่สามารถที่จะรอได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด