ตอนที่แล้วGE397 เจอแล้ว! [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE399 เตรียมตัวเข้าสู่ทะเลส่วนใน [ฟรี]

GE398 เซี่ยวเหมินโมโห [ฟรี]


การปรากฏขึ้นของเนตรสวรรค์เป็นสิ่งที่หนิงฝานคาดไม่ถึง แต่เมื่อจัดการกับมันได้แล้ว อุปสรรคทุกสิ่งก็หมดไป

หนิงฝานกลับไปหาหลั่วโยว่ที่บ้านของนาง ยามนี้นางยังคงหลับ เขาทำได้เพียงถอนหายใจ และนำสิ่งที่ได้จากการเข้าสู่บ่อโลหิตมังกรออกมา

ยามนี้สมควรแก่การเวลาในการจัดการกับโลหิตมังกรทั้ง 120 หม้อ

หนิงฝานตั้งใจจะเปลี่ยนโลหิตมังกรทั้งหมดให้เป็นสุรา ซึ่งต้องใช้เวลา 10 ปี

ในโลกหยินมีเวลาที่เดินเร็วกว่าโลกภายนอก 100 เท่า แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานยังไม่มั่นใจว่าในโลกหยินจะสามารถเร่งเวลาของน้ำเต้าโลหิตได้หรือเปล่า

หนิงฝานนำน้ำเต้าโลหิตออกมา พลางสังเกตุน้ำเต้าสุราหลังจากเวลาผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก

หนิงฝานถอนหายใจ โลกหยินไม่สามารถเร่งเวลาในน้ำเต้าโลหิตได้ ดูเหมือนมันจะมีการเชื่อมโยงที่พิเศษกับเวลาในโลกภายนอก

ในเมื่อไม่สามารถเร่งเวลาได้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้โลหิตมังกรเป็นสุราได้อย่างใจนึก… นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

แต่บางทีในอนาคตที่หนิงฝานบรรลุการควบคุมมิติได้อย่างสมบูรณ์ บางทีเขาอาจเร่งเวลาน้ำเต้าโลหิตในโลกหยินได้

“หากจะทำสุราก็ต้องทำที่โลกภายนอก ไม่สามารถเร่งเวลาได้… ดูเหมือนข้าต้องรอให้ครบ 10 ปี เมื่อถึงยามนั้นข้าคงได้สุราช่วยทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง”

“10 ปี อาจทำให้ได้ปราณมากก็จริง แต่ต้องเสียเวลาไปมากถึง 10 ปี... ข้าคงโลภเกินไป ถึงจะเหลือเวลาอีก 60 ปีก็ใช่ว่าข้าจะบรรลุไร้ดัดแปลง แค่รออีก 10 ปี… คนอื่นๆต้องใช้เวลาร่วมพันปีในการทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง”

“ยังเหลือสุราอยู่ส่วนหนึ่งในน้ำเต้า สมควรแก่เวลาที่ต้องดื่มมัน แล้วใส่โลหิตมังกรไป 120 หม้อเข้าไปแทน”

ก่อนจะเข้ามาบ่อโลหิตมังกร หนิงฝานดื่มสุราไปแล้ว 3 ส่วน ยามนี้สมควรแก่เวลาที่ต้องดื่มส่วนที่เหลือ

*อึก อึก อึก!*

หนิงฝานยกขวดน้ำเต้าโลหิต ดื่มสุราทั้งหมดลงไปในคราวเดียว แล้วนั่งขัดสมาธิเพื่อดูดซับปราณทันที

สุรา 3 ส่วนที่หนิงฝานดื่มไปให้ปราณ 25,000 เกราะ

สุรา 7 ส่วนที่เหลือให้ปราณได้มากถึง 58,000 เกราะ!

ด้วยความช่วยเหลือของโลกหยินที่เร่งเวลาให้เร็วกว่าภายนอก ทำให้หนิงฝานดูดซับปราณจากสุราได้หมด… ยามนี้เขามีปราณทั้งหมด 396,500 เกราะ

สุรานี้ได้มาจากโลหิตของกษัตริย์แห่งโลกกระบี่ ฤทธิ์ของมันจึงแรง แม้หนิงฝานจะคอแข็งแต่ก็ยังรู้สึกมึนอยู่ดี

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ หนิงฝานก็นำโลหิตมังกรทั้ง 120 หม้อใส่ลงไปในน้ำเต้าโลหิต

ถึงโลหิตมังกรไม่ได้ทรงพลังเท่าโลหิตของกษัตริย์แห่งโลกกระบี่ แต่โลหิตมังกร 1 หม้ออย่างน้อยสมควรให้ปราณ 5000 เกราะ

รวมๆแล้วสมควรได้ 6 แสนเกราะ เมื่อถึงยามนั้นปราณของหนิงฝานอาจทะลวงถึง 1 ล้านเกราะ ซึ่งเพียงพอให้เขาทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง

เมื่อจัดการโลหิตมังกรจนหมดแล้ว หนิงฝานนำเพลิงเหลืองซ่อนสวรรค์ และปราณเยือกแข็งดวงจิตออกมาผสาน

หลังจากผสานกับพวกมันเสร็จ หนิงฝานได้ปราณเพิ่มขึ้นเป็น 402,500 เกราะ ซึ่งหากปราณยกระดับถึง 5 แสนเกราะ เขาจะบรรลุขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง

หนิงฝานนำผลไม้แห่งเต๋าตัดวิญญาณออกมาพลางนึกถึงชู่ซวนเชียนสื่อ นางเป็นคนที่ตำหนักม่วงในแดนสวรรค์หมายตา หากนางบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ นางจะถูกพาไปยังแดนสวรรค์ทันที

แม้ยามนี้นางจะอยู่ขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณ แต่กว่านางจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ อย่างน้อยๆต้องใช้เวลา 100 ปี

ผลไม้แห่งเต๋าตัดวิญญาณที่หนิงฝานมอบให้นางนั้น มีปราณอยู่ราว 100 เกราะ แม้มันจะเทียบกับสุราที่หนิงฝานดื่มไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆก็พอจะช่วยให้นางยกระดับได้เร็วขึ้น

ดูเหมือนหนิงฝานต้องเตรียมทรัพยากรยกระดับพลังให้กับสตรีคนอื่นๆด้วย หากกลับไป เขาจะได้ช่วยพวกนางได้

หนิงฝานหันมองหลั่วโยว่ครู่หนึ่งแล้วกลับออกจากโลกหยิน

เมื่อหนิงฝานกลับมา ด้านนอกห้องก็มีชายวัยกลางคน สะพายกระบี่ที่หลังยืนรออยู่

ชายผู้นั้นสัมผัสได้ถึงพลังมิติที่ผันผวน มันรู้ว่าหนิงฝานเข้าสู่สมบัติที่อยู่อาศัยพิเศษ ซึ่งอาจเป็นสมบัติที่อยู่อาศัยระดับจักรวาลกลาง แต่สมบัติระดับนั้นแม้เป็นเซียนก็ไม่มีในครอบครอง

แม้หยุนเทียนเฉวจะสงสัย แต่มันไม่ใช่คนที่จะถามเอาความลับจากคนอื่น

เมื่อเห็นว่าหนิงฝานผลักประตูออกมา หยุนเทียนเฉวก็กล่าวขึ้น “ไปร่ำลาคนอื่นๆและคนรักเจ้าซะ แล้วข้าจะพากลับทะเลไร้สิ้นสุดแล้ว”

ถ้าเกิดมันไม่พาหนิงฝานไปส่ง ระยะทางขนาดนี้คงใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะถึง

เมื่อครู่หยุนเทียนเฉวกล่าวว่า ‘คนรัก’ ซึ่งสมควรหมายถึงหยูฉงเอ๋อร์ แม้จะกล่าวไปแบบนั้น แต่หนิงฝานก็ไม่ได้คิดกับนางไปไกลขนาดนั้น ถึงจะประทับใจในตัวนางอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่นางจะได้เป็นสตรีของเขา

เขาไม่ได้คิดจะร่ำลานาง เพราะการจากไปเงียบๆย่อมดีที่สุด

“ข้าขอบคุณที่ท่านพาข้ามาที่นี่ ข้าได้สิ่งต่างๆมากมาย และจะไม่ลืมบุญคุณท่าน… กษัตริย์พิรุณมีคำสังให้ท่านกลับแคว้นกลางทันที การที่ท่านจะไปส่งข้าจะไม่ทำให้ท่านเดือดร้อนเหรอ?” หนิงฝานกลัวว่ากษัตริย์พิรุณจะลงโทษหยุนเทียนเฉว

“ไม่ต้องสนใจหรอก!” หยุนเทียนเฉวกล่าวตัดบท

เมื่อเห็นว่าหนิงฝานไม่ไปร่ำลาผู้ใด มันจึงพาหนิงฝานทะยานหายไปในท้องนภา

ก่อนจะไปหยุนเทียนเฉวได้พาหนิงฝานไปบอกลาฉูฉางเอ๋อร์

ตั้งแต่ที่ออกจากบ่อโลหิตมังกร ชายชรามีหลายสิ่งอยากกล่าวถามหนิงฝาน แต่หยุนเทียนเฉวราวกับรู้ทันความคิด จึงมายืนเฝ้าหน้าประตูห้องหนิงฝานไว้

“เทพกระบี่อาภรณ์ขาว… นึกไม่ถึงว่าท่านจะเป็นห่วงผู้เยาว์ตัดวิญญาณของท่านมากขนาดนี้”

“กษัตริย์พิรุณต่างสั่งให้พวกเราทั้งสองกลับแคว้นกลาง หากข้ากลับช้าก็จะเกิดข้อครหาว่าข้าไม่ภักดี… ข้าเกือบจะบรรลุปราณกษัตริย์โดยสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นเผ่าพันธุ์อสูร บางทีกษัตริย์พิรุณอาจมองข้าเป็นเสี้ยนหนาม… ถึงข้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก แต่ก็ไม่ได้อิสระเหมือนที่คิด” เมื่อกล่าวตัดพ้อเสร็จชายชราก็มุ่งตรงไปยังแคว้นกลางทันที ส่วนหนิงฝานและหยุนเทียนเฉวก็จากไปเช่นกัน

หยูฉงเอ๋อร์เฝ้ามองหนิงฝานที่จากไปพร้อมกับหยุนเทียนเฉว นางสัมผัสริมฝีปากของตน จูบในวันนั้นยังตรึงอยู่ในใจนาง

“ขอบคุณ… เจ้าช่วยข้า ช่วยมารดาข้า ช่วยพี่ชายข้า ข้าต้องชดใช้ให้เจ้าแน่...”

ขากลับ หยุนเทียนเฉวเร่งความเร็วให้เร็วมากกว่าขามาหุบเขามังกร ทำให้หนิงฝานไปถึงทะเลส่วนนอกภายในเวลา 2 วัน

เมื่อมาส่งถึง หนิงฝานป้องมือให้ หยุนเทียนเฉวพยักหน้าเล็กน้อย แววตาที่มองหนิงฝานแปรเปลี่ยนอ่อนโยน

“ได้ยินว่าท่านไม่ใช้บุตรชายแท้ๆของกษัตริย์พิรุณ… ไปแคว้นกลางคราวนี้ท่านต้องระวังตัวด้วย!” หนิงฝานขมวดคิ้วพลางกล่าวเตือนอย่างจริงจัง

หยุนเทียนเฉวทำลายผนึก ฟื้นคืนพลังในขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 4 ฝ่าฝืนคำสั่งล่วงเข้าหุบเขามังกร ซ้ำยังทำร้ายองค์ชายเจ็ดจนบาดเจ็บ

ดังนั้นหนิงฝานจึงกังวลว่ากษัตริย์พิรุณที่เลือดเย็นจะลงโทษหยุนเทียนเฉว

เมื่อเห็นแววตาที่เป็นห่วงตนอย่างจริงใจ แววตาของหยุนเทียนเฉวสั่นไหวก่อนจะจากไปโดยไม่กล่าวคำ

แต่ในขณะที่หยุนเทียนเฉวจากไป ปราณกระบี่สายหนึ่งกลับพุ่งมายังหนิงฝานแล้วผสานเข้าไปในร่าง

ปราณกระบี่ไม่ได้หวังทำร้าย แต่เป็นวิชากระบี่ที่หยุนเทียนเฉวมอบให้ หนิงฝานเองก็ไม่ได้ต่อต้าน ปล่อยให้มันเข้าไปยังทะเลสติของเขาโดยตรง

เพลงกระบี่อนันต์!

คาดไม่ถึงว่าหยุนเทียนจะถ่ายทอดวิชากระบี่ที่ทรงพลังที่สุดของตนให้ พร้อมกับเสียงที่ถ่ายทอดมา

“เจ้าเองก็ระวังตัวเช่นกัน”

ในรอบพันปีที่ผ่านมา หนิงฝานเป็นคนแรกที่หยุนเทียนเฉวเป็นห่วง

หนิงฝานก็รู้สึกผูกพันธ์กับหยุนเทียนเฉวอย่างบอกไม่ถูก บางทีมันอาจให้ความรู้สึกเหมือนหานหยวนจี๋ ที่เป็นเหมือนที่หลบภัยของเขา

หนิงฝานส่ายหน้า เขาหันมองไปยังทิศทางของเกาะเผิงไหลแล้วทะยานไป

ตั้งแต่ที่เขาออกมาจากวังไผ่ฟ้าก็เป็นเวลาร่วม 2 เดือนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เป่ยเซี่ยวเหมินที่ตื่นมาไม่เจอเขาจะโมโหขนาดไหน

เป่ยเซี่ยวเหมิน… ชู่ซวนเชียนสื่อ… สู่ฉุ่ยหลิง...

หนิงฝานจะต้องไปจัดการเรื่องต่างๆในทะเลส่วนใน จากนั้นจึงจะกลับสถานที่ที่เรียกว่าบ้านของตน

เขามีเรื่องราวมากมายที่ต้องจัดการ หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะไม่มีโอกาสได้ทำมันอีก

เขาพุ่งทะยานผ่านท้องสมุทร กระทั่งถึงหอคอยโอสถภายในเมืองเต่าทมิฬ

ยามนี้ย่าหลานกำลังทำหน้าที่ต้อนรับแขกเหรื่อที่มา ตั้งแต่ที่หนิงฝานชมนาง นางก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้น ทำให้สีหน้าของนางดูสดใสมากขึ้น

เมื่อเห็นหนิงฝานกลับมา นางยิ้มอย่างมีความสุขพลางก้มศีรษะให้อย่างนอบน้อม

“คุณชายซัวกลับมาแล้ว… ท่านไปพบคุณหนูหรือยัง? ท่านหายไป 2 เดือนเต็มโดยไม่บอกกล่าว นางเลยโกรธมาก”

“อืม… แล้วเจ้าโกรธข้าหรือเปล่า?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าวถาม

“ข้ามีสิทธิ์อะไรไปโกรธท่าน?” นางก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าหนิงฝานตรงๆ เพราะนางอายทั้งใจยังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานหยอกล้อนางแบบนี้

“ไม่โกรธข้าก็ดีแล้ว” หนิงฝานยิ้มแล้วมุ่งขึ้นไปหอคอยชั้นบนทันที

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้ย่าหลานอายอย่างบอกไม่ถูก จนยามนี้นางหน้าแดงลามไปจนถึงลำคอ

เหล่าผู้อาวุโสในหอคอยโอสถที่เห็นหนิงฝานหยอกล้อกับย่าหลาน ก็ยิ่งไม่กล้ายั่วยุย่าหลาน

บางทีอนาคตของย่าหลานอาจจะก้าวไกล และทำให้ตระกูลของนางมีชื่อเสียง

ยอดหอคอย ห้องพักของเซี่ยวเหมิน...

เมื่อหนิงฝานเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เสียงทุบตีบางสิ่งด้วยความไม่พอใจดังมา

เมื่อผลักประตูเข้าไป เห็นเซี่ยวเหมินนั่งอยู่บนที่นอน ถือตุ๊กตาที่ดูคล้ายหนิงฝานแล้วชกอย่างไม่พอใจ โดยที่ตำแหน่งที่นางชกคือหว่างขาของตุ๊กตา

บนพื้นห้องมีตุ๊กตาคล้ายๆกันราว 20 ตัว บริเวณท่อนล่างของพวกมันขาดกระจุย จนทำให้หนิงฝานรู้สึกเสียววาบ

“เจ้าบ้า! ซัวหมิงบ้า เจ้าเพิ่ง...กับข้าแล้วกลับหายหน้าไป! เจ้ามันไร้ยางอาย!”

นางในยามนี้ดูราวกับภรรยาที่ตื่นมาไม่พบสามีที่เพิ่งจะเข้าหอด้วยกันเมื่อคืน แต่ถึงนางจะชกตุ๊กตาด้วยความโมโห สุดท้ายนางก็กอดมันไว้แน่น

“เซี่ยวเหมิน เจ้าโกรธข้าอยู่เหรอ? ข้าต้องทำยังไงถึงจะไถ่โทษเจ้าได้?”

“ฮึ่ม! ยังกล้ากลับมาอีกเหรอ!”

นางพุ่งเข้าหาหนิงฝานราวกับคนขาดสติ หวังทำลายหนิงฝานน้อยให้สิ้นซาก!

“เด็กโง่...”

หนิงฝานรวบตัวนางแนบกายแล้วกดนางลงบนที่นอน มือข้างหนึ่งรวบแขนทั้งสองข้างของนางไว้ อีกข้างลูบไล้สัมผัสกายนาง

“ไม่เอา! ปล่อยข้า!”

นางร่วมรักกับหนิงฝาน 1 คืน แต่หนิงฝานกลับจากนางไป 2 เดือน พอกลับมาถึงก็จะร่วมรักอีกครั้ง

แม้นางจะโมโหและด่าทอหนิงฝาน แต่เมื่อร่างกายของนางถูกสัมผัส กลับมีการตอบสนองราวกับพร้อมรับศึกที่กำลังจะตามมา

หนิงฝานปลดอาภรณ์และกระโปรงของนางอย่างเชี่ยวชาญ เผยให้เห็นเรือนร่างที่น่าถนุถนอม

“ไม่เอา… ข้า… อื้ม~”

นางไม่เวลาพอให้ขัดขืน เพราะหนิงฝานเริ่มรุกนางแล้ว!

การสัมผัสกายทำให้นางมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งร่างกายได้รับการสัมผัส แววตานางยิ่งพร่ามัว ความรู้สึกที่อยากครอบครองหนิงฝานก็เพิ่มมากขึ้น

“ขาเจ้าสวยมาก...” หนิงฝานลูบสัมผัสเรียวขาที่งดงามของนาง เขาจำได้ว่า ครั้งแรกที่มาเยือนวิหารสาบสูญ มีคนบอกว่าหากอยากให้นางมีความสุข ให้กล่าวชมนาง

“ฮึ่ม! ไม่ต้องมาพูดหวานเอาใจ...”

ใบหน้านางแดงก่ำ แม้กล่าวราวกับไม่ชอบ แต่สีหน้าของนางราวกับชื่นชอบที่หนิงฝานชมมาก

หนิงฝานเริ่มเคลื่อนหนิงฝานน้อยเข้าไปในตัวนาง ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายทำให้นางกอดรัดหนิงฝานแน่น

“ถ้าเจ้าจะไป… บอกข้าก่อน… อื้ม~” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ข้ารู้...” แล้วทั้งสองก็เริ่มสงครามกัน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด