ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0557 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0559 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0558 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 558 : ไป่เสี่ยวลู่

ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพทั้งสองเป็นตัวตนชวนขนหัวลุก พวกมันใช้เสียงคำรามราชสีห์สวรรค์ ทั้งยังมีกรงเล็บราชสีห์สวรรค์กำราบมังกร ขณะนี้สังหารชายวัยกลางคนไปแล้วสองชีวิต

ฉินหยุนถือค้อนเทวะเก้าตะวันในมือ กำลังไล่ล่ากลุ่มชายวัยกลางคนที่เหลือซึ่งหลบหนี

ด้วยเขาเหวี่ยงค้อนเล็งเป้าจากระยะไกล คลื่นพลังรุนแรงสาดซัดทะลักออกทำเอาสายลมกรีดร้องโหยหวน คลื่นพลังโจมตีเป้าหมายได้โดยตรง!

ทันทีที่พวกเขาถูกสะกดลงด้วยคลื่นพลัง ฉินหยุนก็พุ่งทะยานร่างเข้ามา พร้อมทำการปลิดชีพลงมืออย่างเหี้ยมโหด!

ขณะนี้ยังเหลือชายวัยกลางคนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณอยู่สามอีกสาม กำลังพัวพันกับราชสีห์สวรรค์ทั้งสองและมังกรกระดูก

ฉินหยุนเร่งรีบพุ่งทะยานเข้าไป ใช้งานค้อนเทวะเก้าตะวันลงมือสังหารบุคคลที่เหลือ

ตู้ม!

ด้วยแรงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวฟากฟ้า ศิษย์หลักขุนเขาเซียนอัคคีคราม ขณะนี้ถูกสังหารโดยฉินหยุนจนสิ้น

ฉินหยุนทำการแยกวิญญาณยุทธ์ออกมา โยนร่างเหล่านั้นเข้าใส่หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร ทำการเผาศพไม่ให้หลงเหลือเศษซาก

ที่เขาทำประหลาดใจกว่า คือกู่เฉิงเฟิงถึงกับมีสองวิญญาณยุทธ์ หนึ่งเป็นวิญญาณยุทธ์อสนีบาต อีกหนึ่งเป็นวิญญาณยุทธ์อัคคี ทั้งสองอยู่ระดับทองม่วง

ผู้คนที่นี้ ล้วนครอบครองวิญญาณยุทธ์ทองม่วง

ที่ตัวกู่เฉิงเฟิง มีอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของอยู่สองชิ้น หนึ่งเป็นของสำนักให้หยิบยืมมา อีกหนึ่งเป็นของตัวเขาเอง

ที่สำนักให้หยิบยืมมา มันไม่มีพันธะเลือด

ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงสามารถมุ่งตรงเข้าคว้าสิ่งของภายใน ได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์มาทั้งสิ้นสองแสนจิน!

ของตัวกู่เฉิงเฟิงเองก็สมควรมีอะไรอยู่บ้าง กระนั้นฉินหยุนไม่อาจได้รับ จึงได้แต่ต้องปล่อยไปด้วยความเสียดาย

ยายกิเลนขณะนี้ สายตามองชายหนุ่มด้วยความตื่นตะลึง

โดยเฉพาะกับออร่าที่นางสัมผัสได้จากฉินหยุน ว่ามันเป็นร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ นางคิด ว่าฉินหยุนเป็นราชสีห์สวรรค์

ฉินหยุนส่งราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพทั้งสองตัวกลับ จากนั้นค่อยเก็บมังกรกระดูก แล้วค่อยนำเอายันต์อักขระแสงออกมาส่งให้ยายกิเลน

“นี่ช่วยท่านรักษาได้ แล้วก็รบกวนพาข้าไปหาสถานที่ปลอดภัยแล้ว!” ฉินหยุนกล่าว

แม้เขาทำลายทั้งกลุ่มจนสิ้นซาก แต่ที่ต้องแลก คือพลังมหาศาลที่ใช้งานออกไป

หากมีกลุ่มอื่นที่ทรงพลังทัดเทียมมาถึง เขาก็ไม่มีแรงพอต่อสู้แล้ว

แม้ยายกิเลนไม่ค่อยชอบมนุษย์ กระนั้นนางก็ยอมรับ ว่านางและกวางน้อยได้ฉินหยุนช่วยเหลือเอาไว้

ขณะนี้ นางได้เพียงแต่เชื่อฉินหยุน นำพาเขาออกไปให้พ้นจากที่นี่

กิเลนแม้บาดเจ็บ ความเร็วการหลบหนีก็ยังสูงล้ำ

นางแบกร่างทั้งกวางน้อยและฉินหยุน ระหว่างทางหาได้พูดกล่าวคำใด ไม่ช้าก็ออกมาพ้นจากสมรภูมินองเลือด

ภายในใจของนาง อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพทั้งสองตัว

ฉินหยุนที่หลบหนีไปได้กว่าครึ่งชั่วยาม เหลียวฉงเจิ้งจึงค่อยมาถึงสมรภูมิที่เคยนองเลือด

เหลียวฉงเจิ้งนำกลุ่มตนเองเร่งรีบมาถึง เขาสัมผัสได้ถึงออร่า คิ้วกลายเป็นขมวดมุ่น “มีออร่าของราชสีห์สีดำสองตัวนั่น! พี่กู่พบเจอราชสีห์สวรรค์ เลยส่งเสียงสื่อสารบอกต่อเรางั้นหรือ?”

“ที่นี่สมควรเกิดศึกรุนแรงขึ้น ขณะนี้ไม่คล้ายพบเห็นว่าพวกเขาไปที่ใดกันแล้ว!” หนึ่งในกลุ่มเผยเสียงดัง

“งั้นออกค้นหา!” เหลียวฉงเจิ้งเกิดความระแวดระวัง

ค้นหาอยู่พักหนึ่ง พวกเขาไม่พบเจอเบาะแสใด ที่พบเจอ กลับเป็นร่างศพที่เป็นชิ้นเนื้อ

“ฉีกกระชากร่างขนาดนี้ได้ ผู้ที่ลงมือสมควรตัวใหญ่และแกร่งกล้า!” ชายวัยกลางคนกล่าวขณะมองที่ร่างซึ่งแหลกเละ เขาเผยความหวาดกลัว “นี่สมควรเป็นอุ้งตีนสัตว์ร้ายตัวใหญ่!”

“เขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ยังมีสัตว์สวรรค์คงอยู่! ผู้อาวุโสได้บอก ว่ามันมีสัตว์สวรรค์หลงเหลืออยู่ไม่มาก และไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก” เหลียวฉงเจิ้งครวญคราง “กลุ่มของกู่เฉิงเฟิง เป็นไปได้ว่าถูกกำจัดจนสิ้น อย่างนั้นไม่ใช่หมายความถึงสัตว์นั่นแกร่งกล้าล้นพ้นเลยหรือไร?”

สัตว์สวรรค์ที่นี่หาได้แข็งแกร่งดังที่คิด กระทั่งกิเลนทองม่วงยังถูกจับตัว

เก๋อหมิงเจียง ยังจับงูเหลือมอัคคีสวรรค์ขนาดยักษ์มาได้

ฉินหยุนตามติดยายกิเลนกว่าชั่วยาม กระทั่งฟ้าเริ่มมืดพวกเขาค่อยชะลอความเร็ว

ถัดจากนั้น เขาก็ได้แต่ตามยายกิเลนไปอย่างเงียบงัน เข้าสู่หลุมบนพื้นแห่งหนึ่ง ลงลึกสู่ใต้ดิน

เบื้องล่างพื้นดิน มันเป็นห้องกว้างสะอาด

ยายกิเลนนำกวางน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ วางร่างนั้นไว้บนมวลหมู่ดอกไม้

ร่างกวางน้อยเริ่มถูกปกคลุมด้วยมวลเมฆสีแดงเงินแวววาว จากนั้นจึงค่อยแปรสภาพกลายเป็นร่างมนุษย์

ฉินหยุนรับชมด้วยอาการตื่นตกใจ เขาเพิ่งเคยเห็นสัตว์จำแลงกายเป็นมนุษย์ครั้งแรก

แสงสีเงินพอเลือนหายจากตัวกวางน้อย จึงกลายเป็นเด็กสาวใบหน้าซีดเผือดสวมใส่ชุดขาวนอนบนเตียงดอกไม้

เด็กสาวอายุราวสิบหกถึงสิบเจ็ด นางค่อนข้างใกล้โตเต็มที่แล้ว กระนั้นคล้ายยังขาดประสบการณ์ไปบ้าง

ขณะนอนบนเตียงดอกไม้ สีหน้าซีดเผือดของนางค่อยกลับมามีสีเลือดอีกครั้ง

เด็กสาวมีรูปลักษณ์เปรียบดังภูติ ผิวหนังขาวราวหยกแก้ว คิ้วเรียวสวยได้รูป นางนิ่งและสงบ ดวงตาของนางเปรียบดังมวลน้ำที่เป็นประกาย มันปรากฏทั้งความเขินอายและสงสัยขณะมองที่ฉินหยุน

“ข้าช่วยยายกิเลนของเจ้าเอาไว้แล้ว เป็นเจ้าบอกว่าจะมอบโอสถลึกล้ำแก่ข้า ขณะนี้ได้เวลาเติมเต็มสัญญานั้นแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวคำ

ยายกิเลนพอได้ยิน คิ้วของนางจึงขมวด “กวางน้อย นี่จริงหรือ?”

เด็กสาวพยักหน้ารับ นางมองที่ฉินหยุนพร้อมกล่าว “ข้านามไป่เสี่ยวลู่ ขอบคุณท่านผู้จิตใจดี ข้าย่อมรักษาสัญญา!”

“ท่านยาย เป็นเขาเสี่ยงชีวิตช่วยท่าน กระทั่งถูกทรมาน ท่านเองก็ได้เห็นแล้ว!” ไป่เสี่ยวลู่ค่อยลุกขึ้นจากเตียง เข้าไปเกาะแขนยายกิเลนพร้อมกระซิบบอกกล่าว

“รู้แล้ว รู้แล้ว!” ยายกิเลนถอนหายใจ

ยายกิเลนผู้นี้ไม่ชื่นชอบมนุษย์ กระนั้นขณะนี้นางก็ยังกล่าวขอบคุณต่อฉินหยุน “ขอบคุณเจ้าแล้ว!”

“อย่าได้มากมารยาทไป เพราะข้าจะได้รางวัลจึงยอมโจมตีไปเช่นนั้น!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

“ท่านผู้นี้ ข้าจะนำท่านไปเอาโอสถลึกล้ำเหล่านั้นเอง!” ไป่เสี่ยวลู่กล่าวออก นางผลักประตูในห้องใต้ดิน

ฉินหยุนติดตามนาง เดินต่อไปยังห้องหินกว้างใหญ่ใต้ดิน ที่แห่งนี้มีสมุนไพรลึกล้ำและต้นไม้ลึกล้ำกระจายอยู่ทั่ว

“เหล่านี้คือโอสถลึกล้ำ!” ไป่เสี่ยวลู่มองทางมวลหมู่ดอกไม้และพืชพรรณด้วยสีหน้าสุขใจ

“ดอกบัวราตรี และกุหลาบวิญญาณจันทราล้วนมี ทั้งยังมีมากเสียด้วย!” ฉินหยุนจ้องมองพวกมัน พอได้เห็นโอสถลึกล้ำที่ตนต้องการ พวกมันมีกันมากกว่าสิบ

“พวกมันเอาไว้ใช้เพื่อฝึกฝนกระดูกวิญญาณ!” ไป่เสี่ยวลู่เผยเสียงเบา

“ข้าต้องการอย่างละแปดผล ได้หรือไม่?” ฉินหยุนกล่าวถาม เป็นเขาคิดเร่งรีบปรุงเม็ดยาขึ้นมา

ไป่เสี่ยวลู่พยักหน้ารับ นางอาสาไปเก็บมันให้ฉินหยุน

ฉินหยุนนำเอากล่องหยกออกมาพร้อมเก็บพวกมันไว้

ที่นี่ยังมีโอสถลึกล้ำอีกหลายอย่าง ฉินหยุนจำได้ว่าพวกมันมีสรรพคุณแตกต่างกันไป แม้ว่าภายนอกจะดูคล้ายคลึงกันก็ตาม

“พอแล้ว ข้าหาได้ใช่คนโลภดังที่คิดไม่!” ฉินหยุนที่ได้เท่านี้ก็ยิ้มออกเผยความพึงพอใจมากแล้ว

“ในเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ พลังเซียนค่อนข้างเบาบาง ทั้งยังยิ่งเจือจางเมื่อเวลาผ่านไป โอสถลึกล้ำที่เติบโตยิ่งมายิ่งน้อยลง ที่นี่แทบไม่เหมาะสมแก่พวกเราแล้ว” ยายกิเลนถอนหายใจ “แต่พวกเราก็ไม่มีกำลังที่จะออกไปได้ จึงได้แต่ต้องอาศัยโอสถลึกล้ำเหล่านี้เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น!”

ไป่เสี่ยวลู่พยักหน้ารับ “ท่านผู้ใจดี ข้าคิดว่าท่านจะนำโอสถลึกล้ำทั้งหมดที่นี่ไปเสียอีก ขอบคุณท่านที่เมตตา!”

“คิดออกไปหรือ? หากเชื่อในตัวข้า ข้าก็สามารถบอกทิศทางให้ได้!” ฉินหยุนพลันเกิดความนึกคิดบางอย่างขึ้น

“เจ้าคิดพาพวกเราออกไป?” ยายกิเลนขมวดคิ้ว “เจ้าคล้ายจะมีศัตรูใหญ่หลวง เรื่องนี้ทำได้หรือ?”

“หากเชื่อในตัวข้า เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาใด!” ฉินหยุนหัวเราะ

“ท่านนามว่าอะไร? พวกเรายังไม่ทราบนามของท่านเลย!” ไป่เสี่ยวลู่กระซิบถาม นางค่อนข้างเขินอายยิ่งนักยามถามถึงชื่อของผู้อื่น

“ฉินหยุน!” ฉินหยุนเผยรอยยิ้มบาง

“นายน้อยฉิน เจ้าได้เข้าไปในคฤหาสน์เซียนราชสีห์สวรรค์มาหรือ?” ยายกิเลนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ถูกต้องแล้ว!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

“คฤหาสน์แห่งนั้นเป็นบรรพบุรุษราชสีห์สวรรค์สร้างขึ้น ครั้งที่เขาสังหารสัตว์ร้ายไปมากมาย จึงนำความสงบมาสู่ที่นี่! ทำให้ทุกคนได้เติบโตขึ้นมา” ยายกิเลนเผยความโศกออกมา “ตั้งแต่เขาจากไป ทุกสิ่งอย่างล้วนแปรเปลี่ยนไปหมด!”

“ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่? ข้าสามารถช่วยท่านออกไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง ที่นั่นมีที่ให้พวกท่านได้ไปมากมายนัก!” ฉินหยุนกล่าว

“ไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างหรือ?” ยายกิเลนเผยความกังวล “สถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไร?”

“ถือว่ายังสงบ!” ฉินหยุนกล่าวตอบ

ไป่เสี่ยวลู่กล่าวออก “พวกเราคิดว่าหลังฝึกฝนจนถึงขอบเขตเซียน พวกเราจะออกไปยังเส้นทางเซียนของแดนวิญญาณอ้างว้าง เพื่อเข้าสู่แดนเซียนอ้างว้าง! กระนั้นมันต้องใช้เวลายาวนานยิ่ง โดยเฉพาะตอนนี้ที่ที่นี่ไม่มีพลังเซียนหลงเหลือ คิดฝึกฝนถือเป็นเรื่องยาก”

“อย่างนั้นก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ!” ฉินหยุนกล่าว “เมื่อไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง สถานการณ์น่าจะมีแต่ดีขึ้น!”

ยายกิเลนและไป่เสี่ยวลู่ ได้แต่เชื่อฉินหยุนแล้ว

วิญญาณสัตว์ของไป่เสี่ยวลู่ค่อนข้างพิเศษ นางสามารถเปิดมิติพิเศษ ทำการเก็บโอสถลึกล้ำสู่มิติของตัวนางได้

ฉินหยุนนำเอายันต์คำสั่งเซียนจิ้งจอกออกมา เพื่อคิดหากลุ่มศิษย์จากเกาะจันทราปีศาจ

“นายน้อยฉิน มนุษย์ที่งดงามสองคนนั้นที่ข้าพบครั้งก่อน ท่านรู้จักพวกนางหรือ? ขณะนี้พวกนางปลอดภัยดีหรือไม่?” ไป่เสี่ยวลู่เอ่ยถามด้วยความกังวล

นางได้พบเฟิงหงหลันก่อนหน้านี้ และยังค่อนข้างรู้สึกขอบคุณต่อเฟิงหงหลัน

ฉินหยุนได้เห็น ว่าไป่เสี่ยวลู่ค่อนข้างชื่นชอบดอกไม้ เพราะเฟิงหงหลันมีวิญญาณยุทธ์กล้วยไม้แดง นางจึงรู้สึกสนิทใจกับอีกฝ่าย

“ข้ารู้จักพวกนาง และพวกนางยังสบายดี! ข้าคิดพาไปพบพวกนางแหละนะ” ฉินหยุนกล่าวตอบ “พวกนางคิดย้ายไปยังสำนักใหม่ ที่แห่งนั้นมีสัตว์และภูติมากมายที่จำแลงกายเป็นมนุษย์คงอยู่ ถือว่าเหมาะสมกับพวกเจ้า!”

ยายกิเลนพอได้ยิน นางยิ่งเกิดความคาดหวัง

เพียงไม่นาน ฉินหยุนค่อยตามจนพบเหยาหมิน

เชี่ยวเย่ว์หลานและเทียนรั่วเหลิงยังคงอยู่กับกลุ่มนี้

ฉินหยุนที่พาไป่เสี่ยวลู่และยายกิเลนมาถึงที่หมาย เขาเร่งรีบอธิบายสถานการณ์ให้อีกฝ่ายได้ฟัง

เหยาหมินเกิดความตื่นเต้นยินดี กิเลนเป็นสัตว์สวรรค์ทรงพลัง หากนางเข้าร่วมสำนัก นางจะนำพามาซึ่งกำลังอันแกร่งกล้า

เฟิงหงหลันที่ได้เห็นไป่เสี่ยวลู่ นางคล้ายจดจำได้ทันทีว่าเป็นกวางน้อย

“เสี่ยวหยุน หัวหน้าเก๋อของเจ้าได้รับบาดเจ็บ และทางด้านกู่เฉิงเฟิงจากขุนเขาเซียนอัคคีครามทั้งกลุ่มถูกล้างบาง” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว นางคาดเดาได้ว่าสมควรเป็นฝีมือของฉินหยุน

“รู้แล้ว ข้าจะกลับไปพบหัวหน้ากลุ่ม ข้ายังมีกระดูกสัตว์สวรรค์ฝากกับเขาเอาไว้ไม่ใช่น้อย!” ฉินหยุนหัวเราะรับ ถัดจากนั้นเขาค่อยบอกลาเชี่ยวเย่ว์หลานและคณะ ก่อนจะเร่งรีบจากไป

สถานที่ซึ่งเขากำลังมุ่งหน้าไป คือปากทางเข้าเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ ที่ซึ่งเป็นจุดรวมตัวอย่างปลอดภัยที่สุด

เก๋อหมิงเจียงก็พักรักษาตัวอยู่ที่นี่

ที่ทางเข้าเป็นม่านแสงขนาดใหญ่ ใกล้เคียงม่านแสงมีแต่ทุ่งหญ้ากว้าง

กระโจมหลายหลังตั้งปักหลักกันที่นี่ เป็นของหลายกลุ่มจากหลายสำนัก

ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีไม่น้อย พวกเขาต่างถูกส่งตัวกลับมาที่นี่เพื่อพักรักษา

ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาเดินทางกลับ พวกเขากังวลว่าจะไม่อาจเข้ามาได้อีกเมื่อออกไป และนี่ถือเป็นการโอกาสสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้แต่อยู่โยงพยายามหาตัวสัตว์สวรรค์หลังพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว

เมื่อคนหนึ่งเห็นฉินหยุนใกล้เข้ามา เขาถึงกับร้องออกด้วยอาการตื่นตกใจ “ชายไว้หนวดนั่น หยุนต้าเหรินไม่ใช่หรือ? ผู้ที่ตบหน้าเหลียวฉงเจิ้งไปถึงสามครั้งครา!”

“ยังรอดชีวิตได้อยู่หรือนั่น? ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักหวั่นเกรงความตายนัก!” หนึ่งในกลุ่มคนกระซิบกล่าว “ยั่วยุเหลียวฉงเจิ้ง ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย!”

“เหลียวฉงเจิ้งออกมาโน่นแล้ว!” คนหนึ่งหันมองทางกระโจมใหญ่ น้ำเสียงเผยความตื่นเต้นยินดี “คงได้มีเรื่องสนุกให้ชมแก้เบื่อสักหลายฉาก!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด