ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0553 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0555 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0554 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 554 : เสียหน้า

ฉินหยุนเร่งรีบเคลือบใบหน้าตนเองไว้ด้วยพลังตะวันทมิฬ

กระทั่งว่าต้องเปิดเผยออร่า เขาก็จะไม่มีทางยอมโดนเหลียวฉงเจิ้งตบใบหน้า เรื่องนี้ถือเป็นความอัปยศจนเกินไป

“เจ็ด... แปด... เก้า... สิบ!” เหลียวฉงเจิ้งเกิดความยินดีจนหัวเราะดัง “รับฝ่ามือข้า!”

ตู้ม!

เหลียวฉงเจิ้ง ใช้มือตนเองตบที่ใบหน้าฉินหยุนอย่างรุนแรง

อัคคีเพลิงมวลใหญ่ปะทุออก ฝ่ามือที่ลุกโชนของเหลียวฉงเจิ้ง พลันต้องหยุดเพียงไม่กี่นิ้วห่างจากใบหน้าของฉินหยุน

“ถึงคราวข้านับถึงสิบแล้ว เจ้าตบพลาด ฝ่ามือของเจ้าช่างไร้ค่านัก คราวนี้ให้ข้าได้ตบหน้าเจ้า!”

ฉินหยุนกล่าวคำจบ เขาจึงเริ่มนับ “หนึ่ง... สอง... สาม...”

เหลียวฉงเจิ้งกัดฟันแน่น เขาเร่งถ่ายเทพลังสู่แขนของตนเพื่องัดข้อให้ชนะฉินหยุน ครั้งที่เขาคิดตบใบหน้าฉินหยุน กลับต้องพบว่าถูกหยุดเอาไว้โดยพลังบางอย่าง มันทำให้อารมณ์ของเขาบูดบึ้งมากขึ้น

“แปด... เก้า... สิบ... ข้านับจบแล้ว ให้ข้าได้ตบหน้าเจ้า!” ฉินหยุนยิ้มอ่อน

ผู้คนต่างอัศจรรย์ใจต่อพลังชวนสะพรึงของฉินหยุน ไม่เพียงแต่กำลังกาย แต่เขายังสามารถขวางฝ่ามือของเหลียวฉงเจิ้งที่คิดตบเอาไว้ได้!

ครานี้หาได้มีผู้ใดกระพริบตา พวกเขาไม่คิดพลาดฉากการปะทะของฉินหยุนและเหลียวฉงเจิ้ง

พวกเขาคิดอยากเห็น ว่าฉินหยุนจะสามารถตบหน้าเหลียวฉงเจิ้งได้สำเร็จหรือไม่

การเทียบเปรียบเช่นนี้ออกจะโง่งมไปบ้าง แต่ก็เป็นการทดสอบความสามารถของคนผู้หนึ่งได้

ยามต้องงัดข้อ ตัวผู้แข่งขันจะไม่อาจส่งถ่ายพลังไปมากเพื่อทำลายการป้องกันของอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นสมดุลที่รักษาเอาไว้อาจพังทลาย

เมื่อคิดป้องกัน พวกเขาก็ไม่อาจใช้พลังไปมากได้ ไม่เช่นนั้นอาจต้องพ่ายแพ้การงัดข้อ

นี่คือการทดสอบกระจายพลังและความต่อเนื่องในการใช้พลัง ถือเป็นความยากประการหนึ่ง

ผู้คนพอคิดให้ดี พบว่าหากตนเป็นผู้ที่ลงเล่น พวกเขาอาจไม่สามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้นานนัก

ด้วยเหตุนี้ ครั้งที่ฉินหยุนต้านรับมือของเหลียวฉงเจิ้งเอาไว้ได้ จึงทำให้หลายผู้คนเกิดอาการตื่นตะลึง

“ข้านับถึงสิบแล้ว และกำลังจะตบที่ใบหน้าเจ้า เตรียมรับให้ดี!”

เขาปลดปล่อยพลังสั่นไหว คิดตบตีที่ใบหน้าของเหลียวฉงเจิ้ง

เหลียวฉงเจิงเร่งรีบใช้พลังเต๋าแกร่งกล้าเข้าคุ้มกันใบหน้าตนเองเอาไว้

ฝ่ามือของฉินหยุนอัดแน่นด้วยพลังสั่นไหวแรงกล้า มันสลายการป้องกันของเหลียวฉงเจิ้งเปรียบดังไม่เคยมีอยู่ ฝ่ามือของเขาเคลื่อนตัวดุจสายฟ้าฟาดเข้าที่แก้มของเหลียวฉงเจิ้ง

ตู้ม!

เสียงตบหน้าไม่มีทางไม่ดัง ทว่ามันกลับดังเปรียบดังการระเบิด ชัดเจนว่าพลังที่อยู่เบื้องหลังการตบครั้งนี้รุนแรงเพียงใด

หน้าขาวของเหลียวฉงเจิ้ง ขณะนี้เกิดขึ้นเป็นรอยนิ้วสีดำทั้งห้าปรากฏเด่นชัด!

ใบหน้าของเขาถึงกับดำมืดพร้อมเผยความเคร่งเครียด

ผู้คนเกิดอาการตื่นตะลึงอ้าปากตาค้าง พวกเขาถึงขั้นรู้สึกหนาวเย็นถึงขั้วหัวใจ!

เหลียวฉงเจิ้งเป็นยอดอัจฉริยะแห่งหุบเขาเซียนโอสถ สถานะสูงส่ง กำลังยอดเยี่ยม ปกติแล้วไม่มีผู้ใดควรค่าในสายตาของเขา เขาคือผู้ยิ่งใหญ่ไร้ใครเทียบเคียง

ครานี้ เขากำลังโดนชายไร้ชื่อเสียงเรียงนามตบเข้าที่ใบหน้า!

เหลียวฉงเจิ้งไม่ทราบ ว่าบุคคลที่ตบใบหน้าตนขณะนี้คือฉินหยุน!

นี่ถือเป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉินหยุนตบหน้าเหลียวฉงเจิ้ง ทว่าตัวเหลียวฉงเจิ้งเองไม่ทราบ หากเขาทราบ คงกระอักเลือดแห่งความโกรธแค้นออกมาจนแทบตายตก

“กล้าดีนัก!”

เหลียวฉงเจิ้งยิ่งเกรี้ยวกราด ถึงขนาดกายสั่นเทิ้ม เป็นเขาไม่กล้าผ่อนคลายร่างกาย เพราะหากเขาพ่ายแพ้การงัดข้อ มันหมายความถึงเขาต้องสูญเสียกระดูกสัตว์สวรรค์ถึงห้าหมื่นจิน

เขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุดของหุบเขาเซียนโอสถ หากพ่ายแพ้ ก็หมายความถึงไม่มีทางทวงชัยชนะกลับคืนมาได้อีก

เหลียวฉงเจิ้งถูกตบที่ใบหน้า กระนั้นปากก็หาได้พูดกล่าวคำใด เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาเสนอ เป็นเขาสำนึกเสียใจแทบตายตกแล้ว

“ถึงคราวข้าแล้ว หนึ่ง... สอง... สาม... ...เก้า... สิบ!” เหลียวฉงเจิ้งพอนับจบคำ ฝ่ามือจึงลั่นเข้าใส่ใบหน้าฉินหยุนอีกครั้งหนึ่ง

การตบครั้งนี้ ก็ยังเป็นพลังของฉินหยุนสกัดเอาไว้ได้เพียงระยะน้อยนิดจากใบหน้า

ฉินหยุนเริ่มนับของตน เมื่อถึงสิบ เหลียวฉงเจิ้งก็ยังไม่อาจใช้เรี่ยวแรงที่มีสะกดมือของเขาลงกับโต๊ะ

“รับให้ดี!”

ฉินหยุนหัวเราะเยือกเย็น ครั้งถึงคราวเขานับ ตัวเลขถูกนับอย่างรวดเร็ว และทันทีหลังนับครบ ฝ่ามือก็แทบจะลั่นถึงใบหน้าแล้ว

เหลียวฉงเจิ้งพยายามรักษาอาการปูดบวมและความเจ็บปวดที่ใบหน้า กระนั้นครานี้เขากลับถูกตบอีกครั้งหนึ่ง

ที่น่าสะพรึงกว่า คือแรงตบครั้งนี้มหาศาลขนาดปากของเหลียวฉงเจิ้งแตกเลือดไหลนอง

เหลียวฉงเจิ้งเลียรอบริมฝีปาก ดวงตาหรี่เล็ก เขามองที่ฉินหยุนด้วยแววตาทั้งโกรธแค้นและคิดฆ่าฟัน ขณะนี้เขาอยู่ระหว่างการงัดข้อ อื่นใดล้วนไม่อาจลงมือทำได้

เชี่ยวเย่ว์หลานและคณะ ต่างมองเขาด้วยท่าทีขบขัน

หลายคนยังอดไม่ได้ ที่จะเผยเสียงหัวเราะดังออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า เหลียวฉงเจิ้ง เจ้าควรยอมรับความพ่ายแพ้ได้แล้ว! หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อ เจ้าคงถูกตบหน้าจนกระทั่งมารดาเจ้าไม่อาจจดจำแล้ว!” เก๋อหมิงเจียงย่อมไม่หวั่นเกรงใดต่อเหลียวฉงเจิ้ง เขาจึงกล้าเหยียดหยันอีกฝ่ายด้วยเสียงหัวเราะดังก้อง

“หุบปาก!” เหลียวฉงเจิ้งคำราม เขาถูกตบที่ใบหน้าสองครั้ง เรื่องนี้ไม่มีทางปล่อยวางได้

ร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำของฉินหยุน ได้ผสานแก่นเต๋าสั่นไหวและแก่นเต๋าอสนีบาตอัคคีเข้าด้วยกัน พลังที่ระเบิดออกในพริบตา เรียกได้ว่าเหนือล้ำกว่าผู้ที่อยู่ระดับเดียวกันมากนัก กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ยังยากที่จะต้านรับเอาไว้ได้

เหลียวฉงเจิ้งเร่งรีบนับ ทั้งยังนับอย่างเร็วพร้อมปล่อยมือตบเข้าใส่ใบหน้าฉินหยุนอย่างไม่คิดรีรออื่นใดอีก

ครั้งที่สาม เขาก็ยังตบไม่โดน!

ขณะนี้ เขาค่อยเข้าใจแก่ตนเอง ว่าพลังของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า มันยังมีที่ลึกล้ำและไม่อาจหยั่งถึงได้คงอยู่

เช่นกัน ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ พลังของเหลียวฉงเจิ้งถูกจำกัดเอาไว้ไม่น้อย เป็นไปไม่ได้ที่จะคิดระเบิดพลังทั้งหมดออก

ในความเป็นจริง นี่ถือเป็นปัญหาที่รากฐานของตัวเขาเอง

ทางด้านฉินหยุน เขาสามารถเผยพลังออกได้อย่างไม่ยากเย็น

“ถึงคราวข้าแล้ว!” ฉินหยุนเตรียมนับอีกครั้ง

เหลียวฉงเจิ้งทราบกระจ่างชัด ว่าครั้งนี้ตนอย่างไรก็ต้องถูกตบที่ใบหน้า

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดอยากเร่งรีบยอมแพ้ โดยทำการลดทอนกำลังที่ข้อมือลง เพราะคิดอยากให้ฉินหยุนได้รับชัยชนะ

ฉินหยุนย่อมรับรู้ได้ ว่ากำลังข้อแขนของเหลียวฉงเจิ้งอ่อนแรง เขาจึงเร่งรีบลดทอนพลังของตนเองลงตามติด เป็นเขาไม่คิดกดมือของเหลียวฉงเจิ้งลงในขณะนี้

เช่นนี้ เขาจะสามารถตบหน้าเหลียวฉงเจิ้งต่อได้!

ตู้ม!

ฉินหยุนลงมือตบเป็นครั้งที่สาม และครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำใบหน้าของเหลียวฉงเจิ้งบาดเจ็บ แต่ยังทำเอากว่าครึ่งหน้าบวมปูดจนแทบไม่เห็นลูกตา ขณะนี้ดวงตาอีกฝ่ายคิดลืมขึ้นถือว่ายากลำบากแล้ว

“นี่เจ้าไม่ยอมเอาชนะข้า เพียงคิดอยากตบข้า!” เหลียวฉงเจิ้งคำรามดัง พร้อมถอนมือตนเองกลับ

เป็นเขาไม่คิดเล่นต่อแล้ว!

หากเขายังเล่นต่อ ก็มีแต่ต้องอดทนจนอกแตกตาย

ผู้คนต่างยอมรับหยุนต้าเหรินผู้นี้ เขาถึงขั้นกล้ากระทำต่อเหลียวฉงเจิ้งได้เพียงนี้

“เหลียวฉงเจิ้ง เป็นเจ้าถอนตัวอย่างกะทันหัน นี่ถือเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ นำเอากระดูกสัตว์สวรรค์ห้าหมื่นจินออกมาโดยเร็ว!” เก๋อหมิงเจียงหัวเราะดัง ภายในใจขณะนี้ยิ่งนับถือต่อฉินหยุน ที่ถึงขั้นทำให้เหลียวฉงเจิ้งพ่ายแพ้อย่างสิ้นรูปเพียงนี้ได้

เหลียวฉงเจิ้งถูกตบใบหน้าท่ามกลางฝูงชน และหากเขาคิดกลับคืนคำพูด ก็มีแต่ต้องอัยอายมากยิ่งขึ้น

“หืม เจ้าไม่คิดส่งมางั้นหรือ?” เก๋อหมิงเจียงเผยสีหน้าดำมืดและเย็นเยือก

“ข้าไม่ให้ เจ้าจะทำอะไรข้าได้?” เหลียวฉงเจิ้งหรี่ดวงตาที่บวมปูด สายตาจับจ้องที่ฉินหยุนและเก๋อหมิงเจียง

“หากเจ้าไม่ยอมส่งมอบ ก็อย่าได้หาว่าพวกเราเสียมารยาท!” เก๋อหมิงเจียงชักอาวุธของตนออก เป็นเขาเผยสีหน้าแน่วแน่พร้อมจิตสังหารเปี่ยมล้น

ได้เห็นเก๋อหมิงเจียงเอาจริง ผู้อื่นต่างเร่งถอยหนี

การต่อสู้ระหว่างขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น แต่ละกระบวนท่าย่อมไม่ใช่กินพื้นที่เล็กจ้อย

นครเซียนยุทธภัณฑ์เป็นผู้ที่เหนือกว่า ดังนั้นบรรดาศิษย์ของพวกเขาจึงมีขวัญกำลังใจเปี่ยมล้นพร้อมต่อสู้

อีกทางหนึ่ง หุบเขาเซียนโอสถบาดเจ็บกันไปหลายคน จำนวนโดยรวมแต่เดิมก็ไม่อาจเทียบนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้

ทางด้านศิษย์ที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ก็ถือว่าเสียเปรียบนครเซียนนครยุทธภัณฑ์อักโขแล้ว

เจี้ยนหมางสังกัดนครเซียนยุทธภัณฑ์ หากเขาคิดโจมตี หุบเขาเซียนโอสถจะได้รับความเสียหายครั้งใหญ่หลวง

หากพวกเขาลากถ่วงจนปล่อยเรื่องราวบานปลายถึงภายนอก นครเซียนยุทธภัณฑ์จะมีสิทธิ์อันชอบธรรมในการบุกโจมตี

เหลียวฉงเจิ้งสร้างความผิดพลาดครั้งใหญ่ ทั้งยังถูกตบหน้าไปหลายครั้งครา เป็นเขาพร้อมระเบิดโทสะออก

โชคยังดีที่เขายังได้เห็นสถานการณ์ขณะนี้ ทราบว่าตนเองไม่อาจมีชัยเหนือนครเซียนยุทธภัณฑ์ จึงมีแต่ต้องส่งกระดูกสัตว์สรรค์ห้าหมื่นจินแก่อีกฝ่าย

ผลลัพธ์ที่ได้ หุบเขาเซียนโอสถจำต้องสูญเสียกระดูกสัตว์สวรรค์ปริมาณมหาศาล ที่หลงเหลือก็เพียงน้อยนิด

“ลูกพี่เหลียว พวกเราขณะนี้เหลือกระดูกสัตว์สวรรค์ไม่มากนัก!” ชายวัยกลางคนกล่าวกระซิบย้ำเตือน

“ช่างมัน!” เหลียวฉงเจิ้งเผยสายตากราดเกรี้ยวมองที่ฉินหยุนและเก๋อหมิงเจียง

จากนั้น กลุ่มศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถจึงเร่งรีบออกไปพ้นจากสถานที่

เก๋อหมิงเจียงมองทางศิษย์ของขุนเขาเซียนอัคคีครามพร้อมเผยยิ้ม “มิตรสหายจากขุนเขาเซียนอัคคีคราม พวกเจ้าไม่คล้ายยอมรับความสำเร็จของพวกเรานี่ คิดวางเดิมพันเช่นเดียวกันด้วยหรือไม่?”

ผู้คนจากขุนเขาเซียนอัคคีคราม ต่างเป็นประยักษ์พยานถึงความเสียหายใหญ่หลวงของหุบเขาเซียนโอสถ พวกเขาย่อมไม่กล้าพอต่อกรกับนครเซียนยุทธภัณฑ์

ผู้คนต่างได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์กันไปจำนวนหนึ่ง ขณะนี้พวกเขาพร้อมให้กลับไปรายงานความสำเร็จกันแล้ว!

เก๋อหมิงเจียงตะโกนเสียงดัง สายตาหันมองทางกลุ่มศิษย์สำนักอื่น “เมื่อใดที่กลับไป อย่าได้บอกกล่าวว่าพวกเรารังแกหุบเขาเซียนโอสถ แต่เป็นการแข่งขันอย่างยุติธรรม!”

ผู้คนต่างไม่ยินดี และชายไว้หนวดเคราหยุนต้าเหริน ยังถูกจดจำเอาไว้โดยกลุ่มคนว่าเป็นชายผู้ชั่วร้าย

“มิตรสหายหยุน ขณะนี้เจ้ามีกระดูกสัตว์สวรรค์รวมทั้งสิ้นหกหมื่นจิน!” เก๋อหมิงเจียงกล่าวคำ “เมื่อใดกลับไปแล้ว นครเซียนยุทธภัณฑ์ย่อมตบรางวัลแก่เจ้าตามน้ำหนักของกระดูกเหล่านี้แน่นอน!”

“หัวหน้าเก๋อ กระดูกสัตว์สวรรค์เหล่านี้เอาไว้ใช้ทำอะไรกัน?” ฉินหยุนกำลังคิดว่ากระดูกเหล่านี้สมควรใช้ขัดเกลาได้

“นี่สมควรเป็นวัสดุชั้นดีในการขัดเกลา! บางทีอาจทำให้เป็นผงก่อนกระมัง? ข้าย่อมไม่ทราบแน่ชัด โดยสรุป มันสามารถเอาไว้ใช้ขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำได้!” เก๋อหมิงเจียงกล่าวตอบ

ฉินหยุนคิดติดตามเก๋อหมิงเจียง เขาคิดอยากออกไปข้างนอกพร้อมอีกฝ่าย เป็นเขาไม่ต้องการใช้เส้นทางมิติบิดเบี้ยวนั้นอีก เพราะนั่นถือเป็นความเสี่ยงเกินไป

เหลียวฉงเจิ้งสูญเสียครั้งใหญ่ เรื่องราวนี้ถูกแพร่กระจายส่งต่อถึงหลายกลุ่ม

บรรดาหัวหน้ากลุ่มที่ใช้ไข่มุกเสียงสื่อสาร ต่างเชื่อมโยงถึงกันและกัน หลังเกิดเรื่อง มันก็แพร่กระจายออกแทบในพริบตา เหลียวฉงเจิ้งเสียหน้าครั้งใหญ่หลวงต่อคนหมู่มาก

หลังจากได้เข้าสู่คฤหาสน์เซียนราชสีห์สวรรค์ และได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์ พวกเขาต่างคิดเร่งรีบกลับไปรายงานภารกิจที่สำเร็จอย่างงดงาม

นี่คืองานหลักของพวกเขา โดยเฉพาะกับบรรดาศิษย์ชั่วคราว พวกเขากำลังจะได้รับโอกาสอันดีที่จะกลายเป็นศิษย์นอกของสำนักเซียน

เก๋อหมิงเจียงยังไม่คิดกลับ กลุ่มของเขายังคิดออกสำรวจทั่วเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ต่อ

“สัตว์สวรรค์ที่แข็งแกร่งภายในตายหมดสิ้นแล้วหรือไรกัน?” เก๋อหมิงเจียงออกนำกลุ่มอยู่หลายวัน ขณะนี้กำลังพักผ่อนใกล้ริมแม่น้ำใหญ่

กลุ่มนี้มีกันกว่ายี่สิบคน เจี้ยนหมางก็รวมอยู่ด้วย ตลอดการเดินทางเขาไม่ส่งเสียงใดแม้ครึ่งคำ

ฉินหยุนทราบ ว่าเจี้ยนหมางจดจำตนเองได้ กระนั้นอีกฝ่ายกลับไม่พูดกล่าวอันใด

“สัตว์สวรรค์ภายในเขตแดนอ้างว้างสมควรยังคงมี เป็นไปได้ว่าขณะนี้ต่างหลบซ่อน!” ฉินหยุนพูดกล่าวขึ้น “หัวหน้า บรรดาผู้อาวุโสบอกต่อท่านหรือไม่ ว่าเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์แห่งนี้กว้างใหญ่เพียงใด?”

“ข้าย่อมไม่ทราบ แต่ไม่ควรใหญ่โตเกินไปนัก น่าจะใช้เวลาอีกสองถึงสามวันคงถึงสุดปลายขอบ!” เก๋อหมิงเจียงคิ้วขมวด “อย่างไรแล้วมันสมควรต้องมีสัตว์สวรรค์ที่แข็งแกร่งคงอยู่! เหตุใดพวกเราไม่พบเจอแม้สักตัว?”

ฉินหยุนทราบสาเหตุ เพราะพวกมันถูกราชสีห์สวรรค์สังหารจนสิ้น

กระทั่งว่ามีสัตว์สวรรค์ พวกมันก็คงเป็นสัตว์จำพวกกินพืช เหล่านั้นล้วนมีขนาดตัวเล็กยิ่ง

ฮูม!

ท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดง อย่างกะทันหัน เสียงคำรามร้องดังปรากฏ มันมาพร้อมดวงตะวันตกดินที่สีสันเย็นเยือก ทำเอาผู้พบเห็นเกิดความหวาดกลัวเกินใดเทียบเปรียบเกาะกุมหัวใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด