ตอนที่แล้วGE392 ขอบเขตกระดูกหยกที่ 4 [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE394 กษัตริย์พิรุณเหยาหยุน [ฟรี]

GE393 ผ้าคลุมลวงสวรค์ [ฟรี]


ผ้าคลุมลวงสวรรค์ สมบัตระดับไร้แบ่งแยกที่สามารถยกระดับโดยการผสานมันเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย ทำให้ป้องกันการจับสัมผัสของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้

ตามคำบอกเล่า มีเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเท่านั้นที่สามารถผสานรวมเป็นหนึ่งกับผ้าคลุมลวงสวรรค์ได้

แต่หนิงฝานมั่นใจว่าตนเเองก็ทำได้เช่นกัน เหตุที่เขามั่นใจเป็นเพราะเขามีโลหิตฟู่ลี่ สายเลือดเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่คนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่

สายเลือดของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่นั้นคือสายเลือดที่แข็งแกร่ง มีทั้งปีกที่ทำให้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ มีทั้งวิชาลวงตาที่โดดเด่น ที่สำคัญ หนิงฝานยังครอบครองวิชาลับที่สืบทอดกันทางสายเลือดของเผ่าพันธุ์มังกรทมิฬ

โลหิตมังกรทมิฬที่ได้มาโดยบังเอิญนั้น ทำให้หนิงฝานสามารถผสานกับโลหิตฟู่ลี่ได้อย่างสมบูรณ์ จนทำให้เกิดสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ อย่างการที่โลหิตของสองเผ่าพันธุ์จะอยู่ในร่างเดียวกันได้ ซ้ำยังทำให้ใช้วิชาลับของเผ่าพันธุ์อื่นได้ด้วย

หนิงฝานถือผ้าคลุมลวงสวรรค์พลางขบคิด บนผ้าคลุมมีการสลักอักษรของเผ่าพันธุ์อสูรไว้  บนไหล่ซ้ายถูกสลักด้วยอักษรพิเศษเฉพาะ ประกอบกันเป็นรูปเมฆาแดง

หนิงฝานแผ่ปราณเข้าไปในภายผ้าคลุมเพื่อสำรวจ และพยายามผสานกับมันด้วยการผสานโลหิตของตนเข้าไป

ตอนแรกผ้าคลุมปฏิเสธและไม่ยอมทำพันธะสัญญาด้วย เพราะระดับพลังของเขาด้อยเกินไป

แต่เมื่อมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของโลหิตฟู่ลี่ มันกลับหวาดกลัวและไม่กล้าขัดขืน

การผสานทำพันธะดำเนินไปเพียง 3 วัน หนิงฝานทั้งดีใจและประหลาดใจโลหิตฟู่ลี่ เพราะอานุภาพของมันทรงพลังเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก

นั่นหมายความว่า เขาสามารถทำพันธะกับสมบัติระดับไร้แบ่งแยกได้ไม่ยาก

หยูฉงเอ๋อร์เห็นหนิงฝานนั่งนิ่งไม่ขยับ นางเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อ นางอยากจะออกไปข้างนอก แต่ทาสไร้ดัดแปลง 3 ตนยืนขวางไว้ อีกอย่างภายนอกก็มีอสูรไร้ดัดแปลงอยู่ นางจึงกลัวไม่กล้าออกไป

นางรู้สึกเบื่อหน่าย จึงจ้องมองหนิงฝานและขบคิด

“ที่เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ไม่ใช้เพราะโชคช่วย อาจารย์เคยกล่าวว่าเขาคือผู้ที่ต่อต้านสวรรค์ ถากถางเส้นทางเป็นของตน...”

ในขณะที่นางจ้องมองหนิงฝานอยู่นั้น จู่ๆหนิงฝานกลับสวมผ้าคลุมแล้วเงยหน้ามองนางจนนางต้องหลบตา

“ที่นั่งจ้องนานๆเพราะหลงเสน่ห์ผ้าคลุมเหรอ?” นางกล่าวล้อเลียนหนิงฝาน

“แล้วที่เจ้านั่งจ้องข้าเป็นวันๆ เจ้าหลงเสน่ห์ข้าเหรอ?” หนิงฝานกล่าว

“คะ...ใครหลงเสน่ห์เจ้า” นางหันหน้าหนีไม่สนใจหนิงฝาน

หนิงฝานเองก็เลิกหยอกล้อนาง เขาลงยืนและเดินตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ ลงมือสร้างห้องอีกแห่งและเปิดกั้นเส้นทางไม่ให้นางเข้ามาได้

ยามนี้หนิงฝานทำพันธะกับผ้าคลุมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยกระดับให้มัน ซึ่งขั้นตอนนี้อาจทำให้เกิดอันตราย

หนิงฝานหวนนึกถึงคนผู้หนึ่งที่ปรากฏอยู่ในความทรงจำ คนผู้นั้นยกระดับปีกวายุอัสนี ทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น 3 ใน 10 ส่วน...

เมื่อปิดห้องที่สร้างขึ้นใหม่แล้ว หนิงฝานถอดอาภรณ์ออกเหลือเพียงผ้าคลุม จากนั้นจุดเพลิงทมิฬลุกโหมทั่วร่าง

เพลิงทมิฬจะช่วยยกระดับและทำให้ผ้าคลุมบริสุทธิ์ เมื่อผ้าคลุมเริ่มบริสุทธิ์ ระดับของมันค่อยๆเพิ่มขึ้น และค่อยๆผสานเข้าไปในร่างหนิงฝานช้าๆ

ในระหว่างการผสาน ความเจ็บปวดที่ยากจะทนแล่นไปทั่วร่าง

ผ้าคลุมลวงสวรรค์เป็นสมบัติระดับไร้แบ่งแยก จึงทรงพลังกว่าสมบัติทั่วไปมาก

การที่หนิงฝานฝืนผสานกับมันด้วยระดับพลังที่ยังไม่ถึงขั้น ทำให้ร่างกายของเขายากจะต้านทานอานุภาพมัน นำมาซึ่งความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย

ที่สำคัญ ผ้าคลุมลวงสวรรค์มีการอำพรางที่ดีกว่าอัฐิสวรรค์ที่หนิงฝานมีด้วย

ผ่านไปครึ่งวัน ผ้าคลุมผสานเข้าร่างหนิงฝานได้ 3 ใน 10 ส่วน

ผ่านไปวันที่ 2 ผ้าคลุมลวงสวรรค์เริ่มแสดงผลของความสามารถ อำพรางกลิ่นอายของเขา

ผ่านไปถึงวันที่ 3 การยกระดับและผสานของผ้าคลุมก็เสร็จสิ้น

เพลิงทมิฬมอดดับ หนิงฝานผ่อนลมหายใจ

เขาลองนึกถึงผ้าคลุม มันก็ปรากฏขึ้นสวมทับกายของเขาทันที ทำให้ตัวเขาหายไปราวกับไร้ตัวตน

เมื่อนึกว่าให้ผ้าคลุมหายไป มันก็หายกลับเข้าไปในร่าง… ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“หากมีผ้าคลุมลวงสวรรค์นี้อยู่ ต่อให้พบผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ข้าก็ยังเอาตัวรอดได้”

การเก็บตัวของหนิงฝาน ทำให้ฉงเอ๋อร์ที่เฝ้ารอเป็นกังวล

เพราะหากหนิงฝานล้มเหลว เขาอาจไม่รอด

“แปลกมาก… เจ้าซัวหมิงจะอยู่หรือตาย เหตุใดข้าต้องเป็นกังวล”

“บางทีที่ข้ากลัวว่าเขาจะตาย เป็นเพราะหากเขาตาย ก็จะไม่มีใครพาข้าออกไปจากที่นี่” นางกล่าวกับตนเองโดยไม่ทันได้สังเกตุว่าหนิงฝานกำลังเดินออกมาจากห้อง

“เจ้ากำลังเป็นห่วงข้าอยู่เหรอ?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าวถาม

“ไม่หนิ… ทำไมข้าต้องห่วงเจ้า?” นางกล่าวอย่างมั่นใจ

เมื่อเห็นว่าหนิงฝานไม่เป็นอะไร นางจึงผ่อนคลาย ดูเหมือนการผสานจะเป็นไปได้ด้วยดี

เมื่อ 3 วันก่อน นางเป็นห่วงหนิงฝานจนอยากจะขอให้เขาเลิกผสานกับผ้าคลุม

หนิงฝานยิ้มพลางฉวยมือนาง พานางมุ่งออกไปจากถ้ำ โดยที่ไม่ได้ให้อสูรไร้ดัดแปลงทั้งสามติดตามไปด้วย

เมื่อหนิงฝานพ้นถ้ำออกมาโดยไม่มีทาสไร้ดัดแปลงคุ้มกัน และไร้ซึ่งกระบี่มังกรโลหิต เหล่าอสูรจำนวนมากจึงหวังเข้าจู่โจม พวกมันเปล่งเสียงคำรามเป็นสัญญาณ ก่อนที่จะกรูกันเข้ามา!

ใบหน้าฉงเอ๋อร์ซีดขาวด้วยความหวาดกลัว เดิมทีนางนึกว่าหนิงฝานจะพานางออกมาทำเรื่องระหว่างบุรุษสตรี แต่เมื่อเห็นเหล่าอสูรจำนวนมหาศาลตรงเข้ามา ร่างกายของกลับตอบสนองโดยการกอดหนิงฝานแน่น

“พะ...พวกเรารีบกลับเถอะ ถ้าอสูรไร้ดัดแปลงพบร่องรอยและเข้าล้อม พวกเราไม่รอดแน่...”

“เจ้ากลัวตายเหรอ?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าวถาม

“ก็กลัวหน่ะสิ!” นางกล่าวอย่างไม่ลังเล

“ข้าก็กลัว เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ให้พวกมันพบ… ผ้าคลุมลวงสวรรค์!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา ผ้าคลุมปรากฏห่มคลุมร่างกายโดยไร้ที่มา

ผ้าคลุมลวงสวรรค์ห่มคลุมหนิงฝานและฉงเอ๋อร์ ทำให้ทั้งสองหายไปอย่างไร้ร่องรอย

อสูรไร้ดัดแปลงที่เฝ้ามองหนิงฝานประหลาดใจ มันสัมผัสถึงตัวตนของหนิงฝานและนางไม่ได้

“เป็นไปได้ยังไง? เจ้าผสานกับผ้าคลุมลวงสวรรค์ได้สำเร็จ! ไม่ธรรมดาจริงๆ เจ้าทำได้จริงๆ!”

การได้อยู่ในอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย ทำให้นางรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน

แต่เดี๋ยวก่อน! ดูเหมือนหนิงฝานจงใจแกล้งนาง เพราะหากเขาสวมผ้าคลุมแต่แรก นางก็ไม่ต้องหวาดกลัวเช่นนี้

“เจ้าช่วยข้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะ” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ทำไมหล่ะ?” ใบหน้าแดงระเรื่อ ที่นางถามไม่ได้หมายว่าเหตุใดต้องเก็บเรื่องผ้าคลุมเป็นความลับ แต่นางหมายความว่าเหตุใดถึงเชื่อใจนาง

“ก็เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าข้ามีไพ่ตายอะไรบ้าง” หนิงฝานกล่าวตอบ

เขาไม่ได้กลัวว่านางจะไม่เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่เขาแค่อยากบอกนางเท่านั้น

หนิงฝานพานางกลับไปยังถ้ำ เก็บทาสไร้ดัดแปลงทั้งสามไว้ แล้วมุ่งไปยังใจกลางของส่วนที่ 2

ระหว่างทาง เขาพบอสูรมากมาย แต่พวกมันสัมผัสถึงตัวตนของเขาและฉงเอ๋อร์ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงฉวยโอกาสลอบสังหารอสูรตัดวิญญาณที่พบ

เขาใช้เวลาร่วม 10 วันในการเดินทาง และสังหารอสูรตัดวิญญาณได้หลายร้อยตัว

ในระยะแรกที่ฉงเอ๋อร์อยู่ในอ้อมกอดหนิงฝาน นางพยายามดิ้นขัดขืน แต่ระยะหลังนางกลับไม่ยอมปล่อยราวกับชอบที่จะอยู่ตรงนั้น แม้ปากจะบ่นกล่าว แต่ในใจกลับมีความรู้สึกที่นางเองก็ไม่เข้าใจ

ยามนี้หนิงฝานพานางมาถึงยังใจกลางของส่วนที่ 2 เขาเห็นอุโมงค์สีดำที่ลึกจนดูราวกับไร้ที่สิ้นสุด มันน่าจะเป็นทางที่เชื่อมไปยังส่วนที่ 3

บริเวณนั้นมีอสูรไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุดอยู่หลายตัว ทำหน้าที่ป้องกันเส้นทาง หากพวกมันจับสัมผัสหนิงฝานได้ เขาคงถูกพวกมันสังหารทันที

ส่วนที่ 3 ของบ่อโลหิตมังกร สถานที่ที่กษัตริย์พิรุณรุ่นก่อนผนึกเอาไว้ เดิมทีสถานที่แห่งนี้คงเป็นสถานที่ฝึกฝนของกษัตริย์พิรุณหลายๆรุ่น แต่สุดท้ายก็ต้องถูกสั่งห้ามไป

เมื่อหนิงฝานเข้าไปใกล้ๆ กลิ่นอายของโลหิตมังกรที่เข้มข้นแผ่ออกมาจากอุโมงค์

หนิงฝานเดาว่า ภายในส่วนที่ 3 สมควรมีโลหิตมังกรหลายหมื่นหม้อซ่อนเอาไว้

“สะ...ซัวหมิง ข้ากลัว… เรากลับกันเถอะ อีก 9 วันก็จะถึงวันที่ต้องออกไปข้างนอกแล้ว เดี๋ยวเราจะกลับกันไม่ทัน” นางจ้องมองอสูรไร้ดัดแปลง 4 ตนที่เฝ้าทางเข้าอุโมงด้วยความหวาดกลัว

แค่อสูรไร้ดัดแปลง 4 ตนก็น่ากลัวแล้ว หากพบอสูรไร้แบ่งแยกย่อมน่ากลัวยิ่งกว่า

แม้จะรู้อยู่แล้วว่าผ้าคลุมสวรรค์สามารถอำพรางได้ แต่นางก็ยังกลัวอยู่ดี นางไม่อยากตายไปพร้อมกับหนิงฝาน

“ข้าอยากเข้าไปดูในนั้น… ถ้าเจ้ากลัว ข้าจะทำให้เจ้าสลบแล้วให้เข้าไปหลบในแหวนข้าก่อน” หนิงฝานยิ้ม

“นี่เจ้า...คิดจะทำให้ข้าสลบเหรอ? เจ้ากล้าเหรอ?” นางหวาดกลัว นางยังจำครั้งที่หนิงฝานหนีจากอสูรไร้ดัดแปลงได้ เขาใช้ดรรชนีบางอย่างกับนางจนสลบไป

เมื่อคราวนั้นหนิงฝานไม่ได้อธิบายใดๆกับนาง ซ้ำยังลงมืออย่างรุนแรงไม่ปราณี

“ลองเดาดูสิว่าข้าจะกล้าหรือเปล่า?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว เขาแค่ล้อนางเล่นก่อนกระตุ้นปีกฟู่ลี่มุ่งตรงไปยังปากอุโมงค์

แต่เมื่อไปถึงเขากลับขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นเช่นนี้

นอกจากเขาและกษัตริย์พิรุณรุ่นก่อน คงไม่มีใครกล้าเข้าไปในนี้อีกแล้ว

ในขณะนั้นเอง หนิงฝานใช้ดรรชนีคลายหยินจี้นาง ทำให้นางหลับโดยไม่บอกกล่าว

“ข้าขอโทษ ข้าเห็นเจ้ากลัวจึงไม่อยากให้เจ้าได้เห็นภายในนั้น อีก 9 วันให้หลังข้าจะปลุกเจ้า”

แต่ก่อนที่นางจะหมดสติไป นางยังฝืนใจงับเข้าที่แขนหนิงฝานอย่างแรงเพื่อแก้แค้น

“ข้าขอโทษ” หนิงฝานถอนหายใจ แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะนี่คือโอกาสที่ดีที่จะได้เข้าไปสำรวจภายในส่วนที่ 3

เขาเก็บนางเข้าแหวนแล้วเร่งมุ่งเข้าสู่อุโมงค์อย่างรวดเร็ว ยิ่งมุ่งหน้าลึกเข้าไป เขายิ่งสัมผัสได้ถึงโลหิตมังกรที่เข้มข้น

ข้างในนั้นต้องมีโลหิตมังกรหลายหมื่นหม้อแน่นอน การที่กษัตริย์พิรุณห้ามไม่ให้ใครเข้าไป อาจเป็นเพราะต้องมันเก็บรวบรวมโลหิตมังกรไว้ที่นี่ และยามนี้ก็เป็นโอกาสดีของหนิงฝานแล้ว!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด