ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0550 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0552 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0551 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 551 : กระดูกสัตว์สวรรค์

ฉินหยุนเป็นกังวลเรื่องราวทางด้านเชี่ยวเย่ว์หลาน เขาคาดหวังว่าพวกนางจะปลอดภัย

และเขายังได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์หลายพันจิน ทางด้านเก๋อหมิงเจียง เป็นเขาได้รับไปนับหลายแสนจินแล้ว

ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าบ้านหินทั้งหลายในคฤหาสน์ มันจะเต็มไปด้วยกระดูกสัตว์สวรรค์มากมายเพียงนี้!

มีเพียงฉินหยุนที่ทราบ ว่าคฤหาสน์เซียนราชสีห์สวรรค์ มันถูกสร้างขึ้นโดยจ้าวแห่งราชสีห์สวรรค์

ตั้งแต่แรกเริ่ม ราชสีห์สวรรค์ได้สังหารสัตว์สวรรค์ตัวอื่นไปมาก ดังนั้นจึงมีการนำกระดูกพวกมันมาเก็บไว้ที่นี่

มีเพียงแต่บ้านหลังใหญ่ตรงกลาง ที่หาได้มีกระดูกสัตว์ใด

“ในเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์แห่งนี้ หาได้มีสัตว์สวรรค์ใดไม่ บางทีทั้งหมดอาจถูกราชสีห์สวรรค์สังหารไปจนสิ้นแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวออก “มีแต่สัตว์สวรรค์ที่กินพืชจึงค่อยอยู่รอดถึงทุกวันนี้!”

กวางน้อยที่ฉินหยุนพบเจอก่อนหน้า ก็เป็นสัตว์สวรรค์ที่ยังมีชีวิต

กลุ่มศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถอหังการมากล้ำ พวกเขาถึงขั้นกล้าฉกชิงของจากเก๋อหมิงเจียงจากนครเซียนยุทธภัณฑ์

“หุบเขาเซียนโอสถ พวกเจ้าควรทราบสถานการณ์ หากคิดอยากปล้นชิงพวกเราที่ตรงนี้ หมายความถึงหุบเขาเซียนโอสถของพวกเจ้า กำลังประกาศสงครามต่อนครเซียนยุทธภัณฑ์! เจ้ามีความมั่นใจว่าสามารถมีชัยเหนือนครเซียนยุทธภัณฑ์งั้นหรือ?”

เก๋อหมิงเจียงหาได้หวั่นเกรงศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถไม่

ศิษย์อื่นจากนครเซียนยุทธภัณฑ์เผยเสียงเย็นเยือก “หุบเขาเซียนโอสถ พวกเจ้าออกจะอวดดีจนเกินไปบ้างแล้ว ถึงขั้นกล้าคิดอยากปล้นชิงพวกเรา! เจ้าสามารถปล้นชิงห้าสำนักดวงดาว และสามสำนักจันทรา แต่ไม่ใช่กับพวกเรา!”

“เหอะ หุบเขาเซียนโอสถของพวกเจ้า พลาดโอกาสที่จะได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์จนต้องทำเพียงนี้?” เก๋อหมิงเจียงหัวเราะเสียงดัง “พวกเจ้ากลุ่มคนโง่เขลา เพียงคิดว่าต้องได้อะไรจากชายไว้หนวดเครา เป็นพวกเจ้าเสียเวลาอย่างโง่งม จนพลาดโอกาสที่จะวิ่งออกมาก่อนผู้อื่น!”

ครานี้ ผู้คนต่างมั่นใจอย่างแน่ชัดแล้ว ว่าในบ้านหลังใหญ่หาได้มีอันใดคงอยู่ไม่

เพราะหากมีอะไรบางอย่าง มันก็ต้องมีเศษเสี้ยวออร่าอย่างกระดูกสัตว์สวรรค์คงอยู่บ้าง

“นครเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเจ้าถึงกับกวาดคลังไปสามแห่ง! เจ้าได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์ไปเสียส่วนใหญ่ เช่นนั้นแล้วไม่คิดแบ่งปันกับผู้อื่นบ้างหรืออย่างไร?” ศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถเผยเสียงเย็น

บรรดาศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถ ต่างมุ่งหน้าไปยังคลังที่ขนาดค่อนข้างเล็ก กระนั้นก็ยังต้องโดนศิษย์ของสำนักอื่นเข้ารบกวน ทำพวกเขาเสียเวลากันไปไม่ใช่น้อย

ทั้งสามกลุ่มของนครเซียนยุทธภัณฑ์ ได้เข้ากวาดคลังเก็บของไปสามแห่งอย่างรวดเร็ว มันเป็นเพราะพวกเขาครอบครองอุปกรณ์มิติเก็บของที่มีพื้นที่กว้างใหญ่

ฉินหยุนตามติดเก๋อหมิงเจียง ย่อมได้รับอะไรติดไม้ติดมือบ้าง ทำเอาเขาพึงพอใจไม่ใช่น้อย

“อะไรก็ช่าง! หากเจ้าคิดอยากได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์ของพวกเรา เช่นนั้นก็ต้องข้ามศพพวกเราไปก่อน!”

เก๋อหมิงเจียงเผยยิ้มเย็นเยือก ฝีเท้าก้าวเดินไปที่ประตูคลังเก็บของ

ศิษย์หลายคนของหุบเขาเซียนโอสถขวางประตูเอาไว้ พวกเขาพอได้เห็นเก๋อหมิงเจียงไม่ไว้หน้าผู้ใด จึงได้แต่ต้องกัดฟันแน่นถอยทางแก่อีกฝ่าย

หากพวกเขาต่อสู้ มันอาจลุกลามบานปลายไปถึงภายนอก

เมื่อใดที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ทราบ เมื่อนั้นจะกลายเป็นศึกระหว่างสองสำนักเซียน

หากหุบเขาเซียนโอสถไม่คิดต่อสู้ พวกเขาจะต้องถูกลงทัณฑ์อย่างสาหัสที่ก่อปัญหาขึ้น

ฉินหยุนขณะนี้ค่อยได้เห็นกับตา ว่าความยิ่งใหญ่ของศิษย์หลักสำนักเซียนเป็นเช่นไร พวกเขาถือว่ามีเปรียบกว่าผู้อื่นไม่ใช่น้อย

กระทั่งว่าเป็นศิษย์ของสำนักเซียนอื่น ก็ยังไม่กล้าก่อการบุ่มบ่ามต่อพวกเขา

ฉินหยุนติดตามเก๋อหมิงเจียงออกมาด้านนอก ขณะนี้จึงค่อยได้พบเชี่ยวเย่ว์หลาน

“เย่ว์หลาน ได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์มาบ้างหรือไม่? ข้าได้มาจำนวนหนึ่ง หากเจ้าไม่ได้ ข้าจะส่งให้ภายหลัง!” ฉินหยุนกล่าว

“วางใจ พวกเราก็ได้มาไม่น้อย!” เชี่ยวเย่ว์หลานตอบกลับ “เจ้ากลับไปกับกลุ่มคนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้อย่างวางใจ! ไว้พวกเราติดต่อหาเจ้าทีหลัง!”

พวกเขากำลังปิดซ่อนตัวตน จึงได้แต่ต้องสื่อสารกันในทางลับ

เพียงไม่นาน คลังเก็บของหลายสิบแห่งรอบคฤหาสน์จึงถูกกวาดจนเกลี้ยง!

“นครเซียนยุทธภัณฑ์ ได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์จากสามคลังเก็บของ เร่งรีบนำมันออกมาแบ่งปันแล้ว!” คนที่กล่าวนี้ เป็นศิษย์หลักของขุนเขาเซียนอัคคีคราม

“เป็นพวกเจ้าได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์คุณภาพสูงล้ำ เร่งรีบนำพวกมันออกมา!” กลุ่มศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถใช้โอกาสนี้เผยเสียงดังขึ้น

มีแต่วิมานเซียนปีศาจ และตำหนักเซียนดาบที่ไม่ร่วมด้วย ทั้งสองสำนักเซียนถือว่ามีสัมพันธ์อันดีกับนครเซียนยุทธภัณฑ์

แท้จริงแล้ว ตำหนักเซียนดาบ อาวุธที่พวกเขาใช้งานส่วนใหญ่ล้วนมาจากนครเซียนยุทธภัณฑ์

หุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีครามต่างเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนครเซียนยุทธภัณฑ์มาโดยตลอด ดังนั้นในเวลาเช่นนี้พวกเขาจึงหาญกล้า

ท้ายที่สุด กลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งค่อยมาถึง!

เหลียวฉงเจิ้งเพียงเพิ่งมาถึง!

สถานะของเขาในหุบเขาเซียนโอสถถือว่าสูงล้ำ ตราบเท่าที่มาถึง กลุ่มคนจากหุบเขาเซียนโอสถจะมีกำลังมากพอ

สุดท้าย อีกหลายกลุ่มจากนครเซียนยุทธภัณฑ์ค่อยมาถึงเช่นกัน รวมถึงกลุ่มของเจี้ยนหมางด้วย

เมื่อเจี้ยนหมางมาถึง เขาสัมผัสถึงออร่าของฉินหยุน แม้ประหลาดใจ ทว่าเขาไม่ส่งเสียงพูดกล่าวคำใด

บรรดาศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถและขุนเขาเซียนอัคคีคราม ต่างร่วมมือกันเรียกร้องให้ส่งกระดูกสัตว์สวรรค์แก่พวกตน

ห้าสำนักดวงดาวและสามสำนักจันทรา ต่างเลือกที่จะถอยออกมา ทำตัวเป็นเพียงผู้รับชมละครฉากหนึ่ง

“ว่าไปแล้ว ชายไว้หนวดนั่นสังหารพี่น้องเราไปคนหนึ่ง เรื่องนี้คิดชดใช้อย่างไร?” ชายหนุ่มจากหุบเขาเซียนโอสถชี้มือทางฉินหยุนด้วยโทสะ

ฉินหยุนเร่งรีบอธิบายสถานการณ์ก่อนหน้านี้

“มันผู้นั้นถูกสังหารโดยค่ายอาคม หาได้ใช่ฝีมือคนอื่นไม่!” เก๋อหมิงเจียงเผยยิ้ม “พวกเราล้วนต้องขอบคุณสหายผู้นี้ เพราะเขาสามารถเข้าสู่ตัวคฤหาสน์ ทำให้ถอนค่ายอาคมออก พวกเราจึงได้เข้ามาเก็บเกี่ยวกระดูกสัตว์สวรรค์มากมายเพียงนี้ เป็นเขาที่มีความดีความชอบอันดับหนึ่งแล้ว!”

ผู้รับชมต่างพยักหน้าเห็นพ้อง

เหลียวฉงเจิ้งไม่อาจยอมรับ เขาเพิ่งมาถึง จนได้ทราบว่านครเซียนยุทธภัณฑ์กวาดเอากระดูกสัตว์ออกจากคลังเก็บของใหญ่ทั้งสาม ทำเอาเขาดวงตาร้อนผ่าวด้วยความริษยา

“เก๋อหมิงเจียง ไม่ว่าจะด้วยอะไร วันนี้ เจ้าต้องส่งมอบกระดูกสัตว์ส่วนหนึ่งมา! ไม่เช่นนั้น ชายไว้หนวดเครานั่นต้องตาย!” เหลียวฉงเจิ้งนำดาบออกมาพร้อมชี้ที่ฉินหยุน “เป็นมันที่สังหารพี่น้องของพวกเรา!”

“คิดอยากสังหารเขาหรือ? เจ้าหรือทำได้? กล้าดีจงลอง แต่ต้องข้ามศพข้าไปก่อน! ตราบเท่าที่ข้า เก๋อหมิงเจียงผู้นี้ยังมีชีวิตรอด อย่าได้หวังว่าเจ้าจะทำร้ายเขาได้!”

เก๋อหมิงเจียงเป็นชายวัยกลางคนร่างกำยำ เขากำลังปลดปล่อยพลังเต๋าของตนออก ราวกับมันเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราก ทำเอาผู้คนใกล้เคียงต่างขนลุกชี้ชัน

วิญญาณยุทธ์ของเก๋อหมิงเจียง คือวิญญาณยุทธ์แม่น้ำใหญ่! สิ่งนี้คือวิญญาณยุทธ์ในตำนาน!

“อย่างนั้นถอยกันคนละก้าวเป็นไร!” เหลียวฉงเจิ้งคิดไปครู่จึงค่อยกล่าว “พวกเราจะต่อสู้กัน! หากเจ้าชนะ พวกเราจะไม่เอาความกับชายไว้หนวดเคราผู้นั้น แต่หากเจ้าแพ้ มีสองทางเลือก หนึ่งคือสังหารชายผู้นั้น หรือส่งกระดูกสัตว์สวรรค์ที่มีค่าเทียบเท่าคลังแห่งหนึ่งแก่พวกเรา!”

“ฝันไปเถอะ!” เก๋อหมิงเจียงยิ้มเย็น “หากเจ้ามีความกล้า เช่นนั้นจงโจมตีเข้ามา! พวกเรา นครเซียนยุทธภัณฑ์ ตราบเท่าที่มีโอกาสอันชอบธรรม ย่อมยินดีสังหารพวกเจ้าหุบเขาเซียนโอสถ!”

“สารเลวนัก!” เหลียวฉงเจิ้งกราดเกรี้ยว ฟันกรามของเขาต้องกัดแน่นจนแทบแตก “อย่างนี้เป็นไร พวกเราจะเดิมพันด้วยกระดูกสัตว์สวรรค์! ต่อสู้กันสักหลายครั้ง หนึ่งครั้งสามารถได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์สองหมื่นจิน!”

“ฟังดูไม่เลว!” เก๋อหมิงเจียงค่อยยิ้มออก “อย่างไรแล้ว ตั้งแต่เข้ามาในเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ ข้ายังไม่มีโอกาสได้ลงมืออยู่พอดี!”

“พวกเราขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณย่อมไม่ลงไปสู้ ให้ศิษย์น้องขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าลงไปสู้กันจะดีกว่า!” เหลียวฉงเจิ้งมองทางชายหนุ่มฝ่ายตน อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

เก๋อหมิงเจียงกล่าวคำขึ้น “เจี้ยนหมาง เจ้าไปสู้แล้วกัน! หากเจ้าชนะ แบ่งเอาเดิมพันไปครึ่งหนึ่ง เป็นกระดูกสัตว์สวรรค์หนึ่งหมื่นจิน!”

เจี้ยนหมางก้าวเดินออกมาเชื่องช้า ดวงตาที่มีแผลเป็นหลับเอาไว้แน่น เขาสวมใส่ชุดขาว เป็นชายร่างผอมสูง

จากทุกสัดส่วนของร่างกาย เขาเผยออร่าดาบคมกล้าอย่างไม่คิดเก็บงำ

“นี่เป็นคนของตระกูลเจี้ยน” หลายคนจดจำออร่าของเขาได้

“เจี้ยนหมาง เหตุใดเจ้าไม่เข้าร่วมตำหนักเซียนดาบพวกเราเสียเล่า? นี่ถือเป็นทางเลือกที่เลิศล้ำสุดแล้ว!” ชายวัยกลางคนจากตำหนักเซียนดาบเอ่ยถามขึ้น

“ข้าไม่มีชะตาต้องกันกับตำหนักเซียนดาบ เป็นข้าต้องดำเนินชีวิตตามกรรมแห่งโชคชะตา!” เจี้ยนหมางกล่าวตอบเชื่องช้า “ข้าเข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่ จึงได้มีโอกาสเป็นศิษย์ชั่วคราวจากหอขุนเขาดาบกระบี่ นี่คือกรรมของข้าที่มีชะตาร่วมกับนครเซียนยุทธภัณฑ์”

เก๋อหมิงเจียงเผยยิ้ม “ดี นี่ถือเป็นโอกาสที่เจ้าจะได้รับกระดูกสัตว์สวรรค์! เมื่อใดจัดการอีกฝ่ายได้ เมื่อนั้นเจ้าจะได้เป็นศิษย์นอกของนครเซียนยุทธภัณฑ์!”

“ก็แค่คนดวงตามืดบอด มันจะมีอันใดให้แข็งแกร่งกัน?” เหลียวฉงเจิ้งแค่นเสียง “อาฉิง ไปฆ่ามัน!”

เก๋อหมิงเจียงนำเอาดาบลึกล้ำออกมา เขาคิดส่งมันให้แก่เจี้ยนหมาง

แต่แล้วเขากลับได้ยินเสียงตะโกนของเหลียวฉงเจิ้งดังขึ้น “อาวุธไม่อาจใช้งาน! กฎคือต่อสู้จนกว่าอีกฝ่ายจะไม่อาจตอบโต้ ตายหรือบาดเจ็บล้วนเป็นไปได้ แต่ไม่อาจใช้งานอาวุธ อาวุธลับ รวมถึงยาพิษ”

ผู้คนเร่งรีบกระจายตัวออกเป็นวงกว้างเพื่อให้เกิดพื้นที่ประลอง

ด้วยเพราะไม่มีค่ายอาคมของสังเวียน หากการต่อสู้กระจายออกมาไกล เช่นนั้นมันอาจทำลายบ้านในละแวกใกล้เคียง

ผู้คนต่างสูดเอาอากาศเข้าปอด รับชมสองคนที่กำลังจะประมือกัน

“อาฉิงผู้นั้นเป็นศิษย์นอกของหุบเขาเซียนโอสถ อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ร่างกายกำยำแข็งแกร่งด้วยกล้ามเนื้อ ภายใต้กล้ามเนื้อนั่น มันร้อนแรงเปรียบดังหินหลอมเหลว เป็นผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนพลังอัคคีเพลิง”

ก่อนจะเริ่ม อาฉิงก็เผยออกซึ่งคลื่นความร้อนแรงออกมาแล้ว!

“อาฉิงครอบครองหกชีพจรวิญญาณ วิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ปีนี้เขาอายุยี่สิบห้า และเป็นผู้มาจากตระกูลเซี่ย!” เหลียวฉงเจิ้งกล่าวออกอย่างภาคภูมิ “บุคคลตระกูลเจี้ยนที่ไร้ซึ่งดาบ นับเป็นตัวตนไร้ค่าประการหนึ่ง อาฉิงย่อมต้องชนะแน่นอนแล้ว!”

“เริ่มได้!” เหลียวฉงเจิ้งตะโกนดังให้สัญญาณ

การต่อสู้เริ่มต้น คลื่นความร้อนแผ่กระจายทั่วทั้งสังเวียน นี่คือออร่าสะกดข่มของอาฉิง

ออร่าของเจี้ยนหมางยิ่งชวนสะพรึงกว่า ที่ฝ่ามือของเขา มันกำลังปรากฏรูปลักษณ์ดาบจำแลง

อาฉิงโจมตีออกด้วยกำปั้น ขณะนี้เขาพบเห็นดาบจำแลงปรากฏ ภายในเกิดความตื่นตระหนก ถึงขนาดต้องเร่งรีบเพิ่มพลังเต๋าแรกเริ่มปลดปล่อยออก หมัดที่พุ่งทะยานออกไปแล้วลุกโชนด้วยอัคคีเพลิงทองม่วง มันเข้าปะทะกับดาบจำแลงดังกล่าว

เปลวเพลิงสาดกระเซ็นรุนแรง คลื่นความร้อนแผ่ขยายปกคลุมพื้นที่นับร้อยเมตร

เจี้ยนหมางยังยืนหยัดมั่นคง ดาบของเขายิ่งมายิ่งรุกคืบ เป็นเขาไม่คิดหลบเลี่ยงหมัดของอาฉิงแม้เพียงนิด

หมัดและดาบจำแลงพอปะทะต่อกัน เปลวเพลิงทองม่วงจึงมอดม้วย

“อ๊าก!” อาฉิงคำรามร้อง

หมัดของเขาถูกดาบจำแลงทิ่มแทง จนต้องร้องเสียงหลงถอยหลังกลับ!

ดาบยาวจำแลงของเจี้ยนหมาง แท้จริงมันคมกริบยิ่งกว่าดาบรูปธรรม มันสามารถทะลวงแขนของอาฉิง ทำลายพลังเต๋าแรกเริ่มอัคคีทองม่วงของอีกฝ่ายกระเซ็นกระจาย

ที่ชวนสะพรึงกว่านั้น ดาบจำแลงพลันระเบิดออก แขนของอาฉิงถึงกับแตกสลายกลายเป็นฝุ่นธุลี!

อาฉิงที่สูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง ยิ่งกรีดร้องออกมาเสียงดังขึ้น!

ด้วยไม่คิดปรานีอีกฝ่าย เจี้ยนหมางควบแน่นดาบยาวจำแลงอีกครั้งหนึ่ง ตวัดเข้าจ้วงแทงใส่อาฉิง ทันทีเมื่อดาบนับสิบจ้วงแทงเข้าใส่ แต่ละดาบจะแทงเข้าใส่จุดสำคัญที่ร่างของอาฉิงอย่างโหดเหี้ยม

เป็นเขาไร้ซึ่งพลังต่อสู้ตอบโต้แล้ว! เจี้ยนหมางเมื่อสงบใจได้ ค่อยถอนดาบของตนกลับคืน

พละกำลังของเจี้ยนหมาง กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้นในที่นี้ยังต้องสะพรึงกลัว

“พวกเราชนะแล้ว!” เก๋อหมิงเจียงมองทางศิษย์หุบเขาเซียนโอสถพร้อมหัวเราะเหยียดหยัน

เหลียวฉงเจิ้งมองอาฉิงที่บาดเจ็บ น้ำเสียงกล่าวออกด้วยความเจ็บแค้น “มันเป็นผู้ฝึกตนดาบ!”

“แล้วมันเป็นอย่างไร?” เก๋อหมิงเจียงเผยยิ้ม “เขาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าจริงแท้ ดังนั้นเร่งรีบนำกระดูกสัตว์สวรรค์สองหมื่นจินส่งมาโดยเร็ว!”

4 3 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด