ตอนที่แล้วตอนที่ 69 ......
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 71 โชคดี

ตอนที่ 70 เดินทาง


ตอนที่ 70 เดินทาง

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็น “......” แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถนนเส้นนี้ถึงมาปรากฎตรงหน้าของผมและเฟิงเฉ่วหาน

ยิ่งไปกว่านั้นผมยังไม่รู้ว่า ผู้หญิงสวมหน้ากากคนนี้กำลังกังวลอะไรอยู่

จู่ๆก็ได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น ผมจึงถามด้วยความสงสัย “คนสวยอะไรกำลังมาเหรอ”

ผู้หญิงสวมหน้ากากหันมามองผม “อีกเดี๋ยวนายเห็นก็จะรู้เอง!”

หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบยันต์ออกมาจากชุดสามแผ่น จากนั้นก็ส่งมาให้ผมกับเฟิงเฉ่วหาน

ผมมองยันต์สามแผ่นนั้น แต่ก็ไม่รู้จักเลยสักนิด บนยันต์มีคำว่า “ผนึก” เขียนเอาไว้เท่านั้น

“แปะยันต์ที่หน้าผาก จากนั้นก็ห้ามขยับ!” ผู้หญิงสวมหน้ากากรีบพูด เธอดูท่าทางตื่นตระหนกมาก

ไม่ใช่เพียงเท่านี้ เฟิงเฉ่วหานเองก็ดูตื่นกลัวเช่นกัน

“นี่คือยันต์อะไร ทำไมเธอต้องช่วยพวกเราด้วย” เฟิงเฉ่วหานพูด

ผู้หญิงสวมหน้ากากไม่พูดอะไรมาก เธอพูดสั้นๆว่า “ไม่อยากตายก็ฟังฉัน แต่ถ้าพวกนายอยากตายก็ตามสบาย!”

หลังจากพูดจบ ผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นก็ใช้ยันต์แปะที่หน้าผากของตัวเอง จากนั้นก็เอนตัวพิงที่หินสีเขียวก้อนใหญ่

หน้าอกของเธอยังเต้นขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง มองถนนสีเหลืองอ่อนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

แต่ผมไม่รู้ว่า พวกเขากำลังกลัวอะไรอยู่

ดูเหมือนว่าที่นั้น กำลังจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้น

“เหล่าเฉิง ถนน...เส้นนั้นจะมีอะไรออกมาเหรอ” ผมถามออกมาตรงๆ

แต่เฟิงเฉ่วหานกลับสูดหายใจด้วยความเครียด “อย่าถามมาก แปะยันต์นี่ก่อน!”

หลังจากพูดจบ เฟิงเฉ่วหานก็แปะยันต์ และเข้าไปยืนข้างๆผู้หญิงสวมหน้ากากทันที

คนที่ช้าที่สุดก็คือผม ในสายงาน ผมก็คือเจ้าไก่อ่อนที่พึ่งเข้ามาใหม่

มีเรื่องราวลึกลับมากมาย ที่ผมยังไม่รู้ และยิ่งไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยิน

แต่เมื่อเห็นเฟิงเฉ่วหานและผู้หญิงสวมหน้ากากทำแบบนั้น ผมก็เข้าใจทันที

คงกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หรืออาจเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ธรรมดา เลยกลัวมันมากๆ

ผมเองก็ไม่กล้าชักช้าต่อไป รีบแปะยันต์ จากนั้นก็เข้าไปพิงหินสีเขียวก้อนใหญ่ทันที

ส่วนรอบๆตัวของพวกเรา ก็ยังเงียบจนผิดปกติ ไม่มีเสียงอะไรทั้งสิ้น

นอกจากนี้เฟิงเฉ่วหานและผู้หญิงสวมหน้ากาก ยังจ้องไปที่ปลายถนน...

ผ่านไปประมาณ 10 วินาที จู่ๆผมก็พบว่า ที่ปลายถนน...เส้นนั้น เหมือนจะมีเงาของคนสองสามคนเดินออกมา

หลังจากเงาของสองสามคนนั้นปรากฎตัว ม่านตาของผมก็ขยายใหญ่อย่างช่วยไม่ได้

เพราะผมเห็นว่าคนเหล่านี้กำลังแบกธงขนาดใหญ่ สีดำ ด้านบนมีตัวอักษรเขียนไว้ แต่ผมมองไม่ค่อยเห็น

ที่ถือธง ก็ว่าแปลกแล้ว แต่พวกเขายังใส่เสื้อเกาะสีดำ

หลังจากคนแบกธงสองสามคนนั้นปรากฎขึ้น ด้านหลังของพวกเขา ยังมี “ทหาร” สองสามคนเดินตามมาติดๆ

พวกเขาล้วนใส่เสื้อเกาะสีดำ ถืออาวุธไว้ในมือ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็แสดงท่าทางตกตะลึงออกมาทันที

นี่มันเรื่องอะไรกัน ถ่ายหนังตอนกลางคืนรึไง

แต่เห็นได้ชัดว่ามันผิดปกติ คนที่ตามออกมายิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ และระยะห่างจากพวกเราก็ยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ผมเริ่มเห็นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ คนพวกนี้ไม่ปกติสุดๆ

แต่ละคนต่างผอมจนเนื้อติดกระดูก แห้งแบบสุดๆ และไร้ชีวิตชีวาโครตๆ

บางคนถึงกับเหลือแต่โครงกระดูก หรือไม่ก็ศพที่เน่าเละ เห็นแล้วทำให้คนกลัวได้เลยละ ราวกับภาพตรงหน้าเป็นเหมือนความฝัน

ผมไม่อยากจะเชื่อว่า ทุกอย่างนี้กำลังปรากฎขึ้นตรงหน้าของตัวเอง

แถมเวลาคนพวกนี้เดินยังไม่มีเสียงเลยสักนิด มันเงียบ จนไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีร่องรอยของพลังหยินเลยสักนิด

ขณะที่ผมมองรูปร่างเหล่านี้ พวกเขาก็ยังเดินอยู่บนถนน… ทันใดนั้นตัวผมก็สั่น

ถึงผมจะโง่ แต่ก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เฟิงเฉ่วหานและผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นจะหวาดกลัว เพราะคนพวกนี้ ไม่ใช่คนเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว

แต่เป็นผีกลุ่มหนึ่ง หรือเรียกว่าซากศพทหารเดินได้

ในหัวของผมก็มีเสียงดัง “ตูม” วินาทีนั้นสีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที

ผมอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “นี่ นี่มันกองทัพผี กองทัพผีเดินข้ามมา……”

ผมพูดออกมาอย่างฉับพรัน ตอนนี้ผมหน้าซีดสุดๆ

ในนิทานพื้นบ้าน มีคนพูดถึงเรื่องกองทัพผีแทบจะตลอดเวลา

หลายคนเคยบอกว่าตัวเองเคยเห็นฉากนี้กับตาตัวเอง แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นการคุยกันในเวลาว่าง และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อเรื่องนี้

และตอนผมยังเด็ก ก็เคยได้ยินอาจารย์และคนแก่ในหมู่บ้านเล่าเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจมัน

แต่ตอนนี้ เมื่อผมได้มาเห็นกับตา ก็เห็นได้ชัดว่าฉากกองทัพผีนั้น เป็นเหมือนกับที่พวกเขาเล่าไว้เป๊ะ

เมื่อเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างๆเห็นผมพูดด้วยความตกใจ ก็พูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ “ใช่ นี่ นี่ต้องเป็นกองทัพผีแน่!”

ขณะที่พูด เขายังกลืนน้ำลายอย่างต่อเนื่อง สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขากำลังกลัวขนาดไหน

ส่วนผู้หญิงสวมหน้ากากดีกว่าหน่อย เมื่อได้ยินผมสองคนคุยกัน เธอก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ “เงียบทั้งคู่ ถ้าถูกจับได้ พวกเราจะตายกันทั้งหมด!”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผมสองคนก็ไม่กล้าชักช้าลีลา

รีบหุบปากทันที ไม่กล้าส่งเสียงใดๆอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

เพราะกลัวว่าจะไปเหยียบใบไม้หรือกิ่งไม้หัก จนดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย

กองทัพผีมีจำนวนเยอะมาก พวกเขาเดินตามถนน…ตรงไปที่วัดเจ้าเฉินอย่างต่อเนื่อง

นอกจากกองทัพผีแล้ว พวกเรายังได้เห็นแม่ทัพผีที่กำลังขี่ม้าตัวใหญ่อยู่โดยบังเอิญ

ใบหน้าของแม่ทัพผีพวกนี้เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน มองไปข้างหน้าเสมอ และอยู่ท่ามกลางพลทหารผีอย่างเงียบๆ

กองทัพผีเคลื่อนตัวไปข้างหน้าทีละนิดๆ ผมแค่อยากรักษาความเงียบไว้ จึงไม่ขยับตัวมั่วๆ ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าทำแบบนี้แล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

แต่ทันใดนั้นเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆเจ้าเฟิงเฉ่วหานก็กระแทกเข้ากับก้อนหิน

ผลลัพธ์เศษหินก้อนนั้นล่วงลงทันที มันหล่นลงพื้น กระทบลงบนใบไม้แห้ง ส่งเสียงดัง “กรอบ…”

ถ้าเป็นตอนปกติก็ดีไป แต่ตอนนี้รอบๆตัวของพวกเรากำลังเงียบอย่างน่ากลัว

จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้น จึงดึดดูดความสนใจจากกองทัพผีบนถนน…ทันที

จู่ๆทหารผีที่พกดาบใหญ่ก็หยุดเดิน เขาหมุนตัว และเดินเข้ามาทางพวกเราทันที

เมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเราสามคนก็เผยสีหน้าหวาดกลัว

“แย่แล้ว ถูกจับได้แล้ว!” ผมพูดออกมาด้วยความกลัว

แต่ผู้หญิงใส่หน้ากากกลับขมวดคิ้ว “อย่าขยับ กลั้นหายใจซะ!”

หลังจากพูดจบ จู่ๆผู้หญิงสวมหน้ากากก็ร่ายคาถา และพูดออกมาเบาๆ “อัญเชิญ!”

เสียงพึ่งจางหาย ผมก็รู้สึกว่ายันต์ที่หน้าผากถูกเปิดใช้งาน สายลมเย็นๆก็พัดเข้ามา ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกับพลังหยางของตัวเองถูกกดเอาไว้ทันที

ส่วนทหารผีตนนั้นก็หยุดเดิน แต่เขากลับสูดหายใจมาทางพวกเราสองสามครั้ง

จากนั้นก็เดินเข้ามาทีละก้าวๆ จนอยู่ห่างจากพวกเราไม่ถึง 10 เมตร

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามา ทุกคนก็เครียดกันสุดๆ ตัวสั่นไปทั้งตัว

แต่หลังจากได้ยินผู้หญิงใส่หน้ากากพูด พวกเราก็รีบกลั้นหายใจ ไม่กล้าหายใจ และไม่กล้าขยับตัวเลยสักนิด

แค่แป๊บเดียวทหารตนนั้นก็เดินข้ามพุ่มไม้ และตรงเข้ามาที่ด้านหน้าของพวกเรา

เมื่อเห็นทหารผีปรากฎตัว ผมก็รู้สึกเย็นไปครึ่งตัว

โดยเฉพาะเมื่อมองใบหน้าที่ซูบผอมของอีกฝ่าย และดวงตาที่ขาวโพน ทั้งตัวของผมก็ตื่นกลัวขึ้นมามากๆ ร่างกายสั่นอย่างไม่รู้ตัว

แต่ทหารผีตนนั้น กลับเข้ามาใกล้พวกเราทีละน้อย

โชคดีที่ยังมีเรื่องเล็กๆที่ทำให้พวกเรารู้สึกสบายใจ ดูเหมือนทหารผีตนนี้จะมองไม่เห็นพวกเรา

เขามองไปรอบๆด้วยความสงสัย จมูกยังคงสูดดมอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับหมาไม่มีผิด

เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็รีบภาวนาในใจ มองไม่เห็นฉัน มองไม่เห็นฉัน รีบไป รีบไป……

แต่ดูเหมือนคำภาวนาจะไม่ได้ผล หลังจากผีทหารตนนั้นดมมาสักพัก

เขาก็เริ่มเคลื่อนไหว ตามลมหายใจของคนเป็นที่พวกเราเหลือทิ้งไว้ในอากาศ ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้พวกเราสามคนทีละนิดๆ……

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด