ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0549 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0551 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0550 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 550 : มรดกจิตวิญญาณราชสีห์

เชี่ยวเย่ว์หลานและคณะเพียงรับชม หาได้พูดกล่าวอันใดไม่

นางหาได้เป็นกังวลเรื่องฉินหยุนไม่ กระทั่งว่าฉินหยุนออกมา อีกฝ่ายย่อมสามารถเอาตัวรอด

ยิ่งนานไป ผู้คนยิ่งมากันมากขึ้น

บ้างก็ส่งคนออกไปศึกษาตัวค่ายอาคมของคฤหาสน์

หลังได้ทราบว่ามีคนได้เข้าไป พวกเขาจึงส่งข่าวคราวกลับ

ที่นี่ก็มีกลุ่มอื่นจากนครเซียนยุทธภัณฑ์คงอยู่

เพราะบุคคลที่เข้าไป เป็นศิษย์ชั่วคราวของนครเซียนยุทธภัณฑ์ นครเซียนยุทธภัณฑ์ย่อมต้องทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

ฉินหยุนเมื่อเข้ามาในพื้นที่คฤหาสน์แล้ว เขาค่อยเร่งรีบเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่

บ้านหลังใหญ่ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่ที่สุดของทั้งคฤหาสน์

ครั้งฉินหยุนอยู่ด้านนอก เขาเพียงได้แต่สังเกตเล็กน้อย

บ้านหลังใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยก้อนหินสีทองพิเศษ เพราะผ่านกาลเวลายาวนาน ตัวก้อนหินจึงสูญเสียประกายแสงสะท้อน

ดังนั้นจึงหลงเหลือเพียงแสงสีเหลืองอ่อนจางให้เห็น

“คฤหาสน์เซียนราชสีห์สวรรค์แห่งนี้มันอย่างไรกันแน่?” ฉินหยุนที่เข้ามาในตัวบ้านหลังใหญ่ เขาจึงนำไข่มุกเรืองแสงออกมา สาดส่องขับไล่ความมืด

แสงพอสาดส่อง เขาค่อยพบว่ารอบด้านล้วนว่างเปล่า

ที่บนผนังกำแพง มันมีการแกะสลักรูปราชสีห์สวรรค์อันตระการตาเอาไว้

จิตรกรรมแกะสลักเหล่านี้ มันเปรียบดังโทเทมราชสีห์สวรรค์

“ข้าย่อมไม่ทราบว่านี่คืออะไร” หลิงหยุนเอ๋อส่ายศีรษะ “เหมือนมันจะเก่าแก่โบราณมาก!”

“เจ้าไม่ใช่วิญญาณเต๋าของตะวันทมิฬหรือไร?” ฉินหยุนบุ้ยปาก

“สิ่งดังเช่นคฤหาสน์เซียน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน!” หลิงหยุนเอ๋อส่งเสียงฮึมฮัมเบา “เข้าไปภายในและรับชม ดูว่าจะมีอะไรอยู่บ้าง”

ภายในบ้านหลังใหญ่ เป็นเพียงโถงว่างเปล่า หาได้มีสิ่งใดคงอยู่

ฉินหยุนที่เดินเข้าถึงตรงกลาง ฉับพลันเขารับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน

จากนั้น โถงที่มืดมิดกลับสว่างไสวขึ้นมา

ผนังกำแพงรอบด้านกลายเป็นส่องสว่าง แสงไฟสีทองสาดส่องทั่วทั้งห้องโถงให้สว่างไสว

“นานแล้วสินะ! ข้ารอมานาน ในที่สุดก็มีผู้มาเยือน!” อย่างกะทันหัน เสียงชราหนึ่งพลันดังขึ้น

“ท่านคือ?” ฉินหยุนตื่นตะลึงภายใน สายตาเร่งรีบกวาดมองหา

จากนั้น ที่ตรงกลางของห้องโถง ภาพจำแลงราชสีห์สวรรค์สีทองอ่อนจางจึงปรากฏ

ภาพจำแลงราชสีห์สวรรค์นี้ให้ความรู้สึกอ่อนโยน เปรียบดังผู้อาวุโสใจดีคนหนึ่ง

ในขณะเดียวกัน ดวงตาทั้งสองของราชสีห์ มันเปี่ยมแน่นด้วยออร่าความผันแปรและความคะนึงหาญาติมิตร

ภาพจำแลงราชสีห์สวรรค์นี้ไม่ใหญ่โตนัก ขนาดตัวยาวเพียงราวหกเมตร

ทั่วทั้งร่าง มันประกอบด้วยรัศมีทรงพลังแกร่งกล้า

ทว่าพอได้เห็นดวงตาของราชสีห์สวรรค์ เขาค่อยรู้สึกวางใจ ราวกับเขาได้พบชายชราใจดีผู้หนึ่ง

ฉู่ปินอวี้ก็ดูคล้ายกันนี้ เป็นความปรองดองที่มอบให้แก่ผู้อื่น ทว่าแสงในดวงตาของเขาจะแตกต่างออกไป หาได้ใช่ความอ่อนโยนดังธรรมชาติ

ภาพจำแลงราชสีห์สวรรค์ที่เปล่งประกาย มันเผยความเป็นมิตรอย่างเป็นธรรมชาติออกมา

“ท่านเป็นมนุษย์หรือ?” ฉินหยุนได้เห็นราชสีห์สวรรค์ กระนั้นเขาคิดว่าอีกฝ่ายกลับเหมือนมนุษย์ผู้หนึ่ง

“นั่นหาได้สำคัญไม่ สิ่งสำคัญคือพวกเราสามารถสื่อสารกันได้โดยสันติ!” เสียงชราของราชสีห์สวรรค์เผยความยินดีเปี่ยมล้น

“เช่นนั้น ข้าขอเรียกหาท่านเป็นบรรพบุรุษแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “ท่านบรรพบุรุษ คฤหาสน์เซียนราชสีห์สวรรค์แห่งนี้คืออะไรกัน? เป็นผู้ใดสร้างมันขึ้น?”

“เป็นข้าสร้างขึ้นเมื่อกาลก่อน!” ราชสีห์สวรรค์ตอบกลับ “ข้าสร้างคฤหาสน์เซียนแห่งนี้ เพื่อรอคอยทายาทรุ่นหลังให้มาเยือน!”

“ทว่าข้าเป็นมนุษย์ หาได้ใช่ทายาทของท่านไม่!” ฉินหยุนได้ยินมาไม่น้อย ว่าราชสีห์สวรรค์หาพบพานได้ยาก ชนิดที่แทบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์

“ข้าเองก็ประหลาดใจ เหตุใดเจ้าครอบครองโลหิตของราชสีห์สวรรค์? มันมีเหตุผลว่าทำไมเลือดนี้จึงไม่เคยปรากฏในตัวมนุษย์! ที่แปลกยิ่งกว่า คือเจ้าถึงขั้นฝึกฝนร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ”

เสียงของราชสีห์สวรรค์ครั้งนี้ เจือปนความสงสัยใคร่รู้มาด้วย

ฉินหยุนย่อมบอกต่ออีกฝ่าย ถึงกระบวนการที่เขาได้รับเลือดของราชสีห์สวรรค์มา

หลังจากได้ฟัง ราชสีห์สวรรค์จึงเดาะลิ้นเสียงดัง

“นี่สมควรกล่าวได้ว่าเป็นโชคชะตายากพบพาน!” ราชสีห์สวรรค์ชราอุทานดังตอบกลับ

“ท่านบรรพบุรุษ ราชสีห์สวรรค์นั้นเผชิญกับหายนะใดหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เหตุใดพวกเขาจึงหาพบพานได้ยากยิ่งนัก?”

“หาได้ใช่หายนะภัย แต่เป็นเพราะโชคของพวกเราดีเกินไปจนถูกถอนรากถอนโคน!” ราชสีห์สวรรค์ชราเผยเสียงโศกเศร้า

“โชคดีเกินไป? ถูกถอนรากถอนโคน?” ฉินหยุนถึงกับพูดกล่าวต่อไม่ถูก

ราชสีห์สวรรค์ชราเอ่ยต่อ “เช่นนี้แล้วกัน! พวกเราราชสีห์สวรรค์ครั้งอดีตแข็งแกร่งยิ่ง แทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทานในเก้าแดนอ้างว้าง เป็นผู้อยู่เหนือสัตว์อื่น ภายหลัง พวกเราได้รับสมญาเป็นสัตว์เทวะ และข้าได้รับเชิญให้เข้าสู่แดนเทพอ้างว้าง!”

“เดิมทุกอย่างดูดีไปหมด แต่ภายหลังข้าค่อยได้ตระหนัก ว่าเมื่อข้าไปยังแดนเทพอ้างว้าง ราชสีห์สวรรค์ในแดนเซียนอ้างว้าง รวมถึงแดนศักดิ์สิทธิ์อ้างว้างได้ถูกล้างบาง และเป็นข้าที่ถูกผนึกเอาไว้ในดวงตะวัน จนแปรเปลี่ยนเป็นสัตว์เทวะพิทักษ์ดวงตะวัน!”

“สัตว์เทวะพิทักษ์ดวงตะวัน?”

ฉินหยุนพลันนึกถึงนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์

“ผู้อาวุโส นกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์ ก็เป็นสัตว์เทวะพิทักษ์ดวงตะวันเช่นกันหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ย่อมไม่ใช่ นกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์เป็นวิญญาณดวงตะวัน! หน้าที่ของข้าคือพิทักษ์เหล่าวิญญาณดวงตะวัน เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณดวงตะวันหลบหนี แต่ท้ายที่สุด ข้าก็ไม่อาจคุ้มกันพวกมันเหล่านั้น ข้าจึงถูกลงโทษ โดยผนึกเอาไว้ในดวงตะวันชั่วนิรันดร์”

ราชสีห์สวรรค์ชราถอนหายใจเหลืออด “ผ่านไปนานหลายปี ข้าไม่คิดว่าจะมีทายาทใดที่ข้าหลงเหลือไว้จนตื่นรู้ขึ้นมา!”

ราชสีห์สวรรค์ชรา เป็นเพียงสัตว์เทวะในอดีต และอีกฝ่ายค่อยแปรสภาพเป็นบุคคล สร้างคฤหาสน์ขึ้นในที่แห่งนี้ และยังมีค่ายอาคมแกร่งกล้าคุ้มกันไว้ ภายหลังค่อยมุ่งหน้าไปยังแดนเทพอ้างว้าง

หมายความถึง เรื่องราวได้ผ่านกาลเวลายาวนานมากล้นมาแล้ว!

ฉินหยุนคิด ว่าคฤหาสน์แห่งนี้ที่ยังอยู่รอด ถือเป็นปาฏิหาริย์ประการหนึ่งแล้ว

“เจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าฝึกฝนเลือดของราชสีห์สวรรค์ และร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ นี่ถือเป็นเพียงสายเลือดหนึ่งเดียวของตระกูลราชสีห์สวรรค์ของเราในเก้าแดนอ้างว้าง เช่นนั้นแล้ว ข้าจะมอบเศษเสี้ยวจิตวิญญาณนี้แก่เจ้า!” ราชสีห์สววรรค์ชราเอ่ยคำ

“เศษเสี้ยวจิตวิญญาณ?” ฉินหยุนไม่ทราบว่าเศษเสี้ยวจิตวิญญาณหมายความถึงอะไร

“เศษเสี้ยวจิตวิญญาณ เป็นเพียงร่องรอยของวิญญาณข้า ไม่ช้ามันก็จะเลือนหายไปจนหมด! หลังจากที่เจ้าได้รับเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ เจ้าอาจได้รับการฝึกฝนของข้าไปบ้าง บางทีนั่นอาจเป็นประโยชน์แก่ตัวเจ้า!”

ราชสีห์สวรรค์ชรากล่าวต่อ “หากเจ้าต้องการ เจ้าสามารถหยิบยืมพลังศักดิ์สิทธิ์ราชสีห์สวรรค์ มันจะช่วยให้กำลังของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทว่า ร่างกายจะต้องแบกรับความเจ็บปวดสาหัส และต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่งหากคิดใช้อีกครั้ง!”

เมื่อราชสีห์สวรรค์ชรากล่าวจบ ภาพจำแลงจึงค่อยหดขนาดตัว สุดท้ายจึงกลายเป็นวิญญาณราชสีห์สวรรค์ตัวเล็กจ้อย

ฉินหยุนเร่งรีบรับจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์ จากนั้นเขาจึงดูดกลืนสู่ร่างกายผ่านเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ

“เสี่ยวหยุน นี่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเพื่อใช้ขัดเกลากระดูกเจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวขึ้น “เจ้าครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์ โทเทมราชสีห์สวรรค์ และร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำ หากกระดูกได้แปรเปลี่ยนเป็นกระดูกราชสีห์สวรรค์ เช่นนั้นจะถือว่าสมบูรณ์แบบ!”

“เมื่อใดเจ้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ระหว่างขั้นตอนการเบิกวิญญาณ เจ้าจะได้ผสานรวมกับจิตวิญญาณสัตว์ที่แกร่งกล้า เพื่อเสริมสร้างกระดูกวิญญาณ และทำให้ได้รับพลังของจิตวิญญาณสัตว์เหล่านั้น!”

กระนั้นตอนนี้ ฉินหยุนยังไปไม่ถึงขั้นตอนการเบิกวิญญาณ

เขาได้แต่ต้องเก็บจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์เอาไว้เป็นการชั่วคราวในแก่นเต๋าตะวันทมิฬ

“ตราบเท่าที่สำเร็จการเบิกวิญญาณ เมื่อนั้นก็เท่ากับผสานรวมจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์ระหว่างการควบแน่นกระดูกวิญญาณได้!”

ฉินหยุนแทบไม่อาจอดทนรอที่จะสกัดเม็ดยาลึกล้ำกระดูกวิญญาณเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าเขายังมีสมุนไพรไม่เพียงพอ

ที่เขาไม่คาดคิด ก็คือค่ายอาคมของคฤหาสน์เซียนราชสีห์สวรรค์ได้เลือนหายไปแล้ว

ผู้คนภายนอกที่รับรู้ถึงได้ ต่างเร่งรีบเข้ามาภายใน

สถานที่แรกซึ่งพวกเขาเร่งรีบมา ก็คือตัวบ้านหลังใหญ่

ทันทีเมื่อเข้ามาถึง พวกเขาได้เห็นก็แต่ความว่างเปล่า ผนังทั้งสี่ด้าน มีแต่จิตรกรรมแกะสลักอันเหนือล้ำก็เท่านั้น

และที่ตรงกลาง ก็มีแต่ฉินหยุนที่ยืนอยู่

“ชายไว้หนวด เจ้าถึงขั้นยกเค้าจนหมดสิ้นไม่หลงเหลือสิ่งใด!” คนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยความกราดเกรี้ยว “ส่งสิ่งของเหล่านั้นมา!”

“ข้าไม่ได้รับอันใดด้วยซ้ำ และเป็นข้าไม่มีอุปกรณ์มิติเก็บของในกาย! ข้าเพียงไปสัมผัสกลไกจนทำให้ค่ายอาคมปิดตัวลง!”

ฉินหยุนกลายเป็นรู้สึกปวดหัว เขากำลังคิดหาทางหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้

ชายวัยกลางคนเร่งรีบก้าวเดินเข้ามา “ข้าคือศิษย์หลักของนครเซียนยุทธ์ภัณฑ์ เก๋อหมิงเจียง!”

“เจ้าจงวางใจ ข้าจะคุ้มกันเจ้าให้เอง! ไม่ว่าเจ้าจะได้รับอันใดมาหรือไม่ นครเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเราจะไม่บังคับให้เจ้าส่งมอบสิ่งใดออกมา!”

“นครเซียนยุทธภัณฑ์ช่างวิเศษนัก! ฮ่าฮ่าฮ่า บางทีภายหลังกลับไปแล้ว คงจับเขาทรมานบีบบังคับให้ส่งมอบสมบัติออกมาเสียกระมัง!” คนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงนึกรังเกียจ

เก๋อหมิงเจียงไม่คิดโกรธ เขาเพียงตอบกลับอย่างสงบ “นครเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเรา หาได้ชั่วร้ายเช่นนั้นไม่!”

“ข้าหาได้มีอันใดไม่! หากไม่เชื่อ เช่นนั้นข้ายินดีให้ค้นตัว!” ฉินหยุนเพียงได้รับจิตวิญญาณราชสีห์สวรรค์

“นี่เป็นเจ้าพูดเอง! เก๋อหมิงเจียง จงถอยมา!” ชายหนุ่มคนหนึ่งเร่งรีบเดินเข้ามา นำเอาชิ้นหยกออกมาอันหนึ่ง เคลื่อนมันเดินไปวนรอบตัวฉินหยุน

จากนั้นค่อยมีอีกหลายคน ใช้วิธีการของตนเองตรวจสอบร่างกายของฉินหยุน

หากฉินหยุนครอบครองอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของที่เป็นรูปธรรม ย่อมต้องถูกพบเห็น

ชายวัยกลางคนจากหุบเขาเซียนโอสถที่สิ้นชีวิตไปภายนอก ก็ได้ตรวจสอบฉินหยุนแล้วเช่นกัน เป็นเขาไม่พบว่าอีกฝ่ายมีอุปกรณ์เก็บของในร่าง

ผ่านการตรวจสอบไปหลายครั้ง ผู้คนก็ยังไม่พบสิ่งใดจากฉินหยุน

“เป็นดังที่เขากล่าว!” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วมุ่น

พวกเขาล้วนได้เห็น ว่าเมื่อครู่นี้ ฉินหยุนได้เข้ามาในบ้านหลังใหญ่ หากมีสิ่งของในบ้านหลังใหญ่จริง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยกเค้าจนหมดเกลี้ยงเพียงนี้

“ทุกท่าน ดูเหมือนยังมีบ้านหลังใหญ่แห่งอื่นในคฤหาสน์แห่งนี้คงอยู่อีก เหตุใดไม่เร่งรีบไปตรวจสอบพวกมันกันเล่า?” ฉินหยุนพลันเผยเสียงดังขึ้น

“จริงด้วย รีบไปเร็วเข้า!” คนหนึ่งร้องโพล่งออก จากนั้นค่อยเร่งรีบไปยังบ้านหลังใหญ่ที่เหลือ

ผู้คนต่างไม่ยอมยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พวกเขาจึงเร่งรีบไปยังบ้านหลังอื่นโดยทันที

กระทั่งคนของหุบเขาเซียนโอสถยังไม่คิดหาความถึงเรื่องที่ชายวัยกลางคนถูกฉินหยุนสังหาร พวกเขาเพียงเร่งรีบไปยังบ้านหลังอื่น

ออกไปเพียงไม่นาน คนหนึ่งจึงเผยเสียงตะโกนดัง “กระดูกสัตว์! ข้าได้กระดูกสัตว์แล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ภายในบริเวณคฤหาสน์ ยังมีบ้านหินหลังใหญ่อีกหลายหลัง รวมกันแล้วสมควรมีเกินกว่าสิบ พวกมันเปรียบดังคลังเก็บของขนาดใหญ่

หลังจากที่มีคนพบเจอกระดูกสัตว์ ผู้คนต่างยิ่งหิวกระหาย เปิดประตูบ้านหินหลังใหญ่เหล่านั้นกันจ้าละหวั่น

ในบ้านหินแทบทุกหลัง มันจะมีกระดูกสัตว์สวรรค์คงอยู่

เพราะเหตุนี้ การต่อสู้แย่งชิงรุนแรงจึงบังเกิดขึ้น!

เดิมพวกเขาตกลงกันว่าเมื่อเข้ามาแล้ว จะไม่มีการต่อสู้กันเอง กระนั้นเวลานี้หาได้มีผู้ใดสนใจอีกไม่

บรรดาผู้ที่ต่อสู้กัน เป็นถึงศิษย์ของห้าสำนักดวงดาวและห้าสำนักเซียน

ฉินหยุนไม่คิดเคลื่อนไหว ขณะทุกคนต่อสู้ เขาเพียงใช้พลังจิตเงียบงันเข้าไปฉกชิงเอากระดูกมาจำนวนหนึ่ง

เขายังตามติดเก๋อหมิงเจียง เข้าไปสำรวจในบ้านหินหลังอื่น

เก๋อหมิงเจียงแข็งแกร่ง เขานำกลุ่มศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์ เข้าไปฉกชิงเอากระดูกสัตว์สวรรค์จำนวนหนึ่งออกมาได้

ถึงตอนนี้ เก๋อหมิงเจียงกำลังเข้าไปภายในคลังขนาดใหญ่ เป็นเขาได้รับแก่นผลึกสัตว์สวรรค์!

ศิษย์หลายคนของหุบเขาเซียนโอสถพบเห็น พวกเขาเร่งรีบทะยานร่างเข้ามา

“เก๋อหมิงเจียง ส่งของที่เจ้าได้รับมาเสีย!” ชายหนุ่มคนหนึ่งเผยเสียงดังพร้อมจิตสังหารรุนแรง แสดงออกถึงความคุกคามอย่างเด่นชัด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด