ตอนที่แล้ว8 ซ่อมคริสตัลโพรเซสเซอร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป10 ถูกผีสิง

9 ปลาเค็มและรองเท้า


9 ปลาเค็มและรองเท้า

เวลาเลิกเรียนของโรงเรียน ถือเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายอย่างหาได้ยาก ตลอดทางเดินที่เต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ที่ปลิวไสวตามแรงลม เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุย ยานบินลำหรูหลายลำของเหล่าผู้ปกครองได้ลดระดับลงจอด เพื่อรับบุตรหลานของพวกเขา และมีนักเรียนอีกมากมายที่คล้ายกับหลี่เย้า ที่ต้องลากสังขารตัวเองเดินออกไปจากโรงเรียน

เพียงเมื่อหลี่เย้ากำลังจะเดินออกไปจากประตูโรงเรียน เขาก็รู้สึกได้ถึงการบีบรัดร่างกายของเขา เงาร่างสูงใหญ่ได้เดินมาขวางทางเดินของเขาเอาไว้ “นายคือหลี่เย้าใช่ไหม? นายคือคนที่อยู่กับซือเจียเสวี่ยเมื่อกี้ใช่ไหม?”

ม่านตาของหลี่เย้าหดเล็กลง เขารู้สึกราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงไปทั่วทั้งร่างกายของเขา หัวใจของเขาเต้นถี่รัว ความรู้สึกเย็นยะเยือกกระจายลงไปตามมไขสันหลังของเขาและพุ่งขึ้นสู่กะโหลก แรงกดดันจากคนตรงหน้านั้นรุนแรงจนเกินไป เขาเป็นเหมือนกับงูพิษร้ายที่จับจ้องหนู หลี่เย้านั้นไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว แม้แต่การกลืนน้ำลายก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นสำหรับเขามาก

“นั่นมันเฮ่อเหลียนเลี่ย! ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวที่สอง เฮ่อเหลียนเลี่ย! คราวนี้ฉันตายแน่!” หลี่เย้ากรีดร้องอยู่ภายในใจ เขาอยากที่จะอธิบายออกไป แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกไปได้แม้แต่ครึ่งคำ

เฮ่อเหลียนเลี่ยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีไม่ยินดียินร้ายอะไร มีหน้าจอโฮโลแกรมฉายออกมาจากคริสตัลโพรเซสเซอร์ที่ติดอยู่ในมือขวาของเขา และเขาก็มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการคิดคำนวนข้อสอบที่ฉายอยู่ตรงหน้า และแทบจะไม่ได้มองตรงไปที่หลี่เย้าเลยด้วยซ้ำ เขาพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีความจำเป็นที่นายต้องกลัว ฉันรู้อยู่แล้ว ว่าขยะอย่างนายไม่มีทางที่จะมีความสัมพันธ์อะไรกับเสี่ยวเสวี่ยหรอก ครั้งนี้ฉันจะลืมมันไป และฉันก็ไม่คิดว่ามันมีความจำเป็นอะไรที่ฉันจะต้องมาจัดการกับนายด้วย”

เขาพิมพ์นิ้วลงไปที่หน้าจอโฮโลแกรมเบาๆ เพื่อไปยังคำถามต่อไป แล้วพูดต่อ “แต่ถึงยังไง ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญของช่วง”ก่อนสอบ 100 วัน“เสี่ยวเสวี่ยแล้วก็ฉันคือคนที่จะกลายเป็นอันดับหนึ่งจากผู้เข้าสอบของเมืองฝูเกอ ฉันหวังว่าในระหว่างนี้ จะไม่มีขยะที่ไหนมารบกวนเสี่ยวเสวี่ย หรือพยายามเข้าหาเธอ นายเข้าใจรึยัง?”

หลี่เย้าหรี่ตาและกัดฟันแน่น “นายว่าฉันเป็นขยะเหรอ?”

เฮ่อเหลียนเลี่ยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาดู และพูดออกมาอย่างไม่แยแส “อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้เล็งเป้าหมายไปที่นายหรอก ในสายตาของฉัน นายมันก็เหมือนกับพวกคลาสสามัญทุกคนนั่นแหละ ที่ทุกๆคนก็เป็นได้แค่ขยะ!”

หลังจากที่เขาพูดจบ ในที่สุดเขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมา แล้วเหลือบขึ้นมาดูหลี่เย้า

เพียงแค่การเหลือบมองแค่เล็กน้อยของเขา ก็ทำให้หลี่เย้ารู้สึกราวกับถูกค้อนฟาดไปที่ท้องของเขาอย่างแรง เขาถอยหลังไปสองก้าวและไอออกมาอย่างรุนแรง

เฮ่อเหลียนเลี่ยส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา แล้วหมุนตัวจากไป พร้อมกับใบหน้าที่แสดงความเหยียดหยามออกมา

หลี่เย้างอตัวและไอออกมาราวกับกุ้ง และมีน้ำตาซึมออกมาด้วยเล็กน้อย เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก เขาก็ค่อยๆกลับมายืนตรงได้ เขาหายใจหอบและจ้องไปยังทิศทางที่เฮ่อเหลียนเลี่ยได้เดินจากไป

“เชี่*ยเอ้ย!”

“อย่าบอกฉันนะว่าทุกวันนี้ จำเป็นจะต้องตัวสูงใหญ่, กล้าหาญและมีอำนาจ, ต้องหน้าตาดีและแต่งตัวดี, ต้องมั่นใจ, ต้องมีคิ้วบางและตาที่เป็นประกาย, ต้องเกิดบนกองเงินกองทองและมีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้าน, ต้องมีพรสวรรค์ในการฝึกตนและแข็งแกร่ง เท่านั้น ถึงจะสามารถทำตัวหยิ่งยโสได้น่ะ?”

......

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

“ลักกี้ ลักกี้ ครั้งนี้ฉันโชคดีมากจริงๆ ที่ฉันได้มาซ่อมคริสตัลโพรเซสเซอร์ของซือเจียเสวี่ย แล้วกลายเป็นฉันไปหาเรื่องเฮ่อเหลียนเลี่ยเข้า! ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันจะขึ้นราคา อย่างน้อยก็ต้อง 200,000 เหรียญ ถึงจะคุ้มกับที่ฉันต้องโดน!”

“แล้วเจ้าเฮ่อเหลียนเลี่ย ไอ้ลูกหมานั่น ก็เพราะมีอำนาจเงินทอง ได้กินของล้ำค่าและสมบัติวิเศษอย่างกับกินข้าว ดื่มยาเสริมกำลังอย่างกับดื่มน้ำเปล่า ทั้งยังได้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเพิ่มพลังจิตให้ ได้ปรมาจารย์ช่วยเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกาย ถึงได้มีพัฒนาการรากวิญญาณถึง 70% ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้! ขยะงั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่ขยะสักหน่อย! มันจะต้องมีสักวันหนึ่ง วันที่ฉันจะกลายมาเป็นผู้สร้างอาร์ติเฟ็กซ์ระดับมาสเตอร์ แล้วฉันจะจัดการนายให้เหมือนกับหัวหมู แล้วยัดนายลงไปในถังขยะ!”

เด็กหนุ่มเดินไปตามทางเดินเพื่อกลับบ้านเพียงลำพัง สีหน้าของเขาคล้ายกับปีศาจที่โกรธเกรี้ยวและเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อเขาบังเอิญเหยียบใส่ก้อนหินก้อนเล็กๆก้อนหนึ่ง เขาก็เตะมันออกไปจนเต็มแรง

การปรากฏตัวของเฮ่อเหลียนเลี่ย ทำให้เขาเข้าใจถึงระยะห่างระหว่างเขากับอัจฉริยะ และชัดเจนแล้วว่า ระยะห่างนั้นกว้างใหญ่มาก มันทำให้เขาได้เข้าใจถึงโอกาสที่เขาจะประสบความสำเร็จในการ “สอบเข้า 9 มหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อก้าวไปสู่เส้นทางของผู้ฝึกตน และกลายเป็นผู้สร้างอาร์ติเฟ็กซ์ระดับมาสเตอร์” นั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรแน่นอนเลย

ภาพเหตุการณ์ที่เขาเห็นครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ได้ปรากฏขึ้นมาราวกับเป็นภาพยนต์เรื่องหนึ่ง

มีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีแดง พร้อมกับยกคิ้วขึ้นสูงและเบิกตากว้าง เขาพูดออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “ถ้าชีวิตของเราไม่มีความฝัน แล้วเราจะไปต่างจากปลาเค็มตรงไหน!?”

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ภาพเหตุการณ์นี้คือแรงกระตุ้นหลี่เย้า มันช่วยให้เขามีความกล้าที่จะฝันและไม่หวาดกลัวที่จะลงมือทำ

เมื่อเขาหวนคิดถึงภาพความฝันนั้นจนจบ และสิ่งที่คนอื่นๆตอบกลับชายหนุ่มที่สวมเสื้อสีแดง หลังจากที่เขาพูดจบก็คือ

“แม้แต่รองเท้านายยังไม่มี งั้นนายไม่ใช่กลายเป็นปลาเค็มไปแล้วเหรอ?”

หลี่เย้ายืนนิ่ง และเหม่อมองเท้าของตัวเอง

รองเท้าที่เขากำลังสวมใส่อยู่ก็คือ รองเท้าออกกำลังกายที่เก็บมาได้จากกองขยะ และปกติเขาก็มักจะฝึกฝนร่างกายตัวเองอย่างหนัก ดังนั้น สภาพรองเท้าของเขาจึงพังไปนานแล้ว ไม่เพียงแค่มันจะพังเท่านั้น แต่มันยังมีรูอยู่ที่รองเท้าข้างซ้าย จนทำให้เห็นนิ้วหัวแม่โป้งที่สกปรกโผล่ออกมาด้วย

เขาคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่ได้เห็นรองเท้าที่เฮ่อเหลียนเลี่ยสวมใส่อยู่ มันเป็นรองเท้าสำหรับใส่ฝึนตนรุ่นใหม่ล่าสุด “ซุปเปอร์สตาร์ จี-9” พวกมันเป็นรองเท้าทำมือ และใช้หนังสัตว์อสูรที่มีความยืดหยุ่นและทนทานสูง และถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ

พื้นรองเท้านั้นทำขึ้นมาเป็นสองชั้น และลมที่อัดเอาไว้ตรงกลางเป็นลมที่ปล่อยออกมาจากปลาปีศาจที่อยู่ในน่านน้ำลึก ไม่เพียงแค่มันจะช่วยเพิ่มแรงกระโดดเท่านั้น แต่มันยังป้องกันแรงกระแทกได้ด้วย และราคาของรองเท้าคู่นี้คู่เดียวก็สูงถึงหลายหมื่นเหรียญแล้ว!

ในสงครามการสอบที่ดุเดือดและมีเพียงหนึ่งเท่านั้นที่จะได้เป็นราชา มีนักเรียนอีกนับไม่ถ้วนที่ครอบครัวมีฐานะและอำนาจไม่ต่างไปจากเฮ่อเหลียนเลี่ย และพวกเขาต่างก็ใส่รองเท้าซุปเปอร์สตาร์ จี-9 และใช้สอยทรัพยากรอีกเป็นจำนวนมาก!

สำหรับเขา เด็กจนๆที่ไม่มีอะไรดีอย่างเขา จะสามารถไปสู้รบในสมรภูมิเลือด และก้าวข้ามคนเหล่านั้นไปได้ยังไง? เขาจะทำฝันให้เป็นจริงได้อย่างไร?

หัวใจของหลี่เย้ารู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้ และการก้าวเดินของเขาก็ดูหนักขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางเดินข้างหน้าดูเหมือนจะไกล—ไกลมาก

มืดมืดโรยตัวลงมาและแสงไฟสาดส่อง แล้วเขาก็เดินมาถึงถนนสายหลัก

เหนือสะพานคริสตัลขนาดใหญ่ขึ้นไป หากเขาเดินข้ามรถไฟคริสตัลความเร็วสูง และเดินผ่านท่อระบายน้ำที่อยู่ใต้สะพานไป เขาก็จะพบกับหมู่บ้านเจ้าหยางซุนที่เขาอาศัยอยู่

ที่นี่คือเขตชานเมือง มันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และมีผู้คนผ่านไปผ่านมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในตอนที่หลี่เย้ากำลังจะเดินผ่านไปทางท่อระบายน้ำ เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังเสียดแทงเข้ามาในหูของเขา ทั้งหมดที่เขาเห็นมีเพียงแสงสว่างวาบ และรถไฟคริสตัลความเร็วสูงที่กำลังขับผ่านสะพานไป

อยู่ๆหลี่เย้าก็นิ่งงันไป และขยี้ตาของเขา แล้วมองไปที่สะพาน

ในแสงสว่างที่วาบผ่านไปเมื่อครู่นั้น เขาได้เห็นภาพๆหนึ่ง มันเป็นภาพของคนที่กำลังยืนอยู่บนเส้นทางรถไฟ!

นี่คือเส้นทางเดินรถไฟคริสตัลความเร็วสูง!

“รถไฟคริสตัลความเร็วสูง” เป็นหนึ่งใน10 ของอาร์ติเฟ็กซ์มีขนาดใหญ่มหึมาที่สุดของสหพันธรัฐ และถือเป็น “สมบัติของชาติ” มันสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ แต่ละตู้ของรถไฟคริสตัลความเร็วสูง ยังถูกสร้างขึ้นมาจากอาร์ติเฟ็กซ์ชั้นยอดของทางกองทัพ เพื่อใช้ป้องกันการโจมตีของสัตว์อสูร ความสามารถในการทำลายล้างจากความเร็วสูงของมัน ที่แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงก็ยังไม่สามารถต้านทานได้!

เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น เส้นทางสำหรับรถไฟคริสตัลความเร็วสูง จึงถูกติดตั้งให้สูงเหนือพื้นดินหลายสิบเมตร และยังมีการปิดล้อมทุกทาง แล้วคนบ้าที่ไหนถึงไปยืนอยู่ตรงนั้นได้?

ใช่แล้ว หลี่เย้าเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า มีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่บนเส้นทางเดินรถไฟจริงๆ

ชายชราคนนี้อยู่แปลกประหลาด เขาค่อนข้างชราและมีผมหงอกอยู่ทั่วทั้งศีรษะ และท่าทางของเขาคล้ายกับคนโบราณที่ดูไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาดูเหมือนกับคนที่ไม่ได้อยู่บนโลกมานานหลายหมื่นปี และหลี่เย้าเคยเห็นภาพแบบเขาครั้งหนึ่งที่ในพิพิธภัณฑ์

แต่ทั่วทั้งร่างของเขากลับปล่อยชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นออกมา ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ห่างไกลกันเป็นร้อยเมตรก็ตาม มันทำให้หลี่เย้าได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงจนหน้ากลัว

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

มันรุนแรงราวกับมีค้อนทุบแผ่นเหล็กซ้ำๆอยู่อย่างนั้น!

อากาศรอบๆตัวชายชรานั้นราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ เมื่อนำเฮ่อเหลียนเลี่ยมาเทียบกับชายชราแล้ว เฮ่อเหลียนเลี่ยก็ดูเล็กจ้อย ความต่างระหว่างพวกเขานั้นกว้างใหญ่เหมือนแสงตะวันและแสงของหิ่งห้อย หลี่เย้ายังมั่นใจมากว่า เมื่อเทียบกับพลังชองเฮ่อเหลียนเลี่ยแล้ว ชายชรานั้นมีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้รอบกายของชายชราจะปล่อยพลังงานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หลี่เย้าก็รู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น!

ชายชราได้สวมผ้าคลุมที่ดูเรียบง่ายและทำมาจากผ้าเนื้อหยาบเท่านั้น มันให้ความรู้สึกราวกับว่า เขาได้ก้าวออกมาจากโลกของผู้ฝึกตนเมื่อ 40,000 ปีที่แล้ว!

“เฮ้---” มันเป็นช่วงเวลาที่อันตราย หลี่เย้าไม่อาจมองข้ามเหตุการณ์นี้ไปได้ ไม่ว่าชายชราจะเป็นคนบ้าหรือจิตวิปริตก็ตาม เขามองเห็นรถไฟกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกช้ชายชราด้วยความเร็วสูงสุด หลี่เย้าชูไม่ชูมือ พร้อมกับตะโกนออกไป

ชายชราทำเป็นไม่ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของหลี่เย้า และยังคงสำรวจแสงสว่างที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ที่ตรงหน้าเขา

มันกลายเป็นว่า เขานั้นให้ความสนใจกับทุกสิ่งรอบตัวไปจนหมดสิ้น โดยเฉพาะรางรถไฟที่พาดผ่านบนสะพาน และรถไฟคริสตัลความเร็วสูงที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องใกล้เข้ามา ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือสีหน้าที่แสดงออกมาของเขา มันเป็นสีหน้าของเด็กที่มีความคิดซุกซน และพบเจอกับของเล่นใหม่

ในวินาทีต่อมา--

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด